ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ย้อนรอยเมื่อครั้ง "งูเหลือมเลื้อยเข้าไปในงานปริวาสกรรม" วัดถ้ำดาวเขาแก้ว สระบุรี  (อ่าน 1219 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


ย้อนรอยเมื่อครั้ง "งูเหลือมเลื้อยเข้าไปในงานปริวาสกรรม" วัดถ้ำดาวเขาแก้ว สระบุรี

เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 59 ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์เรื่องราวสุดขนลุกเมื่อ พระสมุห์วีรชน วังน้ำเขียว ได้โพสต์รูปภาพงูเหลือมเลื้อยเข้ามาหาพระสงฆ์ขณะที่พระสงฆ์จำนวนมากกำลังปฏิบัติศาสนกิจอยู่ ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว จ.สระบุรี ได้มีงูเหลือมตัวหนึ่ง เลื้อยเข้ามาหา และมีลักษณะอ่อนน้อม ไม่ดุร้าย คล้ายต้องการเข้ามาทำความเคารพพระสงฆ์ โดยพระสมุห์วีรชน วังน้ำเขียว

ทั้งนี้ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ณัฐพล มณีมงคล ได้มีการโพสต์ภาพและข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่าช่วงเช้าของวันที่ 22 ธ.ค.59  ได้มาอยู่ประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม เข้าอยู่ปริวาสกรรมสวดมนต์ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว จ.สระบุรี ได้เจอกับ งูเหลือมตัวหนึ่ง เลื้อยเข้าในขณะที่กำลังสวดมนต์ ซึ่งเลื้อยมาในลักษณะอ่อนน้อม ไม่ดุร้ายและจับต้องตัวได้ โดยในโพสต์มีข้อความระบุว่า

    “เขาว่าคำแก้วเป็นโตประหลาด คำแก้วเป็นตัวประหลาดอีหลีบ่แม่ เจ้าของวลีเด็ด ข๋อยต้องไปเทวาลัย  เช้านี้ ได้รับเกียรติจากน้องนาคี มาสวดมนต์ด้วย”

และเมื่อโพสต์ดังกล่าวได้แชร์ลงบนโลกออนไลน์ทำให้ชาวเน็ตให้ความสนใจและได้แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

@@@@@@@

และอีกหนึ่งโพสต์ที่พระณัฐพล มณีมงคล ได้โพสต์ข้อความซึ่งระบุว่า..

วันสุดท้ายของการอยู่ประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม เข้าอยู่ปริวาสกรรมบัดนี้ สิ้นสุดโครงการปฏิบัติธรรมแล้ว รวมทั้งสิ้น 11 วัน ขอลาก่อน.!! มีโอกาสจะมาเยี่ยมเยียนใหม่ กราบขอบพระคุณพ่อแม่ครูอาจารย์ทุกท่านที่เมตตา ขอบุญนี้ จงสำเร็จแก่มารดา บิดา ของข้าพเจ้า ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า และบรรดาญาติโยมทั้งหลายผู้มีบุญคุณอุปถัมภ์ข้าพเจ้าตลอดจนผู้ที่ร่วมอนุโมทนายินดี ขอจงเป็นผู้มีส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำแล้วนี้ด้วยเทอญ สาธุ.!!

แต่อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าพระหลายวัดจะมาประพฤติวัตรปฏิบัติธรรม เข้าอยู่ปริวาสกรรมประจำปี ซึ่งจะหมุนเวียนไปตามแต่ละวัดที่จัดโครงการ และตอนนี้ที่วัดถ้ำดาวจบงานปริวาสแล้ว ซึ่งได้รับการยืนยันจากผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวทีนิวส์ว่า งูที่เลื้อยมานั้น เลื้อยมาเองตามธรรมชาติ และไม่ได้เลี้ยงเอาไว้




ทั้งนี้งานปริวาสกรรม คือกิจของสงฆ์ที่พึงชำระศีลของตนเองให้บริสุทธิ์ ดังนั้นการที่เราช่วยในกิจของสงฆ์ตามที่ฆราวาสสามารถช่วยได้ ก็เท่ากับเอื้อความสะดวกให้กับพระสงฆ์ท่าน จึงมีอานิสงฆ์มาก

คำว่า "ปริวาส" นี้มีมาแต่สมัยพุทธกาล เป็นชื่อของสังฆกรรมประเภทหนึ่ง ที่สงฆ์จะพึงกระทำเพื่อการอยู่ชดใช้ เรียกสามัญว่า “การอยู่กรรม” เรียกรวมกันว่า “ปริวาสกรรม” เป็นระเบียบปฏิบัติสำหรับภิกษุที่ต้องอาบัติ “สังฆาทิเสส” แล้วปกปิดไว้ ทั้งที่เกิดโดยความตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจ และอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม จึงต้องประพฤติเพื่อเป็นการลงโทษตัวเองให้ครบเท่ากับจำนวนวันที่ปกปิดอาบัติไว้ เพื่อให้พ้นมลทินและเพื่อความบริสุทธิ์ในการบำเพ็ญเพียรในทางจิตของพระภิกษุสงฆ์ต่อไป

