ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระธรรมประจำวันพระนี้ สำหรับท่านที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ วิปัสสนา  (อ่าน 5794 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
อนัตตา คือ อะไร ?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2015, 12:16:05 pm »
0
 ask1

อนัตตา คือ อะไร ?

 ans1

    อนัตตา หมายถึง ความว่างเปล่า จากตน จากของๆ ตน
    อนัตตา หมายถึง ความมีตัว ไม่มีตน
    อนัตตา หมายถึง ไม่มีเรา ไม่มีของเรา
    อนัตตา หมายถึง ไมเที่ยง เป็นทุกข์
    อนัตตา หมายถึง ยึดมั่นถือมั่นไม่ได้
    อนัตตา หมายถึง ไร้สิ่งจริง และ รูปลักษณ์
    อนัตตา หมายถึง ไม่มีอะไร แม้อนันตจักรวาล
    อนัตตา หมายถึง สิ่งนี้มีเหตุเป็นปัจจัย สิ่งนี้ก็ดับไปตามเหตุปัจจัย
    อนัตตา หมายถึง ไม่มีกาลเวลา
    อนัตตา หมายถึง สภาพแห่งว่างเปล่า จากความหมายใด ๆ ทั้งสิ้น
    อนัตตา หมายถึง ไม่มี ไม่เป็น และไม่เป็นอะไร
    อนัตตา หมายถึง มีแต่จิตล้วน ๆ
    อนัตตา หมายถึง จับต้องไม่ได้ กระทบได้ด้วยใจ
    อนัตตา หมายถึง ขันธ์ทั้ง 5 ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ว่างเปล่าจากตน จากของ ๆ ตน

   

 
   
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1

  อัตตา คือ อะไร ?


  ans1

    อัตตา คือ ความยึดมั่น ถือมั่น ว่า

       เรา มีในรูป รูป เป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เป็นตัว เป็นตนของเรา
       เรา มีในเสียง เสียง เป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เป็นตัว เป็นตนของเรา
       เรา มีในกลิ่น  กลิ่น เป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เป็นตัว เป็นตนของเรา
       เรา มีในรส  รส เป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เป็นตัว เป็นตนของเรา
       เรา มีในสัมผัส สัมผัส เป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เป็นตัว เป็นตนของเรา
       เรา มีในอารมรณ์ อารมณ์ เป็นเรา เป็นของ ๆ เรา เป็นตัว เป็นตนของเรา

    อัตตา เรามี เราเป็น เราไม่มีเราไม่เป็น
    อัตตา เรามีในกาล กาล เป็นที่ผูกพันของเรา
    อัตตา มีในโลกธรรม ทั้ง 8
    อัตตา มีใน ตัณหา
    อัตตา มีเพราะ มีอวิชชา



 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1

    อะไร เป็นเครื่องผูกพัน สัตว์ให้กำเนิด ในวัฏฏะสงสารไม่สิ้นสุด


  ans1

    ตัณหา เป็นเครื่องผูกพันสัตว์ ให้อยู่ในวัฏฏะไม่สิ้นสุด
    ตัณหา คือ อะไร ?

      ความใคร่ อยากมี อยากเป็น ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น
     ( ความรัก ความห่วงหา ความอาลัยอาวรณ์ ความสงสาร ความหลงผิดว่าเป็นตนเป็นของๆ ตน )

   สัตว์ทั้งหลายย่อมผูกพัน ด้วยกำเนิด และ ละจากด้วยความตาย
   เมื่อสัตว์ตายลง ย่อมถือกำเนิดใหม่ ตามกรรม ที่ตนได้กระทำแล้ว ทั้งชาติปัจจุบันและอดีต ที่ได้ไว้ก่อนแล้ว เมื่อกำเนิดใหม่ ก็ต้องตายลงอีกเช่นเดิม

    สิ่งทีสัตว์ทั้งหลาย ได้เป็นรางวัลในการกำเนิด ก็คือ ความทุกข์ อนันกาล สัตว์ทั้งหลายไม่เคยถึงความสุข เพราะสุขนั้นไม่เที่ยง ที่ว่าสุขก็ไม่ได้สุข เป็นเพียงความรู้สึกด้วยใจที่ผูกพันว่ามันสุข แต่สุขนั้น ก็เป็นความทุกข์เช่นเดิม

      ลาภ สักการะ เกีรยรติยศ สุข สรรเสริญ อันสัตว์ทั้งหลายยินดี คิดว่าเป็นความสุข แต่การมี ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ ก็เป็นความทุกข์ อนันตกาล บัณฑิตย่อมเห็นได้ว่า โลกธรรมทั้ง 8 ประการ ล้วนแล้ว เป็นอนิจจัง ให้ผลที่ ว่างเปล่า

