ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อนร่วมทางการปฏิบัติ  (อ่าน 3990 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
เพื่อนร่วมทางการปฏิบัติ
« เมื่อ: มกราคม 19, 2010, 10:45:54 am »
0
ฟ้าใส ไปปฏิบัติธรรมคราวนี้ ฟ้าใสเสียเพื่อนไป 2 คนเนื่องจากเพื่อนทั้งสองคนนั้นได้ไปนับถืออุบาสก ขี้คุยผู้หนึ่ง ที่อวดอ้างการปฏิบัติ เปิดสำนักของฆราวาสเพื่อสอนกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ฟ้าใสยอมไป ( สำนัก )บ้านของอุบาสกผู้นี้ ไม่มีรูปสักการะหลวงปู่สุกสักใบเลย มีแต่รูปตัวเอง กรรมฐานที่สอน ก็เทียบกับที่เรียนกับหลวงพ่อจิ้ว และพระอาจารย์สนธยา ไม่ได้ตรงกันเลย สอนนอกลู่นอกทาง นัยเหมือนว่าตัวเองคิดขึ้นมาได้เอง

ฟ้าใส ยอมไปกับเพื่อนจากกาญจนบุรี เพื่อไปสระบุรี ( บอกตรง ๆ ว่า ผิดหวังกับเพื่อนพวกนี้มาก ) เพราะชวนไปกราบอาจารย์ที่วัดแก่งขนุน ไม่มีใครไปมัวแต่เห่อเรื่องเหล็กไหล อะไรก็ไม่รู้

ฟ้าใส เลยเดินทางกับเพื่อนอีกสองคนไปกราบพระอาจารย์สนธยา ซึ่งทีวัดกำลังมีงานปริวาสกรรม
ไปถึงได้ฟังท่านพูดตอนเช้า เชิญโยมทำบุญ ฟังแล้วชื่นใจมาก ไม่ได้เจอท่านตั้งนานเดี๋ยวนี้ท่านพูดช้า ฟังไพเราะมาก ๆ เลย ฟ้าใสเลยร่วมทำบุญกับท่านในตอนเช้านั้นด้วย

กับมาเรื่องเพื่อนที่เสียไป ก็เสียดายว่าเพื่อนหลงผิด ( เพื่อนก็ว่าเราหลงผิด เฮ้อ )
นึกแล้วสงสารตัวเองจัง

เพื่อนสมาชิกมีความเห็นอย่างไร บ้างคะ
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: เพื่อนร่วมทางการปฏิบัติ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 03:34:00 pm »
0

คุณฟ้าใสตั้งกระทู้ไว้สองห้อง(สอบถามปัญหาชีวิตและสนธนาธรรม) เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ต่างกัน
ในรายละเอียด ผมขอแยกแยะพร้อมสรุปประเด็นเพื่อสะดวกในการสนธนา แบบนี้ครับ

๑.   คุณฟ้าใสได้รู้จัก อุบาสกท่านหนึ่ง อ้างตัวเป็นศิษย์วัดพลับ แต่แนวการปฏิบัติที่คุณฟ้าใสได้ฟังจากอุบาสกคนนั้น  คุณฟ้าใสคิดว่าไม่ใช่แนวของหลวงปู่สุก  ซ้ำร้ายยังหาแนวปฏิบัติเองอีก และจากการสังเกตการพูดและสิ่งแวดล้อม คุณฟ้าใสคิดว่าเขาไม่ให้เกียรติครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐานมัชฌิมาเลย

๒.   คุณฟ้าใสโกรธเพื่อน ที่ไปให้ความสนใจกับอุบาสกท่านนั้น ไปสนใจเหล็กไหล โดยไม่ยอมมาหาพระอาจารย์สนธยาที่วัดแก่งขนุน  และคิดว่าเพื่อนของคุณฟ้าใสหลงผิด

๓.   คุณฟ้าใสเคารพและศรัทธาหลวงปู่สุก และคณาจารย์ในสายนี้มาก โดยเฉพาะพระอาจารย์สนธยา



ความเห็นในประเด็นข้อ ๑.


