บัญญัติ คือ รู้สัญญาเฉพาะ ท่องจำมา
แต่ ปรมัตถ์ คือ ความจริงที่เราได้มาด้วยการเข้าถึง ด้วยการไปถึง เห็นตามจริงด้วยตังเอง โดยไม่ต้องไปถามใครๆอีก ไม่ต้องให้ใครๆมาบอกเราอีก ก็จะรวมหมายถึง การได้ จากการที่เราปฏิบัติได้จริง จึงเห็นจริงด้วย ไม่ใช่แค่รู้จำเขามาเท่านั้น
ในโลกปัจจุบัน การยอมรับกันในเรื่องทางความคิด นั้นเป็นเรื่องยาก จะเห็นได้จาก เวลาที่เราพูดคุยสนทนากัน เราเขาก็มักจะไม่ยอมกัน คุยเกทับกันไป คุยเกทับกันมา ไม่จบ
แต่สิ่งที่เป็น ปรมัตถ์ ที่พระพุทธองค์ตรัส นั้น จะเป็นอันจบ จะไม่มีผู้ใดสามารถที่จะเถียง หรือพูดต่อได้อีก ด้วยเป็นความที่ถึงที่สุดแล้วโดยความ
แต่ บัญญัติ ก็เป็นไปตามโลกด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อการอยู่โดยผาสุกของภิกขุ จะเห็นได้ว่า ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงปรับเปลี่ยนนิดๆ หน่อยๆ ไปตามยุคสมัย ตามที่พระพุทธองค์ ได้ให้ไว้แล้ว
ถ้าเอาแบบง่ายสุด บัญญัติ ก็คือ บทวินัย ที่พระพุทธองค์ตั้งขึ้นมา สามารถปรับเปลี่ยนได้บ้าง
แต่ ปรมัตถ์ นั้น เป็นความจริงอย่างที่สุด แม้ว่าใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะไปปรับเปลี่ยนมันได้
ที่ถามมาว่าแบบภาวนา ตอบแบบสั้นๆก่อนนะจ๊ะ ก็คือการที่จะเข้าให้ถึงปรมัตถ์ได้นั้น ก็ต้องภาวนา ไม่ใช่แค่มานึกๆ คิดๆ เอาเอง เออ ออ เข้าใจเอาเอง แล้วบอกว่าเข้าถึง อันดับแรกที่จะพอเป็นเครื่องพิสูตรได้ คงต้องหยิบยกเรื่อง นิพพิทา มา ถ้าใครที่บอกว่าเข้าใจจริง เห็นปรมัตถธรรมจริง ก็น่าจะเข้าถึง นิพพิทาด้วย
แต่เพราะว่าไม่ จึงได้แต่ในส่วนของบัญญัติเท่านั้น