ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - ธัมมะวังโส
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 132
41  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เคยเห็นกันไหม.? ลอดท้องช้างแบบ Drive Thru ที่วัดบางจาก นนทบุรี เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2023, 01:48:03 pm
 st11 st12
42  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ถาม เข้า เฟส ธัมมะวังโส ไม่ได้ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2023, 02:30:23 pm
ถาม แล้ว พอจ จะทำอย่างไรต่อไปครับ จะสร้างเฟสใหม่หรือไม่ครับ

ตอบ ตอนนี้ยังไม่อยากสร้างใหม่ แต่จะพยายามดูแลเฟสที่เหลืออันเดียว นั้นให้มีข้อความธรรมให้มากที่สุด แต่อย่างไรการถูก Hack ก็ยังมีต่อเนื่องถ้าไม่ได้อ่านข้อความก็แก้ไขไม่ได้สัก เฟส
43  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม เข้า เฟส ธัมมะวังโส ไม่ได้ครับ เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2023, 02:26:56 pm
ถาม เข้า เฟส ธัมมะวังโส ไม่ได้ครับ

ตอบ โดน Hack ไปยื่นเอกสารกู้เฟสคืนไม่ผ่าน เพราะ พอจ ไม่มีบัตรประชาชน เลยไม่สามารถกู้เฟสกลับมาได้
44  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: แม่บทย่อย รตนสูตร ขจัดเภทภัย ทั้ง 3 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2023, 02:25:33 pm
ถาม บทสวดไล่ผี ในมูลกรรมฐาน มีกี่บท ครับ
ตอบ ก็มีหลายบท แต่ส่วนใหญ่ จะใช้อยู่สองบท คือ ถ้าเป็นพระโสดาบันให้ใช้ รัตนสูตร แต่ถ้าเป็น อุบาสก อุบาสิกา ที่ใสทำนองต่าง ๆได้ท่านให้ใช้ อาฏานาติยะสูตร (ภาณยักษ์ )
เจริญธรรม / เจริญพร
เรื่องของมนต์ แนวทางปัญญามักจะมองว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์ นั่นเป็นเพราะว่า มีปัญญามากไป ทำอภิญญาไม่ได้ ก็เลยคิดว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ผี อมนุษย์ ( มาร อสูร ยักษ์ ปิศาจ ) เป็นสิ่งที่มีอยู่ปัจจุบันซ่อนเร้นมากขึ้นคลุกคลีเข้าไปอยู่ในหมู่มนุษย์ด้วยรูปแบบคล้ายกับมนุษย์ เพราะ อมนุษย์ เหล่านี้ก็เริ่มปรับตัวให้อยู่รอดเช่นกัน บรรดาอมนุษย์เหล่านี้จักพยายามสอนให้คนหลงผิด ไปลัทธิผิด แล้วสอนให้ไม่นับถือศาสนา ไม่มีศาสนา ดังนั้นมนุษย์ ก็ต้องพยายามประดับความรู้ ความศรัทธาในศาสนาเอาไว้ เพื่อหยุดยั้งบรรดาอมนุษย์เหล่านี้ มนุษย์ผู้หลงทางทำผิดย่อมเป็นเหยื่ออันโอชะของอมนุษย์เพราะขาดศีล สมาธิ ปัญญา
45  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: แม่บทย่อย รตนสูตร ขจัดเภทภัย ทั้ง 3 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2023, 02:25:03 pm
มนต์เสกอันยิ่งใหญ่ ใครกลัวผี ก็ไปพยายามสวดให้ได้ บทสวดนี้ใช้ทำน้ำมนต์ สวดไล่ผี ชะงัดแล
https://youtu.be/hymYs8c4T-4
เจริญธรรม /เจริญพร
ในมูลกรรมฐาน บทสวดนี้ห้ามใช้การประกอบดนตรี และทำนองเสนาะ เช่น สรภัญญะ ท่านห้ามเลยเพราะถ้าใช้แบบนั้น มนต์นี้จะไม่มีอานุภาพ แต่จะมีอานุภาพมาก คือ สาวกตั้งแต่โสดาบัน ขึ้นไปสวด ดังนั้น พระพุทธเจ้าจึงทรงตรัสสอนพระอานนท์ แล้วให้พระอานนท์เป็นผู้เสกน้ำมนต์ปะพรม ในเมือง เวสาลี
46  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / แม่บทย่อย รตนสูตร ขจัดเภทภัย ทั้ง 3 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2023, 02:24:44 pm
แม่บทย่อย รตนสูตร ขจัดเภทภัย ทั้ง 3
======================= 
เอวํ ภควโต เวสาลึ อนุปฺปตฺตทิวเสเยว เวสาลีนครทฺวาเร เตสํ
อุปทฺทวานํ ปฏิฆาตตฺถาย วุตฺตมิทํ รตนสุตฺตํ อุคฺคเหตฺวา อายสฺมา อานนฺโท
ปริตฺตตฺถาย ภาสมาโน ภควโต ปตฺเตน อุทกมาทาย สพฺพํ นครํ อพฺภุกฺกิรนฺโต
อนุวิจริ. ยํ กิญฺจีติ วุตฺตมตฺเตเยว ปน เถเรน เย ปุพฺเพ อปลาตา
สงฺการกูฏภิตฺติปเทสาทินิสฺสิตา อมนุสฺสา, เต จตูหิ ทฺวาเรหิ ปลายึสุ, ทฺวารานิ
อโนกาสานิ อเหสุ ํ. ตโต เอกจฺเจ ทฺวาเรสุ โอกาสํ อลภมานา ปาการํ ภินฺทิตฺวาปลาตา. อมนุสฺเสสุ คเตสุ มนุสฺสานํ คตฺเตสุ โรโค วูปสมนฺโต, เต
นิกฺขมิตฺวา สพฺพคนฺธปุปฺผาทีหิ เถรํ ปูเชสุ ํ. มหาชโน นครมชฺเฌ สณฺฐาคารํ
สพฺพคนฺเธหิ วิลิมฺปิตฺวา รตนขจิตํ วิตานํ กตฺวา สพฺพาลงฺกาเรหิ อลงฺกริตฺวา
ตตฺถ พุทฺธาสนํ ปญฺญาเปตฺวา ภควนฺตํ อาเนสิ.
------------------------------------------------
ดังนั้น ในวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงเวสาลีนั่นเอง รัตนสูตรนี้ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสใกล้ประตูกรุงเวสาลี เพื่อกำจัดอุปัทวะเหล่านั้น ท่านพระอานนท์ก็เรียนเอา เมื่อจะกล่าวเพื่อเป็นปริตร [ป้องกันอุปัทวะ] จึงเอาบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าตักน้ำมา เดินประพรมไปทั่วพระนคร. พอพระเถระกล่าวว่า ยงฺกิญฺจิ เท่านั้น พวกอมนุษย์ที่อาศัยกองขยะและที่ฝาเรือนเป็นต้น ซึ่งยังไม่หนีไปในตอนแรก ก็พากันหนีไปทางประตูทั้ง ๔. ประตูทั้งหลายก็ไม่มีที่ว่าง อมนุษย์บางพวก เมื่อไม่ได้ที่ว่างที่ประตูทั้งหลาย ก็ทลายกำแพงเมืองหนีไป. พอพวกอมนุษย์พากันไปแล้ว ที่เนื้อตัวของพวกมนุษย์ทั้งหลาย โรคก็สงบไป พวกมนุษย์ทั้งหลายก็พากันออกมาบูชาพระเถระด้วยดอกไม้ของหอมเป็นต้นทุกอย่าง มหาชนเอาของหอมทุกอย่างฉาบทาสัณฐาคารที่ประชุม ท่ามกลางพระนคร ทำเพดานขจิตด้วยรัตนะ ประดับด้วยเครื่องประดับทั้งปวง ปูพุทธอาสน์ลง ณ ที่นั้นแล้วนำเสด็จพระผู้มีพระภาคเจ้ามา.
----------------------------------------------------
ถาม คาถาไล่ผี มีไหมค่ะ ขอ พอจ สอนหน่อย
บท รตนสูตร เป็นบทเสกน้ำมนต์ไล่ผี แม้ไม่เสกน้ำมนต์ แค่สวดให้ อมนุษย์ได้ยิน ก็อยู่ฟังไม่ได้ เชิญท่านทั้งหลายสวดกันให้เป้นประจำ ไล่ผีชะงัดแล
เจริญธรรม / เจริญพร
47  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เช็คลิสต์ 5 ข้อ คุณพร้อมสละโสดไหม เพิ่มความมั่นใจว่าพร้อมมีชีวิตคู่จริง เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2023, 02:23:53 pm
 st11 st12
48  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ค่าไฟแพง FT พุ่ง ติดโซลาร์เซลล์อาจไม่ตอบโจทย์.? เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2023, 09:54:17 am
 st11 st12 thk56
49  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: “แก่งจัน” หนึ่งในแก่งหินอันตรายที่สุดในแม่น้ำโขง ที่บันทึกในประวัติศาสตร์ เมื่อ: พฤษภาคม 19, 2023, 09:52:54 am
 st11 st12 thk56
50  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: อายุเป็นเพียงตัวเลข : จะแก่แค่ไหน ขอให้หัวใจเกินร้อย เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2023, 12:28:49 pm
 :25: st11 st12 st12
51  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / แม่บท ธาตุวิภังคสูตร ( อนาคามี ) เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:21:10 am
แม่บท ธาตุวิภังคสูตร ( อนาคามี )
=========================
ธรรมเทสนา กับ บุคคลผู้ฝึก อานาปานสติ ในกายานุปัสสนา ถึง เวทนานุปัสสนาในที่นี้คือ ปุกกุสาติ
ใจความย่อ
คนเรามีธาตุ 6
ปฐวีธาตุ
เตโชธาตุ
อาโปธาตุ
วาโยธาตุ
อากาสธาตุ
วิญญาณธาตุ
มีแดนสัมผัส 6
จักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กาย มโน
มีความนึกหน่วงในใจ 18
เห็นรูป ด้วย จักษุ นึกหน่วง รูป เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
เห็นรูป ด้วย จักษุ นึกหน่วง รูป เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
เห็นรูป ด้วย จักษุ นึกหน่วง รูป เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
ฟังเสียง ด้วย โสตะ นึกหน่วง เสียง เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
ฟังเสียง ด้วย โสตะนึกหน่วง เสียง เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
ฟังเสียง ด้วย โสตะ นึกหน่วง เสียง  เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
ดมกลิ่น ด้วย ฆานะ นึกหน่วง กลิ่น เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
ดมกลิ่น ด้วย ฆานะ นึกหน่วง กลิ่น เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
ดมกลิ่น ด้วย ฆานะ นึกหน่วง กลิ่น  เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
ลิ้มรส ด้วย ชิวหา นึกหน่วง รส เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
ลิ้มรส ด้วย ชิวหา นึกหน่วง รส เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
ลิ้มรส ด้วย ชิวหา นึกหน่วง รส  เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
ถูกต้อง โผฏฐัพพะ ด้วย กาย นึกหน่วง โผฏฐัพพะ เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
ถูกต้อง โผฏฐัพพะ ด้วย กาย นึกหน่วง โผฏฐัพพะ เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
ถูกต้อง โผฏฐัพพะ ด้วย กาย นึกหน่วง โผฏฐัพพะ เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
รู้ธรรมารมณ์ ด้วย มโน นึกหน่วง ธรรมารมณ์ เป็นที่ตั้งแห่งโสมนัส
รู้ธรรมารมณ์ ด้วย มโน นึกหน่วง ธรรมารมณ์ เป็นที่ตั้งแห่งโทมนัส
รู้ธรรมารมณ์ ด้วย มโน นึกหน่วง ธรรมารมณ์ เป็นที่ตั้งแห่งอุเบกขา
บุคคลควรตั้งไว้ในธรรม 4
มีปัญญาควรเป็นที่ตั้งไว้ในใจ ( ไม่พึงประมาท )
มีสัจจะเป็นธรรมที่ตั้งไว้ในใจ ( รักษาสัจจะ )
มีจาคะเป็นธรรมที่ตั้งไว้ในใจ ( เพิ่มพูนจาคะ )
มีอุปสมะเป็นธรรมที่ตั้งไว้ในใจ ( ศึกษาสันติ )
โสดาปัตติมรรค
พึงเห็น  ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ  อาโปธาตุ วาโยธาตุ อากาสธาตุ นั้นด้วยปัญญาชอบตามความเป็นจริงอย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเราไม่ใช่เรา ไม่ใช่อัตตาของเรา ครั้นเห็นแล้ว จะเบื่อหน่าย ปฐวีธาตุ เตโชธาตุ  อาโปธาตุ วาโยธาตุ อากาสธาตุ และจะให้จิตคลายกำหนัด  อากาสธาตุได้ ฯ
เวทนานุปัสสนา กำหนด รู้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ด้วย วิญญาณธาตุ
ย่อมรู้อะไร ๆ ด้วย วิญญาณ
เพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา ย่อมเกิดสุขเวทนา
บุคคลนั้นเมื่อเสวยสุขเวทนา ย่อมรู้สึกว่า กำลังเสวยสุขเวทนาอยู่
เพราะผัสสะ เป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนานั้นแลดับไป ย่อมรู้สึกว่า
ความเสวยอารมณ์ที่เกิดแตผัสสะนั้น
คือตัวสุขเวทนาอันเกิดเพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งสุขเวทนา
ย่อมดับย่อมเข้าไปสงบ
เพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา ย่อมเกิดทุกขเวทนา
บุคคลนั้นเมื่อเสวยทุกขเวทนา ย่อมรู้สึกว่า กำลังเสวยทุกขเวทนาอยู่
เพราะผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนานั้นแลดับไป ย่อมรู้สึกว่า
ความเสวยอารมณ์ที่เกิดแต่ผัสสะนั้น
คือตัวทุกขเวทนาอันเกิดเพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งทุกขเวทนา
ย่อมดับ ย่อมเข้าไปสงบ
เพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนา ย่อม
เกิดอทุกขมสุขเวทนา
บุคคลนั้นเมื่อเสวยอทุกขมสุขเวทนา ย่อมรู้สึกว่า กำลังเสวยอทุกขมสุขเวทนาอยู่ เพราะผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนานั้นแลดับไป
ย่อมรู้สึกว่าความเสวยอารมณ์ที่เกิดแต่ผัสสะนั้น
คือตัวอทุกขมสุขเวทนาอันเกิดเพราะอาศัยผัสสะเป็นที่ตั้งแห่งอทุกขมสุขเวทนา
 ย่อมดับ ย่อมเข้าไปสงบ
ต่อนั้นสิ่งที่จะเหลืออยู่อีกก็คือ อุเบกขา อันบริสุทธิ์ ผุดผ่อง อ่อนโยน สละสลวยและผ่องแผ้ว ฯ
ไต่ระดับขึ้นเวทนานุปัสสนาขั้นสูง เป็น อรูปฌาน
เมื่อเหลืออยู่แต่อุเบกขา อันบริสุทธิ์ ผุดผ่อง
อ่อนโยน สละสลวย และผ่องแผ้ว บุคคลนั้นย่อมรู้สึกอย่างนี้ว่า ถ้าเราน้อม
อุเบกขานี้ อันบริสุทธิ์ ผุดผ่องอย่างนี้ เข้าไปสู่
อากาสนัญจายตนฌาน วิญญานัญจายตนฌาน อากิญจัญญายตนฌาน เนวนาสัญญายตนฌาน
จิตนี้ก็เป็นสังขตะ บุคคลนั้นจะไม่คำนึง จะไม่คิดถึงความเจริญหรือความเสื่อมเลย เมื่อไม่คำนึง ไม่คิดถึง ย่อมไม่ยึดมั่นอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่หวาดเสียว เมื่อไม่หวาดเสียว ย่อมปรินิพพานเฉพาะตนทีเดียว ย่อมทราบชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี
กล่าวคำขอขมา เปลี่ยนคำเรียกว่า อาวุโส เป็นพระผู้มีพระภาค
พระพุทธเจ้ารับขอขมา ด้วยการเรียกว่า ภิกษุ
ปุกกุสาติ ได้หลีกออกไปหาจีวรและบาตร แต่ในระหว่างนั้น ถูกแม่โคขวิดตาย ภิกษุทั้งหลายได้ทูลถาม พระพุทธเจ้าว่า ปุกกุสาติ จักไปเกิดที่ไหนต่อ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า ปุกกุสาติ เป็น โอปปาติกะเทพแล้ว เพราะสิ้นสังโยชน์ 5 จักปรินิพพานในโลกนั้น ( สุทธาวาส 5 ) จะไม่กลับมาเกิดในโลกมนุษย์อีกต่อไป
่จบ ธาตุวิภังคสูตร
52  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ลำดับคำทำนายหลวงปู่ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:20:31 am
ลำดับคำทำนายหลวงปู่
โรคภัยระบาดทั่วโลก ( โควิด -19 ) อันนี้เป็นจริงแล้วจะจบปี พ.ศ.2586
ถัดจากนี้จะเป็นสงครามโลก ตามคำทำนายจะเหลืออีก 20 กว่าปี แต่ตอนนี้ก็เริ่มกรุ่นๆบ้างแล้ว จะเห็นว่าตอนนี้ รัฐเซีย เริ่มใช้ นิวเคลียร์ สหรัฐเริ่มซ้อมรบ และ มีการยิงถล่มบอลลูนของจีนไปวันก่อน และเจาะจงการซ้อมรบระบุไว้ในแผนรบว่า ซ้อมรบเตรียมรับมือประเทศจีน จะเห็นได้ว่า จีน กับ สหรัฐ เริ่มระหองระแหงกันไปเรื่อย ๆ และจีนเองก็ประกาศศักดานุภาพ ทางเทคโนโลยีว่าทัดเทียมกับ สหรัฐ ดังนั้นเหมือนเริ่มตั้งป้อมกันแล้ว ในขณะนี้
คำทำนายหลวงปู่ข้อนี้เริ่มจะถึง สงครามโลก ตอนนี้เริ่มส่อแววแล้ว
ฟังมาตอนนั้นก็เฉย ๆ 10 ปีแล้วแต่ตอนนี้ สงครามโลกเริ่มกรุ่นแล้ว
เจริญธรรม / เจริญพร
หัวข้อนี้ไปอ่านได้ในห้องศิษย์สายตรง
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=22250.0
53  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จากใจจริง ๆ ของ ธัมมะวังโส เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:19:56 am
จากใจจริง ๆ ของ ธัมมะวังโส
=====================
อะไร ๆ ก็ไม่สำคัญเลย ถ้าเราไม่เกิดแล้ว สิ่งที่จะมีในอนาคตและปัจจุบันตลอดถึงอดีตที่ผานมาแล้ว ล้วนไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย พอทบทวนแล้ว มีเพียงสภาวะแค่รอจากกันเท่านั้น เป็นความผูกพันอันสุดท้าย
มูลกรรมฐาน จะอยู่หรือไม่อยู่ จะมีต่อหรือไม่มีต่อ ก็ไม่มีผลอะไร เมื่อ ธัมมะวังโส ละสังขารแล้วก็จบกันทุกอย่าง ที่เหลือก็เป็นเพียงนามธรรม หาได้มีอะไรมาช่วยเหลืออะไร ธัมมะวังโส
ดังนั้น ปัจจุบัน ธัมมะวังโส ยังอยู่ ทุกท่านยังมีโอกาสเรียนธรรม กรรมฐาน หรือฉวยประโยชน์จากการเป็นเนื้อนาบุญเพื่อเตรียมตัวไว้ในชาตินี้และชาติต่อไปเท่านั้น ทุกอย่างอยู่ที่ปัญญาของผู้ติดตาม
หลายท่านรอว่าจะภาวนาเมื่อ ธัมมะวังโส ละสังขารแล้ว
ก็เป็นแผนของพวกท่าน แต่จะทำได้หรือไม่นั้น ก็ต้องบอกว่า ต้องพยายามศึกษาสิ่งที่สอนไว้ให้เข้าใจจริง ๆ ก็คงจะทำได้ แต่ถ้าเป็นคนไม่ค่อยศึกษาไม่ค่อยได้ติดตามฟังอีกด้วย อันนี้ต้องบอกว่า น่าจะยากอยู่นะ แบบนี้
เจริญธรรม / เจริญพร
54  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เมื่อผู้อื่นทำความดี ศิษย์มูลกรรมฐาน ต้องทำเป็นสิ่งแรก คือ ปัตตานุโมทนามัย เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:19:31 am
เมื่อผู้อื่นทำความดี ศิษย์มูลกรรมฐาน ต้องทำเป็นสิ่งแรก คือ ปัตตานุโมทนามัย ( ยินดีที่เขาทำดี ด้วยการกล่าวสาธุ อนุโมทนาในกุศล ) ไม่ใช่ไปตำหนิใครๆ ด้วยการทำความดีนั้นให้ต่ำลง
สาธุ สาธุ อนุโมทามิ ถ้าอย่างนี้สมศักดิ์ศรีในการเป็นศิษย์ในสายมูลกรรมฐาน กัจจายนะ หน่อย ดังนั้นเวลาคนอื่นทำความดี ไม่ใช่ไปอิจฉาเขา หรือ ตำหนิเขา หรือเห็นว่าเขาช่วงชิงความดีไป ตนเองไม่ได้ในความดีนั้น หรือคิดว่า เราทำไม่ได้แบบเขา เลยรู้สึกว่าเขาเหนือกว่าในการทำความดีนั้น ทำให้ตนเองรู้สึกด้อย ถ้าอย่างนี้เป็นการตั้งจิตผิด ไม่ถูกต้องในความดีพื้นฐาน
ดังนั้นหากมีผู้อื่นทำความดี หรือ ทำความดีได้ดีมากกว่า สิ่งที่ควรทำเพื่อไม่ให้จิตใจเราต่ำลง เพราะอิจฉา หรือ น้อยใจ ท่านจึงให้ทำบุญด้วยการ ยินดีในความดีที่คนอื่นทำเรียกว่า ปัตตานุโมทนามัย
ขอให้ท่านทั้งหลายจงกล่าวคำว่า สาธุ อนุโมทนา ในกุศลกันบ่อย ๆ จิตใจจะได้ไม่ตกต่ำนั่นเอง
เจริญธรรม / เจริญพร
55  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ในมูลกรรมฐาน กัจจายนะ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ ระหว่าง ครูอาจารย์ และ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:19:10 am
ในมูลกรรมฐาน กัจจายนะ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือความสัมพันธ์ ระหว่าง ครูอาจารย์ และ ศิษย์ กล่าวได้ว่าเป็นธรรมเนียมตั้งแต่พุทธกาล ถึงปัจจุบัน ว่าครูอาจารย์เป็นผู้ที่ศิษย์พึงเคารพ
พระราหุลเป็นต้นแบบส่วนนี้ กล่าวได้ว่า พระสารีบุตรอุปัชฌาย์อยู่ทิศใด พระราหุลต้องหันศรีษะไปยังทิศนั้น แสดงถึงความเคารพและระลึกถึงครูอาจารย์เป็นอย่างมาก และเคารพในคำสั่ง คำสอนเสมอ ๆ
ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่าง ครู กับ ศิษย์ จึงเป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนสัญญาต่อกันและกัน จนจากกัน ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ก็จะทำกันได้ 90 เปอร์เซ็นต์มีเพียงเล็กน้อยที่เลิกราจากกัน
แต่ในปัจจุบันศิษย์ที่สืบสายกรรมฐาน นับว่าหาได้ยาก ดังนั้นผู้ที่รักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ได้ต้องบอกว่า น่าชื่นชม จริง ๆ
เจริญธรรม / เจริญพร
56  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การเจริญธาตุกรรมฐาน ในแบบพระโมคคัลลานะ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:16:17 am
การเจริญธาตุกรรมฐาน ในแบบพระโมคคัลลานะ นั้นสามารถสำเร็จคุณธรรม ได้ ถึง ระดับอรหันต์
เช่นการเดินจงกรมธาตุ การเข้าธรรมในมัชฌิมา สามารถสำเร็จคุณธรรมได้ถึงระดับ อรหันต์ แต่โอกาสนั้นน้อยมาก 10000 ท่าน อาจจะมี 1 ท่าน
แต่ถ้าทำการเจริญด้วย วิภังคธาตุ แบบ ปุกกุสาติ โอกาสจะเป็นอนาคามี ค่อนข้างจะมากอยู่ เกิน 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้่นแม่บทท่านจึงยก วิภังธาตุนำมาใช้ในการทำดวงธาตุ แต่อย่างไรแท้จริงใน พุทธานุสสติท่านประสงค์แค่ โสดาบัน ดังนั้นการเจริญ พุทธานุสสติ แบบ มัชฌิมา นั้นรับรองว่าได้ โสดาบัน 90 เปอร์เซ็นต์ มันมีหวังได้แน่ ในอริยะโสดาบัน
เจริญธรรม / เจริญพร
งามใดในโลกนี้ไม่เท่ากับสตรีที่งามด้วยศีล
ศีลย่อมทำให้สตรีงดงามทั้งต่อหน้าและลับหลัง
57  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม ออกจากกรรมฐาน เราควรทำอะไรต่อครับ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:15:40 am
ถาม ออกจากกรรมฐาน เราควรทำอะไรต่อครับ
ตอบ
1. นั่งนิ่งๆสักพัก
2. ลุกไปทำกิจกรรม สำหรับ พอจ
( แปรงฟัน ล้างหน้า โกนหนวด อาบน้ำ กินยา ซักผ้า อื่น ๆ )
ก็ทำสิ่งที่จำเป็น นั่นแหละ ดังนั้นหลังออกกรรมฐาน ก็ต้องนั่งนิ่ง ๆ สักพักเป็นการปรับร่างกายก่อนไปทำอะไร คำว่า สักพัก ก็แล้วแต่ละคนอาจจะ 5 นาที ถึง 15 นาที สำหรับ พอจ ก็ประมาณ 10 นาที
อารมณ์หลังออกกรรมฐาน มันจะเหมือนพึ่งตื่น ดังนั้นต้องปรับสายตาต้องปรับร่างกายค่อย ๆ สตาร์ท ไม่ผลุนผลันเกินไป
เจริญธรรม / เจริญพร
58  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม อะไรเป็นเรื่องที่ควรตั้งไว้ในการทำสมาธิครับ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:12:32 am
ถาม อะไรเป็นเรื่องที่ควรตั้งไว้ในการทำสมาธิครับ
ตอบ มีแม่บทนะ เรื่องแรกของการทำสมาธิ
====================================
 ภิกฺขเว  ภิกฺขุ  วิวิจฺเจว  กาเมหิ วิวิจฺจ  อกุสเลหิ  ธมฺเมหิ  สวิตกฺกํ  สวิจารํ  วิเวกชํ  ปีติสุขํ  ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช    วิหรติ    วิตกฺกวิจารานํ   วูปสมา   อชฺฌตฺตํ   สมฺปสาทนํ เจตโส   เอโกทิภาวํ   อวิตกฺกํ   อวิจารํ  สมาธิชํ  ปีติสุขํ  ทุติยํ  ฌานํ อุปสมฺปชฺช  วิหรติ  ปีติยา  จ  วิราคา  อุเปกฺขโก  จ  วิหรติ  สโต  จ สมฺปชาโน   สุขญฺจ   กาเยน   ปฏิสํเวเทติ   ยนฺตํ   อริยา  อาจิกฺขนฺติ
อุเปกฺขโก   สติมา   สุขวิหารีติ  ตติยํ  ฌานํ  อุปสมฺปชฺช  วิหรติ  สุขสฺส
จ    ปหานา   ทุกฺขสฺส   จ   ปหานา   ปุพฺเพว   โสมนสฺสโทมนสฺสานํ
อตฺถงฺคมา     อทุกฺขมสุขํ     อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ     จตุตฺถํ     ฌานํ
อุปสมฺปชฺช   วิหรติ  อยํ  ภิกฺขเว  สมาธิภาวนา  ภาวิตา  พหุลีกตา
ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตติ ฯ
----------------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมาธิภาวนาอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่ออยู่เป็นสุขในปัจจุบันเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร เพราะวิตกวิจารสงบไป มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิอยู่ มีอุเบกขามีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกายเพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้ เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมาธิภาวนานี้ อันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน
สมาธิต้องการเรื่องแรก คือ สุขสมาธิ
ถ้าไม่ได้สุขสมาธิ ก็คือ ยังไม่ได้เป้าหมายแรกของการทำสมาธิ
เจริญธรรม / เจริญพร
59  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม พอจ ไม่เดินธุดงค์ หรือครับ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:12:10 am
ถาม พอจ ไม่เดินธุดงค์ หรือครับ
ตอบ ที่จริงก่อนป่วยก็เดินธุดงค์ อยู่หลายครั้ง แต่จะใช้การเดินไปทีละนิดแต่ไม่ได้แบกกลด เช่นกำหนดเป้าหมายจะไปไหนแล้วก็นั่งรถไปลงใกล้ ๆ แต่ยังไม่ถึงแล้วก็ค่อยเดินไป นั่งรถช้า ๆ พักไปตามวัดต่าง ๆ เรือย ๆ สัก 10 - 15 วัน แต่ตั้งแต่ป่วยมาก ก็ไม่ได้ทำแบบนี้อีก เพราะว่าสังขารตอนนี้ ซีกซ้ายไม่ไหว ไม่เอื้อดังนั้นเรื่องเดิน ธุดงค์ ไม่ได้ทำแล้ว
แต่การรักษาธุดงค์ ยังทำอยู่ เช่น ใช้ผ้าสามผืน ฉันในบาตรเป็นวัตร อยู่ในเสนาสนะจำกัด เนสัชชิกธุดงค์ ก็ใน ธุดงค์ 13 ถ้าอะไรทำได้ ก็ทำ
เจริญธรรม / เจริญพร
60  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ตอบคำถาม เรื่องการให้ความเคารพ ซึ่งกันและกัน ในฐานะศิษย์ทำอย่างไร ? เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:11:46 am
ตอบคำถาม เรื่องการให้ความเคารพ ซึ่งกันและกัน ในฐานะศิษย์ทำอย่างไร ?
เป็นคำถามที่ดี ถามโดย ครูประสิทธิ์ ครูนภา คุณกิตติศักดิ์ คุณนิมิต คุณระวี คุณสายฝน คุณเพียงเพ็ญ คุณเกล้ากมล คุณน้ำหวาน คุณหมวยจ้า คุณรักหนอ คุณสายฟ้า และอีก 60 กว่าท่าน ( มันเยอะพอแล้ว เดี๋ยวมีแต่ชื่อ  )
การเคารพก็ต้องบอกว่า ต้องให้ความเคารพต่อกันและกัน ตามลำดับการขึ้นกรรมฐานนะ พิจารณาดังนี้
1.ในขณะขึ้นกรรมฐาน ใครเป็นผู้รับมอบหมายหรือ พระสงฆ์ที่อยู่ในพิธิ ในการสอนเบื้องต้น ไม่ว่าคุณจะกล่าวว่า ถวายต่อรูปสักการะ หลวงปู่ อย่างไรก็ตาม องค์ที่ทำหน้าที่ ให้ศีล และ สอนกรรมฐาน เบื้องต้น ขณะนั้น คือ ครูผู้บอกกรรมฐาน ดังนั้น หากครูอาจารย์ ท่านให้ สามเณร มานั่งแทน สามเณร ก็เป็นครูบอกกรรมฐาน หรือให้พระใหม่ มานั่งแทน พระใหม่ ก็เป็นครูบอกกรรมฐาน พูดง่าย ๆ พระสงฆ์ สามเณร แม้แต่ฆราวาส ที่มาบอกสอนในขณะนั้น ถึงแม้มาตามคำสั่งครูให้มาทำหน้าที่แทน แต่ในทางกรรมฐาน ให้ถือว่า เป็นศิษย์ ตรง ของผู้นั้นไม่ได้เป็นศิษย์ของผู้สั่งมา อันนี้บอกให้ชัดเจน
2.การนับลำดับความเป็นศิษย์พี่น้อง ให้นับตามลำดับการขึ้นกรรมฐานเยี่ยงพระสงฆ์ ใครบวชก่อน ก็เป็นพี่ ใครบวชหลังก็เป็นน้อง ในระบบกรรมฐาน คนที่เป็นพี่ ก็คือศิษย์พี่ คนที่มาทีหลังก็คือศิษย์น้อง ไม่มีการสลับ ธรรมเนียมไปยกว่า คนนี้ปฏิบัติได้มากกว่า เรียนได้หลายห้อง ต้องเป็นศิษย์พี่ ถ้าทำอย่างนี้คือ ผิดธรรมเนียม
     กล่าวให้ชัดเจน ศิษย์พี่แม้ไม่เก่ง ด้านกรรมฐานปฏิบัติได้ไม่มาก มีคุณธรรมน้อยกว่า ผู้ทีมาทีหลัง ก็ยังเป็น ศิษย์พี่เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนผู้ที่มาทีหลัง แม้มีคุณธรรมมากกว่า คนมาก่อน ก็ต้องเป็นศิษย์น้องเหมือน เดิม
   ในกรณีที่ขึั้นพร้อมกันหลาย ๆ คนพร้อมกัน ให้นับที่การถวายถาดกรรมฐาน ดังนั้น ถ้าไปถวายถาดเดียวรวม วินิจฉัย คือเท่ากับเป็นศิษย์เสมอกัน ในกลุ่มนั้น ในกรณีอย่างวัดพลับรับพร้อมกัน แต่ถ้าเป็นระบบครูตรงฉันในมูลกรรมฐาน จะไม่ทำแบบนั้น เพราะจะให้ถวายถาดที่ละคน เท่านั้น ซึ่งต้องการแสดงความชัดเจนตรงนี้ ให้ความสำคัญตรงนี้
ในกรณีที่ครูอาจารย์ ได้มอบหมายให็ใครคนใดคนหนึ่ง จะก่อนหรือหลังก็ตาม ให้ทำหน้าที่สอนหรือบอกกรรมฐาน ก็จะได้ ฐานะ ว่า ครูบอกกรรมฐาน ซึ่งมีข้อสรุปว่า ให้ศิษย์ที่มีอาวุโสแม้ที่ลำดับหนึ่งก็ต้องเรียกผู้สืบทอดว่า ครูกรรมฐาน แต่ความเคารพก็ต้องใช้แบบเดิม คือ มาก่อน ก็เป็นศิษย์พี่ มาหลังก็เป็นศิษย์น้อง
   ดังนั้นโปรดจำไว้ว่า ทุกคนเป็นกัลยาณมิตร ต่อกันและกัน และให้ความเคารพต่อกันและกัน ตามคำบอกของฉันที่ทำตามธรรมเนียมอย่างนี้สืบต่อไป
    ดังนั้นถ้าไม่มีคุณสมบัติ ให้เป็นครูฉันจะไม่ให้นั่งแทนที่ฉัน และมาสอนกรรมฐานแทนฉัน ในขณะที่ขึ้นกรรมฐาน ถ้าฉันมอบหมายใครมารับถาดกรรมฐาน ทีถวายบูชาพระรัตนตรัยขณะนั้น ไม่ว่า จะเป็น ภิกษุ สามเณร หรือ ฆราวาส ก็ให้ถือว่าให้ ผู้ที่มีมาเป็นพยาน เป็นครูอาจารย์ของท่านตรง ฉันผู้สั่งไม่ได้เป็นครูตรง ให้เรียนกรรมฐาน และปรึกษา แจ้งกรรมฐาน กับครูตรงได้เลย
    ผู้ขึ้นกรรมฐานก่อน แม้มีอายุน้อยกว่า ก็ต้องเรียกว่า ศิษย์พี่ ส่วนคนที่มีอายุมากกว่า มาขึ้นทีหลัง ก็ต้องเรียกคนที่มีอายุน้อยกว่า ที่มาก่อน ว่าศิษย์พี่ ธรรมเนียมปฏิบัติตามแบบสงฆ์ การเป็นภันเต หรือ อาวุโส นับตามลำดับการบวช ไม่ใช่นับตามคุณธรรม
   ฉันเองเป็นพระก็ยึดตามระเบียบนี้เช่นกัน
 เจริญธรรม /  เจริญพร
 ดังนั้นฉันเอง ขึ้นกรรมฐาน ที่วัดพลับ ปี พ.ศ. 2546
กับ พระครูสิทธิสังวร ก็เป็นไปตามนั้น คนที่มาหลังฉัน ก็เป็นศิษย์น้อง ส่วนคนที่ขึ้นก่อน แม้เป็นฆราวาส ฉันก็ต้องเรียกศิษย์พี่
 แต่ในช่วงหลังให้สังเกตด้วยว่า หลวงพ่อพระครูไม่ได้รับขึ้นกรรมฐานเอง คนที่มาทำหน้าที่แทน คนนั้นก็คือ ครูผู้บอกกรรมฐาน ตรง ดังนั้นก็เป็นอันถือว่า เป็นศิษย์ คนระดับ ชั้น ด้วยตามนี้ ถ้ายึดถือตามธรรมเนียม ก็คือ ตามนั้น
61  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม อะไรเป็นข้อควรระวังในการทำสมาธิภาวนา ครับ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:11:17 am
ถาม อะไรเป็นข้อควรระวังในการทำสมาธิภาวนา ครับ
ตอบ ธรรมที่เป็นบาปอกุศล เจตสิกมี ๑๔ ตัวคือ
โมโห คือหลง อหิริกํ มิละอายแก่บาป
อโนตฺตปฺปํ มิกลัวแก่บาป อุทธจฺจํ สะดุ้งใจ ฟุ้งซ่าน
โลโภ โลภ ทิฏฐิ ถือมั่น
มาโน มีมานะ โทโส โกรธ
อิสฺสา ริษยา มจฺฉริย ตระหนี่
กุกกุจจํ กินแหนง รำคาญ ถีนํ กระด้าง หดหู่
มิทธํ หลับง่วง วิจิกิจฉา สงสัย
อกุศลธรรมทั้ง ๑๔ นี้เป็นธรรมขวางกั้นในอำนาจสมาธิ ผู้ใดมีอยู่พึงต้องสังวร(สำรวมระวัง) เพราะจะทำให้เสียกาล(เวลา)ในการฝึกฝนอำนาจสมาธิ
โมโห แก้ด้วย เรียนธรรม
อหิริกัง แก้ด้วย สมาทานศีล
อโนตตัปปัง แก้ด้วย การเจริญสติ
อุทธังจจัง แก้ด้วย การปัจจเวกขณ
โลโภ แก้ด้วย การปัจจเวกขณ
ทิฏฐิ แก้ด้วย เรียนธรรม
มาโน แก้ด้วย การเจริญ อนิจจสัญญา
โทโส แก้ด้วย การเจริญ เมตตา
อิสสา แก้ด้วย การเจริย มุทิตา
มัจจฉริยะ แก้ด้วย การสมาทาน จาคะ ( รู้จักการบริจาค)
กุกกุจจะ แกด้วย การเจริญลมหายใจแบบสติ
ถีนัง แก้ด้วย การเจริญลมหายใจแบบสติ
มิทธัง แก้ด้วย การเดินจงกรมธาตุ
วิจิกิจฉา แก้ด้วย การเจริญเสริมศรัทธา
เจริญธรรม / เจริญพร
62  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / แม่บท บุตร 3 ประเภท เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:09:35 am
แม่บท บุตร 3 ประเภท
======================
          อติชาตํ อนุชาตํ               ปุตฺตมิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา
          อวชาตํ น อิจฺฉนฺติ            โย โหติ กุลคนฺธโน ฯ
          เอเต โข ปุตฺตา โลกสฺมึ     เย จ ภวนฺติ อุปาสกา
          สทฺธาสีเลน สมฺปนฺนา      วทญฺญู วีตมจฺฉรา
          จนฺโท อพฺภฆนา มุตฺโต     ปริสาสุ วิโรจเรติ ฯ
          อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต ภควตา  อิติ เม สุตนฺติ ฯ ปญฺจมํ ฯ
------------------------------------------------------------
          บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมปรารถนาอติชาตบุตร และอนุชาตบุตร
 ไม่ปรารถนาอวชาตบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำลายตระกูล ส่วนบุตร
 เหล่าใดเป็นอุบาสก บุตรเหล่านั้นแลชื่อว่าเป็นบุตรในโลก
 บุตรเหล่านั้นมีศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล ผู้ (โอบอ้อมอารี)
 รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมรุ่งเรืองใน
  บริษัททั้งหลาย เปรียบเหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ
  ฉะนั้น ฯ
อติชาตบุตร บุตรที่ดียิ่งกว่าพ่อแม่
อนุชาตบุตร บุตรที่เสมอพ่อแม่
อวชาตบุตร บุตรที่เลวกว่าพ่อแม่
ใครได้บุตรแบบไหน ก็ต้องประมาณใจไว้ ความดี ความเลว เป็นนิสัยติดตัวมาแต่เกิด ใช่ว่าจะเกิดจากการอบรม ภาษากรรมฐานเรียกว่า อนุสัย สันดานติดตัว คนไหนเป็นคนดีมาหลายชาติ แม้อยู่ในที่ยอดแย่ ก็ไม่แย่ตาม คนไหนเป็นคนชั่วมาหลายชาติ แม้อยู่ในที่ดี ๆ ก็เลวได้เช่นกัน อารมณ์และอุปนิสัยคือสิ่งติดตัวของแต่ละคน แต่จะสามารถข่มได้ด้วยการเรียนรู้คุณธรรม และหักห้ามได้ด้วยการสมาทานศีล
เจริญธรรม / เจริญพร
======================
          อติชาตํ อนุชาตํ               ปุตฺตมิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา
          อวชาตํ น อิจฺฉนฺติ            โย โหติ กุลคนฺธโน ฯ
          เอเต โข ปุตฺตา โลกสฺมึ     เย จ ภวนฺติ อุปาสกา
          สทฺธาสีเลน สมฺปนฺนา      วทญฺญู วีตมจฺฉรา
          จนฺโท อพฺภฆนา มุตฺโต     ปริสาสุ วิโรจเรติ ฯ
          อยมฺปิ อตฺโถ วุตฺโต ภควตา  อิติ เม สุตนฺติ ฯ ปญฺจมํ ฯ
------------------------------------------------------------
          บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมปรารถนาอติชาตบุตร และอนุชาตบุตร
 ไม่ปรารถนาอวชาตบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำลายตระกูล ส่วนบุตร
 เหล่าใดเป็นอุบาสก บุตรเหล่านั้นแลชื่อว่าเป็นบุตรในโลก
 บุตรเหล่านั้นมีศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล ผู้ (โอบอ้อมอารี)
 รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมรุ่งเรืองใน
  บริษัททั้งหลาย เปรียบเหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ
  ฉะนั้น ฯ
อติชาตบุตร บุตรที่ดียิ่งกว่าพ่อแม่
อนุชาตบุตร บุตรที่เสมอพ่อแม่
อวชาตบุตร บุตรที่เลวกว่าพ่อแม่
ใครได้บุตรแบบไหน ก็ต้องประมาณใจไว้ ความดี ความเลว เป็นนิสัยติดตัวมาแต่เกิด ใช่ว่าจะเกิดจากการอบรม ภาษากรรมฐานเรียกว่า อนุสัย สันดานติดตัว คนไหนเป็นคนดีมาหลายชาติ แม้อยู่ในที่ยอดแย่ ก็ไม่แย่ตาม คนไหนเป็นคนชั่วมาหลายชาติ แม้อยู่ในที่ดี ๆ ก็เลวได้เช่นกัน อารมณ์และอุปนิสัยคือสิ่งติดตัวของแต่ละคน แต่จะสามารถข่มได้ด้วยการเรียนรู้คุณธรรม และหักห้ามได้ด้วยการสมาทานศีล
เจริญธรรม / เจริญพร
63  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / แม่บท พ่อแม่ย่อมปรารถนา กิจ 5 อย่างในการมีบุตร เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:09:06 am
แม่บท พ่อแม่ย่อมปรารถนา กิจ 5 อย่างในการมีบุตร
===========================
         ปญฺจฏฺฐานานิ สมฺปสฺสํ       ปุตฺตํ อิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา
         ภโต วา โน ภริสฺสติ            กิจฺจํ วา โน กริสฺสติ
         กุลวํโส จิรํ ติฏฺเฐ                ทายชฺชํ ปฏิปชฺชติ
         อถ วา ปน เปตานํ               ทกฺขิณํนุปฺปทสฺสติ
         ฐานาเนตานิ สมฺปสฺสํ          ปุตฺตํ อิจฺฉนฺติ ปณฺฑิตา
         ตสฺมา สนฺโต สปฺปุริสา        กตญฺญู กตเวทิโน
         ภรนฺติ มาตาปิตโร              ปุพฺเพ กตมนุสฺสรํ
         กโรนฺติ เนสํ กิจฺจานิ           ยถาตํ ปุพฺพการินํ
         โอวาทการี ภตโปสี            กุลวํสํ อหาปยํ
         สทฺโธ สีเลน สมฺปนฺโน       ปุตฺโต โหติ ปสํสิโยติ ฯ
------------------------------------------------------
มารดาบิดาผู้ฉลาด เล็งเห็นฐานะ ๕ ประการจึงปรารถนาบุตร
 ด้วยหวังว่า บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้ว จักเลี้ยงตอบเรา จักทำ
 กิจแทนเรา วงศ์สกุลจักดำรงอยู่ได้นาน บุตรจักปกครอง
ทรัพย์มรดก และเมื่อเราตายไปแล้ว บุตรจักบำเพ็ญทักษิณา-
 *ทานให้ มารดาบิดาผู้ฉลาดเล็งเห็นฐานะเหล่านี้ จึงปรารถนา
 บุตร ฉะนั้นบุตรผู้เป็นสัปบุรุษ ผู้สงบ มีกตัญญูกตเวที
 เมื่อระลึกถึงบุรพคุณของท่าน จึงเลี้ยงมารดาบิดา ทำกิจแทน
 ท่าน เชื่อฟังโอวาท เลี้ยงสนองพระคุณท่าน สมดังที่ท่านเป็น
 บุรพการี ดำรงวงศ์สกุล บุตรผู้มีศรัทธา สมบูรณ์ด้วยศีล
 ย่อมเป็นที่สรรเสริญทั่วไป ฯ
บุตรที่เราเลี้ยงมาแล้วจักเลี้ยงตอบแทน ๑
จักทำกิจแทนเรา ๑
วงศ์สกุลจักดำรงอยู่ได้นาน ๑
บุตรจักปกครองทรัพย์มรดก ๑
เมื่อเราตายไปแล้ว บุตรจักบำเพ็ญทักษิณาทานให้ ๑
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารดา บิดา เล็งเห็นฐานะ ๕ ประการนี้แล จึงปรารถนา
บุตรเกิดในสกุล
เจริญธรรม / เจริญพร
64  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม การแผ่เมตตาและอุทิศบุญบารมีภาวนา ควรทำอย่างกว้างหรือแคบ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:07:54 am
ถาม การแผ่เมตตาและอุทิศบุญบารมีภาวนา ควรทำอย่างกว้างหรือแคบ ( หมายถึงการแผ่จิตออกไป ) ขอ พอจ แนะแนวทางหน่อยครับ
ตอบ การแผ่บารมีส่วนภาวนา กระทำได้ทั้งสองแบบ คือ แบบกว้างไม่จำกัดบุคคล และ แบบแคบจำกัดบุคคล ทั้งสองอย่างมีข้อดีแตกต่างกันไป
บารมีธรรมภาวนา จะเปรียก็เหมือน อาหารเม็ดที่จะให้ปลา
ถ้าแผ่ออกกว้าง ก็สาดออกไปให้ไกล ปลาตัวไหนมีโชควาสนาดี ก็จะได้รับส่วนของอาหารเม็ดนั้น ส่วนปลาตัวไหนอยู่ห่างก็จะไม่ได้รับอาหารนั้น การแผ่แบบไม่เจาะจงนั้น ย่อมไปถึงสัตว์ที่มีโชคเท่านั้น
เปรียบได้กับฝูงปลาที่อยู่ในสระใหญ่ แหวกว่ายไปทั่วเพื่อแสวงอาหารนั้นและการดำรงอยู่
ทางธรรม ก็หมายถึง สัตว์ใดที่ดำเนินชีวิตอยู่และแสวงหาความอิ่มพอใจ ได้อยู่ใกล้และโชคดี ย่อมได้รับการแผ่บารมีธรรมนั้น แต่ธรรมบารมีที่แผ่ออกไปอย่างกว้างย่อมถึงสัตว์ได้เพียงเล็กน้อย เพราะปริมาณไม่เพียงพอแก่บุคคลที่ได้รับ เพราะบารมีธรรมที่แผ่มีจำกัดแต่บุคคลผู้รับมีจำนวนมาก ดังนั้นบุคคลผู้รับจึงไม่ได้รู้สึกอะไรในบารมีธรรมที่แผ่ไป เพราะจำนวนบารมีธรรมมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
การแผ่บารมีธรรมแบบเจาะจง นั้นย่อมทำให้บุคคลที่เจาะจงได้รับผลภาวนาธรรมอย่างรวดเร็วถูกกลุ่ม ซึ่งเป็นไปตามหลักของปฎิจจสมุปบาท คือแผ่บารมีธรรมเพื่อให้เกิดผลมาสนับสนุนผู้แผ่บารมีธรรม ดังนั้น ครูอาจารย์ผู้่ภาวนาย่อมควรแบ่งปันบารมีธรรมให้กับศิษย์ผู้สนับสนุนก่อน และศิษย์ผู้สนับสนุนจะได้มีกำลังมาช่วยเหลือครูอาจารย์ผู้ภาวนาได้มีกำลังในการแผ่บารมีธรรมต่อไป เมื่อมีล้นมากแล้วจึงควรแผ่เป็นวงกว้างขึ้นไป
สรุปการแผ่แบบเจาะจง ย่อมได้ผลที่ดีกว่า ไม่เจาะจง เพราะบารมีธรรมภาวนานั้น ไม่เหมือนการแผ่เมตตาคนละแบบกัน
เจริญธรรม / เจริญพร
65  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม ฟังว่าถ้าไม่ได้ทำบุญสนับสนุน พอจ ในการเข้ากรรมฐาน ถ้าอย่างนั้นมีบุญอะไรที่เห เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:07:28 am
ถาม ฟังว่าถ้าไม่ได้ทำบุญสนับสนุน พอจ ในการเข้ากรรมฐาน ถ้าอย่างนั้นมีบุญอะไรที่เหลืออยู่พอให้คนที่ไม่ทำบุญได้รับบ้างครับ
ตอบ ถ้าไม่ได้สนับสนุน การเข้ากรรมฐาน พอจ ไม่ได้หวังผลใน โภคะ ( อายุ วรรณะ สุขะ พละ ) ก็ยังเหลือบุญอีกอย่างเดียวที่จะได้คือ ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการกล่าว สาธุ ( ดีละ ) ในการที่คนอื่นได้ทำบุญ
ปัตานุโมทนามัย มีอานิสงค์ ดังนี้
ไปที่ไหนไม่่มีคนรังเกียจ ได้รับความยินดีในการได้รับช่วยเหลือ การช่วยเหลือมีเป็นโภคะเล็กน้อย ไม่ถึงมาก มีเพื่อน มีสหธรรม มีกัลยาณมิตร ได้เกิดในภูมิบัณฑิต
เจริญธรรม / เจริญพร
66  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / แม่บท บุญกิริยาวัตถุ 3 ย่อมทำให้พ้นจากอบายที่ชั่ว เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:06:54 am
แม่บท บุญกิริยาวัตถุ 3 ย่อมทำให้พ้นจากอบายที่ชั่ว
====================================
ตีณีมานิ   ภิกฺขเว   ปุญฺญกิริยาวตฺถูนิ  ฯ  กตมานิ
ตีณิ     ทานมยํ     ปุญฺญกิริยาวตฺถุ    สีลมยํ    ปุญฺญกิริยาวตฺถุ
ภาวนามยํ   ปุญฺญกิริยาวตฺถุ   ฯ   อิธ   ภิกฺขเว   เอกจฺจสฺส   ทานมยํ
ปุญฺญกิริยาวตฺถุ   ปริตฺตํ   กตํ   โหติ    สีลมยํ   ปุญฺญกิริยาวตฺถุ  ปริตฺตํ
กตํ   โหติ   ภาวนามยํ   ปุญฺญกิริยาวตฺถุ    นาภิสมฺโภติ   โส  กายสฺส
เภทา ปรมฺมรณา มนุสฺสโทภคฺยํ อุปปชฺชติ ฯ
------------------------------------------------------
ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุญกิริยาวัตถุ ๓ ประการนี้ ๓ ประการ
เป็นไฉน คือ บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน ๑ บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีล ๑
บุญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยภาวนา ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้
ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยทานนิดหน่อย ทำบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยศีลนิดหน่อย ไม่เจริญบุญกิริยาวัตถุที่สำเร็จด้วยภาวนาเลย เมื่อตายไป เขาเข้าถึงความเป็นผู้มีส่วนชั่วในมนุษย์ ฯ
บุญกิริยาวัตถุ 3 มี
ทาน การให้ หมายถึงให้กับเนื้อนาบุญ
ศีล การสมาทานรักษาศีลอย่างน้อยศีล 5
ภาวนา การอบรมจิตด้วยกรรมฐานอย่างน้อย อนุสสติ 6
เจริญธรรม / เจริญพร
67  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม สักกายทิฏฐิ หมายถึงอะไร และการพิจารณาทุกข์ ทำอย่างไร เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:06:30 am
ถาม สักกายทิฏฐิ หมายถึงอะไร และการพิจารณาทุกข์ ทำอย่างไร
ตอบ  แม่บทย่อย สักกายะ คืออะไร
=====================================
สกฺกาโยติ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา. สกฺกายสมุทโยติ เตสํ
นิพฺพตฺตกา ปุริมตณฺหา. สกฺกายนิโรโธติ อุภินฺนํ  อปฺปวตฺติภูตํ นิพฺพานํ.
มคฺโค ปน นิโรธาธิคมสฺส อุปายตฺตา นิโรเธ คหิเต คหิโต วาติ
เวทิตพฺโพ.
  ทุกฺขทุกฺขตาติ ทุกฺขภูตา ทุกฺขตา. ทุกฺขเวทนาเยตํ นามํ.
สงฺขารทุกฺขตาติ สงฺขารภาเวน ทุกฺขตา. อทุกฺขมสุขาเยตํ  อทุกฺขมสุขาเวทนาเยตํ สงฺขตตฺตา อุปฺปาทชรา ภงฺคปีฬิตา, ตสฺมา อญฺญทุกฺขสภาววิรหโต สงฺขารทุกฺขตาติวุตฺตา. วิปริณามทุกฺขตาติ วิปริณาเม ทุกฺขตา. สุขเวทนาเยตํ นามํ, สุขสฺสหิ วิปริณาเม ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺมา สุขํ วิปริณามทุกฺขตาติ วุตฺตํ. อปิจ ฐเปตฺวา ทุกฺขเวทนํ สุขเวทนญฺจ สพฺเพปิ เตภูมิกา ธมฺมา "สพฺเพ สงฺขาราทุกฺขา"ติ  วจนโต สงฺขารทุกฺขตาติ เวทิตพฺพา.
------------------------------------------------------------------
คำว่า สกฺกาโย หมายถึง อุปาทานขันธ์ ทั้ง ๕.
               คำว่า สกฺกายสมุทโย หมายถึง ตัณหาในเบื้องต้นอันเป็นตัวทำให้เกิดอุปาทานขันธ์เหล่านั้น. คำว่า สกฺกายนิโรโธ หมายถึง ความดับที่ทำให้อุปาทานขันธ์และตัณหาทั้งคู่นั้นเป็นไปไม่ได้. ส่วนมรรคพึงทราบว่า เมื่อกล่าวถึงนิโรธแล้วก็เป็นอันกล่าวถึงด้วยทีเดียว เพราะเป็นอุบายแห่งการบรรลุนิโรธ.
               คำว่า ทุกฺขทุกฺขตา หมายเอาทุกข์เพราะเป็นทุกข์. คำนี้เป็นชื่อของทุกขเวทนา.
               คำว่า สงฺขารทุกฺขตา หมายเอาทุกข์เพราะความเป็นสังขาร. คำนี้เป็นชื่อของอทุกขมสุขเวทนา. ความเป็นทุกข์เพราะสังขารนั้นมีความเกิดขึ้นและเสื่อมไป ถูกความแตกดับบีบคั้น เพราะเป็นสภาพที่ถูกปรุงแต่ง เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวความเป็นทุกข์เพราะสังขารไว้ โดยเว้นจากสภาวะแห่งทุกข์อื่น.
               คำว่า วิปริณามทุกฺขตา หมายเอาทุกข์เพราะแปรปรวนไป. คำนี้เป็นชื่อของสุขเวทนา. แท้จริง เพราะสุขแปรปรวนไป ทุกข์จึงเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น ท่านจึงเรียกสุขว่า ทุกข์เพราะแปรปรวน.
               อีกประการหนึ่ง ธรรมทั้งปวงอันเป็นไปในภูมิ ๓ เว้นทุกขเวทนาและสุขเวทนา พึงทราบว่าทุกข์เพราะสังขาร โดยพระบาลีว่า สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์
-----------------------------------------------
สักกายทิฏฐิ หมายถึง ความเห็นที่ยึดมั่นถือมั่นต่อขันธ์ทั้ง 5 ว่าเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตนเป็นเราของเรา
การพิจารณาทุกข์ พิจารณา 3 อย่าง
ทุกข์ คือ ความทุกข์เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ทุกข์ คือ ความทุกข์มีเกิดดับเสื่อมไปเพราะการปรุงแต่ง
ทุกข์ คือ ความแปรปรวนที่ไมคงที่เพราะสุขดับไป
เจริญธรรม / เจริญพร
68  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การเรียนสอนของ มูลกรรมฐาน ไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:03:32 am
การเรียนสอนของ มูลกรรมฐาน ไม่มีค่าใช้จ่าย
===================================
มูลกรรมฐาน สอนฟรี ตามกำลังจิตตามความปรารถนา ใน มรรค ผล นิพพาน ดังนั้นทุกท่านไม่ต้องวิตกกังวล ว่าจะต้องเสียตังค์ค่าเรียน การอุปถัมภ์ ไม่ได้บังคับว่าต้องทำ ( ส่วนใหญ่ก็ไม่ทำกันอยู่แล้ว ) แต่อย่างไร ครูผู้สอนกรรมฐานจะดูเจตนาของผู้มาเรียนธรรม กรรมฐาน อาจจะต้องทดสอบความต้องการบ้างเล็กน้อย แต่อย่างไร มูลกรรมฐานเป็น วิธีการที่ไปได้ในระดับต่างต้องผ่านการสอบ
คนที่จะสอบผ่าน ถ้าทำเล่น ก็นาน ไม่จริงจังก็นาน และอาจจะนานหลายชาติไม่ใช่หลายปี แต่อย่างไรครูกรรมฐาน ก็จะไม่บังคับต้องปล่อยให้เป็นไปตามความปรารถนา แต่ถึงอย่างนั้นก็จะพยายามดันให้ได้อย่างน้อย โสดาปัตติผล หรือ โยคาวจร ( โสดาปัตติมรรค )
คนไหนทำจริงจังก็ได้รับคำสอนที่จริงจัง
คนไหนทำเบาก็ได้รับคำสอนที่เบา
ดังนั้นมูลกรรมฐาน จะก้าวหน้า หรือ อยู่กับที่ ก็อยู่กับผู้เรียนกรรมฐานไม่ใช่อยู่ที่ครูอาจารย์
ครูอาจารย์ขยันเข้ากรรมฐาน แต่ นิสิต ไม่ได้ทำตามก็ไม่ได้ก้าวหน้าอะไรมาก แค่อาศัยครูอาจารย์เป็นเนื้อนาบุญสะสมเสบียงชาติต่อไปเท่านั้น อย่างน้อยก็ยังได้มีที่นาสะสมโภคะ( อายุ วรรณะ สุขะ พละ ) ไปในภายภาคหน้า หรือปัจจุบัน
แต่อย่างไรครูอาจารย์ ในสายมูลกรรมฐาน มักมีอายุไม่มากนักสวนใหญ่จะไม่เกิน 70 ปี มีเพียงสมเด็จพระสังฆราชสุกที่มีอายุ 84 ปี นี่ถือว่าเยอะมากแล้วในสายกรรมฐาน
เจริญธรรม / เจริญพร