คุณฟ้าใสครับ ไม่อยากให้ด่วนสรุปอะไรลงไปในเวลานี้ ที่สำคัญการตัดสินคนคนหนึ่งในทางพุทธศาสนาแล้ว ต้องดูที่จิตครับ คุณฟ้าใสต้องมี เจโตปริยญาณ และทิพยจักษุญาณ ครับ ถึงจะทราบว่าจิตของใครผ่องใสหรือบริสุทธิ์ระดับไหน การกระทำหรือคำพูดที่แสดงออกมาเป็นเพียงจริต นิสัย และวาสนาเท่านั้น

   แต่ความจริงที่คุณฟ้าใสเห็นอยู่ต่อหน้าต่อตานั้น  เป็นเหตุให้คิดในแง่ลบ  หากผมอยู่ในเหตุการณ์เดียวกันกับคุณฟ้าใส ผมคงคิดแบบนั้นเหมือนกัน 
   โลกคือละครโรงใหญ่ หากทำตัวเป็นผู้แสดง  คุณจะมองไม่เห็นตัวเองเลย อยากให้คุณฟ้าใสทำตัวเป็นผู้ดูละครบ้าง  ถอยตัวเองออกมาเป็นคนดู จะเข้าใจในสถานกรณ์ต่างๆและเห็นตัวเองได้ชัดขึ้น

   กรรมฐานมัชฌิมา สืบทอดมาจากพระราหุล พระพุทธเจ้าได้แต่งตั้งพระราหุลเป็นเอตทัคคะในทางผู้ใคร่ในการศึกษา  อยากให้คุณฟ้าใสลองศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจก่อน
   มรรคมีองค์แปดที่อยู่ในอริยสัจ ๔ นั้น เป็นหนทางของการดับทุกข์ที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้แล้ว

หากผู้ใดปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด ถือว่าผู้นั้นทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว
   ความเห็นผมคือ หากใครปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปดแล้ว ถือว่าคนนั้นปฏิบัติโดยชอบแล้วระดับหนึ่ง
   ในเบื้องต้นเราเอามรรคมีองค์แปด ไปวัดคนได้นะครับ แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ต้องใจเย็นๆ



ความเห็นในประเด็นข้อ ๒.


การที่คุณรู้สึกไม่พอใจ งอน จนถึงขั้นโกรธเพื่อนนั้น  เหตุเกิดจากคุณตั้งแนวคิดว่า ต้องปฏิบัติตามแนวของหลวงปู่สุก หรือตามคณาจารย์ผู้สืบทอดกรรมฐานมัชฌิมาเท่านั้น การสนใจเรื่องเหล็กไหลเป็นสิ่งที่ไม่ควร

แต่คุณลืมไปว่า  ความชอบ ความศรัทธา  เป็นเรื่องของจริต นิสัย วาสนา ของแต่ละคน เราไม่สามารถทำให้คนอื่นคิดเหมือนเราได้ทุกเรื่อง

ผมไม่อยากเห็นคุณฟ้าใสโกรธเพื่อน ผมได้โพสต์บทความเรื่อง เหตุสมควร ไม่มีในโลก ไว้ในห้องนี้ ดูได้ตามลิงค์นี้เลยครับ


เหตุสมควรโกรธ...ไม่มีในโลก

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=248.0


พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า  “สัตว์ทั้งหลายที่เราเห็นกันด้วยตา นับแต่มด ยุง กบ เขียด แมว สุนัข
วัว ควาย มนุษย์ อย่างน้อยชาติหนึ่งเคยเป็นพ่อแม่พี่น้องกันในวัฏสงสารที่ยืดยาว ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเคยรักกันเกลียดกันมาอย่างนี้จนทุกวันนี้ และต่อไปอีกหลายภพหลายชาติ ตราบเท่าที่ยังไม่บรรลุมรรคผลนิพพาน”


