ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ ของนางวิสาขา เป็นอย่างไรครับ  (อ่าน 20123 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มะยม

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 74
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มะยม ได้ไปอ่านเรื่องการถวายจีวร เข้าแล้วก็พบกับคำว่า

มหาลดาปสาธน์

หญิงถวายจีวรย่อมได้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์




นอก จากอานิสงส์ ๕ ประการ ดังกล่าวในตอนที่แล้ว ในอรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องนางวิสาขา ยังได้แสดงว่า หญิงที่ถวายจีวรย่อมได้รับผลสูงสุดคือ เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์

เช่น นางวิสาขาได้ถวายจีวรสาฏกแก่ภิกษุ ๒ หมื่นรูป ในสมัยพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะผลแห่งจีวรทานนั้น นางจึงได้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ ก็จีวรทานของหญิงทั้งหลายย่อมถึงที่สุด(อานิสงส์สูงสุดที่จะพึงได้รับ)ด้วย เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์

สำหรับ จีวรทานของบุรุษทั้งหลาย  ย่อมสำเร็จด้วยบาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ ซึ่งบาตรและจีวรอันสำเร็จของฤทธิ์นี้ มิใช่เป็นฤทธิ์ที่เกิดจากการเนรมิตรของผู้มีฤทธิ์ แต่หมายถึงบาตรและจีวรที่เกิดขึ้นโดยเป็นผลทานจากการที่ตนได้เคยถวายจีวรไว้ ในอดีตชาติ

ดัง เช่นที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ มีกุลบุตรผู้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์แล้วบรรลุธรรม มีความประสงค์จะขอบวช พระพุทธองค์ก็จะตรวจดูว่า ผู้นั้นเคยถวายจีวรเป็นทานหรือไม่? ถ้าเคยถวายจีวรเป็นทาน จีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ก็จะเกิดขึ้น พระพุทธองค์ก็จะทรงอนุญาตให้บวช โดยกล่าวใจความเป็นสังเขปว่า "ธรรมอันเราตรัสไว้ดีแล้ว เธอจงเป็นภิกษุมาเถิด" แล้วทรงยื่นพระหัตถ์ออกไป บาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ก็จะเกิดขึ้น การบวชเช่นนี้ เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา" ดังเช่นที่พระพุทธองค์ทรงบวชให้แก่พระองคุลีมาล เป็นต้น

แต่ ถ้าผู้ใดไม่เคยถวามจีวรเป็นทาน พระพุทธองค์ก็จะให้ไปหาบาตรและจีวรมาก่อนแล้วจึงจะบวชให้ ดังเช่นพระพาหิยะทารุจีริยะเถระ ได้ฟังธรรมแล้วสำเร็จเป็นพระอรหันต์(พระพุทธองค์ทรงแต่งตั้งให้เป็นเอตทัคคะ ทางด้านตรัสรู้เร็วที่สุด)จึงขอบวช แต่ท่านไม่เคยถวายจีวรเป็นทาน บาตรและจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์จึงไม่เกิดขึ้น พระพุทธองค์ได้ให้ท่านไปหาบาตรและจีวรมาเอง ในขณะที่พระพาหิยะกำลังไปคุ้ยหาเศษผ้าจากกองขยะอยู่นั่นเอง โคแม่ลูกอ่อนได้วิ่งมาขวิดท่านจนถึงแก่ความตาย ท่านจึงมิได้บวช

ฉะนั้น กุลบุตรผู้ใดปรารถนาจีวรอันสำเร็จด้วยฤทธิ์ในพุทธกาลข้างหน้า(เช่นสมัยพระศริอาริย์ เป็นต้น) ก็จงถวายจีวรเป็นทานเสียแต่บัดนี้

อัน ว่าทานนั้น บัณฑิตทั้งหลาย มีพระสัพพัญญูโพธิสัตว์ เป็นต้น ผู้แสวงหาอยู่ซึ่งพระสัมมาสัมโพธิญาณอันยิ่งใหญ่ ทรงขวนขวายเป็นยิ่งนัก ที่จะบำเพ็ญให้เกิดขึ้นเป็นสิ่งแรก ในการสั่งสมบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ชื่อว่าทานที่พระโพธิสัตว์ทั้งหลายไม่เคยให้ ไม่ว่าจะเป็นทานชนิดใดๆนั้น ไม่มีเลย ท่านให้ทานมาแล้วทุกชนิด ทั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งสัพพัญุตญาณอันยิ่งใหญ่

ฉะนั้น ท่านสาธุชนทั้ง ผู้เป็นบัณฑิต มีปัญญา มองเห็นภัยในสังสารวัฏ พึงบำเพ็ญทาน เพื่อสั่งสมไว้เป็นบารมี นำตนให้พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏ โดยทั่วกันทุกท่านเทอญ


บันทึกการเข้า

มะยม

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 74
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าเป็นผู้หญิง จะได้รับ เครื่องประดับ มหาลดาปสาธน์ เป็นผลที่สุด ?

