ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปัจจัย ในการภาวนา ที่จะทำให้ก้าวหน้า ในการภาวนา ได้เร็ว และ ได้ผลไวที่สุด  (อ่าน 4598 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


เมื่อหลาย ๆ คน ภาวนา มักจะใจร้อน ในการภาวนา จึงทำให้การภาวนาใส่ความต้องการภาวนา มากเกินไปทำให้การภาวนานั้นประสบผล หรือ ความสำเร็จได้ช้าลง เพราะขาดความเป็น ธรรมชาติ ของจิต

   ลองนึกดูเวลาที่เราตั้งใจทำอะไรลงไป มักจะเกิดอาการกังวล เพราะเงื่อนไขต่าง ๆ เช่น เวลา ความชื่นชม ผลสำเร็จ ที่คาดหวัง สิ่งเหล่านี้เป็นตัวผลักดัน หรือเรียกว่า กดดัน ผู้ที่ทำอะไรก็ตาม ก็จะเป็นอย่างนั้น

  ดังนั้นการประคองจิต ให้เป็น ธรรมชาติ นั้นจึงมีความสำคัญ

  ผู้ฝึกกรรมฐาน ครูกรรมฐาน จึงมักสอนวิธีการประคองจิต ด้วยการกำหนดรู้ เรียกว่า สติ และผสาน สติ ไปในกาำหนดรู้ทุึกเรื่อง เพื่อให้เราได้คลายความกังวล ด้วยการกำหนดรู้ มีสติ ดังนั้นเวลาเราไปฝึกรรมฐาน ภาวนาสิ่งที่เราจะได้รับการสอน มาด้วยเสมอ ๆ ก็คือ การกำหนดรู้ในอิริยาบถ ต่่าง ๆ ตั้งแต่ ยิน เดิน นั่ง นอน จนเป็น อิริยาบถย่อย ในรูปแบบต่าง ๆ ตามครูอาจารย์ ที่สอนนั้น ๆ

   ดังนั้น การประคองจิต จึงมีความสำคัญ เพราะประคองจิต นั้นจะทำให้เราตัด ปลิโพธ ต่าง ๆ ได้ด้วยความรวดเร็ว เพราะปลิโพธ นั้นเป็นเครื่องรบกาวนการภาวนา

   วิธีการประคองจิต ที่ดีที่สุด ก็คือ การกำหนด เดินจงกรม สลับ การนั่งภาวนา ดังนั้นท่านทั้งหลาย ที่มัวแต่นั่งอยู่ แล้วมาบ่นว่า ภาวนาไม่ก้าวหน้า ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย ไปทบทวนคำสอน ของอาตมาด้วยว่า ได้สอนท่านทั้งหลาย เดินจงกรมแล้วหรือ ยัง ?


    ดังนั้น ขอให้ท่านทั้งหลาย ที่บ่นกันมาว่า ไม่ก้าวหน้า ในการภาวนานั้น ขอให้ท่านทั้งหลาย ฝึกเดินจงกรม สลับการนั่ง ด้วย นะ ทำเท่านี้แหละ แต่ขอให้ทำ

    อย่ามัวปล่อยจิต ตามใจตัวเอง อย่ารอแต่ให้พระอาจารย์เข้าไปช่วย เพราะตนเป็นที่พึ่ง แห่งตน เวลาของพระอาจารย์มีไม่มากแล้ว คงพร่ำบอกท่านทั้งหลาย ได้เพียงเท่านี้ อย่ามัวเสียเวลากับเรื่องอื่น ๆ จนลืมการปฏิบัติของตน


    วัน คืน ล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ?

    เจริญธรรม / เจริญพร

 


 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 20, 2013, 09:49:18 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st11 st12
นาน ๆ ได้อ่านพระธรรม จากพระอาจารย์ ที ขอบคุณมากครับ
 st11 thk56
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

timeman

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 91
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ้างถึง
วิธีการประคองจิต ที่ดีที่สุด ก็คือ การกำหนด เดินจงกรม สลับ การนั่งภาวนา

 เราควรเดินจงกรม แบบไหน ครับ
 และมีวิธีการอย่างไร กับการเดิน
 และจะรู้ว่าหยุดเดินอย่างไร
 และนั่งต่อ ทำอย่างไร

    มีขั้นตอน วิธีการ หรือไม่ครับ



   thk56
บันทึกการเข้า
ทะลุมิติ มาหา ความจริง ของตัวเอง

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อยากให้พิจารณา เรื่องนี้ด้วยนะครับ สำหรับคนที่ฝึกภาวนาไม่ได้

