ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "พุทโธ โลเก อุปปันโน" พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก !!!  (อ่าน 9325 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

อาราม นิวส์ FACEBOOK

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 133
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
เมื่อกล่าวคำว่า "พุทโธ" หรือ "พุทธานุสสติ" แล้วท่านนึกถึงอะไร !!!
(ธัมมวิจย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2014, 03:53:44 pm โดย อาราม นิวส์ »
บันทึกการเข้า
.              ร่วมรณรงค์ รักษาศาสนา ไม่ส่งต่อ ข่าวเสีย พระสงฆ์ไทย   
                                     คงไว้ แต่ข่าวดี ๆ
ติดตาม ข่าวสารดี ๆ ของพระสงฆ์ไทย ได้ที่ "อาราม นิวส์" ข่าวพระ ได้ทางเฟสบุ๊ค

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมขออนุญาตตอบอย่างผู้ไม่รู้ เพราะยังโง่อยู่ ยังไม่ได้ปฏิบัติ ยังไม่รู้เห็นตามจริง ในแนวทางปฏิบัติของผมดังนี้ครับ

๑.ระลึกถึงคุณแห่งความเป็นผู้ไกลจากกิเลส คือ ดับแล้วซึ่ง กาม ราคะ (โลภะ) โทสะ โมหะ ความพอใจยินดีและไม่พอใจยินดีทั้งหลาย น้อมระลึกเอาคุณนั้นเพื่อปหานกิเลสทุกข์ในตน เพื่อความสงบว่างอันสลัดจากกิเลสทั้งปวงที่มีในตน

๒. ระลึกถึงคุณแห่งการตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เองของพระพุทธเจ้า น้อมระลึกพิจารณาถึงธรรมเหล่าใดที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จนเห็นถึงความเป็นเครื่องออกจากทุกข์ตามจริง ทำให้เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เรียกว่า ศรัทธาการตรัสรู้ของพรพุทธเจ้า เป็นเหตุใกล้ให้จิตมีเจตนาตั้งมั่นและความเพียรประพฤติตามอยู่เพื่อปหานกิเลสทุกข์ ดั่งพระพุทธเจ้านั้นเพียรอดทนปฏิบัติเพื่อความตรัสรู้ชอบนั้น

๓. ระลึกถึงคุณแห่งความประกอบด้วยวิชชาและจรณะของพระพุทธเจ้า เพื่อความน้อมนำเอาคุณนั้นทำให้เราได้เพียรปฏิบัติถึงในจรณะ ๑๕ ได้โดยง่ายและถึงซึ่งวิชชาและจรณะอันบริบูรณ์ อันเป็นเหตุให้เข้าถึง อิทธิบาท ๔

๔. ระลึกถึงคุณแห่งความเสด็จไปแล้วด้วยดี คือ ไปที่ใดย่อมเกิดธรรมกุศลอันงามและช่วยให้คนออกจากทุกข์ได้ในที่นั้น แล้วน้อมนำเอาคุณนั้นว่าพระพุทธเจ้าเสด็จมาสู่ตนแล้วคือเราได้รู้เห็นธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแล้ว ย่อมเกิดแต่สิ่งอันดีงามปราศจากกิเลสทุกข์ขึ้นแก่เรา

๕. ระลึกถึงคุณแห่งความรู้โลกอย่างแจ่มแจ้งของพระพุทธเจ้า โดยน้อมนำเอาคุณนั้นแผ่บารมีให้เราเห็นแจ้งโลกตาม คือ เห็นความเกิดขึ้น ความปรุงแต่ง ความตั้งอยู่ ความเสื่อม และ ดับไปตามจริงในสิ่งทั้งปวงทั่รับรู้ได้ทางสฬายตนะ คือ รูปธรรม นามธรรมทั้งหลาย

๖  ระลึกถึงคุณแห่งการเป็นครูผู้จะแนกธรรมสั่งสอนมนุษย์ เทวดา มาร พรหม และ สัตว์โลกทั้งหลายให้เห็นทางออกจากทุกข์ ทำให้เราได้เลือกเฟ้นธรรมขึ้นมาพิจารณาปฏิบัติตามที่พระพุทธเจ้าจำแนกธรรมสั่งสอนไว้ได้ถูกตามที่จริตของตนต้องการ เพื่อถึงความออกจากทุกข์ ทั้งขั้นต้น ท่ามกลาง และ ที่สุดดังนี้ครับ