  เครื่องประดับนี้ มีูรูปร่างอย่างไรคะ ประกอบด้วยอะไรบ้างคะ


ถ้าเป็นผู้ชาย จะได้รับ เครื่องประดับ อะไรคะ ?
บันทึกการเข้า

จตุพร

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมเองก็อยากรู้ครับ ว่าเครื่องประดับ ลดามหาปสาธน์ นั้นเป็นอย่างไร

ปัจจุบันอยู่กับใคร

ได้ยินจากตำนานในพระไตรปิฏก กล่าวว่า

   นางวิสาขานั้น มีอายุ ถึง 120 ปี

   นางมีบุตรชาย 10 คน บุตรสาว 10 คน  = 20 คน

     บุตรทั้ง 20 คน ก็มีบุตร ชาย และ สาว 20 คน  = 20 x 20 = 400 คน
           
        หลานของนาง ก็มีบุตร อีก 20 คน = 400 x 20 = 8000 คน

            รวมเบ็ดเสร็จ นางได้เห็น บุตร หลาน เหลน รวมกันทั้งสิ้น 8420 คน นับว่า

           เป็นแม่ ย่า ยาย ย่าทวด ยายทวด ที่เห็น ลูกหลานมากที่สุด

          แต่ที่จริง ผมว่าอาจจะเป็น บุตร หลาน ทาส บริวาร รวมกันมากว่า

     เพราะในพระวินัย ระบุว่า นางวิสาขา มีบุตร และ บริวาร รวม 420 คน


  แต่ถ้ามาคิดให้ดี ๆ ลูกหลาน ของนางวิสาขา ปัจจุบันยังมีอยู่ หรือ ไม่

  เครื่องประดับ ของนางตอนนี้ อยู่ที่ ใด มีใคร พอจะรู้บ้างครับ


 :25: ;)
บันทึกการเข้า

The-ring

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 116
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มีเครื่องประดับ อีก 1 อย่าง คือ

ฆนมัฏฐกะ ที่นางวิสาขาได้ให้ช่างทำ ให้ ลูกสะใภ้ ด้วยครับ

ไม่ทราบว่า หน้าตาเป็นอย่าง ไร

 ปัจจุบันอยู่ที่ไหน ครับ
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เครื่องประกอบใน “มหาลดาปสาธน์”
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กันยายน 12, 2010, 12:18:14 pm »
0
             

เครื่องประกอบใน “มหาลดาปสาธน์”

มหา  ว. ใหญ่, ยิ่งใหญ่, มักใช้เป็นส่วนหน้าของสมาส บางทีก็ลดรูปเป็น มห เช่น มหรรณพ มหัทธนะ มหัศจรรย์.

ลดา [ละ-] น. เครือเถา, เครือวัลย์; สาย. (ป., ส. ลตา).

ประสาธน์ [ปฺระสาด] (แบบ) ก. ทําให้สําเร็จ. น. เครื่องประดับ. (ส. ปฺรสาธน; ป. ปสาธน).


ที่มา  พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒


เครื่องแต่งตัวนางวิสาขา ๔ เดือน จึงแล้วเสร็จ

             
               ในวันนั้นแล บิดาของนางวิสาขาให้เรียกช่างทองมา ๕๐๐ คนแล้ว กล่าวว่า "พวกท่านจงทำเครื่องประดับ ชื่อ “มหาลดาปสาธน์” แก่ธิดาของเรา" ดังนี้แล้ว สั่งให้ให้ทองคำมีสีสุกพันลิ่ม และเงินแก้วมณี แก้วมุกดา แก้วประพาฬ และเพชรเป็นต้น พอสมกับทองนั้น.

               พระราชาประทับอยู่ ๒-๓ วันแล้ว ทรงส่งข่าวไปแก่ธนญชัยเศรษฐีว่า "เศรษฐีไม่สามารถทำการเลี้ยงดูพวกเราได้, ขอเศรษฐีจงรู้กาลไปแห่งนางทาริกาเถิด."


               ฝ่ายเศรษฐีนั้นส่งข่าวไปทูลพระราชาว่า "บัดนี้ กาลฝนมาถึงแล้ว, ใครๆ ไม่อาจเพื่อเที่ยวไปตลอด ๔ เดือนได้; การที่หมู่พลของพระองค์ได้วัตถุใดๆ สมควร, วัตถุนั้นๆ ทั้งหมดเป็นภาระของข้าพระองค์; พระองค์ผู้สมมติเทพจักเสด็จไปได้ในเวลาที่ข้าพระองค์ส่งเสด็จ." จำเดิมแต่กาลนั้น นครสาเกตได้เป็นนครราวกะมีนักษัตรเป็นนิตย์.

               วัตถุมีพวงดอกไม้ของหอมและผ้าเป็นต้น เป็นของอันเศรษฐีจัดแล้วแก่ชนทั้งหมด ตั้งต้นแต่พระราชาแล. ชนเหล่านั้นคิดกันว่า "เศรษฐีทำสักการะแก่พวกเราถ่ายเดียว ๓ เดือนล่วงไปแล้ว โดยอาการอย่างนี้. ส่วนเครื่องประดับก็ยังไม่เสร็จก่อน. ผู้ควบคุมงานมาแจ้งแก่เศรษฐีว่า "สิ่งอื่นที่ชื่อว่าไม่มี ก็หาไม่, แต่ฟืนสำหรับหุงต้มภัตเพื่อหมู่พล ไม่พอ." เศรษฐีกล่าวว่า "ไปเถิดพ่อทั้งหลาย, พวกท่านจง (รื้อ) ขนเอาโรงช้างเก่าๆ เป็นต้นและเรือนเก่าในนครนี้หุงต้มเถิด."