69  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม คนที่ถูกผีสิง ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร บ้างครับ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:03:09 am
ถาม คนที่ถูกผีสิง ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร บ้างครับ
ตอบ ในทางหลักการของ มูลกรรมฐาน ผู้ทีถุกอมนุษย์เข้าสิง จะมีสาเหตุไม่มาก แต่ส่วนใหญ่ จะต้องมีอาการ สติหลุด หรือ ตายลง หรือ หมดลมหายใจชั่วขณะ หรือ ถอดกายทิพย์
1. สติหลุด ไม่สามารถรับรู้ได้แบบคนทั่วไป
2. มีบุญฤทธิ์ติดตัว หรือ วิบากที่เกี่ยวข้องกับ อมนุษย์ในชาติก่อน
3. หมดลมหายใจไปชั่วขณะหนึ่ง
4. สิ้นชีวิตไม่เกิน 20 นาที ( ฟื้นรู้ตัวขึ้นมาภายใน 20 นาที มีโอกาสไม่ใช่คนเดิม )
5. ถอดกายทิพย์แล้วไม่สร้างระบบป้องกันกายเนื้อเอาไว้
เจริญธรรม / เจริญพร
70  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม เรื่องของวิญญาณผี พวกนี้ ในพระไตรปิฎกมีข้อความไหมครับ เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:02:47 am
ถาม เรื่องของวิญญาณผี พวกนี้ ในพระไตรปิฎกมีข้อความไหมครับ
ตอบ ในพระไตรปิฎก ไม่มีข้อความระบุเรื่องผีสิง แต่มีระบุเรือ่งของเทวดาปลอมเป็นผี ในบทคาถา ชื่อว่า กรณียะเมตตสูตร และ คาถา ภาณยักษ์ บทสรรเสริญพระพุทธเจ้า และเทพปกครอง ที่กล่าวว่าจะกัน อมนุษย์ทั้งหลายได้
ในพระสูตรพระไตรปิฎก จะมีกล่าวเรื่องเปตร และ มาร และ เทวดาปลอมเป็นผี อยู่มากที่สุด ส่วนเรื่องของผีจริง ๆ นั้น ในพระไตรปิฎกไม่มี เพราะว่าในสมัยครั้งพุทธกาล คนไม่ได้กลัวคนตายนะ คนตายเนี่ยเขาไม่มีพิธีอะไรแค่แบกไปเผาบนกองไม้ ดังนั้นคนในสมัยครั้งพุทธกาลไม่ได้ ขี้กลัวคนตาย เหมือน คนเมืองไทยเรื่องเล่าหลอนจิตแบบเมืองไทย ไม่ใคร่มี หรือ ไม่มีเลยเกี่ยวกับเรื่องผีในครั้งพุทธกาล
สรุปในพระไตรปิฎกเรื่องของ โอปปาติกะ นั้นมีปรากฏคือ เทวดาปลอมสิ่งหลอกหลอน เรือ่งเปตร เรื่องมาร เรื่องยักษ์ เรื่องนาค เรื่องเทวดา เรื่องพรหม และเรื่องของชาวทวีป 4 เรื่องพวกนี้มีปรากฏในพระไตรปิฎก
เจริญธรรม / เจริญพร
71  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เวลาโพสต์แม่บท คนอ่านมักจะท้วงกลับมาว่า อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เมื่อ: เมษายน 25, 2023, 08:02:15 am
เวลาโพสต์แม่บท คนอ่านมักจะท้วงกลับมาว่า อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่อย่างไรเสียก็มีความจำเป็นจะต้องโพสต์ เพื่อให้มีการยืนยันในที่มาที่ปรากฏในพระไตรปิฎก วิชาต่าง ๆ ในมูลกรรมฐาน มีที่มาหาได้ใน พระไตรปิฎก นั่นเอง ดังนั้นไม่ใช่เป็นวิชาที่คิดค้นขึ้นเอง แต่มีข้อความปรากฏด้วยแม่บท และ แม่บทย่อย
ดังนั้นเวลาที่โพสต์ เป็นแม่บท อาจจะดูว่าอ่านยากสักหน่อย ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้สืบทอดไป ท่านทั้งหลายอย่าได้ไปพะวง เจตนาของ พอจ คือ ให้ไว้กับ พระ ที่ต้องการรวบรวมแม่บทไว้เท่านั้น อันที่จริงแล้วท่านทั้งหลายไม่ต้องสนใจในแม่บทก็ได้ ถ้าไม่ได้คิดจริงจังในเรื่องการสอน
เพราะแม่บทจะทำให้เราสอนไม่ผิดพลาด
ดังนั้นแม่บทจำเป็นต้องโพสต์กำกับกันไป แต่โพสต์ไว้ให้พระที่ต้องการช่วยรักษาแม่บท ได้รวบรวมแม่บททางกรรมฐานไว้เท่านั้น
แม่บทในทางมูลกรรมฐาน ท่านเปรียบเหมือนรากไม้
ต้นไม้จะเจริญงอกงามโตไปได้เท่าไหร่ก็อยู่ที่รากไม้แข็งแรงหรือไม่นั่นเอง
เจริญธรรม / เจริญพร
72  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม ความแตกต่างมูลกรรมฐาน วิมุตติมรรค วิสุทธิมรรค แตกต่างกันอย่างไร เมื่อ: มีนาคม 25, 2023, 11:25:03 am
ถาม ความแตกต่างมูลกรรมฐาน วิมุตติมรรค วิสุทธิมรรค แตกต่างกันอย่างไร
ตอบ มูลกรรมฐานมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลผู้เริ่มในมูลกรรมฐาน คือ พระราหุลพุทธชิโนรส พระสารีบุตร พระกัจจายนะ ตามรับสั่งของพระพุทธเจ้า
มูลกรรมฐาน มี 7 แผนก แบ่งเป็น 2 พวก
7 แผนกมีดังนี้
สายที่ 1 ปัญญาวิมุตติ มุ่งวิปัสสสนาส่วนเดียว
สายที่ 2 เจโตวิมุตติ วิสุทธิ อานาปานสติ
สายที่ 3 โยคาวจร ยังไม่ปรารถนา อนาคามี และ อรหันต์
สายที่ 4 ปัญญาวิมุตติ สติปัฏฐาน 4
สายที่ 5 กรรมฐานสำหรับอริยะ เป็นโสดาบันแล้ว มุ่งไปเฉพาะในกรรมฐานตน
สายที่ 6 โพธิสัตว์
ส่ายที่ 7 ผู้สืบทอดวิชากรรมฐาน ( ครูผู้สอน )
( สายที่ 7 สายศิษย์ผู้เรียนกรรมฐาน )
2 พวก มีดังนี้
1. พวกที่เป็นศิษย์
2. พวกที่เป็นครู
การสอนใช้วิธีการสอนหลัก คือ มุขปาฐะ ถ่ายทอดด้วยวาจา จดจำด้วยการย่อเนื้อความ และ มลกัมมัฏฐานบท ( แม่บทใหญ่ และ แม่บทย่อย )
หมายเหตุ แม่บทใหญ่ คือ แม่บทปรากฏในพระไตรปิฎก
แม่บทย่อย คือ แม่บทที่ปรากฏในอรรถกถา
-------------------------------------------------------------------
วิมุตติมรรค มี 12 บท ( ปรากฏขึ้นในฝ่ายมหายาน เมื่อ พ.ศ. 500 - 600 )
ผู้รจนาคัมภีร์นี้ คือ อปติสสะเถระ
บทที่ 1 นิทานกถา
บทที่ 2 ศีลปริจเฉท
บทที่ 3 ธุดงคปริจเฉท
บทที่ 4 สมาธิปริจเฉท
บทที่ 5 กัลยาณมิตรปริจเฉท
บทที่ 6 จริยาปริจเฉท
บทที่ 7 กัมมัฏฐานารัมมณปริจเฉท
บทที่ 8 กัมมัฏฐานปริจเฉท
บทที่ 9 อภิญญาปริจเฉท
บทที่ 10 ปัญญาปริจเฉท
บทที่ 11 ตอนที่ 1, 2 อุบายปริจเฉท
บทที่ 12 ตอนที่ 1, 2 สัจจญาณปริจเฉท
ถอดจากฉบับแปล ของ วัดประยูรวษาวาส
----------------------------------------------------------------------
วิสุทธิมรรค มี 23 ปริจเฉท ( ปรากฏขึ้นในฝ่าย เถรวาท หินยาน เมื่อ พ.ศ. 1100 )
ผู้รจนาคัมภีร์นี้ คือ พระพุทธโฆษาจารย์
ศีลนิเทศ แสดงถึงการรักษาศีล
ธุตังคนิเทศ แสดงถึงวิธีการบำเพ็ญธุดงควัตร
กัมมัฏฐานคหณนิเทศ แสดงถึงบุพกิจเบื้องต้นก่อนการเจริญสมถกรรมฐาน
ปฐวีกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญปฐวีกสิณ โดยละเอียด
เสสกสิณนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญกสิณ ที่เหลืออีก 9 ประการ
อสุภกัมมัฏฐานนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอสุภกรรมฐาน 10 ประการ
ฉอนุสสตินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอนุสสติกรรมฐาน 6 ประการแรก ตั้งแต่พุทธานุสสติ ถึงเทวตานุสสติ
อนุสสติกัมมัฏฐานนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอนุสสติกรรมฐาน ที่เหลืออีก 4 ประการ
พรหมวิหารนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญพรหมวิหารกรรมฐาน 4 ประการ
อารุปปนิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอรูปกรรมฐาน 4 ประการ
สมาธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญอาหาเรปฏิกูลสัญญา และจตุธาตุววัตถาน
อิทธิวิธนิเทศ แสดงถึงวิธีการแสดงฤทธิ์ต่างๆ 10 ประการ อันเป็นผลมาจากการเจริญสมถกรรมฐาน
อภิญญานิเทศ แสดงถึงอภิญญา 6 ประการ อันเป็นผลจากการเจริญสมถกรรมฐาน
ขันธนิเทศ แสดงถึงขันธ์ 5 อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
อายตนธาตุนิเทศ แสดงถึงอายตนะ 12 และ ธาตุ 18 อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
อินทริยสัจจนิเทศ แสดงถึงอินทรีย์ 22 และอริยสัจ 4 อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
ปัญญาภูมินิเทศ แสดงถึงปฏิจจสมุปบาท 12 ประการ อันเป็นภูมิของวิปัสสนากรรมฐาน
ทิฏฐิวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนเห็นรูปนามตามความเป็นจริง
กังขาวิตรณวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนสิ้นความสงสัยในสภาวธรรม เพราะเห็นรูปนามพร้อมเหตุปัจจัย
มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนข้ามพ้นวิปัสสนูปกิเลส
ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนดำเนินไปตามวิถีของวิปัสสนาญาณ 9
ญาณทัสสนวิสุทธินิเทศ แสดงถึงวิธีการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จนได้บรรลุอริยมรรค เป็นพระอริยบุคคล
ปัญญาภาวนานิสังสนิเทศ แสดงถึงอานิสงส์ของการเจริญวิปัสสนากรรมฐา
วิมุตติมรรค ถึงแม้มี 12 บท แต่เมือไล่เนื้อหาแล้ว ก็เหมือนเป็นต้นฉบับ วิสุทธิมรรค เพียงแต่บทรวบหัวข้อปริจเฉทอันเดียวกันให้ดูน้อยเท่านั้น แต่เนื้อหาเท่ากันกับ วิสุทธิมรรค ดังนั้นเชื่อว่า พุทธโฆษาจารย์ ก็ถอดข้อความมาจาก วิมุตติมรรค
ถอดจาก บทแปลของ สมเด็จอาจ วัดมหาธาตุ
----------------------------------------------------------
เจริญธรรม / เจริญพร
73  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / คนหมดตัว ก็คือคนเสียหมด แต่คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ใช่คนหมดตัว เมื่อ: มีนาคม 03, 2023, 11:15:15 am
คนหมดตัว ก็คือคนเสียหมด