เมื่อเป็นเช่นนี้ เราไม่ควรประมาท ทำใจให้สงบน้อมเข้ามาสู่ตน พิจารณาดูว่า มีใครบ้างที่เราอาฆาตพยาบาท ถ้ามีรีบให้อภัยอโหสิกรรมเสียแต่บัดนี้ อย่างน้อย ก็ชาตินี้ ก่อนตายจะได้ไม่ต้องเป็นคู่เวรคู่กรรมกันอีกต่อไป

คำว่า”หลงผิด” ที่คุณกล่าวถึงนั้น น่าจะหมายถึง “มิจฉาทิฐิ” อย่าไปกังวลกับคำนี้เลยครับ เนื่องจากคนที่มีสัมมาทิฐิสมบูรณ์ต้องเป็นพระอรหันต์เท่านั้น (รู้แจ้งแทงตลอดอริยสัจ) คนธรรมดาอย่างเรายังมีมิจฉาทิฐิอยู่เยอะครับ



ความเห็นในประเด็นข้อ ๓.

ความเคารพและศรัทธาในครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่ควรชื่นชม  หากจะพูดไปไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเรื่องของบุญสัมพันธ์  ทั้งสองฝ่ายต้องเคยทำบุญร่วมกันมาก่อน  หากคุณฟ้าใสคิดว่ามีความศรัทธาในพระอาจารย์สายนี้มาก  ขอแนะนำให้เจริญสังฆานุสสติครับ จะช่วยเพิ่มสมาธิได้



ข้อคิดส่งท้าย


คุณฟ้าใส สงสัยไหมว่า คำว่า “วาสนา” ที่ผมเอ่ยถึง มันหมายความว่าอะไร
ภาษาไทยนำมาใช้ในความหมายที่ว่า  “อำนาจบุญเก่า”
แต่ในทางธรรมไม่ได้หมายความเช่นนั้น  ในบาลีหมายถึง
“กริยาอาการต่างๆที่กระทำซ้ำๆจนเคยชินเป็นนิสัย”

ขอยกตัวอย่างในสมัยพุทธกาล พระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา
ได้รับนิมนต์ไปฉันท์ภัตตราหารพร้อมพระพุทธเจ้าและพระเถระอื่นๆ
ตามคำเชิญของอุบาสกท่านหนึ่ง ระหว่างทางเข้าบ้านของอุบาสกท่านนั้น
จะมีร่องน้ำเป็นระยะๆไป ทุกร่องน้ำจะมีสะพานเล็กๆเอาไว้เดินข้าม
พระพุทธเจ้าและพระเถระท่านอื่นๆได้ใช้สะพานเดินข้ามร่องน้ำไปตามปรกติ


แต่พระสารีบุตรหาได้เดินข้ามไปตามปรกติไม่ พระสารีบุตรใช้วิธีกระโดดข้ามร่องน้ำ
เจ้าของบ้านเห็นเข้าก็คิดในใจว่า พระเถระท่านนี้ช่างไม่สำรวมเสียเลย เราจักไม่ถวายผ้าให้พระเถระท่านนี้ เจ้าของบ้านเตรียมผ้าไว้ ๓ ผืนเพื่อถวายพระสารีบุตร พอพระสารีบุตรกระโดดข้ามร่องน้ำแรก ก็คิดในใจว่าเราจะถวายผ้าแค่ ๒ ผืน พอกระโดดข้ามร่องน้ำที่สอง ก็คิดอีกว่าเราจะถวายแค่ผืนเดียว

พอถึงร้องน้ำที่สาม เจ้าของบ้านก็คิดว่า หากพระสารีบุตรกระโดดข้ามร่องน้ำนี้อีก  ก็จะไม่ถวายผ้าให้เลย  แต่ปรากฏว่าพระสารีบุตรไม่กระโดดข้าม กลับเดินข้ามไปตามปรกติ

เจ้าของบ้านเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก อยากรู้ว่าทำไมไม่กระโดดข้าม จนได้โอกาสถามพระสารีบุตร
พระสารีบุตรตอบว่า “หากกระโดดข้ามรองน้ำที่สาม ก็จะไม่ได้รับผ้าเลย”  พอเจ้าของบ้านได้ยินเท่านั้นเอง ก็ก้มลงกราบขอขมาพระสารีบุตร และได้ถวายผ้าทั้ง ๓ ผืนให้พระสารีบุตร