               แม้เมื่อหุงต้มอยู่อย่างนั้น, กึ่งเดือนล่วงไปแล้ว. ลำดับนั้น ผู้ควบคุมงานมาแจ้งแก่ท่านเศรษฐีอีกครั้งว่า "ฟืนไม่มี." เศรษฐีกล่าวว่า "ใครๆ ไม่อาจได้ฟืนในเวลานี้, พวกท่านจงเปิดเรือนคลังผ้าทั้งหลาย แล้วเอาผ้าเนื้อหยาบทำเกลียวชุบลงในตุ่มน้ำมันหุงภัตเถิด." ชนเหล่านั้นได้ทำอย่างนั้น ตลอดกึ่งเดือน. ๔ เดือนล่วงไปแล้ว โดยอาการอย่างนี้. แม้เครื่องประดับก็เสร็จแล้ว.




เครื่องประกอบใน “มหาลดาปสาธน์”
             
เพชร ๔ ทะนาน ได้ถึงอันประกอบเข้าในเครื่องประดับนั้น,
แก้วมุกดา ๑๑ ทะนาน,
แก้วประพาฬ ๒๐ ทะนาน,
แก้วมณี ๓๓ ทะนาน.
เครื่องประดับนั้นได้ถึงความสำเร็จ ด้วยรัตนะเหล่านี้และเหล่าอื่นด้วยประการฉะนี้.
เครื่องประดับไม่สำเร็จด้วยด้าย,
การงานที่ทำด้วยด้าย เขาทำแล้วด้วยเงิน.
เครื่องประดับนั้นสวมที่ศีรษะแล้ว ย่อมจดหลังเท้า.

               
ลูกดุมที่เขาประกอบทำเป็นแหวนในที่นั้นๆ
ทำด้วยทอง,
ห่วงทำด้วยเงิน,
แหวนวงหนึ่งที่ท่ามกลางกระหม่อม,
หลังหูทั้งสอง ๒ วง,
ที่หลุมคอ ๑ วง,
ที่เข่าทั้งสอง ๒ วง,
ที่ข้อศอกทั้งสอง ๒ วง,
ที่ข้างสะเอวทั้งสอง ๒ วง ดังนี้.


ก็ในเครื่องประดับนั้นแล เขาทำนกยูงตัวหนึ่งไว้.
ขนปีกทำด้วยทอง ๕๐๐ ขน
ได้มีที่ปีกเบื้องขวาแห่งนกยูงนั้น,
๕๐๐ ขนได้มีที่ปีกเบื้องซ้าย,
จะงอยปากทำด้วยแก้วประพาฬ,
นัยน์ตาทำด้วยแก้วมณี,
คอและแววหางก็เหมือนกัน,
ก้านขนทำด้วยเงิน,
ขาก็เหมือนกัน.

นกยูงนั้นสถิตอยู่ท่ามกลางกระหม่อมแห่งนางวิสาขา
ปรากฏประหนึ่งนกยูงยืนรำแพนอยู่บนยอดเขา.
เสียงแห่งก้านขนปีกพันหนึ่ง เป็นไปประหนึ่งทิพยสังคีต
และประหนึ่งเสียงกึกก้องแห่งดนตรีประกอบด้วยองค์ ๕.
ชนทั้งหลายผู้เข้าไปสู่ที่ใกล้เท่านั้น ย่อมทราบว่า นกยูงนั้นไม่ใช่นกยูง (จริง).
เครื่องประดับมีค่า ๙ โกฏิ. ท่านเศรษฐีให้ค่าหัตถกรรม (ค่าบำเหน็จ) แสนหนึ่ง.


รูปข้างบนนี้น่าจะเป็นตัวแทน “มหาลดาปสาธน์” ในสมัยพุทธกาลได้(ภาพนี้นำมาจากเว็บวัดธรรมกาย)



หญิงถวายจีวรย่อมได้ “มหาลดาปสาธน์”
             
               ถามว่า "ก็เครื่องประดับนั่น อันนางวิสาขานั้นได้แล้ว เพราะผลแห่งกรรมอะไร?"
               
แก้ว่า "ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นางถวายจีวรสาฎกแก่ภิกษุ ๒ หมื่นรูปแล้ว ได้ถวายด้ายบ้าง เข็มบ้าง เครื่องย้อมบ้าง ซึ่งเป็นของตนนั่นเอง นางได้แล้วซึ่งเครื่องประดับนี้ เพราะผลแห่งจีวรทานนั้น.

               ก็จีวรทานของหญิงทั้งหลาย ย่อมถึงที่สุดด้วยเครื่องประดับชื่อมหาลดาปสาธน์,
               จีวรทานของบุรุษทั้งหลาย ย่อมถึงที่สุดด้วยบาตรและจีวรอันสำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์."




นางวิสาขาลืมเครื่อง ประดับไว้ที่วิหาร
               
              ก็โดยสมัยนั้นแล นางวิสาขามิคารมารดามีบุตรมาก มีหลานมาก มีบุตรหาโรคมิได้ มีหลานหาโรคมิได้ สมมติกันว่าเป็นมงคลอย่างยิ่ง ในกรุงสา วัตถี. บรรดาบุตรหลานตั้งพัน มีจำนวนเท่านั้น แม้คนหนึ่ง ที่ชื่อว่าถึงความตายในระหว่าง มิได้มีแล้ว. ในงานมหรสพที่เป็นมงคล ชาวกรุงสาวัตถีย่อมอัญเชิญนางวิสาขาให้ บริโภคก่อน.