      โลกนี้ว่างเปล่า ไม่พึงยินดี หรือ ยินร้าย
      ผู้มองโลกนี้ เป็นความว่างเปล่า ย่อมไม่ถูกครอบงำ
      พระพุทธเจ้า ตรัสกับ ท่านโมฆะ มาณพว่า

          “ดูกรโมฆราช ท่านจงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ ตามพิจารณาเห็นโลกโดยความว่างเปล่า ถอนการตามหมายว่าเป็นตัวเป็นตนเสีย”

      ดังนั้น พระพุทธเจ้าสอนธรรม 3 อย่าง แก่ โมฆะมาณพ จนท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ กรรมฐาน 3 อย่างมีดังนี้

      1. เธอจงเป็นผู้สติ
      2. เธอจงมองโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า
      3. เธอจงถอนความสำคัญมั่นหมายว่า เป็นตัวเป็นตนเสีย จากโลก


   
 
 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

bajang

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 325
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา สาธุ คะ

  :25: like1
บันทึกการเข้า

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สาธุ สาธุ  สาธุ
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

      ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

kittisak

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +42/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 653
  • พุทธัง อะระหัง พุทโธ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ความสุขอันเกิดจากการแบ่งปัน ดีกว่าความทุกข์ที่มีแต่จะเอา

noobmany

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

sinsae

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 277
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ask1

 

      พระพุทธเจ้า ตรัสกับ ท่านโมฆะ มาณพว่า

          “ดูกรโมฆราช ท่านจงเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ ตามพิจารณาเห็นโลกโดยความว่างเปล่า ถอนการตามหมายว่าเป็นตัวเป็นตนเสีย”

      ดังนั้น พระพุทธเจ้าสอนธรรม 3 อย่าง แก่ โมฆะมาณพ จนท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ กรรมฐาน 3 อย่างมีดังนี้

      1. เธอจงเป็นผู้สติ
      2. เธอจงมองโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า
      3. เธอจงถอนความสำคัญมั่นหมายว่า เป็นตัวเป็นตนเสีย จากโลก
[/size]

   


สาธุ สาธุ สาธุ ผมเห็นจริงตาม 3 ข้อนี้ ว่านี่เป็นเหตุให้ใจเราไม่หยิบจับสมมติที่กิเลสสร้างขึ้นมาหลอกให้จิตยึด จิตเสพย์ จิตหลง  ถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่นตัวตนสิ่งใด

- โดยส่วนตัวผม หากไม่ใช่การหลงผิด หรือเข้าใจผิดคิดไปเองขแงผม ในช่วงปีใหม่ 58 มาจนถึงต้นเดือนเมษายน ปี 58 ผมได้ลิ้มรสผลจากการเจริญใน 3 สิ่งนี้ **ผลที่ผมได้รับ คือ จิตมันรู้สังขารแต่กุศลตลอดเวลา จิตมันรู้แต่ของจริงไม่อิงสมมติกิเลส ไม่ติดคิด ไม่ยึดสิ่งไร ใจมุ่งแต่กุศลศีล ทาน ภาวนา ไม่เห้นความเที่ยงทั้งภายในและภายนอกตน ไม่เห็นตัวตนทั้งภายในและภายนอกตน ทรงอารมณ์อยู่ในระยะเวลาข้างต้น แล้วจึงดับไปแต่จิตก็ยังระลึกถึงอารมณ์นั้นอยู่เนืองๆ

โดยอุบายว่า

1. สติ+สมาธิ
2. ไม่ยึดสิ่งที่จิตรู้ เพราะจิตรู้สิ่งใด สิ่งนั้นเป็นสมมติ ไม่ยึดสมมติก็ไม่ยึดสิ่งไรๆที่จิตรู้ ไม่ยินดียินร้ายในมัน
3. นี่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่ใช่นั่น นั่นไม่ใช่เรา เราไม่เป็นนั่น เราไม่เป้นเป็นนี่ ไม่สำคัญอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีความหมายสำคัญกับสิ่งไรๆในโลก ม้างกายออกจนไม่มีความสำคัญไรๆ ไม่เห้นสิ่งไรๆเป็นตัวตนแห่งเรา ยังชีพอยู่ได้แค่อาศัยกายสังขาร คือลมหายใจนี้ ลมเป็นวาโยธาตุ ที่มีอยู่ในกาย เป็นของจริง เป้นสิ่งทีจิตยึดได้ไม่เป็นสมมติ เป้นที่สงบ เป้นที่สบายเบากายใจ เป้นสิ่งไม่มีโทษ