แรกๆเมื่อระลึกใหม่ก็คงสับสนและใชเวลาบ้าง เมื่อระลึกแลปฏิบัติเป็นประจำแล้วแค่เพียงระลึกถึงถ้อยคำบทสวดบาลีเพียงท่อนเดียว หรือ แค่บริกรรมว่า "พุทโธ" จิตก็จะน้อมระลึกพิจารณาไปเองโดยอัตโนมัติ
ทั้ง ๖ ข้อมี ศรัทธา เป็นใหญ่ตามด้วย โยนิโสมนสิการ พรหมวิหาร ๔ ศีล สติ สัมปชัญญะ สมาธิ เป็นหลัก
ผู้ระลึกอยู่อย่างนี้ ย่อมมีศรัทธาเพียรปหานกิเลส มีความคิดพิจารณาน้อมนำธรรมทั้งหลายมาวิเคราะห์ มีเมตตาจิตเกิดขึ้นปารถนาดีและความสงเคราะห์คลุมศีลข้อควรละเว้นเพื่อความเป็นปกติให้ตนถึงซึ่งความพ้นกิเลสที่มีในตนแลผู้อื่น มีความระลึกรู้ตามทัน กาย วาจา ใจ มีความรู้ตัวตลอดเวลาที่ระลึกอยู่ จนถึงมีจิตตั้งมั่นอันสลัดจากกิเลสทุกข์ทั้งปวงจนทำให้เห็นแห้งตามจริงในสภาพธรรมทั้งปวงดังนี้
อานิสงส์การปฏิบัติมีมากกว่าความสลัดจากนิวรณ์ กาม ราคะ โลภะ โทสะ โมหะ และ จิตตั้งมั่น ดังนี้แล

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 15, 2014, 09:19:53 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นึกถึง นิพพาน

   :25:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การสิ้นสุด แห่งทุกข์ และการไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิด ของตนเอง


 :49:

 
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เมื่อกล่าวคำว่า "พุทโธ" หรือ "พุทธานุสสติ" แล้วท่านนึกถึงอะไร !!!

เวลาที่มีคนมาตอบแล้ว คนที่ตั้งคำถาม ควรมากล่าว คำอนุโมทนา ที่เขามาตอบ หรือ มาต่อหัวข้อธรรม ให้มันชัดเจน เพื่อไม่ให้ห้องธรรมะ ที่นี่เป็นห้องลองภูมิ แต่เป็นห้องส่งเสริมกัลยาณมิตร ในการภาวนา

  :s_hi:
บันทึกการเข้า

อาราม นิวส์ FACEBOOK

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 133
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 :25:กับคุณ Admax ที่สามารถแตกจำแนกแจกแจง ได้มากถึงขนาดนี้ แสดงให้เห็นถึง คำว่า พุทโธ สำหรับคุณว่า คืออะไร เช่นนี้ แล้วไซร้ เมื่อ เพียงนึก หรือ ได้ยินใครกล่าว หรือ ได้เห็นองค์พระพุทธรูปแล้วไซร้ จึงเกิดปิติโสมนัส ราวอย่าง กับ สุภาษิตนี้ว่า

พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส     กาเย ภวติ ยา ปีติ
วรเมว หิ สา ปีติ          กสิเณนาปิ ชมฺพุทีปสฺส
                                                                                               
ความปิติโสมนัสที่เกิดในกายของบุคคลผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป st11
แล้วสำหรับท่านทั้งหลายละ (ไม่มีผิด ไม่มีถูก เป็นคำถามเปิด เป็นธัมมวิจย อยู่ที่ท่าน จะสามารถ อธิบายได้ขนาดไหน)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2014, 11:31:14 pm โดย อาราม นิวส์ »
บันทึกการเข้า
.              ร่วมรณรงค์ รักษาศาสนา ไม่ส่งต่อ ข่าวเสีย พระสงฆ์ไทย   
                                     คงไว้ แต่ข่าวดี ๆ
ติดตาม ข่าวสารดี ๆ ของพระสงฆ์ไทย ได้ที่ "อาราม นิวส์" ข่าวพระ ได้ทางเฟสบุ๊ค

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พระพุทธเจ้า
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สัตถา เทวมนุสสานัง พุทโธ ภควาติ.