               ต่อมา ในวันมหรสพวันหนึ่ง เมื่อมหาชนแต่งตัวไปวิหารเพื่อฟังธรรม, แม้นางวิสาขาบริโภคในที่ที่เขาเชิญแล้ว ก็แต่งเครื่องมหาลดาปสาธน์ ไปวิหารกับด้วยมหาชน ได้เปลื้องเครื่องอาภรณ์ให้แก่หญิงคนใช้ไว้,

               "ก็โดยสมัยนั้นแล ในกรุงสาวัตถี มีการมหรสพ, มนุษย์ทั้งหลายแต่งตัวแล้วไปวัด. แม้นางวิสาขามิคารมารดา ก็แต่งตัวไปวิหาร. ครั้งนั้นแล นางวิสาขามิคารมารดาเปลื้องเครื่องประดับ ผูกให้เป็นห่อที่ผ้าห่มแล้วได้ (ส่ง) ให้หญิงคนใช้ว่า "นี่แน่ะแม่ เจ้าจงรับห่อนี้ไว้."

               ได้ยินว่า นางวิสาขานั้น เมื่อกำลังเดินไปวิหาร คิดว่า "การที่เราสวมเครื่องประดับมีค่ามากเห็นปานนี้ไว้บนศีรษะ แล้วประดับเครื่องอลังการจนถึงหลังเท้า เข้าไปสู่วิหาร ไม่ควร" จึงเปลื้องเครื่องประดับนั้นออกห่อไว้ แล้วได้ส่งให้ในมือหญิงคนใช้ ผู้ทรงกำลังเท่าช้าง ๕ เชือก ผู้เกิดด้วยบุญของตนเหมือนกัน.

หญิงคนใช้นั้นคนเดียว ย่อมอาจเพื่อรับเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์นั้นได้, เพราะเหตุนั้น นางวิสาขา จึงกล่าวกะหญิงคนใช้นั้นว่า "แม่ จงรับเครื่องประดับนี้ไว้, ฉันจักสวมมันในเวลากลับจากสำนักของพระศาสดา. ก็นางวิสาขา ครั้นให้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์นั้นแล้ว จึงสวมเครื่องประดับชื่อฆนมัฏฐกะ ได้เข้าไปเฝ้าพระศาสดา สดับธรรมแล้ว.
               
ในที่สุดการสดับธรรม นางถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าลุกจากอาสนะหลีกไปแล้ว. ฝ่ายหญิงคนใช้นั้นของนางลืมเครื่องประดับนั้นแล้ว. ก็เมื่อบริษัทฟังธรรมหลีกไปแล้ว, ถ้าใครลืมของอะไรไว้. พระอานนทเถระย่อมเก็บงำของนั้น. เพราะเหตุดังนี้ ในวันนั้น ท่านเห็นเครื่องมหาลดาปสาธน์แล้ว จึงทูลแด่พระศาสดาว่า "นางวิสาขาลืมเครื่องประดับไว้ ไปแล้ว พระเจ้าข้า."
               
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "จงเก็บไว้ในที่สุดข้างหนึ่งเถิด อานนท์." พระเถระยกเครื่องประดับนั้น เก็บคล้องไว้ที่ข้างบันได.




นางวิสาขาตรวจบริเวณวัด
             
               ฝ่ายนางวิสาขาเที่ยวเดินไปภายในวิหาร กับนางสุปปิยา ด้วยตั้งใจว่า "จักรู้สิ่งที่ควรทำแก่ภิกษุอาคันตุกะ ภิกษุผู้เตรียมตัวจะไป และภิกษุไข้เป็นต้น." ก็โดยปกติแล ภิกษุหนุ่มและสามเณร ผู้ต้องการด้วยเนยใส น้ำผึ้งและน้ำมันเป็นต้น เห็นอุบาสิกาเหล่านั้น ในภายในวิหารแล้ว ย่อมถือภาชนะมีถาดเป็นต้น เดินเข้าไปหา. ถึงในวันนั้น ก็ทำแล้วอย่างนั้นเหมือนกัน.

               ครั้งนั้น นางสุปปิยาเห็นภิกษุไข้รูปหนึ่ง จึงถามว่า "พระผู้เป็นเจ้าต้องการอะไร?"
               เมื่อภิกษุไข้รูปนั้น ตอบว่า "ต้องการรสแห่งเนื้อ" จึงตอบว่า "ได้พระผู้เป็นเจ้า, ดิฉันจักส่งไป" ในวันที่ ๒ เมื่อไม่ได้เนื้อที่เป็นกัปปิยะ จึงทำกิจที่ควรทำด้วยเนื้อขาอ่อนของตน ด้วยความเลื่อมใสในพระศาสดา ก็กลับเป็นผู้มีสรีระตั้งอยู่ตามปกตินั่นแล.

