ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "สมาธิ กับ ญาณ" อย่างไหนเกิดก่อนกัน.?  (อ่าน 1517 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
"สมาธิ กับ ญาณ" อย่างไหนเกิดก่อนกัน.?
« เมื่อ: เมษายน 06, 2013, 12:42:50 pm »
0



พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
สักกสูตร
   
     [๕๑๓] ๗๔. สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกชนบท ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงเป็นไข้ หายจากความไข้ไม่นาน
ครั้งนั้นแล เจ้ามหานามศากยะเสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ทรงถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วทูลถามว่า

     ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นานมาแล้วที่ข้าพระองค์รู้ทั่วถึงธรรมที่พระองค์ทรงแสดงอย่างนี้ว่า ญาณเกิดแก่ผู้มีใจเป็นสมาธิหาเกิดแก่ผู้ที่มีใจไม่เป็นสมาธิไม่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สมาธิเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง หรือว่าญาณเกิดก่อน สมาธิเกิดทีหลัง

    ลำดับนั้นแล ท่านพระอานนท์ได้มีความดำริว่า พระผู้มีพระภาคทรงเป็นไข้ หายจากความไข้ไม่นาน ก็เจ้ามหานามศากยะนี้ทูลถามปัญหาที่ลึกซึ้งกะพระผู้มีพระภาค ถ้ากระไร เราควรนำเอาเจ้ามหานามศากยะหลีกไปในที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วแสดงธรรม
    ครั้งนั้นแล ท่านพระอานนท์ จับพระพาหาเจ้ามหานามศากยะนำหลีกไป ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวกะเจ้ามหานามศากยะว่า
    ดูกรมหานามะ พระผู้มีพระภาคตรัสศีลที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสศีลที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี
    ตรัสสมาธิที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสสมาธิที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี
    ตรัสปัญญาที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสปัญญาที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี


    ดูกรมหานามะ มีศีลที่เป็นของพระเสขะเป็นไฉน
    ดูกรมหานามะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศีล ฯลฯ
    สมาทานศึกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย
    ดูกรมหานามะ นี้เรียกว่า ศีลที่เป็นของพระเสขะ
    ดูกรมหานามะ ก็สมาธิที่เป็นของพระเสขะเป็นไฉน
    ดูกรมหานามะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ เข้าจตุตถฌานอยู่
    ดูกรมหานามะ นี้เรียกว่าสมาธิที่เป็นของพระเสขะ
    ดูกรมหานามะ ก็ปัญญาที่เป็นของพระเสขะเป็นไฉน
    ดูกรมหานามะ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ ฯลฯ นี้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์       
    ดูกรมหานามะ นี้เรียกว่า ปัญญาที่เป็นของพระเสขะ ฯ


    ดูกรมหานามะ พระอริยสาวกนั้นแล เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีลอย่างนี้ ถึงพร้อมด้วยสมาธิอย่างนี้ ถึงพร้อมด้วยปัญญาอย่างนี้ ทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข้าถึงอยู่
    ดูกรมหานามะ พระผู้มีพระภาคได้ตรัสศีลที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสศีลที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี ตรัสสมาธิที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสสมาธิที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี ตรัสปัญญาที่เป็นของพระเสขะไว้ก็มี ตรัสปัญญาที่เป็นของพระอเสขะไว้ก็มี ด้วยประการฉะนี้แล ฯ

______________________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=5777&Z=5808




อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ติกนิบาต ทุติยปัณณาสก์ อานันทวรรคที่ ๓
๓. สักกสูตร

      อรรถกถาสักกสูตรที่ ๓              
      พึงทราบวินิจฉัยในสักกสูตรที่ ๓ ดังต่อไปนี้ :-
      บทว่า คิลานา วุฏฺฐิโต ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหายประชวร.
      บทว่า เคลญฺญา ความว่า จากความเป็นไข้.
      บทว่า อุปสงฺกมิ ความว่า พระเจ้ามหานามศากยะ เสร็จเสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว ทรงถือเอาระเบียบและของหอมเป็นต้นมีบริวารเป็นอันมากห้อมล้อมแล้ว เข้าไปเฝ้า (พระผู้มีพระภาคเจ้า).


      ด้วยบทว่า พาหายํ คเหตฺวา พึงทราบความว่า พระอานนท์เถระเจ้าไม่ได้จับพระพาหา (ของเจ้ามหานาม) ดึงมา (แต่) ลุกขึ้นจากอาสนะที่นั่งแล้ว ตรงไปยังเจ้ามหานาม ใช้นิ้วมือสะกิดที่พระพาหาเบื้องขวา แล้วนำออกไป ณ ส่วนข้างหนึ่ง.

      พระอานนท์เถระเจ้า ครั้นบอกศีลสมาธิและปัญญาอันเป็นของพระเสขะทั้ง ๗ จำพวกโดยนัยมีอาทิว่า ดูก่อนมหานาม พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสศีลที่เป็นเสขะไว้ก็มี ดังนี้ แล้วเมื่อจะบอกศีล สมาธิ ปัญญาของพระอเสขะด้วยสามารถแห่งอรหัตผลเบื้องสูง
      จึงแสดงว่า วิปัสสนาญาณที่เป็นเสขะและผลญาณที่เป็นอเสขะ เกิดขึ้นภายหลังสมาธิที่เป็นเสขะ
      และผลสมาธิที่เป็นอเสขะเกิดขึ้นภายหลังวิปัสสนาที่เป็นเสขะ ดังนี้.
      ส่วนสมาธิที่เป็นสัมปยุตธรรม พึงทราบว่า เกิดขึ้นไม่ก่อนไม่หลังกัน.


               จบอรรถกถาสักกสูตรที่ ๓   
       
___________________________________________________
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=513
ภาพจาก http://sphotos-e.ak.fbcdn.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