คุณฟ้าใสครับ นิสัยชอบกระโดดของพระสารีบุตรนั้น ติดมาจากชาติก่อนๆที่เคยเป็นลิง
ชอบกระโดดจนเป็นนิสัย เลยติดมาในสมัยนั้น นิสัยชอบกระโดดนี้ เรียกว่า “วาสนา”ครับ

กล่าวกันว่า ระดับอรหันตสาวกไม่สามารถละวาสนาได้ มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ละวาสนาได้
พระสารีบุตรยิ่งใหญ่ขนาดไหน คุณทราบไหมว่า พระพุทธเจ้าเคยตรัสสรรเสริญไว้ว่าอย่างไร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “มีสารีบุตรอยู่ทิศใด เหมือนมีพระพุทธเจ้าอยู่ทิศนั้น”

   พระสารีบุตรยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ยังละวาสนาไม่ได้เลย คนธรรมดาอย่างเราๆไม่ต้องพูดถึง

      ฉะนั้น ถ้าเห็นใครแสดงกริยาอาการที่ขัดหูขัดตาเรา  ก็อย่าไปใส่ใจนะครับ
   วาสนามันละกันไม่ได้  คุณฟ้าใสเคยเห็นพระอรหันต์กินหมากไหมครับ

      “สงสัยให้รู้ว่าสงสัย”

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

fasai

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 540
  • ทางสายกลาง
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: เพื่อนร่วมทางการปฏิบัติ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มกราคม 21, 2010, 11:30:41 am »
0
 ;D ;D ;D ;D
ขอบคุณกับข้อแนะนำ ของคุณณัฐพลสันต์ มากคะ

ไม่ผิดหวังกับ คำแนะนำจากเพื่อนร่วมทางในการภาวนา

ฟ้าใสไม่กล้าไปอ่านใจ ใครหรอกคะ เพราะฟ้าใส ก็ไม่มีอำนาจจิต ตามระดับของตนเอง คงวิเคราะห์ตามหลักธรรมของพระพุทธองค์นะคะ ถ้าสิ่งใดที่ผู้แสดงธรรมออกมาเป็นไปเพื่อความงมงาย ไม่นำมาซึ่งความสิ้นทุกข์ ประกอบด้วย มลทินทั้ง ๙ ฟ้าใสก็ขอบายกับบุคคลผู้นั้น เพราะว่าเราไม่มีวาสนาซึ่งกันและกัน ดังนั้นฟ้าใสมุ่งที่จะภาวนาที่ตนเองเป็นหลักคะ

สำหรับเพื่อนที่เป็นญาติธรรมตอนนี้ และเป็นญาติด้วยคะ ความตั้งใจส่วนแรกต้องการไปทำบุญ ที่วัดแก่งขนุน แต่กับเปลี่ยนแผนนำเงินเป็นหมื่น ไปซื้อเหล็กใหล ซึ่งตอนนี้กลับมาที่บ้านแล้วคะ ด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีกันเท่าไหร่คะ


สำหรับ อุบาสก ท่านนั้นฟ้าใส ก็ไม่ได้ขัดคืองต่อพฤติกรรมของท่าน ซึ่งท่านบอกว่าท่านเชิญพระรูปนั้น รูปนี้ประทับทรงในร่างได้ คุยกับเทวดาได้

สำหรับคำกล่าวที่ว่าฟ้าใส จะโกรธ เพื่อนนั้น ในสถานการณ์อย่างนั้น เพียงเตือนสติให้กับเพื่อน ไม่ให้ลืมปณิธานที่ตั้งใจไว้ และจะได้ไม่เสียทรัพทย์ ให้กับสิ่งที่ไม่ควรเสีย ซึ่งทำหน้าที่กัลยาณมิตร แต่ถ้าจะบอกว่าโกรธ ก็น่าจะไม่ใช่ เพราะใจไม่ได้ขัดเคือง หรือ แสดงออกทางกาย วาจา กลับสบายใจด้วยที่เราได้ทำหน้่าที่ของกัลยาณมิตร ที่แท้จริง

กาลเวลาพิสูจน์ม้า หนทางพิสูจน์คน การภาวนาพิสูจน์ธรรม การบรรลุธรรมเป็นผลจากการภาวนา

สำหรับความสงสัยนั้น ไม่มีกับผู้มั่นคงในพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์

สำหรับเรื่องความศรัทธา ในพระอาจารย์สนธยา นั้นจะว่าศรัทธาเป็นพิเศษหรือไม่ ก็ตอบว่าไม่ใช่เพราะฟ้าใสนั้นไม่ค่อยได้พูดคุยกับพระอาจารย์สนธยา และแทบไม่ได้เจอ เวลาไปปฏิบัติธรรมตอนนี้ก็ไปวัดอัมพวัน วัดสังฆทาน ส่วนใหญ่ แต่วัดแก่งขนุนไปครั่งแรกทำบุญตอนเช้า

บทสนทนากับพระอาจารย์ มีดังนี้คะ
ฟ้าใส "นมัสการ พระอาจารย์ ฟ้าใส มาเยี่ยม พาเพื่อน มาร่วมทำบุญในงานปริวาสคะ"
อาจารย์ "อืม ดี ได้บุญแล้วที่มา"
ฟ้าใส "จะร่วมทำบุญอย่างไร คะ"
อาจารย์ "ลงชื่อ ตรงนี้จ๊ะ ปัจจัยใส่ขันทอง จ๊ะ"
ฟ้าใส "จำฟ้าใส ได้หรือป่าวคะ"
อาจารย์ "จำได้ ชาวกาญจนบุรี"
ขณะนั้น ก็มีคนเข้ามาทำบุญอีก ท่านก็หันไปพูดกับ โยมอีกชุดหนึ่ง
สรุปแล้ว ฟ้าใส เดินทางมาได้สนทนา กับท่านเพียงเท่านี้ เพราะท่านปฏิบัติหน้าที่ ประชาสัมพันธ์
พวกเรา ก็อยู่จนกิจกรรมของพระสงฆ์ ฉันเสร็จ ว่าจะพาเพื่อนไปสนทนากับท่าน ท่านกับเดินทำงานเก็บกวาดพื้น เก็บโต๊ะ ถ้วยจาน ทำให้พวกเราต้องไปช่วยทำด้วย

พอขึ้นมาบนศาลา ก็เห็นท่านเดินถูพื้นอยู่ เดินทำความสะอาด
พอท่านเห็นเรา "ท่านก็เพียงพูดว่า ไปกราบหลวงปู่นะ"
่พวกเราก็เลยขอท่านนั่งกรรมฐาน บนศาลานั้น "ท่านก็บอก ตามอัธยาศัยเลย"

พวกเรานั่งกรรมฐาน เสร็จก็เดินดูป้ายเรื่องการสร้างรอยพระพุทธบาท ก็คิดว่าจะช่วยบริจาคเงินช่วยท่านสร้างแต่เราก็นั่งรอ ให้ท่านเอ่ยปากในการจัดสร้างและทำ แต่สุดท้ายจนพวกเราลาท่านกลับ ท่านก็ไม่เอ่ยขอบริจาคอะไรให้กับศาลา กรรมฐาน ไม่เหมือนกับที่ท่านได้ประชาสัมพันธ์ให้กับวัดในตอนเช้าเลย

ฟ้าใสสังเกตุ เหมือนว่าศาลากรรมฐานนี้ มีเพียงท่านเป็นเพียงพระผู้เดียวที่ทำกิจกรรม เรื่องนั่งกรรมฐาน หรือเผยแผ่ พระกรรมฐาน ดูเหมือนจะลำบากเหมือนกัน ถึงแม้ว่าศาลาที่ท่านจะทำการปรับปรุงขึ้นมานั้น เหมือนท่านทำอยู่เพียงผู้เดียว ตามลำพังทางวัดเหมือนไม่ได้ช่วยท่านเลยในศาลากรรมฐานหลังนี้