               ฝ่ายนางวิสาขาตรวจดูภิกษุหนุ่มและสามเณรผู้เป็นไข้ แล้ว ก็ออกโดยประตูอื่น ยืนอยู่ที่อุปจารวิหารแล้ว พูดว่า "แม่ จงเอาเครื่องประดับมา, ฉันจักแต่ง." ในขณะนั้น หญิงคนใช้นั้นรู้ว่าตนลืมแล้วออกมา จึงตอบว่า "ดิฉันลืม แม่เจ้า." นางวิสาขา กล่าวว่า "ถ้ากระนั้น จงไปเอามา, แต่ถ้าพระผู้เป็นเจ้าอานนทเถระของเรา ยกเก็บเอาไว้ในที่อื่น, เจ้าอย่าเอามา, ฉันบริจาคเครื่องประดับนั้น ถวายพระผู้เป็นเจ้านั้นแล."

               นัยว่า นางวิสาขานั้นย่อมรู้ว่า "พระเถระย่อมเก็บสิ่งของที่พวกมนุษย์ลืมไว้", เพราะฉะนั้น จึงพูดอย่างนั้น.




นางวิสาขาซื้อที่สร้างวิหารถวายสงฆ์
             
               ฝ่ายพระเถระพอเห็นนางคนใช้นั้น ก็ถามว่า "เจ้ามาเพื่อประสงค์อะไร?" เมื่อหญิงคนใช้นั่นตอบว่า "ดิฉันลืมเครื่องประดับของแม่เจ้าของดิฉัน จึงได้มา", จึงกล่าวว่า "ฉันเก็บมันไว้ที่ข้างบันไดนั้น, เจ้าจงเอาไป."

               หญิงคนใช้นั้นตอบว่า "พระผู้เป็นเจ้า ห่อภัณฑะที่ท่านเอามือถูกแล้ว แม่เจ้าของดิฉัน สั่งมิให้นำเอาไป" ดังนี้แล้ว ก็มีมือเปล่ากลับไป ถูกนางวิสาขาถามว่า "อะไร แม่?" จึงบอกเนื้อความนั้น. นางวิสาขากล่าวว่า "แม่ ฉันจักไม่ประดับเครื่องที่พระผู้เป็นเจ้าของฉันถูกต้องแล้ว, ฉันบริจาคแล้ว, แต่พระผู้เป็นเจ้ารักษาไว้ เป็นการลำบาก. ฉันจำหน่ายเครื่องประดับนั้นแล้วจักน้อมนำสิ่งที่เป็นกัปปิยะไป, เจ้าจงไปเอาเครื่องประดับนั้นมา." หญิงคนใช้นั้นไปนำเอามาแล้ว.
 
               นางวิสาขาไม่แต่งเครื่องประดับนั้น สั่งให้เรียกพวกช่างทองมาแล้วให้ตีราคา, เมื่อพวกช่างทองเหล่านั้นตอบว่า "มีราคาถึง ๖ โกฏิ, แต่สำหรับค่าบำเหน็จต้องถึงแสน", จึงวางเครื่องประดับไว้บนยานแล้วกล่าวว่า "ถ้ากระนั้น พวกท่านจงขายเครื่องประดับนั้น." ไม่มีใครจักอาจให้ทรัพย์จำนวนเท่านั้นรับไว้ได้, เพราะหญิงผู้สมควรประดับเครื่องประดับนั้น หาได้ยาก.
 

               แท้จริง หญิง ๓ คนเท่านั้น ในปฐพีมณฑล ได้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ คือ นางวิสาขามหาอุบาสิกา ๑, นางมัลลิกา ภรรยาของพันธุลมัลลเสนาบดี ๑, ลูกสาวของเศรษฐีกรุงพาราณสี ๑,
 
               เพราะฉะนั้น นางวิสาขา จึงให้ค่าเครื่องประดับนั้นเสียเองทีเดียว แล้วให้ขนทรัพย์ ๙ โกฏิ ๑ แสน ขึ้นใส่เกวียน นำไปสู่วิหาร ถวายบังคมพระศาสดาแล้ว กราบทูลว่า "พระเจ้าข้า พระอานนท์เถระผู้เป็นเจ้าของหม่อมฉัน เอามือถูกต้องเครื่องประดับของหม่อมฉันแล้ว, จำเดิมแต่กาลที่ท่านถูกต้องแล้ว หม่อมฉันไม่อาจประดับได้,

แต่หม่อมฉันให้ขายเครื่องประดับนั้น ด้วยคิดว่า ‘จักจำหน่าย น้อมนำเอาสิ่งอันเป็นกัปปิยะมา’ ไม่เห็นผู้อื่นจะสามารถรับไว้ได้ จึงให้รับค่าเครื่องประดับนั้นเสียเองมาแล้ว, หม่อมฉันจะน้อมเข้าในปัจจัยไหน ในปัจจัย ๔ พระเจ้าข้า?"

               พระศาสดา ตรัสว่า "เธอควรจะทำที่อยู่เพื่อสงฆ์ ใกล้ประตูด้านปราจีนทิศเถิด วิสาขา." นางวิสาขาทูลรับว่า "สมควร พระเจ้าข้า" มีใจเบิกบาน จึงเอาทรัพย์ ๙ โกฏิ ซื้อเฉพาะที่ดิน. นางเริ่มสร้างวิหารด้วยทรัพย์ ๙ โกฏินอกนี้.



