อิ่มบุญอิ่มใจ พร้อมเที่ยวในเมืองเพชร
ผู้อ่านหลายคนมีโปรแกรมจะไปที่ไหนคงวางแผนไว้แล้ว แต่ถ้าใครยังคิดไม่ออก เราขอแนะนำสถานที่น่าสนใจให้ผู้อ่านเดินทางไปทำบุญกัน เราขอเชิญท่านมาที่จังหวัดเพชรบุรี เมืองที่เต็มไปด้วยวัดวาอาราม ขนมหวานอร่อย ศิลปะเลิศล้ำ ทะเลสวยงาม ที่สำคัญอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก สามารถเที่ยวแบบไป – กลับได้ภายในวันเดียวพระประทานในโบสถ์ ณ วัดเกาะแก้วสุทธาราม
สถานที่แรก เราขอชวนมาชม พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลก ตั้งอยู่ที่วัดข่อย ต. คลองกระแชง อ. เมือง จ. เพชรบุรี พระธาตุองค์นี้เกิดจากแรงศรัทธาของพระวัชรวิชญ์ สิริปัญโญ อดีตปลัดอำเภอบ้านลาด ที่ได้เห็นผ้ายันต์ฉิมพลีของวัดท่าไชยศิริ อ. บ้านลาด แล้วประทับใจภาพวิมานสวรรค์ที่เขียนบนยันต์ผืนนั้นมาก พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ มี 3 ชั้น
ด้านบนสุดคือซุ้มเรือนยอดที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ
จนต้องการจะสร้าง “วิหารแห่งสรวงสวรรค์” ให้เกิดขึ้นจริงบนผืนแผ่นดิน จึงได้นำความมาปรึกษาเจ้าอาวาสวัดข่อย ซึ่งท่านยินดี พร้อมทั้งเชื้อเชิญผู้มีจิตศรัทธาให้มาร่วมสร้าง “วิมาน” แห่งนี้ด้วย เริ่มแรกภาพวิมานบนยันต์ฉิมพลีเป็นภาพ 2 มิติ เห็นด้านหน้าเพียงด้านเดียว จึงเชิญช่างเมืองเพชรมาออกแบบสามด้านที่เหลือ และร่วมสร้างจนสำเร็จเป็นพระธาตุที่สวยงามดังที่เห็นในปัจจุบัน
องค์พระธาตุฉิมพลีฯ แบ่งเป็น 3 ชั้น สามารถเดินเข้าได้ทั้ง 4 ทิศ หน้าพระธาตุหันไปทางทิศเหนือ ด้านหน้ามียักษ์ 6 ตนยืนเฝ้าอยู่ แต่ละมุมของพระธาตุมีรูปท้าวจตุโลกบาลอยู่ทั้ง 4 ทิศ พระธาตุชั้นล่างสุดมีรูปเทพบันเทิงทั้ง 8 อยู่รายรอบ เมื่อเข้าไปในตัวพระธาตุผู้อ่านสามารถสักการบูชาพระสำคัญทั้ง 3 องค์ คือ พระพุทธมงคล พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ และพระสิวลีมหาลาภร่มเย็น บานประตูของพระธาตุเป็นไม้แกะสลักลวดลายอ่อนช้อยตามฉบับของเมืองเพชร ที่หน้าต่างเป็นรูป 12 นักษัตร สัตว์ป่าหิมพานต์ และเทพประจำวันเกิดจากด้านซ้าย คือ พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ พระพุทธมงคล และพระสิวลีมหาลาภร่มเย็น
ส่วนจิตรกรรมฝาผนังเป็นลายรดน้ำเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธชัยมงคลคาถาหรือพาหุง 8 บท หากเดินขึ้นไปชมชั้นสองจะพบพระพุทธรูป 4 องค์ประดิษฐานพร้อมกับลวดลายของยันต์โภคทรัพย์ขนาดใหญ่ทั้ง 4 ด้าน ส่วนชั้น 3 เป็นซุ้มเรือนยอด ภายในมีประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในบุษบก 5 ยอดลงรักปิดทองให้พุทธศาสนิกชนได้ขึ้นมากราบสักการะ อาคารทั้งหมดสวยงามเหมือนเดินอยู่บนสวรรค์เลยทีเดียวพระนอน ที่มีความยาวเป็นอันดับ 4 ของประเทศ คือมีความยาว 43 เมตร พระบาทมีลายมงคล 108
กราบพระนอนยาวลำดับที่ 4 ของประเทศ
ถ้าผู้อ่านเดินออกมาจากวัดแรก แล้วเลี้ยวซ้ายจะพบกับสถานที่ที่สองซึ่งเราจะชวนเที่ยวในวันนี้ สามารถเดินไปได้เพราะไม่ไกลมากจากวัดแรก แต่ด้วยสภาพอากาศประเทศไทย ณ เวลานี้ เราแนะนำว่านั่งรถยนต์จะดีกว่า ที่ที่เราพามา คือ วัดพุทธไสยาสน์ หรือวัดพระนอน ผู้อ่านจะได้กราบไหว้พระนอนปูนองค์ใหญ่ที่มีความยาวเป็นอันดับ 4 ของประเทศ คือมีความยาว 43 เมตร ที่ฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ที่สวยงามพระนั่ง(ซ้าย)และพระยิ้ม(ขวา) ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพุทธไสยาสน์