ในบทพุทธคุณ 9 ผมชอบบทนี้เป็นที่สุด...ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2014, 12:11:00 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

อาราม นิวส์ FACEBOOK

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 133
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
“กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโทฯ”  ความเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าเป็นการยาก
เพราะเหตุไร ?  เพราะกว่าจะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นได้สักองค์หนึ่งนั้น จักต้องประกอบคุณความดีอย่างยิ่งยวด เป็นบารมี ได้แก่ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมม์บารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี จนแก่กล้าถึงอุปบารมี และปรมัตถบารมี เต็มส่วนทั้ง 10 ประการแล้ว จึงเป็นพลวะปัจจัยให้สามารถบำเพ็ญสมณธรรมเป็นพระพุทธเจ้าได้สำเร็จ  ดังตัวอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโคดมพระองค์นี้ ก่อนแต่จะตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้านั้น ทรงเป็น “พระปัญญาธิกโพธิสัตว์” ผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยพระปัญญาอันกล้าแข็ง ปรากฏตามคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ รจนาโดยท่านพระรัตนปัญญาเถระ แปลโดย ศ.ร.ต.ท.แสง  มนวิทูร (เปรียญ) จัดพิมพ์โดยกรมการศาสนา พ.ศ.2517 หน้า 8 มีใจความว่า

“พระโพธิสัตว์เจ้าของเรานี้ ได้ทรงทำความปรารถนาเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระทัย มีระยะกาลตั้งแต่ ศาสนาพระพรหมเทวะ จนถึงศาสนาพระตถาคตศากยมุนีองค์ก่อน แล้ว 7 อสงไขย ได้ทรงกระทำความปรารถนาด้วยพระวาจา ตั้งแต่พระตถาคตศากยมุนีองค์ก่อน ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีปังกรอีก 9 อสงไขย แล้วจึงได้ทรงกระทำความปรารถนาทั้งด้วยพระวรกายและพระวาจา อีก 4 อสงไขยแสนกัป ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทีปังกร จนถึงพระพุทธเจ้ากัสสปะ ได้ผ่านพบและได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ถึง 24 พระองค์ จึงได้สำเร็จเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ 2591 ปีที่ล่วงมานี้”

ความบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ๆ เป็นการยากอย่างนี้ และนี้ว่าแต่เฉพาะการบำเพ็ญบารมีของพระปัญญาธิกโพธิสัตว์ ซึ่งมีระยะเวลาการบำเพ็ญบารมีในช่วงสุดท้าย 4 อสงไขย แสนกัป ส่วนการบำเพ็ญบารมีของพระสัทธาธิกโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยศรัทธากล้าแข็ง และด้วยปัญญาปานกลาง มีระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีทั้งกายและใจ ในช่วงสุดท้ายนี้ ถึง 8 อสงไขย แสนกัป พระวิริยาธิกโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยความเพียรกล้าแข็ง ด้วยศรัทธาและปัญญาปานกลาง มีระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีทั้งกายและใจ ในช่วงสุดท้ายนี้ถึง 16 อสงไขย แสนกัป อย่างเช่นพระเมตไตรยโพธิสัตว์ ก็เป็นพระวิริยาธิกโพธิสัตว์ ซึ่งมีระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีช่วงสุดท้ายนี้ 16 อสงไขย แสนกัป จึงจะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ต่อจากพุทธกาลของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดมนี้ ในช่วงสุดท้ายแห่งภัทรกัป คือ กัปอันเจริญนี้

จะเห็นได้ว่า กว่าจะมีพระพุทธเจ้าสักองค์หนึ่งเสด็จอุบัติขึ้นในโลกทั้งด้วยรูปกายอุบัติ และธรรมกายอุบัติ ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วจึงได้เสด็จออกแนะนำสั่งสอนโปรดสัตว์โลก ชี้ทางเจริญ ทางเสื่อมแห่งชีวิต ชี้ทางพ้นทุกข์และถึงมรรคผลนิพพานอันเป็นบรมสุขได้อย่างแท้จริง ด้วยพระมหากรุณาคุณอย่างนี้ เป็นการยากนัก