อ้างอิง
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปุปผวรรคที่ ๔
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=8
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2012, 11:25:00 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

หนูๆทุกท่านคงได้คำตอบแล้วนะครับ

  - รูปร่างหน้าตา และส่วนประกอบ ของ "มหาลดาปสาธน์" ผมได้หาคำอธิบายมาให้แล้ว

  - ปัจจุบันอยู่ที่ไหน ? จากข้อมูลที่มีอยู่ น่าจะถูกช่างชำแหละเป็นชิ้นๆไปแล้ว
    เนื่องจากนางวิสาขาได้ขายให้ช่าง แล้วนำเงินไปสร้างวิหารถวายพระพุทธเจ้า

  - อานิสงส์การถวายผ้่าจีวรให้ภิกษุของฝ่ายชายนั้น ขอตอบแบบคาดเดาว่า
    จะได้บวชเป็นภิกษุในพุทธศาสนา และผ้าจีวรจะลอยมาเอง
    โดยไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน หรืออาจมีคนหามาให้แบบฟรีๆ
    ผ้าจีวรนั้นจะมาด้วยอำนาจบุญที่ได้ทำไว้

  - ส่วน "ฆนมัฏฐกะ" ผมยังหารายละเอียดไม่ได้ ต้องขออภัยด้วย


อยากรู้ "ประวัตินางวิสาขา" แบบเต็มๆไปดูได้ที่
มารู้จักกับ “นางวิสาขา” ในเดือน “วิสาขะ”
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=567.0

หรือที่
อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปุปผวรรคที่ ๔
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=8
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2012, 11:27:16 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นาตยา

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 136
  • ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่านที่เป็นกัลยาณมิตร
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เครื่องประดับ ลดามหาปสาธน์ นั้นมีอยู่ 3 ชิ้น ตามประวัติพระไตรปิฏก

 1.นางวิสาขา

 2.นางมัลลิกาภรรยา พันธุลมหาเสนาบดี

 3.ลูกสาวเศรษฐี กรุง พาราณสี และ เรือนโจร เทวนานิยะ


ครั้นเมื่อพระบรมศาสดา เสด็จดับขันธปรินิพพาน

  นางมัลลิกา ได้ถวาย มหาลดาปสาธน์ โดยขอร้องให้ขบวนพระศพของพระพุทธเจ้าหยุด แล้วสวมใส่ เครื่อง

ประดับมหาลดาปสาธน์ ที่พระศพ

  เครื่องประดับนี้ พวกเจ้า มัลลปาโมกข์ สันนิษฐานว่าน่าจะบรรจุอยู่ที่ มกุฏพันธนเจดีย์


   จากพระไตรปิฏก  ที. อ. 2/1/4 46-7





ที่นี้คำถามต่อไป ที่ยังสงสัยก็คือ


  มกุฏพันธนเจดีย์ นั้นอยู่ที่ไหน ปัจจุบันยังมีอยู่หรือไม่ สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นยังคงมีอยู่เหมือนเดิมหรือป่าว
บันทึกการเข้า

axe

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 187
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เครื่อง ลดามหาปสาธน์

   ที่จริงก็คือ ชุดเจ้าสาวสวมใส่ในวันแต่งงาน และ สวมใส่แสดงออกถึงฐานะ

    :25:
บันทึกการเข้า
หนุ่มหล่อ ใจดี AXE

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ตอบกระทู้ เกี่ยวกับ "มกุฏพันธนเจดีย์"
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กันยายน 15, 2010, 07:34:12 pm »
0

ที่นี้คำถามต่อไป ที่ยังสงสัยก็คือ

  มกุฏพันธนเจดีย์ นั้นอยู่ที่ไหน ปัจจุบันยังมีอยู่หรือไม่ สิ่งที่บรรจุอยู่ในนั้นยังคงมีอยู่เหมือนเดิมหรือป่าว



ปัจจุบัน มกุฏพันธนเจดีย์ อยู่ที่
ตำบลการ์เซีย  จังหวัดกุศินาการ์  รัฐอุตตประเทศ  ประเทศอินเดีย
Kasia, in Kushinagar, Uttar Pradesh, India


ตำแหน่งพิกัดที่แน่นอน ให้ดูที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.panoramio.com/photo/2144867




ได้เคยมีการขุดเจาะตรงกลางเนิน"มกุฏพันธนเจดีย์"แล้ว
ปรากฏว่า ไม่พบอะไร ข้อมูลจากลิงค์นี้ครับ

http://www.alittlebuddha.com/P.M.Narin%20in%20India%202009/P.M.Narin%20in%20India%202009%2025.html




อยากทราบรายละเอียดอื่นๆ กรุณาอ่านที่ pdf file ที่แนบมา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2012, 11:29:04 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เฉินหลง

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 153
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์

เคยมีข้อมูลว่าถูกนำไปขายให้เศรษฐี ในอังกฤษ

จริงเท็จแค่ไหนก็ไม่ทราบ ( ผมเคยอ่านเจอในเว็บลักษณะคล้ายชุดพวกอียิปต์ )

สันนิษฐาน ว่าน่าจะอยู่ที่ประเทศอังกฤษ นะครับ

เพราะตอนเป็นเมืองขึ้น พวกอังกฤษ ชอบขุดล่าสมบัติ

พวกอินเดียน่าโจนส์ เยอะซะด้วย พวกนี้ขุดล่า ขนาดพระเศียรพระพุทธรูปในเมืองไทย

ยังไปปรากฏอยู่ ในอังกฤษ และ อเมริกา เป็นเครื่องประดับในส่วนบ้าง ในห้องน้ำบ้าง

พวกฝรั่งไม่ได้เคารพพระพุทธเจ้า เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งพวกนักสำรวจที่บุกเบิกเรื่องพระพุทธศาสนา

