คนงานที่บ้านผม ได้นำปัญหาเข้ามาปรึกษาเจ้านายอย่างผมว่า
ตอนนี้ภรรยาเก่า ที่เลิกร้างกันไปตั้งนานนั้น หลายปี ตอนนี้ได้อุ้มลูมาสองคน
เพื่อที่จะนำมาให้อุปการะ โดยที่เธอนั้นก็ไม่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันเข่นสามีภรรยา
เพียงแต่มาบอกว่า ต้องการให้อุปการะเด็กทั้งสองคน คนหนึ่ง 5 ขวบ อีกคน 3 ขวบ
เป็นหญิงชาย เธอเพียงแต่บอกอดีตสามีว่า ไม่รู้จะไปพึ่งใคร เพราะเธอจะไปทำงานต่างประเทศ
อดีตสามีก็อึ้งอยู่หลายวัน มาปรึกษาผม ๆ ก็บอกแต่เพียงว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ภาระ เป็นสิ่งที่เราไม่ควรจะมี
คือผมออกความคิด ว่าอย่าไปแบกภาระ
แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ คนงานผมก็รับอุปถัมภ์เด็กทั้งสองไว้
( ในโลกยังมีคนที่โง่อย่างนี้อยู่อีกหรือนี่ ผมคิดในใจ )
หลังจากอุปถัมภ์เด็กไว้หลายเดือน วันนั้นก็มีโอกาสไปซื้อต้นไม้กับผมที่จตุจักร
โลกนี้จะว่ากว้าง ก็ กว้าง จะว่าแคบ ก็ ว่าแคบ
เจ้าลูกน้องผมดันไปเจอ อดีตภรรยาที่บอกว่าจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ที่สวนจตุจักร
โดยแม่คุณก็เปิดร้านขายต้นไม้ กับสามีใหม่ ผมได้เจอตัวจริงครั้งแรก เธอจัดว่าสวยครับ
อายุแค่ 32 ปี ถ้าเจ้าลูกน้องผมไม่บอกว่านี่เป็นอดีตภรรยาเขา ละก็ ผมคงไม่มองแบบติดลบแน่
เจ้าลูกน้องผม เจอตัวแล้วก็รีบเข้าไปคุย แต่ก็สงวนท่าที เพราะผู้หญิงทำเป็นไม่รู้จัก บอกว่าทักคนผิด
ก็เลยทึกทักเอามากไม่ได้ เจ้าลูกน้องผมก็มานอนกลุ้มอยู่หลายวันก่อนที่จะอนุญาตพาเด็กทั้งสองไปหาแม่
ในอีกอาทิตย์ต่อมา แล้วทั้งหมดก็กลับมาด้วยความเศร้าสร้อย
เพราะผู้หญิงที่พบปฏิเสธว่าไม่รู้จักเด็กทั้งสอง
แต่เด็กทั้งสองก็ยืนยันว่าเป็นแม่ของตนจริง ๆ เพราะแม่มีปานที่ข้อศอก
เจ้าลูกน้องผม ช่วงนี้ไม่เป็นอันจะทำงาน คอยจะลาไปที่สวนจตุจักร จนในที่สุด
ก็โดนสามีผู้หญิงสั่งลูกน้อง ่จัดการ
หน้าตาบวมปูดกลับมา
คราวนี้เหมือนไม่มีทางออก ก็เลยมาปรึกษาผม ว่าจะทำอย่างไรดีครับเจ้านาย เ้รื่องมันเป็นอย่างนี้
ส่วนผมเองก็ไม่สันถัดชีวิตแบบนี้ เพราะเห็นว่าผิดตั้งแต่ไปรับเด็กมาแล้ว หรือ จะเป็นบุญของเด็ก
ก็ไม่ทราบ เพราะเจ้าลูกน้องผมคนนี้ก็เป็นคนใฝ่ธรรมะ ชอบนั่งกรรมฐานกับผมอยู่เหมือนกัน
เล่าให้เพื่อนสมาชิก แสดงความเห็น เสนอทางออกหน่อยครับ
ผมเมล์ไปหาพระอาจารย์ พระอาจารย์ท่านตอบมาสั้น ๆ ว่้า
"เดิมโลกไม่มีเรื่อง คนโง่หามาเอง ปัญหาที่ไม่มีทางออก ก็ให้ออกตรงทางที่เข้า"
ผมอ่านแล้วก็ยังมึน ๆ อยู่ครับ