ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กาลเวลา ย่อมกินสรรพสัตว์ ให้จมอยู่ในวัฏฏะ ด้วยคำว่า ทุกข์  (อ่าน 3839 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


 " ฉันไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าเราพลาดการปฏบิัตภาวนาใน พระพุทธเจ้าพระองค์นี้แล้ว ต้องวนเวียน ว่าย ตายเกิด กันอีกกี่ชาติ ถึงจะสิ้นวาระ ที่จะไม่ต้องมาทุกข์ซ้ำซากอย่างนี้ วันหนึ่งฉันได้อ่านพระสูตรที่พระอริยะเถระท่านกล่าวถึงคราสิ้นศาสนา ในสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสะปะ มีข้อความว่า

[๑๓๐] ‘ดวงตาคือพระธรรมจักดับ
เราทั้งหลายจักไม่ได้เห็นท่านผู้มีวัตรดีงาม
จักไม่ได้ฟังพระสัทธรรม น่าสังเวชใจ เราทั้งหลายช่างมีบุญน้อย’
[๑๓๑] ครั้งนั้น พื้นปฐพีทั้งหมดนี้ ทั้งใหญ่ทั้งหนา
ได้ไหว สาครดังจะมีความเศร้าโศก
ส่งเสียงดังกึกก้องอย่างน่าสงสาร
[๑๓๒] เหล่าอมนุษย์ตีกลองอยู่ทั่วทั้ง ๔ ทิศ
อสนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวก็ฟาดลงอยู่โดยรอบ
[๑๓๓] อุกกาบาตตกจากท้องฟ้า ปรากฏเป็นลำเพลิง
มีควันและเปลวเพลิงพวยพุ่ง
หมู่สัตว์ร้องครวญครางอย่างน่าสงสาร

เมื่อฉันอ่านข้อความจบ รู้สึกสลดใจเป็นอย่างมาก ที่เราพลาดแล้วพลาดอีก ไม่ชิงชังต่อกิเลสที่เกิดขึ้นและยังคงคอยรับใช้ตัณหา ไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ชาตินับแสนนับล้านนั้น สติปัญญาไม่พอหรือไร ดังนั้นในเวลานี้ที่ฉันยังมีลมหายใจ มีแขน มีขา มีกำลัง มีสติ และปัญญา ฉันจะทุ่มเทกายใจ ในการภาวนาให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าฉัน จะอัตคัต ไร้ยศ ไร้ลาภ ไร้คนเห็นใจ ไร้คนเคารพ อยู่อย่างอนาถา สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรคของฉันในการภาวนา ฉันจึงเลือกการวิเวกจากโลก เพื่อการปฏิบัติอย่างจริงจัง ......
"

ข้อความบางส่วนจาก หนังสือเพียงหยดหนึ่่งแห่งพระธรรม
บันทึกการภาวนา ของ ธัมมะวังโส
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2014, 08:34:43 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สำนึกใน คำสอนของ ครู

  "ปัญญาวุฒิกเร เต เต ทินโนวาเท นมามิหัง"




  สิ่งที่ทำให้ผู้ภาวนา ต่างก็ท้อถอย ก็เพราะว่า ผู้ภาวนาไม่เคยตระหนัก ในคำว่า "ทุกข์" เพราะไม่ตระหนักในสิ่งที่เรียกว่า ทุกข์ ก็จึงวิ่งวุ่นหลบหนี เพื่อหาความสุข ที่คิดว่า มันสุข แต่ ความสุขใด ๆ ก็ไม่สามารถเทียบได้ กับ สุข ที่เป็น อรหัตผล เพราะสุขนี้เป็นสุขที่ไม่แปรปรวน ไม่มีทุกข์ อีกต่อไป ไม่ต้องกลับมาเวียนว่าย ตายเกิด ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ไม่ต้องมีละคร มีฉาก มีองค์ประกอบ ที่เรียกว่า ละครชีิวิต อีกต่อไป มันว่างเปล่า จากความหมายแห่งความเป็นตัวเป็นตน 

   หากผู้ที่จะมาภาวนา หวังเพียงแค่ ญาณ เพื่อโลดแล่นในโลก มีความเป็นเอก เหนือ มนุษย์ เท่านั้น ก็คงจะต้องท้อถอยเพราะคำว่า ผิดหวัง มันรอคอยอยู่ก่อน ครูฉันไม่เคยสอนกรรมฐานให้ฉัน เพื่อความเป็นเลิศ ในญาณ ท่านไม่ได้สอนให้ฉันมีตาทิพย์ หูทิพย์ หรือกำหนดรู้ใจ หรือแม้กระทั่งการระลึกชาต ทำฤทธิ์ แต่ท่านพร่ำสอนฉันในเรื่อง โทษแห่งทุกข์ ความเป็นจริงแห่งทุกข์ การกำหนดทุกข์ และ ขั้นตอนการทำตนให้พ้นออกจากทุกข์ สิ่งที่ท่านพร่ำสอนฉัน สม่ำเสมอ ก็คือ อย่างนี้

   เวลาฉันพบครู ท่านมักถามคำแรก เสมอ ๆ ว่า
       รู้จักทุกข์ หรือ ยัง
       เห็น ทุกข์ หรือ ยัง
       เบื่อหน่าย ต่อทุกข์ หรือ ยัง
   คำถามเหล่านี้ วนเวียน ไป ๆ มา ทุกครั้งที่ฉันพบครูฉัน

   ฉันเองก็ตระหนักในทุกข์ ถึงแม้ จะตระหนักในทุกข์ อยู่อย่างสม่ำเสมอ ครูฉันก็ยังทักทายฉันเช่นนั้นเสมอ ๆ ฉันอดทน ด้วยคำสอน และพยายามในขั้นตอนกรรมฐาน ถึง 7 ปี ฉันจึงได้เรียนกรรมฐาน ที่สำคัญ เหตุที่ต้องใช้เวลาถึง 7 ปีนั้น เพราะว่าฉัน พึ่งกำหนดทุกข์ ได้จริง นั่นเอง เพราะกรรมฐาน ขั้นต่อไป อาศัยการกำหนดทุกข์ เป็นเหตุ ผลจึงมีได้

    ท่านทั้งหลาย ที่ท้อถอย เพราะคิดว่าทุกข์ และ การเวียนว่ายตายเกิด เป็นสิ่งที่งดงาม และดี นั้นบัดนี้เราอยากบอกท่านว่า ท่านจงคิดใหม่ ทำความตระหนักใหม่ เพราะกรรมฐาน นั้นจะเจริญงอกงามเพิ่มพูนมากขึ้นก็เพราะว่า ท่านต้องตระหนัก ในทุกข์ ให้ชัดเจน อย่างน้อย ท่านต้องกำหนด ทุกข์ ในปัจจุบันใหได้ ว่า มันเป็นทุกข์

    เจริญธรรม / เจริญพร


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 13, 2014, 08:48:58 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0



เพราะการตั้ง ความปรารถนา ใน การเป็น พระอริยะสาวก ในพระพุทธเจ้า พระองค์นี้มีความสำคัญ การที่บุคคลใดตั้งความปรารถนา แม้จะอธิษฐาน หรือ ไม่อธิษฐานก็ตาม เพื่อการเป็นพระอริยะสาวก ในพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ มีความสำคัญในการภาวนา พระทัพพมัลลบุตร เพราะความปรารถนา เป็น เอตทัคคะ อยู่ในสมัย พระพุทธเจ้า พระนาม ปทุมุตระ ด้วยความปรารถนานั้น ผ่าน สมัยแห่งพระพุทธเจ้า ถึง หลายพระองค์ ด้วยกัน จนมาถึงสมัยแห่งพระพุทธเจ้า พระนาม โคตมะ คือองค์ปัจจุบัน

   ความปรารถนา และการอธิษฐาน ไม่ใช่เรื่องเล่น เพราะความปรารถนา และการอธิษฐานนี้ เป็นเหตุให้โลดแล่นในวัฏฏะสงสาร ต่อไป หากผู้ใด มองเห็นความจริง แห่งโทษ ของ ทุกข์ เขาผู้นั้นย่อมละความปรารถนา ในการโลดแล่น ในวัฏฏะสงสาร นั่นเอง นิพพิทา ( ความหน่ายต่อวัฎฎะสงสาร ) จึงเป็นกำลังผลักดัน ให้การภาวนาถึงความสิ้นสุด ในชาติ ปัจจุบัน

   อะถายัง อิตะรา ปะชา ตีระเมวานุธาวะติ
หมู่มนุษย์นอกนั้นย่อมวิ่งเลาะอยู่ตามฝั่งในนี่เอง

เจริญธรรม / เจริญพร
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 14, 2014, 04:03:09 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

บุญเอก

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 516
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ทำงานอาสา หวังช่วยคนตกยาก แม้จะลำบาก แต่ก็จะทำโดยความไม่หนักใจ
อาสากตัญญู พัทยา ยินดีรับใช้