ก็เพราะคิดแล้วว่า ถ้าทำอย่างนี้จะพยุงประเทศอินเดียได้

ใช่ครับประเทศอินเดีย ได้รับเงินสนับสนุนจากชาวพุทธทั่วโลก และ โดยเฉพาะเมืองไทย ปีหนึ่ง

ขนเงินไปทิ้งที่ประเทศอินเดีย เท่าไหร่ แต่ เท่าไหร่แล้ว

พวกวรรณะ ที่สูงอย่างพวก กษัตริย์ พราหมณ์  แพศย์ ก็หาสนใจจะเป็นชาว พุทธศาสนิกชน บ้าง

อย่างเว็บที่ลุงปุ้ม ลิงก์ไปก็ยังปรากฏปลอมเป็นพระถือบาท มาขอเงิน อยู่ใน มกุฏพันธนเจดีย์ เลย

ช่างบาปหนาจริง ๆ ผมว่า กู่ยาก จริง แล้วทำไมถึง กู่ยาก

จนผมมีความรู้ึสึกว่า พระพุทธศาสนา ไม่น่าจะเกิดที่อินเดียด้วยซ้ำไป ( คิด เล่น ๆ )

เพราะมันหายไปจากสายเลือดชาวอินเดีย หมดจริง ๆ


 :25:

ว่าแต่ บาตรของพระพุทธเจ้า นี่อยู่ที่ใดผมว่าน่าสนใจกว่าเยอะครับ


 :25: :25:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
บาตรของพระพุทธเจ้า อยู่ที่นี่ครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กันยายน 17, 2010, 06:02:55 pm »
0

ว่าแต่ บาตรของพระพุทธเจ้า นี่อยู่ที่ใดผมว่าน่าสนใจกว่าเยอะครับ


ผมนำคำตอบมาให้คุณเฉินหลง ความจริงผมเคยตอบคำถามนี้ไปแล้ว
ตามลิงค์ข้างล่างครับ

ชื่อกระทู้ "ข้าว สัตตุก้อน ข้าว สัตตุผง คืออะไร คะ" ตั้งกระทู้โดย หมวยจ้า
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=647.msg2683#msg2683

บาตรของพระพุทธเจ้าอยู่ที่นี่ครับ
"เจดีย์ รุวันเวสาลิยะ เมืองอนุราธปุระ ประเทศศรีลังกา"
รุวันเวสาลิยะ หรือ Ruvanveli Mahaseya สร้างขึ้นในรัชสมัยของกษัตริย์ Dutugemunu (ไม่รู้จะอ่านเป็นภาษาบาลียังไงน่ะ) ประมาณ 161-137 ปีก่อนคริสตกาล เป็นเจดีย์ทรงกลมผ่าครึ่ง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 300 ฟุต 

 

เจดีย์ แห่งนี้ได้บรรจุเครื่องอัฐบริขารของพระพุทธเจ้า เช่น บาตรที่พระองค์เคยใช้ ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมอัฐบริขารเหล่านี้จึงตกมาอยู่ที่ศรีลังกาได้ ข้าพเจ้าสันนิษฐานเองว่า หลังจากเสด็จปรินิพพาน กษัตริย์แคว้นต่าง ๆ คงสนใจแย่งชิงพระบรมสารีริกธาตุมากกว่าที่จะสนใจเครื่องอัฐบริขารก็ได้
 

อัฐบริขาร 8 อย่าง ที่บัญญัติไว้ในพระธรรมวินัย ได้แก่ สบง (ผ้านุ่ง), จีวร (ผ้าห่ม), สังฆาฏิ (ผ้าพาดบ่า), ประคดเอว, บาตร, มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ, เข็ม และกระบอกกรองน้ำ

ที่มา  http://www.oknation.net/blog/print.php?id=15334
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2012, 11:31:52 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

tcarisa

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +9/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 524
  • ก้าวน้อย แต่เป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตามตำนาน มหายาน สายลำดับการสืบธรรม กล่าวว่า

พระอานน์ ครอบครอง บาตร และ จีวร ของพระพุทธเจ้า

และจะมอบให้แก่ สังฆปรินายก กันเป็นรุ่นเป็นทอด

ถึงกับมีตำนานเรื่อง การแย่ง จีวร และ บาตร ของฝ่ายมหายาน

จริงแท้แค่ไหน ก็ไม่ทราบ

น่าจะให้ คุณ ISSARAPAP กับ คุณ ธรรมธวัช มาช่วยชี้แจง นะคะ

เพราะทั้งสองคนนี้ ค่อนข้างจะชำนาญเรื่อง

ของ มหายาน

 :25: :25:
บันทึกการเข้า
เราเป็นหน่ออ่อน ที่รอการเติบโต
จึงขอสั่งสมบารมีธรรม เพื่อพระนิพพาน

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ตามตำนาน มหายาน สายลำดับการสืบธรรม กล่าวว่า