หนึ่งในธัมมวิจย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 26, 2014, 11:31:56 pm โดย อาราม นิวส์ »
บันทึกการเข้า
.              ร่วมรณรงค์ รักษาศาสนา ไม่ส่งต่อ ข่าวเสีย พระสงฆ์ไทย   
                                     คงไว้ แต่ข่าวดี ๆ
ติดตาม ข่าวสารดี ๆ ของพระสงฆ์ไทย ได้ที่ "อาราม นิวส์" ข่าวพระ ได้ทางเฟสบุ๊ค

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
“กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโทฯ”  ความเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าเป็นการยาก
เพราะเหตุไร ?  เพราะกว่าจะมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นได้สักองค์หนึ่งนั้น จักต้องประกอบคุณความดีอย่างยิ่งยวด เป็นบารมี ได้แก่ ทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมม์บารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี จนแก่กล้าถึงอุปบารมี และปรมัตถบารมี เต็มส่วนทั้ง 10 ประการแล้ว จึงเป็นพลวะปัจจัยให้สามารถบำเพ็ญสมณธรรมเป็นพระพุทธเจ้าได้สำเร็จ  ดังตัวอย่างสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระนามว่าโคดมพระองค์นี้ ก่อนแต่จะตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ได้บรรลุความเป็นพระพุทธเจ้านั้น ทรงเป็น “พระปัญญาธิกโพธิสัตว์” ผู้บำเพ็ญบารมีเพื่อบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยพระปัญญาอันกล้าแข็ง ปรากฏตามคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ รจนาโดยท่านพระรัตนปัญญาเถระ แปลโดย ศ.ร.ต.ท.แสง  มนวิทูร (เปรียญ) จัดพิมพ์โดยกรมการศาสนา พ.ศ.2517 หน้า 8 มีใจความว่า

“พระโพธิสัตว์เจ้าของเรานี้ ได้ทรงทำความปรารถนาเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยพระทัย มีระยะกาลตั้งแต่ ศาสนาพระพรหมเทวะ จนถึงศาสนาพระตถาคตศากยมุนีองค์ก่อน แล้ว 7 อสงไขย ได้ทรงกระทำความปรารถนาด้วยพระวาจา ตั้งแต่พระตถาคตศากยมุนีองค์ก่อน ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทีปังกรอีก 9 อสงไขย แล้วจึงได้ทรงกระทำความปรารถนาทั้งด้วยพระวรกายและพระวาจา อีก 4 อสงไขยแสนกัป ตั้งแต่พระพุทธเจ้าทีปังกร จนถึงพระพุทธเจ้ากัสสปะ ได้ผ่านพบและได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ถึง 24 พระองค์ จึงได้สำเร็จเป็นสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อ 2591 ปีที่ล่วงมานี้”

ความบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ๆ เป็นการยากอย่างนี้ และนี้ว่าแต่เฉพาะการบำเพ็ญบารมีของพระปัญญาธิกโพธิสัตว์ ซึ่งมีระยะเวลาการบำเพ็ญบารมีในช่วงสุดท้าย 4 อสงไขย แสนกัป ส่วนการบำเพ็ญบารมีของพระสัทธาธิกโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยศรัทธากล้าแข็ง และด้วยปัญญาปานกลาง มีระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีทั้งกายและใจ ในช่วงสุดท้ายนี้ ถึง 8 อสงไขย แสนกัป พระวิริยาธิกโพธิสัตว์ ผู้ปรารถนาบรรลุความเป็นพระพุทธเจ้าด้วยความเพียรกล้าแข็ง ด้วยศรัทธาและปัญญาปานกลาง มีระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีทั้งกายและใจ ในช่วงสุดท้ายนี้ถึง 16 อสงไขย แสนกัป อย่างเช่นพระเมตไตรยโพธิสัตว์ ก็เป็นพระวิริยาธิกโพธิสัตว์ ซึ่งมีระยะเวลาของการบำเพ็ญบารมีช่วงสุดท้ายนี้ 16 อสงไขย แสนกัป จึงจะได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า ต่อจากพุทธกาลของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโคดมนี้ ในช่วงสุดท้ายแห่งภัทรกัป คือ กัปอันเจริญนี้

จะเห็นได้ว่า กว่าจะมีพระพุทธเจ้าสักองค์หนึ่งเสด็จอุบัติขึ้นในโลกทั้งด้วยรูปกายอุบัติ และธรรมกายอุบัติ ได้ตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ แล้วจึงได้เสด็จออกแนะนำสั่งสอนโปรดสัตว์โลก ชี้ทางเจริญ ทางเสื่อมแห่งชีวิต ชี้ทางพ้นทุกข์และถึงมรรคผลนิพพานอันเป็นบรมสุขได้อย่างแท้จริง ด้วยพระมหากรุณาคุณอย่างนี้ เป็นการยากนัก

หนึ่งในธัมมวิจย


 :25:           st12           :25:           st12           :25:         
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 27, 2014, 03:34:17 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
"พุทโธ โลเก อุปปันโน" พระพุทธเจ้าเกิดขึ้นแล้วในโลก !!!
     
