ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทานูปฏินิสสัคคา ทานวัตถุ 8 ประการ ของผู้ทำบุญ ใช่อันนี้หรือไม่ครับ  (อ่าน 4090 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ประสิทธิ์

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +14/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 639
  • จิตว่าง ก็เป็นสุข
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ปุจฉา

10.ทำบุญวันพระ กับ ทำบุญวันธรรมดาปกติ อันไหนได้บุญมากกว่าคะ

วิสัชชนา

    บุญ แปลว่า ความอิ่มใจ เต็มใจ พอใจ

    ท่านทำบุญวันธรรมดา และ วันพระผลของบุญ ไม่แตกต่างกัน ตรงนี้ดังนั้น ทำบุญวันไหน ก็ได้ผลแบบเดียวกัน แต่ระดับของบุญ มีถึง 8 ระดับให้ไปเรื่อง ทานูปฏินิสสัคคาต่อ ในเว็บนะจ๊ะ
    แต่ย่อ ๆ ให้ก่อน
    หมายถึง การทำบุญ โดยความปรารถนา ที่แตกต่างกัน
   
    เช่นทำบุญ เพราะอยากได้ บุญ
    เช่นทำบุญ เพราะอยากโชคดี
    เช่นทำบุญ เพราะอยากสร้างบารมี

    เป็นต้น ผลบุญที่ยกไว้นั้น ย่อมแตกต่างกัน ตามความปรารถนา พระพุทธเจ้ายกย่องที่สุด ในข้อสุดท้าย ว่า

    ผู้ใดทำบุญ สร้างบุญ ด้วยความปรารถนาว่า นิพพาน นิพพาน ทำบุญเพื่อสงบระงับคือ นิพพาน เป็นบุญที่ประเสริฐสุด เพราะบุญที่ปรารถนานิพพาน นั้นว่างจากความเป็น บุรุษ บุคคล ตัวตน เราเขา การทำบุญเช่นนี้ ผู้ทำบุญจึงยังจิตในบุญว่า ทำเพื่อพระนิพพาน

  นี้เป็นเรื่องผลของบุญ

  แต่ถ้าถามอาตมา ว่า ทำบุญ วันพระ กับ วันธรรมดา สำหรับอาตมานั้น ตอนนี้พอดีคือ เพราะผู้มาทำบุญมีน้อยคือพอดี กับ ฉันไปวัน ๆ เท่านั้น ไม่เหมือนอยู่วัด ถ้าเป็นวันพระ อาหารเหลือ มากมาย วันธรรมดา ก็เหลือมาก เช่นกัน ดังนั้นถ้าอยู่วัด อาหารเหลือ

  แต่อยู่วิเวก อดอยาก ยากแค้น แต่พอดีอยู่ได้ เคยบิณฑบาตร แล้วไม่ได้อาหารเลย ก็บ่อยครั้ง คือ ไปบาตรเปล่า กลับมาด้วยบาตรเปล่า เดินไปกลับ 16 กม. ไป 8 กลับ 8 ในป่า ในเขา ตามทางหมู่บ้านไม่มี มีแต่รถขับผ่านไปมา

   ถ้าถามอาตมาในช่วงนั้น ให้ทำทุกวัน ดีกว่า ทำวันเดียว แต่ถ้าไม่สามารถทำทุกวันได้ ให้ทำวันเดียว ดีกว่าไม่ทำ แต่ถ้าไม่ทำสักวันเลย อันนี้ ไม่ดี แน่ ๆ นะจ๊ะ

  ดังนั้นทำย่อม ดีกว่าไม่ทำ จะปีหนึ่งทำครั้งหนึ่ง ก็ดีกว่าไม่ทำซะเลย เพราะไม่รู้ว่า เสบียงบุญเราจะหมดวันไหน