พระอานน์ ครอบครอง บาตร และ จีวร ของพระพุทธเจ้า

และจะมอบให้แก่ สังฆปรินายก กันเป็นรุ่นเป็นทอด

ถึงกับมีตำนานเรื่อง การแย่ง จีวร และ บาตร ของฝ่ายมหายาน

จริงแท้แค่ไหน ก็ไม่ทราบ

น่าจะให้ คุณ ISSARAPAP กับ คุณ ธรรมธวัช มาช่วยชี้แจง นะคะ

เพราะทั้งสองคนนี้ ค่อนข้างจะชำนาญเรื่อง

ของ มหายาน

 :25: :25:

คุณครูอริสา ก็น่าจะช่วยชี้แจงด้วยตนเองได้นี่ครับ

อยากเห็นคุณครูอริสา "ค้นมาให้อ่านสักครั้ง"

ขออนุญาต
"ปูเสื่อรอ" :49: :coffee2: :) ;) :25:

บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ปักษาวายุ

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 96
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เห็นเครื่องประดับ ก็นึกถึงวันทอดกฐิน ทันทีเลยครับ

 :25: :25:
บันทึกการเข้า

Prodsfreeoder

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ??? น่าสนใจดีนะค่ะ ^^
บันทึกการเข้า

tipongjangkum

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ขอบคุณครับที่นำมาฝาก
บันทึกการเข้า

วิชชุดา

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 275
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
มิคารเศรษฐีทำเครื่องประดับให้นางวิสาขา               
               ลำดับนั้น เศรษฐีคิดว่า "สะใภ้ของเรา มีอุปการะมาก, เราจักทำบรรณาการให้แก่นาง, เพราะเครื่องประดับของสะใภ้นั้นหนัก, ไม่อาจเพื่อประดับตลอดกาลเป็นนิตย์ได้, เราจักให้ช่างทำเครื่องประดับอย่างเบาๆ แก่นาง ควรแก่การประดับในทุกอิริยาบถ ทั้งในกลางวันและกลางคืน" ดังนี้แล้ว จึงให้ช่างทำเครื่องประดับ ชื่อฆนมัฏฐกะ อันมีราคาแสนหนึ่ง, เมื่อเครื่องประดับนั้นเสร็จแล้ว, นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขให้ฉัน โดยความเคารพแล้ว ให้นางวิสาขาอาบน้ำด้วยหม้อน้ำหอม ๑๖ หม้อ ให้ยืนถวายบังคมพระศาสดา ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระศาสดาแล้ว. พระศาสดาทรงทำอนุโมทนาแล้ว เสด็จไปสู่วิหารตามเดิม.


http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=8

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 31, 2012, 10:07:32 am โดย วิชชุดา »
บันทึกการเข้า
ขอให้ทุกท่าน จงเป็นผู้มีความสุข กันทุกคนนะจ๊ะ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

คุณน้อด ชนันภรณ์ รสจันทน์ Miss Thailand Universe 2548 (ไม่แน่ใจ)


คุณน้อด ชนันภรณ์ รสจันทน์ Miss Thailand Universe 2548 (ไม่แน่ใจ)


คุณน้อด ชนันภรณ์ รสจันทน์ Miss Thailand Universe 2548 (ไม่แน่ใจ)


คุณศศินา วิมุตตานนท์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 7


คุณศศินา วิมุตตานนท์ ผู้ประกาศข่าวช่อง 7


ภาพ “ชุดมหาลดาปสาธน์” (จำลอง)ทั้งหมดนำมาจากเว็บพันธุ์ทิพ
งานที่เห็นคงเดากันได้นะครับว่าเป็น งานของวัดธรรมกาย

ขอบคุณภาพจาก http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2008/05/A6622200/A6622200.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

Wzytitiyatot

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สวยงามที่สุดครับ
บันทึกการเข้า

kindman

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 272
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ชุดจริง คงแต่งบรรดาแบบนี้ครับเพราะจะมีน้ำหนักมากกว่า พลาสติก ชุดที่ทำด้วยทองคำและเงิน และอัญญมณีของแท้นั้น คิดว่าไม่ธรรมดามาก คนแต่งเองก็คงจะรู้สึกลำบากใจเหมือนกันนะครับ

  :smiley_confused1:

 ลองพิจารณาจากข้อมูล

 ลูกดุมที่เขาประกอบทำเป็นแหวนในที่นั้นๆ
ทำด้วยทอง,
ห่วงทำด้วยเงิน,
แหวนวงหนึ่งที่ท่ามกลางกระหม่อม,
หลังหูทั้งสอง ๒ วง,
ที่หลุมคอ ๑ วง,
ที่เข่าทั้งสอง ๒ วง,
ที่ข้อศอกทั้งสอง ๒ วง,
ที่ข้างสะเอวทั้งสอง ๒ วง ดังนี้.

  ผมว่าลักษณะไม่เหมือนในภาพที่เป็นตัวอย่างครับ

   1.ชุดนี้ไม่ปิดข้อศอก  ที่ข้อศอกทั้งสอง ๒ วง, ควรจะต้องมองเห็นได้ง่ายเป็นที่สะดุดตา
   2.ชุดนี้ไม่ปิดหัวเข่า  ที่เข่าทั้งสอง ๒ วง,
   3.ชุดนี้ไม่ปิดสะเอว  ที่ข้างสะเอวทั้งสอง ๒ วง
   4.ตรงส่วนคอเปิดไม่มีปก ที่หลุมคอ ๑ วง

ลองจินตนาการดูครับ

  :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 16, 2012, 07:49:26 pm โดย kindman »
บันทึกการเข้า