         วันหนึ่ง พระมหากัปปินราชา ทรงม้าชื่อสุปัตตะ แวดล้อมไปด้วยอำมาตย์ถึงหนึ่งพันคน  เสด็จไปพระราชอุทยาน   ทอดพระเนตรเห็นพวกพ่อค้าประมาณ 500 คนกำลังเดินทางเข้าสู่พระนครด้วยความอ่อนเพลีย  ทรงดำริว่า "ชนเหล่านี้ ลำบากในการเดินทางไกล  เราจักได้ฟังข่าวดีสักอย่าง จากพวกพ่อค้านี้เป็นแน่"  จึงรับสั่งให้เรียกพวกพ่อค้านั้นมา  แล้วตรัสถามว่า  "พวกท่านมาจากเมืองไหน ?"
                          พ่อค้า :  พวกข้าพระองค์  มาจากนครสาวัตถี  ห่างจาที่นี้ประมาณ 120 โยชน์ 
                                     พระเจ้าข้า
                      พระราชา  :  มีข่าวอะไรในเมืองของท่านบ้างไหม ?
                          พ่อค้า  :  ไม่มีข่าวอะไรอย่างอื่น  นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว 
                                       พระพุทธเจ้าข้า
        พระราชามีพระสรีระอันปีติมีวรรณ 5 ถูกต้องแล้ว  ในทันใดนั้นเอง  ไม่อาจเพื่อจะกำหนดอะไร ๆ ได้   ทรงยับยั้งอยู่ครู่หนึ่งแล้ว  ตรัสถามว่า  "พวกท่านกล่าวอะไรนะ ?"  พวกพ่อค้ากล่าวกราบทูลว่า  "พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว  พระพุทธเจ้าข้า"  แม้ครั้งที่ 2 แม้ครั้งที่ 3 พระราชาก็ทรงปีติอยู่อย่างนั้น แม้กระทั้ง ครั้งที่ 4 ก็ทรงตรัสถามอยู่อย่างนั้น  "พวกท่านกล่าวอะไรนะ ?"  พวกพ่อค้ากล่าวกราบทูลว่า  "พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว  พระพุทธเจ้าข้า"  แล้วตรัสถามว่ายังมีข่าวอะไรอื่นอีกไหม ? พวกพ่อค้ากราบทูลว่า "ยังมี  พระพุทธเจ้าข้า " พระธรรมได้อุบัติขึ้นแล้ว  พระสงฆ์ได้อุบัติขึ้นแล้ว  ทรงปีติอยู่ตลอดทั้ง 3 วาระ อยู่อย่างนั้นเหมือนกัน  แล้วทรงแลดูอำมาตย์ ทั้งพันคน และตรัสว่า  ท่านทั้งหลาย   พระพุทธเจ้าได้อุบัติขึ้นแล้ว  พระธรรมได้อุบัติขึ้นแล้ว  พระสงฆ์อุบัติขึ้นแล้ว  เราจักไม่กลับไป   เราจักอุทิศต่อพระศาสดา  บวชในสำนักของพระองค์  เหล่าอำมาตย์ทั้งหลาย  ก็กล่าวว่า "แม้ข้าพระองค์ทั้งหลาย  ก็จักบวชพร้อมด้วยพระองค์  พระเจ้าข้า"

จากเรื่องของ  พระมหากัปปินเถระ
บันทึกการเข้า

KIDSADA

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 439
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นพุทโธ ครับ

 :s_hi:
บันทึกการเข้า
เราชอบ ป่วนแก็งค์ อ๊บ อ๊บ

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
พุทธานุสสติ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: เมษายน 27, 2014, 01:20:05 pm »
0
ดังนี้  เห็นจริงดัง  ท่านธัมมะวังโส  ได้กล่าวไว้ว่า 
      ขอฝากท่านทั้งหลาย อย่าประมาท อย่าให้เสียชาติเกิด เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มิได้จะอุบัติขึ้นมาบ่อย ๆ นานมาก ตราบเฒ่านาน ตายกี่ชาติ พันชาติ หมื่นชาติ แสนชาติ ล้านชาติ โกฏิชาติ อสงไขยชาติ กว่าจะมีพระพุทธเจ้าสักพระองค์ เนิ่นนานมาก จริง ๆ
   
   จงภาวนากรรมฐาน ตามที่ครูอาจารย์ ได้สอนไว้เถิด

จากท่านพระอาจารย์ :  ธัมมะวังโส
จากกระทู้             :  ปฏิบัติธรรม อย่างไร ไม่เสียชาติเกิด
ที่                     :  http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13937.msg47292#msg47292
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2014, 03:46:56 pm โดย ปัญญสโก ภิกขุ »
บันทึกการเข้า

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส     กาเย ภวติ ยา ปีติ
วรเมว หิ สา ปีติ          กสิเณนาปิ ชมฺพุทีปสฺส

                                                                                               
ความปิติโสมนัสที่เกิดในกายของบุคคลผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป

แล้วความปีติโสมนัสที่เกิดขึ้นกายของท่าน  ได้เกิดขึ้นแล้วหรือยัง ?

คงจะพอยกตัวอย่าง ในเวลาที่เรา รับเสด็จในหลวง  แล้วกล่าวคำว่า "ทรงพระเจริญ" แล้วเกิดปีติ น้ำหูน้ำตาไหล อย่างนี้กระมัง เพียงแต่กับ พุทโธ (พระพุทธเจ้า) ให้มากกว่า ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
บันทึกการเข้า

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อิมินา  สักกาเรนะ  ตังพุทธัง  อะภิปูชะยามะ

อะระหัง  สัมมาสัมพุทโธ  ภะคะวา  พุทธัง  ภะคะวันตัง  อะภิวาเทมิ

พุทโธ  เม  นาโถ

นะโม  ตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม  ตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

นะโม  ตัสสะ  ภะคะวะโต  อะระหะโต  สัมมาสัมพุทธัสสะ

พุทธัง  สะระณัง  คัจฉามิ

พุทธัง  ชีวิตตัง  ยาวะนิพพานัง  สะระณัง  คัจฉามิ

กาเยนะ  วาจายะ  วะ  เจตะสา  วา

พุทเธ  กุกัมมัง  ปะกะตัง  มะยา  ยัง

พุทโธ  ปะฏิคคัณหะตุ  อัจจะยันตัง

กาลันตะเร  สังวะริตุง  วะ  พุทเธ

พุทโธ  โย  สัพพะปาณีณัง  สะระณัง  เขมะมุตตะมัง

ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง  วันทามิ  ตัง  สิเรนะหัง

พุทธัสสาหัสมิ  ทาโสวะ/ทาสีวะ  พุทโธ  เม  สามิกิสสะโร

พุทโธ  ทุกขัสสะ  ฆาตา  จะ  วิธาตา  จะ  หิตัสสะ  เม

พุทธัสสาหัง  นิยยาเทมิ  สะรีรัญชีวิตัญจิทัง

วันทันโตหัง/วันทันตีหัง  จะริสสามิ  พุทธัสเสวะ  สุโพธิตัง

นัตถิ  เม  สะระณัง  อัญญัง  พุทโธ  เม  สะระณัง  วะรัง

เอเตนะ  สัจจะวัชเชนะ  วัฑเฒยยัง  สัตถุสาสะเน
บันทึกการเข้า

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เมื่อกล่าวคำว่า "พุทโธ" ท่านนึกถึงอะไร !!!
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: เมษายน 27, 2014, 02:06:17 pm »
0
จงปล่อยสายธาร แห่งปีติ ให้หลั่งไหล เป็นพลัง
   จงน้อมใจสัทธา ตรงต่อ พุทธะ เถิด
   จงเปล่งวาจา ด้วยความผ่องใสว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้า ขอระลึกถึง พระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง เถิด
   จงตั้งฐานจิต นอมน้อม พุทโธ เข้าไปใส่ อัดแน่น ไว้เถิด
   
