ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บารมีพระโพธิสัตว์  (อ่าน 684 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
บารมีพระโพธิสัตว์
« เมื่อ: กันยายน 28, 2020, 06:02:11 am »
0


บารมีพระโพธิสัตว์

การตรัสรู้พุทธะมี ๕ แบบ ส่งผลให้ได้จิตวิญญาณพุทธะที่แตกต่างกัน ดังนี้

๑) แบบ "พระเจ้า" หรือแบบที่กายทิพย์นิพพานไปก่อน เหลือแต่มโนธาตุ (ธาตุรู้) สว่างไสวอยู่ในสังขารแล้วมีจิตวิญญาณอีกดวงมาครอบไว้ ไม่ให้จุติออกก่อนกาล แบบนี้ จะปรากฏมีในกายทิพย์แบบ ๑ อวโลกิเตศวร ๒ มัญชุศรี เท่านั้นเอง ซึ่งแม้ แต่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันก็ตรัสรู้ในลักษณะนี้ เพราะมีบารมีเพียง ๔ อสงไขยนั้น

๒) แบบพุทธะไร้หัวใจ หรือ กายทิพย์สำเร็จเป็นกายพุทธะ แต่มโนธาตุนิพพานไปก่อนแล้ว พบในจิตวิญญาณของพระโพธิสัตว์ "กษิติครรภ์" ซึ่งบารมีมาก แต่เพราะตอกย้ำจิตว่า "ไม่ขอสำเร็จพุทธะถ้านรกไม่ว่าง" ดังนั้น เมื่อท่านบารมีแก่จัดเต็มที่แล้ว กายทิพย์เข้าถึงำพุทธะ มโนธาตุก็นิพพานทันที (เพราะนรกยังไม่ว่างแต่จิตไม่ขอเป็นพุทธะ จิตจึงนิพพานก่อนตามแรงอธิษฐานนั้น) เช่น ท่านหุยเคอก็เป็นเช่นนี้

๓) แบบพุทธะรวมจิต หรือ การรวมกันของจิตวิญญาณ ๒ ดวงขึ้นไป แล้วมีบารมีที่มากพอสำเร็จเป็นพุทธะเต็มองค์บริบูรณ์ทั้งกายทิพย์และจิต พบในพระโพธิสัตว์ที่มีกายทิพย์แบบ "เมตตรัย" จะสามารถรวมจิตวิญญาณ ๒ ดวง รวมบารมีเข้าด้วยกันก็สำเร็จเป็นพุทธะได้ดังกล่าว โดยมีกายทิพย์เป็นพุทธะ และจิตยังไม่นิพพาน บริบูรณ์แบบนี้ พบในการรวมกันของสองแบบแรกด้วย กล่าวคือ พุทธะไร้หัวใจ ประสานรวมกับ "พระเจ้า" (พระจิตที่ไม่มีกายทิพย์) เมื่อรวมกันแล้ว ซึ่งเราเรียกว่า "กุนตูซังโม" (ฝ่ายแม่ - จิต) ที่ประสานเข้ากับ "กุนตูซังโป" (ฝ่ายพ่อหรือฝ่ายกายทิพย์) นั่นเอง

๔) แบบพุทธะครอบขันธ์ หรือพุทธะที่สำเร็จได้เพราะการได้รับ "วิญญาณขันธ์" ที่ครอบมโนธาตุเปล่าๆ อีกที โดยวิญญาณขันธ์นี้เป็น "ขันธ์ยูไล" หรือกายทิพย์ที่เป็นยูไล (พุทธะ) อยู่แล้ว ลงมาครอบมโนธาตุให้ทันที เช่น ในพระสมันตภัทรโพธิสัตว์เมื่อบำเพ้ญอภิญญญาถึงที่สุด กายทิพย์จะสลาย แต่แทนที่จะเหลือแต่มโนธาตุแบบพระอวโลกิเตศวร กลับได้รับการครอบขันธ์จากพระยูไล และสำเร็จพุทธะทันที ทางธิเบตมักเรียกว่าการตรัสรู้พุทธะด้วยการระเบิดจากภายใน ด้วยพลังความร้อนในกาย

๕) แบบพุทธะบริบูรณ์ หรือพุทธะที่มีทั้งกายทิพย์เป็นพุทธะ, มีจิตเป็นพุทธะ (ไม่ใช่ไร้หัวใจพุทธะ) ทั้งยังสำเร็จได้ด้วยตนเอง โดยมิต้องถูกครอบขันธ์ เกิดจากกายทิพย์ภายใน "นิพพาน" แล้วก่อรูปกายทิพย์ เป็นกายพระแก้วใสรูปพุทธะ ตามแบบพระยูไลไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เข้าถึงธรรมพร้อมด้วยทั้งอภิญญาและปัญญา สมดุลกัน ซึ่งพบได้ในจิตวิญญาณพระโพธิสัตว์สมันตภัทร ที่เมื่อบำเพ็ญอภิญญาแล้วระวังไม่ให้กายทิพย์ระเบิด เปลี่ยนเป็นใช้ปัญญาแทน กายทิพย์โพธิสัตว์จะนิพพานแล้วก่อรูปเป็นพุทธะได้


@@@@@@@

อนึ่ง ทั้ง ๕ แบบนี้ เป็นการอธิบายพื้นฐานโดยตรง แต่ในทางปฏิบัตินั้น มีเหลื่อมล้ำได้เหมือนกัน เช่น กายทิพย์เมตตรัยฯ แทนที่จะตรัสรู้พุทธะ แบบ "รวมจิต" ก็อาจตรัสรู้พุทธะแบบบริบูรณ์ ได้เช่นกัน (เข้าถึงพุทธะด้วย "จิตหนึ่ง" เท่านั้น ไม่ต้องรวม ๒ จิตวิญญาณเข้าด้วยกัน)

แม้แต่กายทิพย์อื่นๆ ก็มีการเหลื่อมล้ำได้เหมือนกัน เช่น กายมัญชุศรี ก็อาจมีบางองค์ที่รับขันธ์พระยูไล เมื่อกายทิพย์นิพพาน ท่านเหล่านี้ จะมีองค์"พุทธะ" หรือ "มหาพุทธะ" ครอบขันธ์อยู่ก่อนรอเวลาที่ทำกิจเต็มที่จนกายทิพย์นิพพานไป ก็รู้แจ้งในนิพพานชัด แล้วขันธ์ยูไลก็จะครอบทันทีไม่มี



บารมีของพระโพธิสัตว์แต่ละองค์ไม่เท่ากัน ให้ดูที่กายทิพย์ ดังนี้ฯ

บารมีของพระโพธิสัตว์ต่างกัน ส่งผลให้เมื่อตรัสรู้แล้วจะมีลักษณะต่างกัน กายทิพย์ของพระโพธิสัตว์ มี ๕ แบบ คือ

๑) กายอวโลกิเตศวร มีบารมี ๔ อสงไขย เช่น พระอาภาโพธิสัตว์ ที่จุติลงมาเพื่อตรัสรู้เป็น "พระพุทธเจ้าสมณโคดม" ก็มีกายทิพย์แบบอวโลกิเตศวร

๒) กายมัญชุศรีโพธิสัตว์ มีบารมี ๔ - ๘ อสงไขย แตกต่างกันไปในแต่ละองค์เมื่อตรัสรู้พุทธะแล้ว ยังมิได้กายพุทธะ แต่จะเหลือดวงจิตสว่างไสวแทน

๓) กายกษิติครรภ์โพธิสัตว์ มีบารมี ๘ - ๑๖ อสงไขย แตกต่างกันไปในแต่ละองค์ เมื่อตรัสรู้พุทธะแล้ว จะได้กายทิพย์เป็นพุทธะ แต่มโนธาตุจะนิพพานไป

๔) กายเมตตรัยโพธิสัตว์ มีบารมีเต็ม ๑๖ อสงไขยไม่บกพร่อง เมื่อตรัสรู้พุทธะแล้ว จะมีกายทิพย์พุทธะ และมโนธาตุแห่งพุทธะ (หัวใจพุทธะ) ก็ยังไม่นิพพาน

๕) กายสมันตภัทรโพธิสัตว์ มีบารมีล้นเกินกว่า ๑๖ อสงไขย เมื่อตรัสรู้พุทธะแล้ว จะมีกายทิพย์และมโนธาตุเป็นพุทธะครบองค์ โดยใช้ "จิตเดียวถึงพุทธะ"

@@@@@@@

อนึ่ง พระมหาโพธิสัตว์ฯ เมื่อแบ่งภาคแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีบารมีเท่ากับองค์ต้นบารมี เช่น ถ้าพระศรีอาริยเมตตรัยแบ่งภาคลงมา ภาคแบ่งของท่าน จะมีบารมีน้อยกว่าองค์ต้นบารมี (จิตเดิมก่อนแบ่ง)

เมื่อบำเพ็ญบารมีแล้ว อาจสำเร็จเป็นโพธิสัตว์ในกายทิพย์อื่น เช่น กายมัญชุศรี ก็ได้ อันนี้ ต้องเข้าใจให้แจ้งชัด เพื่อให้ทราบว่าพระศรีอาริยเมตตรัยมีกายทิพย์เหมือนโพธิสัตว์องค์อื่นก็ได้ อย่างไร



ท่านที่มีกายทิพย์แบบอวโลกิเตศวรและแบบมัญชุศรี เข้าถึงพุทธะได้ดังนี้

ให้ท่านปฏิบัติธรรมจน "กายทิพย์นิพพาน" ถ้าขันธ์ทั้ง ๕ ของท่าน ไม่มีขันธ์ใดขันธ์หนึ่ง ที่ "นิพพาน" จริงๆ ท่านจะทราบได้อย่างไรว่า อะไรคือนิพพานและจะนิพพานได้อย่างไร.?

คิดเอา.? นึกเอา.? งั้นหรือ ไม่ได้หรอก มันต้องทดลอง, ปฏิบัติ ให้ถึงนิพพานจริงๆ คือ ขันธ์ใดขันธ์หนึ่งใน ๕ นั้น นิพพานไป แล้วไม่ต้องกลัวตาย จิตวิญญาณมีมาก มันมาเพิ่มเสริมให้ทีหลังได้

เมื่อท่านเข้าถึงพุทธะแล้ว บารมีจะไม่ได้กายทิพย์พุทธะแต่ก็รู้แจ้งในนิพพานท่านที่มีกายทิพย์แบบ "กษิติครรภ์" เข้าถึงพุทธะได้ดังนี้

ให้ท่านปฏิบัติธรรม, ทำกิจ ซึ่งท่าน "ไม่มีจิตใจอยากจะกระทำ"เช่น ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ทำ ทั้งที่ไม่อยากจะทำ หรือถูกเจ้านายสั่งให้ทำ ท่านไม่อยากทำ ฝืนใจ แต่ก็ยอมเขา ด้วยใจที่"กลางๆ" ไม่มีขุ่นมัว, ไม่มีขัดเคือง เหมือนคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ถึงที่สุดแห่งการกระทำแล้ว จิตท่านจะไม่เหลืออีก มโนธาตุก็จะ"นิพพาน" ไปก่อน ท่านจะรู้สึกเหมือนคนไร้หัวใจ, ไม่มีจิตใจจะกระทำอะไรอีกเลย แต่ท่านจะไม่ตาย ไม่ต้องกลัว มีวิธีอยู่ต่อได้ใครที่เข้าข่ายนี้ ก็เดินตรงต่อไปได้เลย


@@@@@@@

เมื่อไรถึงที่สุดก็จะตรัสรู้ท่านที่มีกายทิพย์แบบ "เมตตรัย" เข้าถึงพุทธะได้ดังนี้

ให้ท่านปฏิบัติธรรมด้วยการฝึกรวมสองอย่างที่ต่างกัน เข้ากันให้ได้เป็นบารมีพื้นฐานไว้ก่อน เช่น รวมพลังธาตุน้ำก็ไฟ เมื่อทำได้แล้ว ท่านสามารถรวม "จิตวิญญาณ ๒ ดวง" ซึ่งก็ต้องเป็นจิตวิญญาณโพธิสัตว์ทั้งคู่ เช่น เมตตรัย กับ มัญชุศรี เข้าด้วยกัน ก็จะสำเร็จพุทธะได้แบบ "พุทธะรวมจิต" หรืออีกแบบคือ "ทำงานด้วยจิตปรารถนาดียิ่งยวด มุ่งหวังมาก แต่เป็น ๐"

     ทำอะไรก็เจ็ง, ทำอะไรก็ ๐, พยายามขนาดไหน ๐ หมด ไม่พ้นความสูญเปล่าไปได้เลย ด้วยวิถีนี้ ในที่สุดจะสำเร็จพุทธะ
     ท่านใดที่เข้าข่ายนี้ วิถีนี้แล้ว อย่าได้ลังเล เดินตรงต่อไปครับท่านที่มีกายทิพย์แบบ "สมันตภัทร" เข้าถึงพุทธะได้ดังนี้

     ให้ท่านปฏิบัติธรรม จนกายทิพย์ "นิพพาน" ก็จะสำเร็จพุทธะ เต็มองค์ หรือก็คือ เดินสายอภิญญาให้ถึงที่สุด ก็ถึงพุทธะด้วยจิตหนึ่ง"จิตหนึ่งคือจิตพุทธะ" ได้ สำหรับท่าน (ที่มีบารมีสมันตภัทรแล้ว)หรืออีกวิธี ก่อนที่ท่านจะระเบิดกายทิพย์ หรือถูกพลังมารเล่นงานจนหนักหน่วงอยู่นั้น ท่านจะเครียดมากจนอยากระเบิดพลังข้างในให้ท่านค่อยๆ ย่อยสลายจากภายในด้วยการ พิจารณาให้ละเอียดจากภายในของท่านเอง จนกายทิพย์ท่านจะนิพพานโดยไม่ระเบิดจะสำเร็จพุทธะแบบ "ไภษัชยคุรุพุทธะ" ได้ (ให้อาศัยปัญญาด้วย)

    ท่านที่เข้าข่ายนี้ มักเดินมาทางสายดำ มักมีพลังมารครอบงำมากสิ่งสำคัญคือ ควรทราบว่าจิตวิญญาณของตนเองเข้าข่ายโพธิสัตว์ในกายไหน เพื่อจะได้ เดินตรงสู่ "พุทธะ" ได้ไม่สับสน ไม่หลงทาง ลัดสั้นเร็วซึ่งการจะทราบได้ว่าตนได้โพธิสัตว์อะไร.? นั้นสิ่งเป็นที่ "ไม่มีในตำรา" ไม่มีตำราไหนจะบอกได้




ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก
https://sites.google.com/site/boy25156/barmi-phra-phothisatw/kar-trasru-phuththa-5-baeb
https://sites.google.com/site/boy25156/barmi-phra-phothisatw/barmi-thi-taek-tang
https://sites.google.com/site/boy25156/barmi-phra-phothisatw/xw-loki-te-swr-laea-baeb-maychu-sri
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 28, 2020, 06:44:30 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