สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

ธรรมะสาระ => สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ มีนาคม 22, 2012, 02:29:41 pm



หัวข้อ: ปิติของผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 22, 2012, 02:29:41 pm
(http://www.1442125mhz.com/index.php?PHPSESSID=366354f192cee1fb8168746680ef8fd5&action=dlattach;topic=1211.0;attach=464;image)

พุทฺโธติ กิตฺตยนฺตสฺส     กาเย ภวติ ยา ปีติ
วรเมว หิ สา ปีติ          กสิเณนาปิ ชมฺพุทีปสฺส
                                                                                               
ความปิติโสมนัสที่เกิดในกาย
ของบุคคลผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ"
ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป



ที่มา : ที. อฏ. ๑/๕๓
หนังสือพระปริตรธรรม (พระคันธสาราภิวงศ์ ธรรมาจริยะ, อภิวังสะ)
ขอบคุณภาพจาก http://www.1442125mhz.com/ (http://www.1442125mhz.com/)



(http://4.bp.blogspot.com/-Dbx-8cQ_ZbU/UV1QMN-hL6I/AAAAAAAACYE/vaOh7HTbWgU/s1600/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C1.jpg)

อรรถกถา ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค
พรหมชาลสูตร

ถามว่า ก็เพราะเหตุไรจึงตรัสดังนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสรรเสริญปีติ และโสมนัสในพระรัตนตรัยนั่นเทียว โดยพระสูตรหลายร้อยสูตร มีอาทิอย่างนี้ว่า

  "ผู้ที่ประกาศว่า พุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ เกิดปีติไปทั่วกาย ก็ปีตินั้นประเสริฐกว่าชมพูทวีปเสียอีก"

  และว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ชนเหล่านั้นชื่อว่าเลื่อมใสในวัตถุอันเลิศดังนี้ มิใช่หรือ?

ตอบว่า ตรัสสรรเสริญไว้จริง แต่ปีติและโสมนัสนั้นเกี่ยวกับเนกขัมมะในที่นี้ทรงประสงค์ปีติและโสมนัสที่เนื่องด้วยการครองเรือนอย่างที่เกิดขึ้นแก่ท่านพระฉันนะ โดยนัยว่า พระพุทธเจ้าของเรา พระธรรมของเรา ดังนี้เป็นต้น.

    ด้วยว่า ปีติและโสมนัสที่เนื่องด้วยการครองเรือนนี้ ย่อมกระทำอันตรายแก่การบรรลุฌาน เป็นต้น.
    ด้วยเหตุนั้นแหละ แม้ท่านพระฉันนะจึงไม่สามารถที่จะทำคุณวิเศษให้บังเกิดได้ตลอดเวลาที่พระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จปรินิพพาน.
    แต่ท่านได้ถูกคุกคามด้วยพรหมทัณฑ์ที่ทรงบัญญัติไว้ในปรินิพพานสมัย
    ละปีติและโสมนัสนั้นได้แล้ว จึงยังคุณวิเศษให้บังเกิดได้.

    เพราะฉะนั้น พึงทราบว่าปีติและโสมนัสที่ตรัสแล้วนี้
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสหมายปีติและโสมนัสที่ทำอันตรายเท่านั้น.
    ก็ปีตินี้ที่เกิดพร้อมกับความโลภ และความโลภก็เช่นกับความโกรธนั่นเอง.
               อย่างที่ตรัสไว้ว่า (๗-)
                         คนโลภย่อมไม่รู้อรรถ คนโลภย่อมไม่เห็นธรรม
                         เมื่อนรชนถูกความโลภครอบงำ ย่อมมืดตื้อทันที
                         ความโลภก่อให้เกิดความพินาศ ความโลภทำให้จิต
                         อยากได้ ชนไม่รู้จักความโลภนั้นซึ่งเป็นภัยเกิดในภายใน ดังนี้.