ปริวาส มี ๓ ประเภท คือ

๑. ปฏิจฉันนปริวาส (สำหรับผู้ที่ต้องครุกาบัติแล้วปิดไว้)
๒. สโมธานปริวาส  (สำหรับผู้ที่ต้องอาบัติแล้วปิดไว้ ต่างวันที่ปิดบ้าง ต่างวัตถุที่ต้องบ้าง)
๓. สุทธันตปริวาส  (สำหรับผู้ต้องอาบัติแล้วปิดไว้ มีส่วนเท่ากันบ้างไม่เท่ากันบ้าง)

แต่ยังมีปริวาสอีกแบบหนึ่งซึ่งเป็นปริวาสสำหรับนักบวชนอกศาสนา ที่ต้องประพฤติก่อนที่จะบวชเข้ามาอยู่ในพระธรรมวินัย เรียกว่า “ติตถิยปริวาส” ซึ่งจัดเป็น “อปฏิจฉันนปริวาส” (สำหรับผู้ที่ต้องครุกาบัติแล้วไม่ปิดไว้)

@@@@@@@

การอยู่ปริวาสกรรมนั้น เจาะจงไว้บุคคล ๒ จำพวก คือ

    - สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่บวชอยู่แล้ว แต่ต้องครุกาบัติ
    - สำหรับคฤหัสถ์ หรือพวกเดียรถีย์ปริวาสกรรมสำหรับพระภิกษุสงฆ์ เป็นปริวาสตามปกติสำหรับภิกษุในพระพุทธศาสนา แต่ต้อง “ครุกาบัติ” (ต้องโทษ) สังฆาทิเสสเข้า จึงจำเป็นต้องประพฤติปริวาสเพื่อให้หลุดพ้นจากความมัวหมอง ตามเงื่อนไขทางพระวินัยและเงื่อนไขของสงฆ์  (วิ.จุล.๖/๘๔/๑๐๖)

ปริวาสกรรมสำหรับคฤหัสถ์ หรือพวกเดียรถีย์เนื่องด้วยมีคฤหัสถ์จำนวนมากที่ไม่เคยนับถือพระพุทธศาสนามาก่อน คือ ไม่ได้นับถือพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือเป็นผู้ที่นับถือศาสนาอื่นหรือลัทธิอื่นๆ มาก่อน ที่เรียกว่า “เดียรถีย์” แต่ภายหลังเกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และต้องการที่จะนับถือพุทธศาสนาด้วยการจะขอบวชหรือไม่ก็ได้ พระพุทธเจ้าจะทรงพิจารณาให้คนเหล่านี้ได้อบรมตนเสียก่อน เป็นเวลา ๔ เดือน ปริวาสประเภทนี้เรียกว่า “ติตถิยปริวาส”

แต่เดิมผู้ที่ต้องอยู่ติตถิยปริวาส ๔ เดือนนั้น หมายถึง อัญเดียรถีย์ชาตินิครนถ์เท่านั้น แต่ต่อมาได้แก้ไขให้หมายถึง “อาชีวก หรือ อเจลกะ ผู้เป็นปริพาชกเปลือยเท่านั้นฯ” ส่วนเดียรถีย์ผู้ไม่เคยบวชในพระพุทธศาสนานี้ การอยู่ปริวาส ๔ เดือน ท่านเรียกว่า “อัปปฏิจฉันนปริวาส” ฯ (สมนต.๓/๕๓-๕๔)




ขั้นตอนการปฏิบัติตนเพื่อการออกจากอาบัติ สังฆาทิเสส นั้น เรียกว่า “การประพฤติวุฏฐานวิธี” แบ่งเป็น ๔ ขั้นตอนใหญ่ๆ ดังนี้

     ๑. อยู่ประพฤติปริวาส
     ๒. ประพฤติมานัตอย่างน้อย ๖ ราตรี
     ๓. ประพฤติมูลายปฏิกัสสนา (อาบัติใหม่ที่ต้องโทษเพิ่มขึ้นอีก)
     ๔. พระสงฆ์ ๒๐ รูป ให้อัพภานในการทำสังฆกรรมตามขั้นตอนของการประพฤติวุฏฐานวิธีนั้น ต้องประกอบด้วยคณะสงฆ์ ๒ ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายคณะสงฆ์พระอาจารย์กรรม (พระพี่เลี้ยง) ที่เป็นผู้ดูแลความประพฤติของสงฆ์ผู้ขอปริวาส ให้เป็นไปตามขั้นตอนที่พระวินัยกำหนด, และอีกฝ่ายหนึ่งคือพระภิกษุผู้ประพฤติปริวาส หรือ พระลูกกรรม ซึ่งเป็นสงฆ์ที่ต้องอาบัติสังฆาทิเสส

ขั้นตอนการอยู่ประพฤติปริวาส สำหรับขั้นตอนของการอยู่ปริวาส หรือ “การอยู่กรรม” นั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของปริวาสนั้นๆ ว่า สงฆ์ผู้ต้องอาบัติขอปริวาสอะไร ซึ่งมีลักษณะและเงื่อนไขของปริวาสแต่ละประเภทแตกต่างกันไป






ชื่อบทความเดิม : พระที่โพสต์ งูเหลือมเลื้อยมาในที่ชุมนุมสงฆ์ทำวัตร น่าประหลาดใจสุดๆ กับสิ่งที่งูทำ.!?
ขอบคุณ : dhamma.serichon.us/2016/12/27/พระที่โพสต์งูเหลือมเลื/
เขียนโดย อาจารย์ฅนวัด กลุ่มดวงธรรมสรณ์
27 ธันวาคม 2016 , posted by admin.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2021, 06:25:57 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า