ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป
นาติเวลํ ปภาเสยฺย น ตุณฺหี สพฺพทา สิยา
อวิกิณฺณํ มิตํ วาจํ ปตฺเต กาเล อุทีริเย.
"ไม่ควรพูดจนเกินกาล ไม่ควรนิ่งเสมอไป เมื่อถึงเวลาก็ควรพูดพอประมาณ ไม่ฟั่นเฝือ"(พุทธ) ขุ. ชา. มหา. ๒๘/๓๓๘.
การพูดนั้นถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการติดต่อสื่อสารระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนพื้นโลกนี้ จะต้องอาศัยภาษาเป็นการสื่อสารคืออาศัยการพูดเป็นสื่อนั่นเอง มนุษย์ที่เกิดมาพูดได้กันทุกคน (ถ้าไม่ผิดปกติ) แต่ว่าการพูดได้กับการพูดเป็นและถูกกาลเทศะนั้นต่างกัน พูดได้หมายถึงพูดอะไรก็ได้ที่สื่อความหมายให้คนอื่นรู้เรื่องก็ได้ ไม่รู้เรื่องก็ได้ แต่การพูดเป็นนั้นจะต้องพูดหรือสื่อความหมายให้คนอื่นรู้เรื่องและถูกกาลเทศะอีกด้วย การพูดที่ดีนั้นจะต้องอาศัยองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น เมื่อได้รับเชิญให้พูดในโอกาสต่างๆ ภายในเวลา ๑๐ นาที จะต้องพูดให้ครบตามเวลาที่กำหนดหรือต่ำกว่านั้นก็ได้ แต่อย่าให้เกินเวลาที่กำหนดไว้หรือว่าเกินเวลานิดหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามากไปก็ไม่สมควรอย่างยิ่ง จะทำให้เกินความพอดี
เมื่อถึงเวลาที่จะต้องพูดในการให้เหตุผลต่างๆ ก็ควรพูดบ้างพอประมาณ มิใช่นิ่งเสียไปทุกเรื่องไม่ยอมพูดอะไร และจะต้องพูดด้วยวาจาสุภาพคือวาจางามที่ประกอบด้วยองค์ ๕ คือ
๑. พูดถูกกาลเทศะ
๒. พูดจริง
๓. พูดอ่อนหวาน
๔. พูดในสิ่งที่มีประโยชน์
๕. พูดด้วยจิตเมตตาจาก : พุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๒ ฉบับมาตรฐาน (โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง)
http://www.watpitch.com/buddhist-proverb-485.htmlอ้างอิง : วิธุรชาดก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๐ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๒
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=28&A=5626&Z=6510