ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ  (อ่าน 6895 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ส้ม

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 184
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1
ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ

   อยากทราบว่า ถ้าข้าวยาคู เป็น ข้าวต้ม สมัยครั้งพุทธกาล ใส่บาตรกันอย่างไร พระใช้ช้อน หรือ ใช้มือจ้วง คะ สมัยนั้น มีใครพอทราบ แจกความรู้เป็นวิทยาทาน ด้วยคะ

 :c017: :c017: :c017:
บันทึกการเข้า
เส้นทางแสนเปรี้ยว จะมีสุขจริงบ้างหรือไม่ ?

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

 ans1 ans1 ans1

ยาคุ, ยาคู น. ข้าวต้ม; เรียกขนมชนิดหนึ่งทําด้วยข้าวอ่อนว่า ข้าวยาคุ หรือ ข้าวยาคู. (ป.).

มธุ [มะ-] น. นํ้าหวาน, นํ้าผึ้ง. (ป., ส.).

ปายาส [ปายาด] น. ข้าวชนิดหนึ่งที่หุงเจือด้วยนํ้านมและนํ้าตาล, ข้าวเปียกเจือนม. (ป.).

มธุปายาส น. ข้าวปายาสเจือนํ้าผึ้ง ใช้เป็นของหวานในงานรื่นเริง. (ป.).

__________________________________________
พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒


 ans1 ans1 ans1

ยาคู ข้าวต้ม, เป็นอาหารเบาสำหรับฉันรองท้องก่อนถึงเวลาฉันอาหารหนัก เป็นของเหลว ดื่มได้ ซดได้ ไม่ใช่ของฉันให้อิ่ม เช่น ภิกษุดื่มยาคูก่อนแล้วไปบิณฑบาต ยาคูสามัญอย่างนี้
       ที่จริงจะแปลว่า ข้าวต้มหาถูกแท้ไม่ แต่แปลกันมาอย่างนั้นพอให้เข้าใจง่ายๆ ข้าวต้มที่ฉันเป็นอาหารมื้อหนึ่งได้อย่างที่ฉันกันอยู่โดยมาก มีชื่อเรียกต่างออกไปอีกอย่างหนึ่งว่า โภชชยาคู


โภชชยาคู ข้าวต้มสำหรับฉันให้อิ่ม เช่น ข้าวต้มหมู เป็นต้น
       มีคติอย่างเดียวกันกับอาหารหนัก เช่น ข้าวสวย ต่างจากยาคูที่กล่าวถึงตามปกติในพระวินัย ซึ่งเป็นของเหลวใช้สำหรับดื่ม ภิกษุรับนิมนต์ในที่แห่งหนึ่งไว้ ฉันยาคูสามัญไปก่อนได้ แต่จะฉันโภชชยาคูไปก่อนไม่ได้
ปายาส ข้าวสุกที่หุงด้วยนมโค นางสุชาดาถวายแก่พระมหาบุรุษในเวลาเช้าของวันที่พระองค์จะได้ตรัสรู้

ปายาส ข้าวสุกที่หุงด้วยนมโค นางสุชาดาถวายแก่พระมหาบุรุษในเวลาเช้าของวันที่พระองค์จะได้ตรัสรู้

__________________________________________________
พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

 ans1 ans1 ans1

      ข้าวยาคูมีคุณ ๑๐ อย่าง
      พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้กะพราหมณ์นั้น ผู้นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า
      ดูกรพราหมณ์ ข้าวยาคูมีคุณ ๑๐ อย่างนี้ ๑๐ อย่างเป็นไฉน คือ
         ผู้ให้ข้าวยาคู ชื่อว่าให้อายุ ๑
         ให้วรรณะ ๑
         ให้สุข ๑
         ให้กำลัง ๑
         ให้ปฏิภาณ ๑
         ข้าวยาคูที่ดื่มแล้วกำจัดความหิว ๑
         บรรเทาความระหาย ๑
         ทำลมให้เดินคล่อง ๑
         ล้างลำไส้ ๑
         ย่อยอาหารใหม่ที่เหลืออยู่ ๑

    ดูกรพราหมณ์ ข้าวยาคูมีคุณ ๑๐ อย่างนี้แล.