   เมื่อพระโยคาวจร ผู้ปรารถนา ตรงต่อพระนิพพาน ทำเช่นนี้ เขาย่อมผ่านอุปสรรค ปัญหา ต่าง ๆ เหล่านั้นได้ เพราะใจ ของพระโยคาวจร ผู้ปรารถนา ตรงต่อพระนิพพาน ย่อมสงบ ย่อมผ่องใส เมื่อสงบ และผ่องใส ย่อมเห็นธรรมอันเกิดขึ้นที่เฉพาะหน้า ในขณะนั้น ตามความเป็นจริง

คำกล่าวจากท่านพระอาจารย์ ธัมมะวังโส ที่ : เมื่อเริ่มก้าวเดิน ควรทิ้งปลิโพธ น้อมถวาย เพื่อพุทธะ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13864.msg47098#msg47098
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2014, 03:46:03 pm โดย ปัญญสโก ภิกขุ »
บันทึกการเข้า

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ควรรีบเติมเต็ม สัทธา ทันที
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: เมษายน 27, 2014, 02:16:19 pm »
0
สิ่งที่ท่านทั้งหลายต้องรีบเติมในทันที ก็คือ สัทธา ความเชื่อต่อการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ควรเปล่งเสียงอย่างผ่องใส่ ด้วยศรัทธาว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง และ ควรกล่าวพระนามของพระองค์ ขณะที่เรียนธรรมที่พระองค์นำมาเปิดเผย ด้วยคำว่า สัมมาอรหัง อรหัง อรหัง  และ ระลึกถึง ความเป็นเลิศของพระองค์ ด้วยคำว่า พุทโธ พุทโธ พุทโธ ร้อยครั้ง พันครั้ง หมื่นครั้ง แสนครั้ง

   เพราะนอกจากที่พึ่งอื่น อีก จากนี้ไม่มีอีกแล้วมีแต่ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆ์เจ้า เท่านั้นที่จักเป็นที่พึ่งที่แท้จริง ของผู้ที่ปรารถนา เดินออกนอกเส้นทาง อันสาระวน อลหม่าน นี้ได้


  ถ้าท่านทั้งหลาย อ่านในส่วนนี้เข้าใจ ขอให้ท่านจงเปล่งวาจา ทั้งกาย และ ใจ ของท่าน ว่า

    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้า เป็นที่พึ่ง ที่ระลึก

    ข้าพเจ้า จักขอถึง ความเป็น สัมมาอรหัง อรหัง อรหัง อรหัง ของพระผู้มีพระภาคเจ้า และข้าพเจ้า จักขอเปล่งคำระลึกนึกถึงคุณของพระองค์ ด้วยคำว่า พุทโธ ทุกครั้งที่เริ่มภาวนา

     ขอความเจริญในธรรมในเบื้องต้น ท่ามกลาง และ งามในที่สุด จงปรากฏเจริญขึ้นมีแก่ ข้าพเจ้า ผู้กล่าวและเปล่งวาจาว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ นี้เถิด

ท่านพระอาจารย์ ธัมมะวังโส ได้กล่าวไว้ ที่กระทู้ : เมื่อความเหนื่อยหน่าย เกิดขึ้นแล้ว ควรรีบเติมเต็ม สัทธา ทันที

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=13843.msg47051#msg47051
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2014, 03:44:57 pm โดย ปัญญสโก ภิกขุ »
บันทึกการเข้า

อาราม นิวส์ FACEBOOK

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 133
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พุทโธ  เม  นาโถ
 :25: :25: :25:
 st12
บันทึกการเข้า
.              ร่วมรณรงค์ รักษาศาสนา ไม่ส่งต่อ ข่าวเสีย พระสงฆ์ไทย   
                                     คงไว้ แต่ข่าวดี ๆ
ติดตาม ข่าวสารดี ๆ ของพระสงฆ์ไทย ได้ที่ "อาราม นิวส์" ข่าวพระ ได้ทางเฟสบุ๊ค

ปัญญสโก ภิกขุ

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 403
  • อริยสโก
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ธรรมบรรยาย โดย พระราชวชิราภรณ์ วัดเชตุพน แด่ผู้ปฏิบัติธรรม ในโครงการอบรมพระกัมมัฏฐาน รุ่นที่ 62 ระหว่าง 1-14 ธันวาคม 2554 ณ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี



สนับสนุน จขกท
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