                         
____________________________
(๗-) ขุ. อิติ. เล่ม ๒๕/ข้อ ๒๖๘


อ้างอิง : อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=09&A=1&Z=1071 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=09&A=1&Z=1071)
ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=3 (http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=3)
ขอบคุณภาพจาก http://4.bp.blogspot.com/ (http://4.bp.blogspot.com/)


หัวข้อ: พระฉันนะไม่บรรลุคุณวิเศษ เพราะมีปิติมากเกินไป
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ ธันวาคม 15, 2013, 11:21:56 am


    ask1 ask1 ans1 ans1
   
    ปิติมีทั้งคุณและโทษ ดังข้อธรรมในอรรถกถา ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค พรหมชาลสูตร
    ปิติที่เกิดพร้อมความโลภก็มี แม้พระฉันนะที่ไม่สามารถบรรลุคุณวิเศษได้ ก็เพราะมีปิติมากเกินไป
    ต่อเมื่อโดยลงพรหมทัณฑ์ จึงละปิติได้ สำเร็จอรหันต์ในที่สุด

    ในกรรมฐานมัชฌิมาฯ ได้นำเอาพระธรรมปิติมาอยู่ในห้องพุทธานุสติซึ่งเป็นห้องแรก
    ศิษย์กรรมฐานมัชฌิมาฯทุกท่าน หากปฏิบัติถูกทางจะเกิดปิติในทุกๆฐานจิต
    ปิติในห้องนี้ เป็นปิติที่มีคุณ มีคุณอย่างไร ใครอยากรู้ต้องปฏิบัติเอาเอง

     :25: :25: :25:
   


หัวข้อ: Re: ปิติของผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ ธันวาคม 29, 2013, 09:25:55 pm
 st12 st12 st12 st12


หัวข้อ: Re: ปิติของผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ ธันวาคม 30, 2013, 10:16:01 pm
พุทโธเน้น เน้น!
(http://i95.photobucket.com/albums/l131/chingdong_2006/91208b55c270kd9.gif)

      พุทโธสัปยุทธ      เนื่องนับเร่งรุจ      สังโยชน์ปหาน
หทัยนาภี         วิถีห้าฐาน      มิผูกลมปราณ      เพียรตามลำดับ

      อนุโลมล้างธาตุ      อย่าเขลาปรามาส      กายล้าอ่อนพับ
เสริมธาตุปฏิโลม      ล้าโซมระงับ      พุทโธฐานจับ      ฟอกธาตุฟอกกาย

      กรรมฐานเป็นยา      ใจดื่มกายทา      เพียรไว้อย่าหน่าย
ทรัพย์เขื่องเนื่องกอง   เขลาข้องอบาย      เพียงพอให้จ่าย      บารมีบุญตัว

      ทวีปชมพู         ดินหินทรายกู      เป็นเฒ่าเขลาขรัว
เกษตรกษัตริย์      จักรพรรดิทำชั่ว      มากหลากเมียผัว      ปรักปรายคงจร

      รู้ตื่นเบิกบาน      พุทโธปหาน      ภพบั่นชาติทอน
ตามอย่างเยื่องบาท   พระศาสดาสอน      สุก ญาณสังวร      นามนี้ไปขมา

      ใคร่อยากคิดเพียร      กรรมฐานไปเรียน      วัดพลับคณะห้า
หลวงพ่อพระครูฯ      ท่านอยู่ศึกษา      สืบศานต์ปวารณา      หนึ่งเกจิสงฆ์

      ทรัพย์ทุนภายใน      สร้างเสริมมีไว้      สินทรัพย์นอกปลง
ตัณหามากเกิด      ใช่เพริศอาจอง      จิตนี้ยืนยง      ให้สราญสนานธรรม      

                                                                                                            ธรรมธวัช.!

      :character0029:            st12            :character0029:            st12            :character0029:     


หัวข้อ: Re: ปิติของผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ มีนาคม 08, 2017, 09:13:01 am



(http://www.madchima.net/forum/gallery/30_08_03_17_9_02_11.jpeg)


     คำว่า "หลง" ภาษาบาลีใช้คำว่า โมหะ
     ความหมายตามพจนานุกรมพุทธศาสน์ คือ ความหลง, ความไม่รู้ตามเป็นจริง, อวิชชา
     อีกคำหนึ่งที่น่าสนใจ คือ โมโห
     โมโห แปลว่า โกรธ, ขุ่นเคือง
     ตามรูปศัพท์เป็นคำภาษาบาลี ควรแปลว่า “ความหลง” แต่ที่ใช้กันมาในภาษาไทย ความหมายเพี้ยนไปเป็นอย่างข้างต้น


หัวข้อ: Re: ปิติของผู้เปล่งวาจาว่า "พุทโธ" ประเสริฐกว่าสมบัติทั้งปวงในชมพูทวีป
เริ่มหัวข้อโดย: Jeasical ที่ มกราคม 22, 2019, 01:44:29 pm
สาธุๆๆ