__________________________________________
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=5&A=1509&Z=1565


 ans1 ans1 ans1

    เรื่อง "ข้าวมธุปายาส" ตรัสไว้ใน
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
    ทีปังกรพุทธวงศ์ที่ ๑ ว่าด้วยพระประวัติพระทีปังกรพุทธเจ้า
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=6874&Z=7263
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

เท่ากับผลรวม

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +11/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 169
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เรื่องนี้ จะยังไม่จัดเด็มนะครับ เพราะว่า ข้าวมธุปายาส นั้นน่าจะเป็นข้าว คลุกน้ำผึ้ง หรือ น้ำอ้อย ประมาณนี้

  :s_hi:
บันทึกการเข้า
ชีวิต นี้เพื่อพุึทธศาสน์

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ask1
ข้าวยาคู กั้บ มธุปายาส แตกต่างกันอย่างไรใครรู้อธิบายให้ด้วย คะ

 :c017: :c017: :c017:

ขอบคุณภาพจาก http://topicstock.pantip.com/

   ans1 ans1 ans1
   
   เรื่องนี้ตอบไม่ได้ ข้อมูลที่หาได้ ขัดแย้งกัน ไม่เป็นที่ยุติ
   เพราะทางใต้ ถ้าเอ่ยคำว่า "ข้าวยาคู" จะหมายถึง "ข้าวมธุปายาสยาคู"
   และ เมื่อดูวิธีทำ ก็เหมือนกับการทำข้าวมธุปายาสทุุกประการ
   แถมยังบอกว่า ข้าวยาคู มีอีกชื่อหนึ่งว่า "ข้าวยาโค" ขอให้ดูรายละเอียดในสองเว็บนี้ครับ

   http://nrt.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=article&id=120:2010-02-05-10-14-41&catid=50:2008-10-29-14-45-52&Itemid=84
   และ http://www.prapayneethai.com/th/rite/south/view.asp?id=0708

   วิธีทำข้าวมธุปายาสหรือข้าวทิพย์ในเว็บมัชฌิมา อยู่ในลิงค์นี้ครับ
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=608.0

   แต่หากมาดูความหมาย ตามพจนานุกรมต่างๆ ก็จะพออนุมานได้ว่า
   ข้าวยาคู คือ ข้าวต้ม ส่วนข้าวมธุปายาส น่าจะข้าวที่นำมาปั้นเป็นก้อนๆได้
   อย่างไรก็ตาม เมื่อดูวิธีการทำข้าวยาคู จากอีกเว็บหนึ่ง คือ

   http://www.paisalvision.com/faq/1404-qq-.html
   ได้กล่าวถึงวิธีทำข้าวยาคูไว้ว่า
    "วิธีทำข้าวยาคูคือการเอาข้าวจากนาในขณะที่กำลังออกรวงอ่อน ๆ ยังไม่ทันเป็นเมล็ด และมีสภาพเป็นน้ำนมอยู่ในรวงข้าว ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าข้าวกำลังออกนม น้ำข้าวในรวงข้าวเช่นนั้นเขาเรียกว่านมข้าว ให้ตัดเอารวงข้าวมาสักจำนวนหนึ่งแล้วมาตำด้วยครก คือตำทั้งรวง ทั้งใบข้าว จากนั้นก็คั้นเอาน้ำไปเคี่ยว ผสมด้วยแป้งข้าวจ้าวเล็กน้อย หากชอบหวานก็ใส่น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เคี่ยวจนกระทั่งน้ำนมข้าว แป้ง และน้ำตาลเข้ากัน ซึ่งจะมีลักษณะขุ่นข้นคล้าย ๆ กับแป้งเปียก มีสีเขียวอ่อน ๆ เหมือนสีเขียวของขนมเปียกปูน เอามาตั้งไว้ให้เย็นแล้วกินได้เลย"
    เรื่องข้าวยาคูในลิงค์นี้ จะเสนอโดยพิสดารในกระทู้ถัดไป



ask1

   อยากทราบว่า ถ้าข้าวยาคู เป็น ข้าวต้ม สมัยครั้งพุทธกาล ใส่บาตรกันอย่างไร พระใช้ช้อน หรือ ใช้มือจ้วง คะ สมัยนั้น มีใครพอทราบ แจกความรู้เป็นวิทยาทาน ด้วยคะ

 :c017: :c017: :c017:


ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammajak.net/


 ans1 ans1 ans1
   
    ข้าวยาคูที่เป็นข้าวต้มใส่บาตรแล้ว จะฉันกันอย่างไร ใช้มือหรือใช้ช้อน.?
    เรื่องนี้ เผอิญผมเกิดไม่ทัน เลยไม่ทราบ (ล้อเล่น)
    คุณส้มถามได้ละเอียดจริงๆ ละเอียดมากครับ
    ลองดูซิว่า ระหว่างผมกับคุณส้มใครจะละเอียดมากกว่ากัน


    ขอให้ดูใน "มหาปรินิพพานสูตร" ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า
    [๑๑๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จแวะจากหนทาง แล้วเสด็จเข้าไปยังโคนไม้ต้นหนึ่ง รับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
    ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยปูผ้าสังฆาฏิซ้อนกันเป็นสี่ชั้นให้เรา เราเหน็ดเหนื่อยนัก จักนั่ง ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้ว ปูผ้าสังฆาฏิซ้อนกันเป็นสี่ชั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่งบนอาสนะที่พระอานนท์ปูถวายแล้ว ครั้นพระผู้มีพระภาคประทับนั่งแล้ว จึงรับสั่งกะท่านพระอานนท์ว่า
    ดูกรอานนท์ เธอจงช่วยนำน้ำมาให้เรา เราระหาย จักดื่มน้ำ
    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อกี้นี้ เกวียนประมาณ ๕๐๐ เล่ม ข้ามไปแล้วน้ำนั้นน้อย ถูกล้อเกวียนบดแล้ว ขุ่นมัวไหลไปอยู่ แม่น้ำกกุธานทีนี้อยู่ไม่ไกล มีน้ำใสจืด เย็น ขาวมีท่าราบเรียบ น่ารื่นรมย์ พระผู้มีพระภาคจักทรงดื่มน้ำในแม่น้ำนี้ และจักทรงสรงสนานพระองค์

    (พระพุทธเจ้าตรัสถึงสามครั้ง พระอานนท์จึงยอมไปตักน้ำให้)

    ท่านพระอานนท์ทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระภาคแล้วถือบาตรไปยังแม่น้ำนั้น
    ครั้งนั้น แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อท่านพระอานนท์เข้าไปใกล้ก็ใสสะอาด ไม่ขุ่นมัวไหลไปอยู่
    ท่านพระอานนท์ ได้มีความดำริว่า น่าอัศจรรย์หนอเหตุไม่เคยเป็นมาเป็นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มากมีอานุภาพมาก แม่น้ำนี้ถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัว ไหลไปอยู่ เมื่อเราเข้าไปใกล้กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปอยู่ ฯ


     ท่านพระอานนท์ตักน้ำมาด้วยบาตรแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ เหตุไม่เคยเป็นมาเป็นแล้ว ความที่พระตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เมื่อกี้นี้ แม่น้ำนั้นถูกล้อเกวียนบดแล้ว มีน้ำน้อยขุ่นมัวไหลไปอยู่ เมื่อข้าพระองค์เข้าไปใกล้ กลับใสสะอาด ไม่ขุ่นมัว ไหลไปแล้ว ขอพระผู้มีพระภาคจงเสวยน้ำเถิด ขอพระสุคตจงเสวยน้ำเถิด
     ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเสวยน้ำแล้ว ฯ

______________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=1888&Z=3915&pagebreak=0

     
     ตอบว่า ความเป็นไปได้ในสมัยพุทธกาล ไม่น่าใช้อุปกรณ์ใดๆในการดื่มการกิน
     การเสวยของพระพุทธองค์น่าจะใช้มือเปิบ เวลาดื่มก็น่าจะดื่มจากบาตรโดยตรง
     ขอคุยเท่านี้ครับ

      :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28366
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


"ข้าวยาคู" คือยาอายุวัฒนะที่มีผลจริง
Q&A - ไขข้อสนใจจากไพศาล

ถาม :  ดิฉันได้อ่านหนังสืออายุวัฒนะที่คุณไพศาลเขียน มีความสนใจเรื่องข้าวยาคูว่าเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องพูดกันเล่น ๆ ถ้าเป็นเรื่องจริง มีความเป็นมาอย่างไร ให้ผลอย่างไร และจะหาข้าวยาคูจากที่ไหน

ตอบ :  เรื่องข้าวยาคูที่เขียนไว้ในหนังสืออายุวัฒนะนั้นเป็นเรื่องจริง เผอิญครูบาอาจารย์ของผมเป็นนักหมากรุก คือท่านบุศย์ ขันธวิทย์ เป็นครูเชิงความของผม ท่านเป็นเพื่อนรักของคุณชะลอ วนะภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในช่วงนั้นยังดำรงตำแหน่งเป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย และได้สมญานามว่าเป็นมาเฟียมหาดไทย ท่านเป็นลูกน้องของคุณพ่วง สุวรรณรัฐ บิดาของท่านองคมนตรีพลากร สุวรรณรัฐ ในปัจจุบันนี้

คราวหนึ่งผมติดคณะไปเล่นหมากรุกกันที่ต่างจังหวัด ในขณะที่รถผ่านไปที่ทุ่งนาจังหวัดอยุธยา คุณชะลอ วนะภูติ บังเอิญเห็นตาแก่คนหนึ่งอายุมากแล้ว แต่ยังหาบข้าวเดินตัวปลิวอยู่ก็สงสัยว่าทำไมจึงมีสุขภาพดีเช่นนั้น จึงสั่งให้หยุดรถแล้วลงไปไต่ถาม ก็ได้ความว่าตาแก่คนนั้นมีอายุกว่า 80 ปีแล้ว ค่อนไปทาง 90 ปี แต่จำปีเกิดไม่ได้
    ตาแก่บอกว่าไม่ได้มียาอะไรกินเป็นพิเศษและไม่ได้กินอาหารอะไรเป็นพิเศษ
    แต่ทุกปีจะทำข้าวยาคูกินครั้งหนึ่ง คุณชะลอ วนะภูติ ก็ถามวิธีทำข้าวยาคูว่าทำอย่างไร


     ตาแก่คนนั้นก็บอกว่า วิธีทำข้าวยาคู คือ
     การเอาข้าวจากนาในขณะที่กำลังออกรวงอ่อนๆ ยังไม่ทันเป็นเมล็ด และมีสภาพเป็นน้ำนมอยู่ในรวงข้าว

     ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าข้าวกำลังออกนม น้ำข้าวในรวงข้าวเช่นนั้นเขาเรียกว่านมข้าว
     ให้ตัดเอารวงข้าวมาสักจำนวนหนึ่งแล้วมาตำด้วยครก คือ ตำทั้งรวง ทั้งใบข้าว
     จากนั้นก็คั้นเอาน้ำไปเคี่ยว ผสมด้วยแป้งข้าวจ้าวเล็กน้อย หากชอบหวานก็ใส่น้ำตาลปี๊บเล็กน้อย
     เคี่ยวจนกระทั่งน้ำนมข้าว แป้ง และน้ำตาลเข้ากัน ซึ่งจะมีลักษณะขุ่นข้นคล้าย ๆ กับแป้งเปียก มีสีเขียวอ่อน ๆ เหมือนสีเขียวของขนมเปียกปูน เอามาตั้งไว้ให้เย็นแล้วกินได้เลย อาจเก็บไว้ในที่เย็นได้ 3-4 วัน


    ตาแก่บอกว่ากินข้าวยาคูปีละครั้งก็จะทำให้มีอายุยืน ท่านบุศย์ ขันธวิทย์ ซึ่งเป็นคนพื้นอยุธยาก็รับรองว่าวิธีการทำข้าวยาคูเช่นนี้เป็นวิธีการโบราณที่คนอยุธยาทำกินกันมาช้านานแล้ว แต่มารุ่นหลัง ๆ เหินห่างเลิกร้างกันไปเพราะไม่รู้ไม่เข้าใจถึงคุณประโยชน์



     หลังจากนั้นคุณบุศย์ ขันธวิทย์ ก็ทำหน้าที่สั่งให้ญาติพี่น้องที่อยุธยาทำข้าวยาคูมาแจกจ่ายกินกันทุกปี ผมก็พลอยได้อานิสงส์ได้กินข้าวยาคูตามไปด้วย เพราะเมื่อได้ข้าวยาคูมาแล้ว ผมก็ทำหน้าที่เอาไปส่งให้กับเพื่อนฝูงและคนที่ท่านบุศย์ ขันธวิทย์ นับถือ จึงได้รับแบ่งปันมากินบ้าง

     ความจริงเรื่องข้าวยาคูนั้นมีมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาลแล้ว พระพุทธองค์ทรงตรัสเรื่องข้าวยาคูไว้ในปัญจกนิบาต อังคุตตรนิกาย ทรงแสดงถึงอานิสงส์ 5 ประการของข้าวยาคูว่า
     1.  บรรเทาความหิว
     2.  บรรเทาความกระหาย
     3.  ลมเดินสะดวก
     4.  ชำระลำไส้
     5.  ทำอาหารที่ยังไม่ย่อยที่เหลือให้สุก
     ทรงตรัสว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย อานิสงส์ของข้าวยาคู 5 ประการเหล่านี้แล"



    แล้วมาดูกันว่าเพราะเหตุอันใดและเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร จึงเป็นเหตุให้ทรงตรัสถึงอานิสงส์ดังกล่าวนั้นของข้าวยาคู

     ข้อที่บรรเทาความหิวและความกระหายนั้นเห็นได้ชัด เพราะข้าวยาคูมีลักษณะขุ่นข้นคล้าย ๆ กับแป้งเปียกเหลว พอได้กินก็หายหิวและบรรเทาความกระหายได้ทันที

     ข้อที่ลมเดินสะดวกนั้น หมายถึงลมอะไร? ก็หมายถึงลมในกายนี้ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ในพระวินัยตอนหนึ่งว่า ลมในกายนั้นก็คือลมในกระเพาะ ลมในลำไส้ ลมในร่างกายเบื้องบน ลมในร่างกายเบื้องล่าง ลมในสมอง และศีรษะ รวมทั้งลมในเส้นเลือดต่าง ๆ
      กายเนื้อของเรานี้มีชีวิตเป็นปกติได้ก็เพราะลมเดินเป็นปกติ เมื่อลมทุกส่วนเป็นปกติร่างกายก็ปกติ หากลมแต่ส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ปกติก็มีความไข้หรือความไม่สบายเกิดขึ้น ไม่ต้องอื่นไกล ลมไม่ปกติในกระเพาะอาหารก็ทำให้จุกแน่น ลมในเส้นเลือดที่เดินไปหัวใจหากไม่ปกติก็อึดอัดขัดใจ ลมในสมองไม่ปกติก็ทำให้หัวอื้อ ลมในเลือดไม่ปกติก็ทำให้โลหิตไม่ปกติหรือตีบตันเป็นต้น
      อานิสงส์ของข้าวยาคูที่ทำให้ลมปกติจึงมีอานิสงส์มาก เพราะเป็นการปรับธาตลมในกายให้เป็นปกติ แต่วิธีการทำให้ธาตุลมเป็นปกตินั้นเสียดายที่พระพุทธองค์มิได้ตรัสไว้ในรายละเอียด คงตรัสไว้แต่ผลเท่านั้น จึงเป็นเรื่องที่วงการแพทย์น่าจะศึกษาค้นคว้าวิจัยกันต่อไป


     ข้อที่ข้าวยาคูชำระลำไส้ก็เหมือนกัน ลำไส้ที่ว่านี้หมายเอาตั้งแต่ทางเดินอาหารตั้งแต่ช่วงลำคอลงไปจนถึงกระเพาะ ถึงลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นท่อขนาดต่าง ๆ กัน ระโยงระยางกันเต็มไปหมด มีความยาวมาก คนเราเมื่อมีอายุมากเข้าลำไส้ซึ่งเป็นท่อต่าง ๆ นี้ก็สกปรกเกรอะกรัง จะเกรอะกรังขนาดไหนก็ให้ลองดูของจริงจากท่อน้ำทิ้งซึ่งเชื่อมต่อจากซิงค์ล้างอาหาร หรือที่ล้างจานนั้นเถิด ก็จะเข้าใจได้กระจ่าง และสำหรับคนที่กินไขมันมาก ๆ หรือกินของสกปรก หรือของสุก ๆ ดิบ ๆ ลำไส้ซึ่งเป็นท่อต่าง ๆ ก็ยิ่งสกปรกโสโครก ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ามีความน่าขยะแขยงดุจดังสุสาน