ก็ทำโดย 3 อย่างนี้ ประกอบกับ ศีล ทาน สมาธิ สงเคราะห์ธรรมในระดับความคิดออกจากทุกข์ว่า..มันไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน สุขทางโลกียะอยู่ได้นานสุดแค่หมดลมหายใจเรา เราบังคับให้เป็นดั่งใจปารถนาไม่ได้ นั่นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่มีสิ่งใดที่เป็น ไม่มีสิ่งใดที่เป้นของเราที่ควรแก่เรา เราไม่ควรแก่สิ่งไร มีแต่ที่ว่าง ไม่มีตัวตนสิ่งใด กิจที่ควรทำไปคือกุศล ความว่างจากราคะ ความไม่ยึดตัวตน


(ผมเจริญมาอย่างนี้ ซึ่งในทางปฏิบัติผมคาดว่าจะคล้ายกับคำสอนพระสูตรคำสอนที่พระอาจารย์โพสท์ ผมจึงเข้าใจว่าหากปฏิบัติตามใน 3 ข้อนี้ จะได้รับผลดังที่ผมกล่าวมา มีค่ามาก มีคุณสูง
- ซึ่งจริงๆแล้วธรรมที่พระอาจารย์โพสท์ทั้งหมด หากเรามีจิตพอใจยินดีในธรรมทั้งปวง มีเจตนาเป็นกุศล มีวิริยะเพียรทำเหตุ มีจิตตะความเอาใจใส่ผูกใฝ่ธรรมปฏิบัติ วิมังสะฉลาดในธรรมมีกุศลวิตกทบทวนธรรม จะเห็นคุณค่าในธรรมที่พระอาจารย์โพสท์สอนเป้นอันมาก บางครั้งผมก็แปลกใจในหลายๆท่านที่ว่าพระอาจารย์โพสท์ธรรมที่เป็นเพียงขั้นต่ำ หรือเพราะศิษย์สายตรงจะรู้เบื้องลึกกว่านี้ผมก็ไม่ทราบได้
- แต่โดยส่วนตัวผม ผมเห็นว่า ธรรมพระอาจารย์ที่โพสท์นี้มีคุณมาก ให้ผลได้จริง ถ้าหากเราปฏิบัติและเข้าถึงได้ หากธรรมนี้เป็นพื้นฐานแล้ว..แต่ทว่าหากทำพื้นฐานไม่ได้ก็ไประดับที่สูงขึ้นไม่ได้เช่นกัน สมัยพุทธกาลท่านแค่เห็นดิน เห้นน้ำ เห็นลม เห็นไฟ เห็นอากาศ รู้วิญญาณ ได้ฟังธรรมอันเป้นเครื่องออกจากทุกข์ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนเพียงเล็กน้อย ท่านเอาใจฟังแล้วพิจารณาตามท่านก็บรรลุอรหันต์ได้ ด้วยเหตุดังนี้ๆผมจึงกล่าวได้ว่า ธรรมใดๆเราอย่าเห็นว่าแค่เล็กน้อย เพราะธรรมทั้งปวงย่อมเป็นเหตุ ทำให้อิ่มและเต็มได้ทั้งหมด ธรรมกุศลแม้เล็กน้อย บุญบารมีแม้น้อยนิดเราก็ไม่ควรปล่ิอยข้ามไป หากเราเข้าถึงก็เป็นธรรมขั้นสูงได้ทั้งสิ้น

ผมขอขอบพระคุณพระอาจารย์ที่คอยโพทส์ธรรมชี้แนะสั่งสอนครับ เป็นประโยชน์แก่ผมอย่างสูง และเป็นประโยชน์แก่ชนทั้งหลายผู้ปฏิบัติและพิจารณาเข้าถึงธรรมทั้งหหลายเหล่านี้ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ)


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 19, 2015, 02:34:41 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ธรรมะที่กล่าว แสดงในช่วงหลังมานี้ มันอาจจะเกินขอบเขต ที่ คนธรรมดา ทั่วไปจะเข้าใจกันได้กันครับ

 แต่ผมอ่านแล้ว รู้สึก ปีติ ครับ

  st11 st12 st12 thk56 like1
บันทึกการเข้า

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 :25: st11 st12 like1 like1 like1 like1 like1 ให้หลายๆ like เลยคร้า
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