แต่คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่ใช่คนหมดตัว แต่หมดความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่มีแล้วเท่านั้น
ดังนั้นสองสถานะ นี้ ถึงจะพูดว่า เหมือนกัน แต่มันก็ไม่เหมือนกัน โดยสภาวะ
คนหมดตัว ต้องนั่งคร่ำครวญนึกถึงสิ่งที่หมดไป อาจะพิรี้ พิไร คร่ำครวญ มีเวทนาเป็นอย่างมาก ในทางทุกข์ ปริวิตก ตลอดเวลาถ้าคุมสติไว้ไม่ได้ ก็จะถึงความบ้า ความฟั่นเฟือน เพราะความล้มเหลว
แต่คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย คือ คนพร้อมที่จะไม่มี เพราะได้เรียนรู้มาตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า อยู่แล้ว พัฒนาจากเล็กๆ ไปสู่ ความไม่มี ตามหลักคำสอน
เมื่อเริ่มต้น ก็จะรู้ว่า
สิ่งใด สิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้น ล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
สิ่งที่ขอบใจ ก็ไม่ควรยินดี สิ่งที่ไม่ขอบใจ ก็ไม่ควรยินร้าย มีจิตตรงต่อ ความสลัดคืน แม้เล็ก ๆ จนไปสู่ความสลัดคืนอย่างใหญ่
เพราะละจากความชอบใจ และความไม่ชอบใจ ไม่มีที่เกาะที่พักพิงใด ๆ ประเสริฐเลิศไปกว่า การละอัตตา
เพราะละจากรูปในใจ เพราะละจากสิ่งที่เป็นอรูปอารมณ์ในใจ เพราะละจากความถือมั่นถือดีทะนงตน เพราะละจากความฟุ้งซ่านที่มีในกุศลทั้งปวง โดยความเป็นเจ้าของ เพราะละจากความไม่รู้ในอดีตกาล เพราะละจากความไม่รู้ในอนาคตกาล เพราะละจากความไม่รู้ในปัจจุบัน เพราะละจากทุกข์ทั้งปวง เพราะละจากเหตุจากทุกข์ทั้งปวง เพราะละจากความดับแห่งทุกข์ทั้งปวง เพราะละจากวิถีทางแห่งการดับทุกข์ทั้งปวง เพราะละจากความเหตุปัจจัยเกื้อกูล มองเห็นว่าสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้จึงไม่มี สิ่งนี้ได้ดับไป สิ่งนี้จึงดับ เพราะเห็นแล้วซึ่งแสงสว่าง ที่แสงไม่อาจเสมอได้ บุคคลอย่างนี้ชื่อว่า ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ดังนั้นเขาจะเสียอะไร ก็เป็นเพียงสักว่า สภาวะที่เสีย มิได้ยังจิตให้ทุกข์ร้อน ไปตามสิ่งที่เสียไป
ผู้ดำเนิน ตาม มรรคสมังคี ก็คือ บุคคลที่ไม่มีอะไรจะเสีย แล้วนั่นเอง
เจริญธรรม / เจริญพร
74  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม พอจ ครับ ผมอยากปฏิบัติกรรมฐาน แต่เป็นฆราวาส ควรทำกิจกรรม อะไรดีครับ เมื่อ: มีนาคม 03, 2023, 11:14:32 am
ถาม พอจ ครับ ผมอยากปฏิบัติกรรมฐาน แต่เป็นฆราวาส ควรทำกิจกรรม อะไรดีครับระหว่างปฏิบัติ ไม่เอาแบบเครียดนะครับ แนะนำหน่อย
ตอบ ได้ตอบไปแล้วในโพสต์ก่อน แต่ถ้าถามอย่างนี้ ก็เอาง่าย ๆ ก็แล้วกัน ท่านเป็นชาวบ้าน(ฆราวาส คฤหัสถ์) ก็สามารถทำได้หลากเรื่อง หลากหลาย ยิ่งกว่าพระ
จิตมันกลุ้มมาก พุทโธ ไม่ไหว ก็ไปสนุกเสียบ้าง จะมามัวแต่นั่งภาวนาอย่างพระนั้นไม่ได้ แต่การไปสนุก ต้องคำนึงสามอย่าง 1 ความปลอดภัน 2 ไม่เบียดเบียนตนเอง 3 ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
จะไปเดินห้าง ตากแอร์ ชมสินค้า ดูหนังฟังเพลง กินอาหารที่ชอบ ออกจิตอาสา ปั่นจักรยานสุขภาพ วิ่งสุขภาพ เที่ยวชมนกชมไม้ ชมป่า ชมเขา ชมทะเล ไปเล่นการเล่น จะไปกันตนเอง หรือครอบครัว ก็ได้ทั้งนั้น มันไม่ได้มีความผิดอะไร
แต่ถ้าบารมีธรรมสูง การภาวนาสูงแล้ว ก็คงไม่อยากไปอย่างนั้น ก็ไปสถานที่ ที่มีการแสดงธรรม สนทนาธรรม แต่การไปแสดงธรรมสนทนาธรรม ก็มีข้อเสีย หากไปเจอกลุ่มคนที่รู้ธรรม แต่หยาบ ใช้วาจาเสียดสี อาจจะทำให้จิตตกร่วงหล่นลงได้ ดังนั้นส่วนตัวไม่สนับสนุน ถ้าภูมิธรรมอ่อน ความรู้ทางธรรมมีน้อยการไปสนทนาธรรมอาจจะไม่ได้ประโยชน์อะไร เลย จะกลายเป็นพยาบาท เพราะพวกชาวธรรมที่หยาบมีเยอะ ไปลองอ่านได้ในพันทิพ หรือที่มีการเสวนาธรรม มักจะใช้คำเหยียดหยัน กันเป็นส่วนใหญ่ เรียกว่า ชาวธรรมหยาบ ปราศจากจิตเมตตา ดังนั้นไม่แนะนำเข้าสนทนาธรรม
ส่วนการอ่านไปตามโพสต์ ก็ดูด้วย ในปัจจุบัน ชาวธรรมหยาบโพสต์แต่ข้อความปรัชญา ซึ่งตนเองก็ทำไมไ่ด้ตามข้อความนั้นดังนั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรเช่นกันที่ไปเที่ยวตามอ่านข้อความแบบนั้น ข้อความปรัชญา โพสต์ได้วันละ เป็นร้อย ถ้าพระอาจารย์จะโพสต์จริงๆ แต่ไม่เห็นประโยชน์ก็เลยไม่โพสต์แบบนั้น คนโพสต์ลักษณะ ปรัชญาส่วนใหญ่แล้วไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติเท่าที่ติดตามอุปนิสัย ดังนั้นจึงไม่แนะนำอ่านโพสต์ประเภทปรัชญาเลย
แต่ถ้าภูมิธรรมสูง ได้สมาธิแล้ว ได้ญาณบ้างแล้ว ก็อยู่กับบ้านนั่นแหละไม่ต้องไปไหน เจริญกรรมฐาน ที่ตนเองถนัด ก็เป็นใช้ได้
เจริญธรรม / เจริญพร
75  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ชีวิต ของคนทั่วไป ที่ยังต้องผูกติดอยู่กับโลก นั้น มันมีขึ้น และ มีลง เมื่อ: มีนาคม 03, 2023, 11:13:58 am
ชีวิต ของคนทั่วไป ที่ยังต้องผูกติดอยู่กับโลก นั้น มันมีขึ้น และ มีลง
เวลาขาขึ้น ก็มีความสุข เวลาขาลง ก็มีความทุกข์ ดังนั้น การเผยแพร่ธรรมะสู่คนเหล่านี้ จึงนิยมสอนการใช้ สติ ซึ่งจะได้ผลดี ปัจจุบันจึงมีคนจำนวนมาก ใช้การเจริญสติ + สังขาร ( เขาเข้าใจว่าเป็นปัญญา ) จึงทำให้การภาวนา ได้ผลอยู่ในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเขาเจริญ สติ ไปมากขึ้น ก็ย่อมถึงแก่น เพราะตื่น จากการหลับไหล  นั่นเอง (เป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การภาวนาขั้นสูงต่อไป)
  แต่สำหรับพระอริยะนั้น ไม่ผูกใจกับ ขาขึ้น หรือ ขาลง เพราะพระอรยะย่อมเห็นแจ้ง่ว่า ที่มี ที่เป็น ที่ไม่ม่และไม่เป็น จะมีแต่ ความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และ อนัตตา จิตของพระอริยะนั้นจะมองเห็นว่า ทั้งขาขึ้น และ ขาลง เป็นเพียงสักว่า เท่านั้น และ รู้เห็นตามความเป็นจริง ว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา สิ่งที่เกิด กระทบกับตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นเพียง รูปที่ว่างเปล่า เสียงที่ว่างเปล่า กลิ่นที่ว่างเปล่า รสที่ว่างเปล่า สัมผัสเย็นร้อนอ่อนแข็ง ที่ว่างเปล่า แม้ อารมร์ ที่เกิดกับใจอันเป็นอุเบกขา เพราะความปล่อยวาง ก็เพียงความว่างเปล่า จิตมองเห็นอย่างนั้น มองเห็นสิ่งใด สภาวะใด แม้เรียกว่า สภาวะธรรม ก็หาได้ยึดมั่นถือมั่นมาเป็นอารมณ์ ใด ๆ ได้
   ในความว่างเปล่า ไม่มีอะไร ให้ยึดถือ แม้แต่ ตัวเอง ก็ไม่มีอะไรให้ยึดถือ กายนี้ก็สักว่า เป็นความว่างเปล่า เป็นเพียงเหตุปัจจัย ให้เกิดขึ้นอยู่อย่างนั้น ตั้งอยู่อย่างนั้น และ ดับลงไปเช่นนั้น
 เจริญธรรม / ้ เจริญพร
76  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ความยินดีในทาน เมื่อ: มีนาคม 03, 2023, 11:13:21 am
มีผู้ถามมาว่า ทำไม ท่านยินดี ในทานที่ เขาถวาย ก็ขอตอบว่า ดังนี้ ทานที่ถวายควรยินดี อยู่แล้ว แต่ไม่ถึงขั้นพองใจให้เป็นกิเลส สำหรับ พระที่อยู่วิเวก ไม่มีอาหารการฉัน บิณฑบาตรไม่ได้ ไม่มีรายได้ อย่างตอนอยู่ที่วัด นั้น การได้รับทานแบบนี้ ไม่ได้สูญเปล่า เพราะทุกชิ้นไม่มีทิ้ง ไม่มีขว้าง ไม่มีปล่อยเสีย มีแต่ไม่พอฉัน ๆ เป็นที่ซื้อ อาหารฉันเป็นประจำ ถามว่าเป็นอาบัติ หรือ ไม่ ก็ตอบว่า ไม่เป็นเพราะไม่ได้ทำเอง ไม่ได้ใช้ให้ใครทำ แต่ มีลูกศิษย์ทำให้ฉัน อยู่ ขาดแต่อาหารแห้ง ไม่มีถวาย ก็ให้ปัจจัยเขาไปซือ้มาทำ ทุกวันก็ฉันข้าวต้ม ตามมีตามได้ พออยู่ได้
   ดังนั้น เมื่อมีทานที่บริสุทุธฺ์ ส่งมาช่วยเหลือ ก็สมควรที่จะต้องยินดี อยู่บ้าง อย่างน้อยก็ยังมีผู้ดูแล ให้เราได้ทำกิจกรรม และ พรหมจรรย์ ต่อไป
   ขอบคุณทุกท่าน ที่ยังติดตามดูแล พระอาจารย์กันอยู่
   เจริญพร
77  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ธรรมะอุปการะจิต ในการทำการภาวนา เมื่อ: มีนาคม 03, 2023, 11:12:50 am
ภารา หะเว ปัญจักขันธา,
ขันธ์ทั้งห้า เป็นของหนักเน้อ,
( ขันธ์ทั้ง 5 เป็นภาระ )
ภาระหาโร จะ ปุคคะโล,
บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป,
( บุคคล เป็นผู้แบกภาระ )
ภาราทานัง ทุกขัง โลเก,
การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก,
( การให้ภาระ เป็นความทุกข์ในโลก )
ภาระนิกเขปะนัง สุขัง,
การสลัดของหนัก ทิ้งลงเสีย เป็นความสุข,
( การระงับจากภาระ เสียได้ เป็นความสุข )
นิกขิปิตวา คะรุง ภารัง,
พระอริยเจ้า สลัดทิ้งของหนัก ลงเสียแล้ว,
( ผู้วางแล้ว ซึ่งภาระ อันหนัก  )
อัญญัง ภารัง อะนาทิยะ,
ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก,
( และไม่อนาทร ซึ่งภาระ อื่น ๆ  )
สะมูลัง ตัณหัง อัพพุยหะ,
ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้ กระทั่งราก
 ( เป็นผู้ถอน มูล  แห่งตัณหา )
นิจฉาโต ปะรินิพพุโตติ.
เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิท ไม่มีส่วนเหลือ.
( ละความอยากได้ ย่อมถึง ปรินิพพาน )
 แปลตรง ๆ จากอาจารย์ ในวงเล็บ รักษารูปศัพท์ไว้ ไม่ใช้นิพจน์ ให้ซับซ้อน หรือ ขยายความบางนิพจน์ ตัวอย่าง อย่าง เช่น ปรินิพพาน ก็ แปลทับว่า ปรินิพพาน ไม่ได้ใช้คำว่า ดับสนิท ไม่มีส่วนเหลือ ( ส่วนตัวคิดว่า ตรงนี้แปลไม่ถูกตามความหมายจริง )
วัตถุประสงค์ คือ ต้องการชี้ เรื่องการแปลพระสูตร พระไตรปิฏก นั้น ถ้าแปลทับศัพท์ ความหมายจะไม่เพี้ยน แต่ถ้าไม่แปลทับศัพท์ ก็แปลออกเชิงอรรถ นั้น หมายความว่า เป็น อรรถาธิบายไปในตัว ซึ่งอาจจะวินิจฉัย ความหมายผิดได้ ตามภูมิธรรม ของผู้แปล ส่วนใหญ่ จะแปลผิด ในอรรถาธิบาย ดังนั้น ผู้แปลทีดี ควรรักษาศัพท์ถ้าต้องการอธิบาย ให้ไปเพิ่ม เป็น อรรถกา ความหมายจะได้ไม่ผิด
ยกตัวอย่าง ในที่นี้ เขาแปลคำว่า ภาระ คือความหนักใจ
แต่ความเป็นจริง ทั้งภาษาไทย และ บาลี ความหมาย คำว่า ภาระ นั้น หมายถึง หน้าที่ต้องรับผิดชอบ ( มากกว่าคำว่าหน้าที่ ) คือไม่ทำไม่ได้
อย่างเช่น ชันธ์ 5 เป็นภาระ เช่น อุจจาระ ปัสสาวะ หิว กระหาย ป่วย ชรา และ ตาย ทั้งหมด มันเลี่ยงไม่ได้ ไม่มี่ทางเลี่ยงได้ เพราะ บุคคล ต้องม่ภาระด้วยตนเอง ปวดอุจจาระ ให้อีกคนไปถ่าย อุจจาระแทนไม่ได้ อย่างนี้เป็นต้น ดังนั้น ถ้าแปลตามศัพท์ ความหมายไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ส่วนความหมายที่เขาแปลนั้นไปเน้น อรรถาธิบาย ตามภูมิธรรมไปด้วย ซึ่งอาจจะไม่ใช่อย่างนั้น ด้วยคำอธิบาย
ธัมมะวังโส
78  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / #ฝากไว้ก่อนสิ้นปี เมื่อ: ธันวาคม 28, 2022, 08:17:09 am
#ฝากไว้ก่อนสิ้นปี
==================================
ชีวิตคนเรา มี ขึ้น มี ลง อยู่เสมอ
ไม่มีใครสุขได้ตลอด หรือ ทุกข์ตลอด
สุข กับ ทุกข์ สลับกันอยู่เสมอ ๆๆ
ความขึ้นลง ของ สุข และ ทุกข์ มีตัวแปรมาจาก กรรม ( การกระทำ )
กระทำกรรมดีมาก สุขก็มาก
กระทำกรรมชั่วมาก ทุกข์ก็มาก
ความคิด ความหวาดระแวง ความอาฆาต พยาบาท ความอยาก ความละโมบ ความปรารถนาลามก ความต้องการเป็นใหญ่ ทั้งหมด คือ กิเลส
กิเลส เป็นตัวแปรทำให้ทุกข์ พระพุทธเจ้าตรัสเรียกว่า สมุทัย( เหตุ ) นี้ว่า ตัณหา ( ความอยาก )
ผู้ที่ภาวนา และ พยายามภาวนา คือ ผู้ที่ละความอยาก
การละความอยากให้น้อยลงมากเท่าไหร่ ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น จนถึงสภาวะที่หมดความอยาก ก็ไม่ต้องเกิด ( นิพพาน ) กันไปเลย
จงตระหนักในความจริงว่า ชีวิตนี้มีทุกข์เป็นส่วนใหญ่ ถ้าตระหนักความจริงนี้ได้ ความไม่อยากเกิดก็จะผลักดันไปสู่การภาวนาเอง
เจริญธรรม / เจริญพร
79  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม ถ้าชีวิตเราลำบากยากจน ควรจะทำอย่างไร ควรเตรียมใจอย่างไร เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2022, 12:58:55 pm
ถาม ถ้าชีวิตเราลำบากยากจน ควรจะทำอย่างไร ควรเตรียมใจอย่างไร
ตอบ ถ้าพูดตรง ๆ เรื่องของชีวิต พอจ ไม่ยากเข้าไปยุ่งเรื่องของชีวิตแต่ละคน เพราะมีกรรมติดตัวกันมาทุกคน อย่างไรก็ไปดูพวกรายการ คนค้นคน คนจนเมือง พวกนี้ก็ได้จะเห็นได้ว่า คนไม่มีโอกาสลำบากยังมีอีกจำนวนมาก หรืออาจจะลำบากยากจนเข็ญใจกว่าเรา
ดังนั้นให้พึงสังวรว่ากรรมที่สร้างมานั้นยังไม่พอที่จะช่วยเหลือชีวิตให้สบาย ดังนั้น เมื่อมีโอกาสสร้างบุญก็จงพยายามโอกาสนั้นสร้างบุญ
อย่างไรก็คุยเป็นเพื่อนเท่านี้เพราะปัญหาไม่เกีี่ยวกับเรื่องกรรมฐาน พอจ คิดว่าคนที่สนใจกรรมฐานมันควรข้ามปัจจัยเรื่องพวกนี้ไปได้แล้ว ยากจนร่ำรวย คนภาวนากรรมฐานต้องมองข้ามเรื่องพวกนี้ เพราะถ้ายังอยู่ในเรือ่งพวกนี้ มันก็จะวุ่นวายอยู่ในวัฏฏะสงสารต่อไป  และไปในเส้นทางของกรรมฐานที่ต้องสละละไม่ได้นั่นเอง
เจริญธรรม / เจริญพร
80  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถาม คนทำไมบางคนโชคดี รวย แต่ทำไมบางคนโชคร้าย ยากจน ลำบาก เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2022, 12:58:28 pm
ถาม คนทำไมบางคนโชคดี รวย แต่ทำไมบางคนโชคร้าย ยากจน ลำบาก บางคนไม่ได้ทำความดีอะไร โกงกินชาติบ้านเมือง แต่อยู่สบายร่ำรวย มีอำนาจวาสนา เป็นเพราะอะไรค่ะ
ตอบ ความรวย ความจน ไม่ได้เป็นความบังเอิญที่ใครจะมีได้ คนถูกหวย ถูกเบอร์ก็เช่นกัน ไม่ใช่ว่าเป็นที่ความบังเอิญ
รวย จน อยู่สบาย เป็นเพราะกรรมที่ได้สร้างไว้ ส่งผล
ส่วนคนที่ทำไม่ดี แล้วรวย เพราะกรรมที่ไม่ดียังไม่ส่งผล ดังนั้น กรรมส่งผลเร็วช้า ใครเป็นผู้จัดการอันนี้พูดได้อย่างลำบาก เพราะไม่มีใครทราบได้ แต่ พระพุทธเจ้า กรรมที่ส่งผลไว คือกรรมที่มีเจตนาเป็นตัวร่วม จึงส่งผลไว
เช่นคนทำบุญทำไมผลบุญยังไม่ส่งผล เพราะเจตนาที่ทำบุญต้องการสั่งสมไว้ในภพชาติต่อไปนั่นเอง ผลบุญก็จะไปส่งให้ตามเจตนา แต่บางท่านเกิดผลไว ก็เพราะว่าเจตนาต้องการได้รับผลไว
แต่ที่ผลของบุญจะไว จะช้า ขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้
1. ผลบุญที่สร้าง ต้องมีความสุจริต กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต
2. ผลบุญที่สร้าง ได้กระทำต่อเนื้อนาบุญที่สมบูรณ์ หรือ หมายถึงพระอรหันต์
3. ผลบุญที่ทำ ต้องประกอบด้วย ปีติ อันน้อมไปในกุศลด้วยเจตนาที่เป็นกุศล
4. วาระ( โอกาส ) ที่เหมาะสมของเนื้อนาบุญ หรือ ของกาลแห่งการทำบุญ
เช่น พระออกจากสมาบัติ นิโรธสมาบัติ หรือ กรานกฐิน  มหาสังฆทาน หรือ สังฆทาน อย่างนี้เป็นต้น
ส่วนคนชั่วที่ทำชั่วร่ำรวย นั้นผลกรรมก็รอส่งผลอยู่ อาจจะเร็วช้า แตกต่างกันด้วยเหตุปัจจัย อย่างไรก็ต้องใช้กรรมหนีไม่พ้น อย่าได้คิดว่าทำกรรมชั่วแล้วจะไม่ได้รับผลชั่ว มีสัตว์นรกที่ตายตกไปแล้วรับกรรมในนรก โดยเฉพาะพวกคอรัปชั่นโกงกินทำให้คนลำบาก พอจ ก็ทราบมามีจำนวนมากตอนไปโลกทิพย์
คนส่วนใหญ่ มักทิ้งโอกาส แม้จะมีโอกาส
คนบางคนคิดว่าทำบุญด้วยมโนสุจริต ทำกับพระองค์ไหนก็ได้ ก็ได้บุญเหมือนกัน คนพวกนี้เรียกว่าทิ้งโอกาส เพราะคิดว่าทำกับพระรูปไหนก็ได้ก็ได้บุญเหมือนกัน จริงอยู่ที่ความคิดดูเหมือนจะเป็นธรรมแต่ความเป็นจริง เรียกว่าความคิดทิ้งโอกาส มีมากกว่า
บางคนเป็นลูกศิษย์ธัมมะวังโส ได้แต่อนุโมทนาคนอื่นทำบุญแต่ไม่เคยทำบุญกับ ธัมมะวังโส เพราะคิดว่าตัวเขาก็ทำบุญกับพระอื่น ๆ ก็ได้บุญเช่นกัน เพราะคิดว่าบุญทีทำกับพระอื่นเสมอ หรือ ดีกว่าทำกับธัมมะวังโส ดังนั้นศิษย์เหล่นั้นจึงเลือกทำบุญกับพระอื่น ๆ แต่ไม่เคยกับธัมมะวังโส แต่ถามว่าเคารพกันไหม เขาก็ตอบว่าเคารพกันอยู่ เพียงแต่ไม่ทำบุญด้วยเท่านั้น ความเป็นจริงนี่เรียกว่าทิ้งโอกาส แต่เพราะ ธัมมะวังโส พูดเอาดีเข้าตัวไม่ได้ เป็นมารยาท ดังนั้นใครจะทำกับพระรูปไหนก็ตามอัธยาศัย ไม่อยากทำหรือสนับสนุนกับครูอาจารย์ก็แล้วไป ไม่ได้ว่ากันเพราะว่ากันไม่ได้เกิดจากจิตศรัทธาเคารพและรู้จักโอกาส ดังนั้นลูกศิษย์แบบนี้ ธัมมะวังโส ก็จะไม่ค่อยพูดย้ำอะไรมากนักเพื่อให้เขาเกิดความสบายใจ ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาสนทนากัน เพราะหน้าที่ของคตรูอาจารย์ต้องไม่ทำให้เขาทุกข์
ดังนั้นไม่ใช่คนเราไม่มีโอกาสทำบุญทำความดี แต่คนส่วนใหญ่เลือกจะทิ้งโอกาสการทำบุญความดี แม้ผลบุญความดีจะเป็นผลบุญที่มีกำไรมหาศาลแต่หลายท่านมักทิ้งโอกาส เมื่อทิ้งโอกาสก็ต้องยอมรับชะตา ไม่ควรจะบ่น ว่าเกิดมาลำบากยากจน อัตคัตขัดสน ขาดคนช่วยเหลือควรจะต้องตำหนิตนเองงว่าทิ้งโอกาสมาเพื่อลำบากยากจนเอง
ลูกศิษย์ ธัมมะวังโส ทำบุญ 100 บาทก็บ่นว่าลำบาก บ่นโน่น บ่นนี่ ยากจนเพราะเงิน 100 เดียว น่าสงสารส่วนตัวคิดอย่างนั้น แต่จะให้พูดตำหนินั้นก็ไม่ควรเพราะว่าบุญต้องเกิดจากใจ ถ้าไม่ศรัทธาหรือเห็นประโยชน์ มันก็ไม่ทำก็เป็นอย่างนั้นใช่ไหม
แต่ลูกศิษย์ประเภทสามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้เป็นแสน ๆ แต่ไม่เคยทำบุญกันเลยมีจำนวนมาก เกินหลักร้อย
( ถ้าพูดก็เหมือนตำหนิ )
เจริญธรรม / เจริญพร
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 132