     การที่ข้าวยาคูชำระลำไส้ซึ่งหมายถึงการขจัดสิ่งเกรอะกรังสกปรกโสโครกทั้งหลายออกไป จึงส่งผลให้ลำไส้ทั้งระบบสามารถย่อยอาหารได้ดี ซึมซับธาตุอาหารได้ดี และกำจัดกากอาหารได้ดีด้วย จึงเกิดความปกติขึ้นในกายนี้ ลองนึกดูเถิด แค่ไม่ถ่ายสักวันเดียว ความพะอืดพะอมจะเกิดขึ้นสักเพียงไหน หรือแค่ลำไส้เกรอะกรังจนทำให้ท้องผูก และทำให้ถ่ายอุจจาระเป็นก้อน ๆ เม็ด ๆ ก็เป็นภาวะสุดแสนทรมาน ดังนั้นเมื่อข้าวยาคูสามารถชำระลำไส้ให้สะอาดได้ จึงทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารสะอาด บริสุทธิ์ และเต็มที่ จึงเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้อายุยืน

     สำหรับข้อที่ทำอาหารที่ยังไม่ย่อยที่เหลือให้สุกนั้น ตรงนี้มีความหมายมาก ยิ่งสำหรับคนปัจจุบันแล้วยิ่งมีปัญหามาก เพราะมักกินอาหารที่ย่อยยากบ้าง กินอาหารผิดเวลาบ้าง กินอาหารที่ไม่สามารถย่อยให้หมดได้บ้าง ทำให้เกิดสารตกค้างหรือเกิดความหมักหมมขึ้นในระบบย่อยอาหาร อย่างหนักหน่อยก็ก่อมะเร็งให้เกิดขึ้นในกายนี้ อย่างเบาหน่อยก็ท้องอื่ด ท้องเฟ้อ นอนไม่หลับ ฝันร้าย
     การที่ข้าวยาคูทำอาหารที่ยังไม่ย่อยที่เหลือให้สุกหมายถึง อานิสงส์ที่ทำให้อาหารตกเหลือค้าง
     ไม่ว่าอาหารที่กินเข้าไปใหม่หรือที่ตกค้างหมักหมม หรือที่เกรอะกรังให้สุกนั้นหมายถึง
     ทำให้ย่อยสลายออกไปจนหมดสิ้น จึงเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความเป็นปกติขึ้นในร่างกาย


     ตรองดูให้ดีเถิดก็จะเห็นว่านี่คือประจักษ์พยานหลักฐานสำคัญแห่งความเป็นสัพพัญญูของพระผู้มีพระภาคเจ้าของชาวพุทธโดยแท้



    เมื่อผมยังเป็นเด็ก ๆ อยู่ที่บ้านนอก เวลาพ้นจากหน้าน้ำท่วม ข้าวก็จะเริ่มแตกรวง ผมและเพื่อนเด็ก ๆ รักที่จะไปหานมข้าวกินกันในทุ่งนา เพราะข้าวที่เพิ่งออกรวงใหม่ ๆ นั้นในรวงข้าวจะมีสีขาวเหมือนน้ำนม มีกลิ่นหอมหวาน พวกเราไปจับกลุ่มนั่งกันในทุ่งนา แล้วหักเอารวงข้าวมากินนมข้าวกันเป็นประจำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีบรรยากาศเช่นนั้นหลงเหลืออยู่อีกแล้ว หวนรำลึกถึงวัยเยาว์เมื่อใดก็เกิดความกระชุ่มกระชวยราวกับว่าเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะประหนึ่งวันเวลาเพิ่งผ่านไปแค่พริบตาเดียวเท่านั้น ดังนั้นหากมีความสนใจก็น่าจะลองทำข้าวยาคูมาลองกินดู

     ในขณะนี้มีการค้นพบว่าการเอาข้าวกล้องมาทำให้งอกแล้วไปบด กรองเอาน้ำมากินเป็นผลดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นการค้นพบใหม่ ๆ อันเป็นผลดีต่อสุขภาพ แต่ที่จะทำให้อายุยืนยาวและมีอานิสงส์ทั้ง 5 ประการนั้นก็ยังไม่มีหลักฐานพิสูจน์ชัด ต่างกับข้าวยาคูซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว และได้ผ่านการพิสูจน์ที่เป็นผลจริงมาแล้วนับพัน ๆ ปี.


ที่มา http://www.paisalvision.com/faq/1404-qq-.html
ขอบคุณภาพจาก http://songkhlahealth.org/,http://food.myfirstinfo.com/,http://www.thaismefranchise.com/,http://kasetintree.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