ปัญหาที่ ๓
ถามถึงการ
สำเร็จธรรมของบุคคล

" ข้าแต่พระนาคเสน พวกที่ปฏิบัติชอบได้ธรรมาภิสมัยเหมือนกันทั้งนั้นหรือ ? " " ขอถวายพระพร บางพวกก็ได้ บางพวกก็ไม่ได้ "
" ใครได้ ใครไม่ได้ พระผู้เป็นเจ้า ? "
" ขอถวายพระพร พวกที่ไม่ได้นั้น มีอยู่หลายจำพวก คือเดรัจฉาน ๑ เปรต ๑ มิจฉาทิฏฐิ ๑
ผู้ลวงโลก ๑ ผู้ฆ่ามารดา ๑ ผู้ฆ่าบิดา ๑ ผู้ฆ่าพระอรหันต์ ๑ ผู้ทำสังฆเภท ๑ ( ทำสงฆ์ให้แตกกัน ) ผู้ทำโลหิตุบาท ๑ ( ทำให้พระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ) ผู้เป็นไถยสังวาส ๑ ( ปลอมบวช )
ผู้ไปเข้ารีตเดียรถีย์ ๑ ผู้ประทุษร้ายนางภิกษุณี ๑ ผู้มีอาบัติสังฆาทิเสสติดตัว ๑ บัณเฑาะก์ ๑ (กระเทย) อุภโตพยัญชนก ๑ ( คนสอง เพศ ) เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ ๑ พวกเหล่านี้ถึงปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ธรรมาภิสมัย "
พระเจ้ามิลินท์ตรัสแย้งว่า
" ข้าแต่พระนาคเสน บุคคล ๑๕ จำพวกเบื้องต้น เป็นพวกทำผิด จะได้ธรรมาภิสมัยหรือไม่ก็ช่างเถอะ แต่จำพวกที่ ๑๖ คือเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบนี้แหละเป็นปัญหา
เพราะเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ ยังไม่มีราคะ โทสะ โมหะ มานะ มิจฉาทิฏฐิ อรติกามวิตกอย่างใดอย่างหนึ่ง ธรรมดาผู้ที่ห่างไกลจากกิเลส สมควรจะรู้แจ้งแทงตลอดซึ่งอริยสัจ ๔ ไม่ใช่หรือ ? "
พระนาคเสนเสนอ อธิบายว่า
" ขอถวายพระพร ข้อนี้ขอจงทรงฟัง เหตุผล คือถ้าเด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบ รู้จักเกิดราคะโทสะ โมหะ รู้จักมัวเมาในสิ่งที่ควรมัวเมา รู้จักยินดี ไม่ยินดี รู้จักนึกถึงกุศลอกุศล ก็จักมีธรรมาภิสมัย แต่เด็กอายุต่ำกว่า ๗ ขวบนั้น จิตมีกำลังน้อย ส่วนพระนิพพานเป็นของใหญ่ ของหนักจึงไม่อาจรู้แจ้งแทงตลอดนิพพานได้
เปรียบเหมือนบุรุษมีกำลังน้อย ไม่อาจยกภูเขาสิเนรุราชได้ฉันนั้น หรือเปรียบเหมือนหยาดน้ำอันเล็กน้อย ไม่อาจซึมไปทั่วแผ่นดินใหญ่ได้ หรือเปรียบเหมือนเปลวไฟเล็กน้อย ไม่อาจทำให้สว่างทั่วโลกได้ หรือเปรียบเหมือนตัวหนอนไม่อาจกลืนช้างได้ฉะนั้น "
" ข้าแต่พระนาคเสน ตามที่พระผู้เป็นเจ้า แก้มานี้ โยมเข้าใจดีแล้ว "
บันทึกการเข้า

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คำตอบ เรื่องการประคองจิต นั้น ทำโดยการเดินจงกรม

  แต่วิธีการเดินจงกรม ก็ยังไม่ได้กล่าว
  และวิธีการนั่งกรรมฐาน ก็ยังไม่ได้กล่าว

  เพียงแต่เป็น บทนำ อยู่ ....


  :49:
บันทึกการเข้า

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
บทนำ ในกระทู้นี้ เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติ ที่ได้ติดตามมาตลอดสี่ห้าปีนี้จะเข้าใจได้ดี  แต่สำหรับท่านที่ยังไม่เคย หรือเพิ่งเริ่มปฏิบัติ อาจจะไม่เข้าใจ ก็ขอให้ติดตาม ฟังทางวิทยุออนไลน์ พระอาจารย์ได้ทำการอธิบายไว้แล้ว ทุกวันนี้ก็ยังเปิดอยู่ โดยเฉพาะเวลาประมาณช่วงตอนเที่ยง จะบอกสอนในเรื่องของการเดินจงกรม และในตอนค่ำเรื่องของการนั่งปฏิบัติ ผู้ที่สนใจก็สามารถติดตามรับฟังกันได้ตามนี้ นะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2013, 06:46:57 pm โดย ธรรมะ ปุจฉา »
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม