ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนคิดชวนทำ : 10 นิยามความรัก… คนหนุ่ม-สาว มักหลงลืม  (อ่าน 201 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ชวนคิดชวนทำ : 10 นิยามความรัก… คนหนุ่ม-สาว มักหลงลืม

ความรักเป็นสิ่งสวยงาม โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวยามตกอยู่ในความรัก มักจะ “ฟินเวอร์” โลกทั้งใบก็กลายเป็นสีชมพู ที่แลดูสดใส สวยงาม เกินคำบรรยาย แต่จริงๆแล้ว ความรักไม่ได้มาพร้อมกับความสุขเพียงอย่างเดียว ยังมาพร้อมกับความทุกข์ด้วย ดังที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า

“ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เพราะเมื่อมีรักก็ย่อมมีความหวัง แต่เมื่อไม่ได้ดังหวังก็ต้องทุกข์

10 นิยามแห่งความรักต่อไปนี้ บางทีอาจจะทำให้คนที่มีความรัก ได้เข้าใจความรักลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม และเติมเต็มความรักให้เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขแบบฟินเวอร์จริงๆ


@@@@@@@

1. ความรักคือการให้
ความรักมิใช่หวังเพื่อครอบครอง ได้มาเป็นเจ้าของ เพราะหากไม่สมหวังก็จะเป็นทุกข์

แต่รักคือการให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้วัตถุสิ่งของ ให้เวลา ให้ความรู้สึกดีๆ ให้คำพูดที่อ่อนหวานอ่อนโยน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ และไม่หวังได้มาครอบครอง ที่สำคัญคือการให้อภัย ซึ่งเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ ความรักเช่นนี้แหละที่จะทำให้มีความสุข

2. ความรักคือรักตัวเองก่อน
การจะให้สิ่งใดแก่ผู้อื่น เราต้องมีสิ่งนั้นก่อน ความรักก็เช่นกัน หากเราไม่รักตัวเองก่อน เราจะมีความรักให้ใครได้อย่างไร การรักตัวเองก็คือการดูแลสุขภาพกายใจให้สมบูรณ์แข็งแรง หลีกห่างจากอบายมุข และสารเสพติดทั้งหลาย ฝึกฝนจิตใจให้พูดดี คิดดี ทำดีอยู่เสมอ

3. ความรักคือการเสียสละ
คนที่ตั้งหน้าตั้งตาแต่จะกอบโกยจากความรัก โดยไม่เคยคิดเสียสละ มีแต่ความรู้สึกอยากได้ อยากยึดไว้เป็นของตน นั่นคงมิใช่ความรักที่แท้จริง เพราะรักแท้คือการเสียสละได้โดยไม่มีเงื่อนไข เสียสละได้แม้กระทั่งชีวิตให้กับคนที่รัก เช่น ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูกนั่นเอง

4. ความรักมิใช่ความหลง
หนุ่มสาวส่วนใหญ่คิดว่า ความรู้สึกพึงพอใจในรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส นั่นคือความรัก แต่จริงๆแล้วความรู้สึกพอใจนี้คือความหลงที่เข้าครอบงำจิตใจ จนถอนตัวไม่ขึ้น

ความหลงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ย่อมมีวันจืดจางห่างหายไปกาลเวลา ส่วนความรักที่แท้นั้นย่อมอยู่เหนือกาลเวลา

5. ความรักคือความเมตตา
เมตตา คือ ความรักใคร่ ปรารถนาดี อยากให้เขามีความสุข เป็นหนึ่งในพรหมวิหาร 4 อันเป็นหลักธรรมประจำใจของชาวพุทธ เพื่อการดำรงชีวิตอย่างประเสริฐ

เพราะความรักที่แท้จริงไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ความเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ไม่เบียดเบียนหรือเอารัดเอาเปรียบให้ผู้อื่นเป็นทุกข์

@@@@@@@

6. ความรักต้องอดทน
“อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” เป็นสำนวนที่ใช้ได้ดีในเรื่องความรัก เพราะเมื่อเรารู้จักอดทน บ่มเพาะความรักจนสุกงอมได้ที่ ย่อมนำมาซึ่งความสุขอันหอมหวานอย่างแท้จริง

7. ความรักไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ
ใครๆก็ฝันอยากมีความรักที่สมบูรณ์แบบกันทั้งนั้น แต่มันเป็นเพียงแค่จินตนาการ ที่บางครั้งไม่อาจเกิดขึ้นจริงในชีวิต เพราะคนที่เรารักอาจไม่หล่อสวย รวยล้นฟ้า หรือเก่งกาจฉลาดเฉลียว อย่างที่ฝันไว้

แต่ความไม่สมบูรณ์ก็คือความสมบูรณ์นั่นเอง เพราะความจริงแล้ว ในโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ มีสีดำก็มีสีขาว มีมืดก็มีสว่าง สรรพสิ่งเหล่านี้มีหน้าที่เกื้อกูลกัน ขอเพียงเรามองเห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ และนำมันออกมาใช้ ความรักก็ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟ็คเสมอไป

8. ความรักต้องจริงใจ
หากความรักทำให้เราต้องเสแสร้งแกล้งทำ เพื่อเอาใจคนที่เรารัก นั่นย่อมไม่ใช่ความรักที่ยั่งยืน เพราะเมื่อความจริงปรากฏ เราไม่ได้เป็นดังที่เขาคาดหวัง ความรักก็อาจพังทลายลง

แต่ความรักที่เกิดจากความจริงใจในทุกการกระทำ คำที่พูด ย่อมพิสูจน์ถึงรักแท้และยืนยาวได้ไม่ยาก

9. ความรักต้องอยู่กับปัจจุบัน
ความรักที่แท้จริงควรคำนึงถึงเรื่องปัจจุบัน มากกว่าใส่ใจอดีตที่มิอาจเปลี่ยนแปลง หรือพะวงอยู่กับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้จับต้องไม่ได้ แต่อาจทำลายความรักได้

องค์ทะไล ลามะ ตรัสว่า “มีวันเพียง 2 วันใน 1 ปี ที่ไม่สามารถทำอะไรได้ วันแรกคือ วานนี้ และอีกวันคือ พรุ่งนี้ ดังนั้น วันนี้ จึงเป็นวันสำคัญที่เรายังมีลมหายใจ ที่จะแสดงความรัก ความศรัทธา และกระทำสิ่งต่างๆ”

10. ความรักทำให้ตาบอด
ตาบอดในที่นี้อาจหมายถึงการมองไม่เห็นทุกข์ที่ซ่อนอยู่ในความรัก นั่นคือทุกข์ที่เกิดจากการยึดมั่นถือมั่น อยากให้คนหรือสิ่งต่างๆที่เรารักอยู่กับเราตลอดไป โดยลืมนึกถึงหลักไตรลักษณ์ “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ซึ่งเป็นกฎธรรมดาของสรรพสิ่งทั้งปวง คือ ไม่มีอะไรเที่ยงแท้ มีการแปรเปลี่ยนไปทุกขณะ ไม่สามารถทนอยู่ในสภาพเดิมได้ตลอดไป และไม่สามารถบังคับบัญชาให้เป็นไปตามต้องการของเราได้

หากนึกถึงความรักในนิยามนี้บ่อยๆ ย่อมนำมาซึ่งความสุขมากกว่าความทุกข์อย่างแน่นอน






Thank to :-
Photo : pinterst
บทความ : จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 182 กุมภาพันธ์ 2559 โดย ประกายรุ้ง)
URL : https://mgronline.com/dhamma/detail/9590000011243
เผยแพร่ : 1 ก.พ. 2559 15:16 , โดย : MGR Online
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