ที่เขียนเล่ามานี้ ก็พวกดิฉัน ก็ยังไม่ได้ทำบุญกับท่านดังที่ตั้งใจไว้
ถ้าคุณ ณัฐพลสันต์ จะกล่าวว่าดิฉันเคาพรพระอาจาย์สนธยา เป็นอย่างมาก ( ดิฉันก็ยังมิอาจจะกล่าวได้ว่าเคารพท่านมาก )

ที่เล่ามานี้ เพราะเสียดายเิงินหมื่น ที่เพื่อนนำไปซื้อหรือแลก กับเหล็กใหล ที่เป็นก้อนหินธรรมดา ที่ต้องนำมาแช่น้ำผึ้ง บอกว่าได้มาแล้วจะขายดี มีคนรัก เฮ้อ......

อาทิตย์ พวกฉันไม่ไปพูดสนับสนุนการขายแล้ว เพื่อนโทรมาบอกให้ไปช่วย เทเครดิตให้ด้วย
งานนี้ขายไม่ออก.......เฮ้อ

ความสงสัย เป็นคุณสมบัติแรก ที่สวนกับคำว่า ศรัทธา ต่อพระรัตนตรัย และ เป็นคำที่สวนทางกับพระกรรมฐาน ตัวแรก เลย ผู้ฝึกกรรมฐาน ต้องละ วิจิกิจฉา ก่อนในการปฏิบัติ ตามนั้น

 ;D ;D ;D ;D ;D
ขอบคุณเพื่อนสมาชิก ทุกท่านที่่แสดงความคิดเห็น คะ
Aeva Debug: 0.0006 seconds.Aeva Debug: 0.0006 seconds.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 22, 2010, 01:20:21 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นไปตามกรรม
ใครสร้างกรรมอย่างไร ก็รับผลกรรมอย่างนั้น

ทินกร

  • ถวายชีวิตเพื่อพุทธศาสน์
  • ผู้บริหารเว็บ
  • มีเหตุมีผล
  • *
  • ผลบุญ: +17/-1
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 365
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เพื่อนร่วมทางการปฏิบัติ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มกราคม 21, 2010, 11:42:45 am »
0
นี้แหละครับตัวอย่างผู้ที่มั่นคงในพระรัตนตรัย สิ่งงมงายคือเรื่องไร้สาระ
บันทึกการเข้า
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

www.madchima.org
http://saraburisat.ps-satcom.com รับติดตั้งจานดาวเทียมครับ
http://www.yutyaplaza.com ลงประกาศฟรี ของชาวอยุธยา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เพื่อนร่วมทางการปฏิบัติ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มกราคม 22, 2010, 01:25:28 pm »
0
โดยปกติ ถ้ามีอุบาสก อุบาสิกา มาหาอาตมาก็อยู่นั่งสนทนาด้วย

แต่คณะโยม ฟ้าใส บอกอาตมาไว้ว่า ขออยู่ดูกิจกรรมของวัด และขอนั่งกรรมฐานสักเล็กน้อย
ก็เลยไม่ค่อยได้สนทนาด้วย

มาคราวหน้า แจ้งด้วยว่าต้องการสนทนา ให้มาก
สำหรับเรื่องการบริจาค จัดทำ จัดสร้าง ในส่วนของศูนย์ อาตมาจะไม่ค่อยพูด คงทำแต่ป้ายขนาด A4 ไว้เล็ก ๆ
 
ใครมีศรัทธา ก็เชิญ

แต่ถ้าเป็นงานประชาสัมพันธ์ของวัด อันนี้ต้องพูดให้วัด

ส่วนการดำเนินการเรื่องการปฏิบัติธรรม บนศาลานั้น หลัก ๆ ก็เป็นเพียงอาตมา พระรูปอื่น ๆ ก็มีหน้าที่
ตามเจ้าอาวาสสั่ง ที่ท่านมาช่วยก็ด้วยคุณธรรมของท่าน

เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