นอกจากนี้ยังมีพระพิฆเณศร์ พระนั่ง พระยืน และพระยิ้มเพื่อให้ผู้อ่านได้สักการะบูชากันจนอิ่มบุญอีกด้วย ความเป็นมาของพระนอนเชื่อกันว่าสร้างด้วยฝีมือสกุลช่างในสมัยอยุธยา อายุโดยประมาณ 444 ปี เดิมองค์พระประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง กระทั่งรัชกาลที่ 4 ทรงให้มีการสร้างหลังคาคลุมไว้เป็นแบบเพิงหมาแหงน ต่อมารัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้ปรับปรุงเป็นหลังคากระเบื้อง ทุกวันนี้วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของกรมศิลปากรแล้ว ส้มตำแครท
หลังชมมา 2 วัด เวลาเที่ยงพอดีหลายคนคงเริ่มหิว ถ้าอยากเที่ยวได้ทั้งวันกองทัพมันต้องเดินด้วยท้อง พูดแบบนี้อย่ารอช้า เราจะพาไปลิ้มลองในร้านชื่อน่าพักผ่อนมากๆ คือ ร้าน RELAX มีสไตล์ตกแต่งป็นแบบยุค 60s – 70s ดูเหมือนร้านอาหารยุโรปแต่ที่จริงเสิร์ฟอาหารแบบไทย ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำแครอท ผัดบล็อกเคอรีกุ้ง ต้มยำ หมูย่าง และเป็ดย่าง เรียกว่าอร่อยแบบจัดเต็มจนเรากินอิ่มแทบเดินไม่ไหวเลยทีเดียว
>>>>ร้านนี้เปิดทุกวันตั้งเวลา 10.00 น. – 22.00 น. โทร. 032-424-386<<<<โบสถ์ที่ภายในมีจิตรกรรมฝ่าผนังสมัยอยุธยา ณ วัดเกาะแก้วสุทธาราม
ชมจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยา ที่ “วัดเกาะฯ”
เมื่ออิ่มท้องและอิ่มบุญแล้ว วัดสุดท้ายที่จะพาไปแนะนำ คือ วัดเกาะแก้วสุทธาราม หรือ “วัดเกาะฯ” จุดเด่นของวัดแห่งนี้อยู่ที่จิตกรรมในโบสถ์สมัยอยุธยาที่สมบูรณ์มาก เขียนด้วยสีฝุ่นผสมกาว ผนังตรงข้ามพระประธานเป็นภาพไตรภูมิหรือจักรวาลตามคติโบราณ ส่วนผนังด้านหลังเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ผนังด้านทิศใต้เป็นภาพพุทธประวัติตอนสำคัญที่เกิดขึ้น ณ สถานที่สำคัญ 8 แห่ง เรียกว่า “อัฏฐมหาสถาน”
ส่วนผนังด้านทิศเหนือเป็นภาพแสดงสถานที่สำคัญที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับหลังตรัสรู้แล้ว 7 แห่ง เรียกว่า “สัตตมหาสถาน” แทรกอยู่ระหว่างภาพเจดีย์ ใต้ภาพฉัตรเหมือนกัน เหนือขึ้นไปเป็นภาพนักสิทธิ์ วิทยาธร และคนธรรพ์ ที่มีลักษณะเป็นตัวแทนของชนชาติต่างๆ ทั้งแขก จีน ฝรั่ง สะท้อนความเป็นเมืองเพชรบุรีที่จุดพักเรือเวลามาจากเมืองจีนหรืออ้อมแหลมมลายูมาจะเข้าพระนครศรีอยุธยา และมีอักษรจารึกระบุ พ.ศ.2277 บอกเวลาที่เขียนภาพจิตรกรรมนี้ซึ่งตรงกับสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ จิตรกรรมฝาผนังเหล่าไม่ได้หาชมกันได้ง่ายแล้วในปัจจุบันแม่ค้ากำลังตักขนมอาลัวเพื่อแยกสีแล้วบรรจุใส่กล่องขาย
วันเวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก ได้เวลาที่จะต้องเดินทางกลับบ้านแล้ว ก่อนจะกลับต้องไปแวะซื้อของฝากกัน เราขอพามาที่บ้านครูปราณี อยู่ใน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เพื่อมาดูวิธีการทำขนมอาลัว ขนมหวานที่ทำจากแป้งทำเป็นอันเล็กๆ คล้ายหยดน้ำ ด้านในหนืด ผิวด้านนอกเป็นน้ำตาลแข็ง มีหลายสีและกลิ่นหอมหวาน ที่บ้านครูปราณีผู้อ่านจะได้เห็นขั้นตอนและวิธีการทำแบบชาวบ้านๆ ที่ต้องเริ่มกันตั้งแต่กวนแป้ง การหยอด การตากแดดและสุดท้ายคือการอบ นอกจากอาลัวแล้วยังมีขนมข้าวตูกับทอฟฟี่ถั่วน้ำตาลโตนตขายอีกด้วย สามารถติดต่อสอบเพิ่มเติม โทร.032 – 426 – 721
ถ้าผู้อ่านสนใจอยากทำบุญพร้อมเที่ยวไปด้วย ก็สามารถนำสถานที่ท่องเที่ยวที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ไปใช้ในแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้ไม่สงวนลิขสิทธิ์ แต่ถ้ามีแผนที่จะออกไปไหนก็อย่าลืมชวนพ่อ แม่ พี่น้อง ไปทำบุญกัน เพื่อความเป็นสิริมงคล นะค่ะขอบขอบคุณข้อมูลดีๆ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ขอบคุณภาพและบทความจาก
buddhistthaipost.com/blog/2013/10/10/อิ่มบุญอิ่มใจ-พร้อมเที่/