  จากสาเหตุที่อาตมา บิณฑบาตรได้บาตรเปล่า เวลานั่งรถผ่านพระคุณเจ้า ที่เดินจาริก ก็มักจะให้รถจอดแวะ ถวายภัตรแก่ พระคุณเจ้าที่เดินอยู่ เวลาที่เดินทางก็จะทำอย่างนี้ประจำ เพราะบุญเราทำน้อย ผลบุญจึงมีน้อย ก็ต้องเพิ่มผลบุญกันบ้างนะจ๊ะ เสบียงบุญจะได้ไม่หมด

 เจริญธรรม / เจริญพร

 
;)




ทานูปฏินิสสัคคา ทานวัตถุ 8 ประการ ของผู้ทำบุญ ใช่อันนี้หรือไม่ครับ


พระสุตตันตปิฎก  ทีฆนิกาย  ปาฎิกวรรค  [๑๐.  สังคีติสูตร] สังคีติหมวด  ๘


[๓๓๖]    ทานวัตถุ(เหตุแห่งการให้ทาน)    ๘
 ๑.    ให้ทานเพราะประสบเข้า
 ๒.    ให้ทานเพราะกลัว๓
 ๓.    ให้ทานเพราะคิดว่า    ‘เขาได้ให้แก่เราแล้ว’
 ๔.    ให้ทานเพราะคิดว่า    ‘เขาจักให้แก่เรา’
 ๕.    ให้ทานเพราะคิดว่า    ‘การให้ทานเป็นการดี’
 ๖.    ให้ทานเพราะคิดว่า    ‘เราหุงหากินเองได้    ชนเหล่านี้หุงหากินเองไม่ได้การที่เราหุงหากินเองได้    จะไม่ให้ทานแก่ชนเหล่านี้ผู้หุงหากินเองไม่ได้ไม่ควร’
 ๗.    ให้ทานเพราะคิดว่า    ‘เมื่อเราให้ทานนี้    กิตติศัพท์อันงาม    ย่อมขจรไป’
 ๘.    ให้ทานเพื่อเป็นเครื่องประดับจิต    และปรุงแต่งจิต

อยากทราบว่า การให้ทาน แบบที่ 8 นั้น มีวิธีการอย่างไรครับ
 ถึงจะให้ทานนั้น เป็นเครื่องประดับจิต หรือปรุงแต่งจิต เท่านั้นครับ

 ขอบคุณทุกท่านที่ร่วม ธรรมวิจารณ์ ด้วยครับ


ให้ทานเพื่อเป็นเครื่องประดับจิต และปรุงแต่งจิต
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5049.0



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 31, 2012, 01:53:10 pm โดย ประสิทธิ์ »
บันทึกการเข้า
ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด
ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครด่า ใครบ่น ทนเอา
ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

:;

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณกับความรู้นี้ด้วยครับเป้นประโยชน์ให้เข้าใจมากขึ้นครับ
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

สถาพร

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 220
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นบทความที่ต้องอ่านต่อเนื่อง ตามลิงก์ด้วยครับ ถึงจะเกิดความเข้าใจตรง ๆ นะครับ

 ขอบคุณมากครับ สำหรับผู้ถาม และ ผู้ตอบทุกท่านครับ
  :25: :c017:
บันทึกการเข้า
ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา มีข้อมูลหลักธรรม ที่โดนใจเป็นอย่างมาก เลยครับสำหรับการสร้างทาน ต่อไปสำหรับผมเอง ก็เคยคิดเหมือนกันว่า สร้างทานโดยที่ ให้ทาน ผลานิสงค์ สูงควรทำอย่างไร

 ขอบคุณ คำแนะนำครับ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

pornpimol

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังแหวกกระแส
  • *****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 152
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การให้ทาน อาจจะมีความหมายหลายแบบ นี่ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง ซึ่งก็มีในชีวิตประจำวันจริง ๆ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=9090.msg34336;topicseen#msg34336

 :88:
บันทึกการเข้า