ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อมี ... ! ขึ้นกุฏิพระ ควรทำอย่างไรดี ?  (อ่าน 2494 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ถ้ามีปลวกขึ้นกุฏิพระ เราควรจะทำอ่างไรดี ? (เราโยม โยม)

      ลองธรรมวิจารกันหน่อย (ที่เป็นเรื่องจริง ก็มี) ระวัง!! ไม่ปรามาทพระ นะ
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

รีบอร์น

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 81
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อมี ... ! ขึ้นกุฏิพระ ควรทำอย่างไรดี ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 07:15:47 am »
0

มด ปลวก แมงมุม ในบ้านที่รบกวน เราควรทำอย่างไรดีครับ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4054.0


http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=885.0

การกำจัดสัตว์อื่น อยู่ ชื่อว่าเป็นบาป แต่ปฏิบัติด้วยเหตุจำเป็น เพื่อสันติสุขอันควรมี หรือสัปปายะที่เหมาะสม

ถ้าเปรียบกับเรามีบ้าน จู่ ๆ ก็มีบุคคลอื่น เข้ามาครอบครองบ้านเราแล้ว เราจะทำอย่างไร อพยพหนีหรือ ก็บ้าน

นั้นก็เป็นบ้านเรา ถึงแม้พระพุทธศาสนาจะสอนให้ใจมองเห็นว่า นั้นไม่ใช่เรา นั้นไม่ใช่ของเรา เป็นต้นแต่กรณี

อย่างนี้ต้องดำเนินการตามธรรม ด้วยหัวใจที่เป็นกลาง คือ อุเบกขา

ด้วยเหตุปกป้องอธิปไตย จำเป็นต้องสู้ ก็ต้องสู้ ถ้าไม่สู้ ไม่ทำ ก็คือต้องหนี

และจะหนีไปเมื่อไหร่ การทำเช่นนี้ ไม่ใช่การแก้ป้ญหา

เหมือนคนที่ป่วย เป็นมะเร็ง ที่แขน ที่ขา ถึงคราวต้องตัดขา ตัดแขน

จะว่าเป็นคนสิ้นคิด หรือทำลายตน ก็หามิได้ เป็นเพราะเหตุต้องปกป้อง

อธิปไตย ของเราเอง

ยกไปถึงทหาร ที่ต้องปกป้องบ้านเมือง พระสงฆ์ก็ไม่เคยกล่าวว่า ไม่ต้องปกป้องรักษาดินแดน

แต่กับให้กำลังใจทหาร ไปปกป้องรักษาดินแดน กี่ยุคกี่สมัย ก็เป็นเช่นนี้

สิ่งสำคัญที่สุด อย่าใส่ หัวใจยักษ์ ว่าเราต้องฆ่า ต้องทำลาย

แต่ให้ใส่ใจวางจิต ว่าเป็นส่วนแห่งความจำเป็น ที่ต้องทำ

ควรอยู่ ด้วยดุลย์พินิจ ที่ควรทำ

ดังนั้น อาตมาเชื่อว่าโยมได้ทำในสิ่งที่เหมาัะสมตามฐานะแล้ว

ธัมมะวังโส
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เมื่อมี ... ! ขึ้นกุฏิพระ ควรทำอย่างไรดี ?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2013, 10:31:47 am »
0
ขึ้นอยู่ ก้บเหตุ ปัจจัย หลายด้าน
  ศีลวิสุทธิ ความหมดจดด้วยศีล คือ อะไร ?
   
    ความผ้องแผ้ว แห่งศีล มีได้เพราะอะไร ?
 
    สมมุติ ว่า มีคนไม่ชอบเรา อยากให้เราไปอยู่ที่อื่น ทั้ง ๆ ที่ เราอยู่ ก็เป็นบ้านเรา ซึ่งซื้อมาด้วยน้ำพัก น้ำแรงของเรา เขาเข้ามาได้บ้านแล้ว บอกว่า ผมจะอยู่บ้านนี้เชิญคุณไปอยู่ที่อื่น

     เขาควรทำอย่างไร ?
     ก็ต้องว่าไปตามขั้นตอนใช่หรือไม่ ?
       แต่การว่าไปตามขั้นตอนนั้น จุดประสงค์เพื่ออะไร ?
 
       นั่นก็คือ ความเป็นอยู่โดยผาสุก เพื่อ จะได้ใช้ชีวิตอย่างผาสุก นั่นเอง


    ในทางกลับกัน พระพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสสอน พระภิกษุ ในการบริโภคใช้ปัจจัย 4 อันประกอบ เครื่องนุ่มห่ม บิณฑบาต เสนาสนะ ยารักษาโรค ดังนั้น อยู่ที่ความฉลาดในการใช้ ปัจจัย 4 อย่างไร ไม่ให้เดือดร้อน ทั้งแก่ตนเอง และผู้อื่น

     ในครั้งพุทธกาล มีการเป็นอยู่ภาวนาหลายระดับ แต่ต้องถามว่าพร้อมหรือยัง กับการภาวนาแบบต่าง ๆ

        มีภิกษุรูปหนึ่ง ถูกงูใหญ่รัดและกลืนท่าน ๆ ยังไม่อยากตาย ก็เลยกำมีดไว้มือ เมื่องูกลืนท่านที่ละน้อย มีดก็บาดและกรีดปากงู จนกระทั่งงูตายท่านรอด  อันนี้จะไปว่าท่านก็ยังไม่ได้ เพราะท่านยังไม่พร้อม

        ภิกษุอีกรูปหนึ่ง ถูกงูใหญ่ รัดเพื่อและกลืนท่าน ท่านก็ไม่ต่อสู้ปล่อยให้งูกลืนกินท่าน ในขณะนั้นท่านก็ภาวนาแผ่เมตตา แผ่ส่วนกรรม เพื่อไม่ต่อยอดเวรกรรม กับท่านและงูต่อไป สุดท้ายท่านก็ตายเป็นอาหารงู ท่านก็ไม่ได้บรรลุอะไรเช่นกัน ก็ต้องกลับมาเกิดอีก อันนี้ถึงแม้จะทำอย่างที่สุด สละชีิวิต ก็ยังไม่พร้อม

       ทั้งสองวิธีการนั้น จะบอกว่า โง่ หรือ ฉลาด ก็ว่ากันไม่ได้

       ในยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระภิกษุ ไปเสียชีวิตมากมายในป่า ในถ้ำ ตามเขา เป็นอาหารของสัตว์ เสือ จรเข้ งู มากมาย ท่านเหล่านั้นเท่าที่ทราบก็ยังไม่บรรลุอะไร มีเพียงไม่กี่รูป ที่ได้บรรลุธรรม


      โปรดใช้ ความฉลาด จัดการในความเป็นจริง ดังนั้นพระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้มี เมตตาอย่างเดียว แต่สอนให้ มีกรุณา มุทิตา และ อุเบกขา ด้วย

      เจริญธรรม ยามเช้า


   

                     
   
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา