ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากทราบว่า ทำบุญโดยไม่ได้อธิษฐานเพียงพนมมือขึ้นจรดศรีษะพร้อมปัจจัยได้บุญหรือไม่  (อ่าน 4415 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1 ask1 ask1

อยากทราบว่า ทำบุญโดยไม่ได้อธิษฐานเพียงพนมมือขึ้นจรดศรีษะพร้อมปัจจัยได้บุญหรือไม่ อย่างไร ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยคะ

  thk56
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2013, 06:51:22 pm โดย sinjai »
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

กรวดน้ำไฉนคว่ำขัน

     ทำบุญอธิษฐาน          สืบสานเจตนา
สัมปรายเบื้องหน้า          ไม่ไกลเกินรอ

     ทำบุญกุศล          ไม่บ่นพร่ำขอ
จรดจบเพียงพอ          ตามเวรตามกรรม.


                                                  ธรรมธวัช.!




http://www.crhouseware.com/lai-thaia-10.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 17, 2013, 07:56:29 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

ครูนภา

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +25/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 608
  • ภาวนา ร่วมกับพวกท่าน แล้วสุขใจ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ศรัทธา ปัญญา ขันติ ความเพียร คุณสมบัติผู้ภาวนา
ขอเป็นกัลยาณมิตร กับทุกท่าน ที่เป็นกัลยาณมิตร

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ทำบุญก็ได้บุญ

ส่วนอธิฐาน ก็เป็นเรื่องของการอธิฐาน

วันนี้ยังมิได้อธิฐาน วันหลัง ๆ ก็ยังอธิฐานได้

แต่ผู้ที่ฉลาด เมื่อทำบุญก็อธิฐานใช้เลย ไวดี ทันใช้เลย

อย่างเช่น เมื่อทำบุญแล้วก็กรวดน้ำเลย (ใช้บุญที่มีที่ทำเลย) ทันอุทิศ ส่งผลบุญ

ใช้เวรใช้กรรมกันไปเลย สำหรับคนที่ เจอเจ้ากรรมนายเวรตามรังควาน

หรือผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว(งานศพ) บางคนก็เปลี่ยนภพภูมิ เป็นเทวดากันไปเลย

ก็เป็นบาระมี ดี ทันใช้
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อรรถกถา ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
สังคีติสูตร
   
     พึงทราบวินิจฉัยในบุญญกิริยาวัตถุต่อไป.
     ทานนั่นเอง ชื่อว่าทานมัย. การทำบุญนั้นด้วยวัตถุ (คือที่ตั้ง) แห่งบุญญานิสงส์เหล่านั้นด้วย
     ดังนั้น จึงชื่อบุญญกิริยาวัตถุ (ที่ตั้งแห่งการทำบุญ).
     แม้ในบุญญกิริยาวัตถุข้ออื่นๆ ก็มีนัยเช่นเดียวกันนี้.


     แต่โดยความหมาย พึงทราบบุญญกิริยาวัตถุ ๓ อย่างเหล่านี้
     พร้อมทั้ง บุรพภาคเจตนา (ความตั้งใจก่อนแต่จะทำ) และ
     อปรภาคเจตนา (ความตั้งใจภายหลังจากทำแล้ว)
     ด้วยอำนาจแห่งเจตนาที่สำเร็จด้วยทาน
เป็นต้น ซึ่งได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น.

     และในเรื่องนี้ บุคคลทำกรรมอย่างหนึ่งๆ ด้วยกาย นับตั้งแต่บุรพภาคเจตนา ก็จัดเป็นกายกรรม.
     เมื่อเปล่งวาจาอันมีความหมายอย่างนั้น จัดเป็นวจีกรรม.
     เมื่อไม่ได้ยังองค์แห่งกายและองค์แห่งวาจาให้ไหว คิดด้วยใจ (อย่างเดียว) ก็จัดเป็นมโนกรรม.


     อีกนัยหนึ่ง สำหรับผู้ให้ทานวัตถุมีข้าว เป็นต้น (ในเวลาที่กล่าวว่า) ข้าพเจ้าให้อันนทาน (ให้ข้าว) เป็นต้นก็ดี
     ในเวลาที่ระลึกถึงทานบารมีแล้วให้ก็ดี จัดเป็นบุญญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยทาน.
     ตั้งอยู่ในวัตรและศีลแล้วให้ จัดเป็นบุญญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยศีล.
     เริ่มตั้งความพิจารณาโดยความสิ้นไปเสื่อมไปแล้วให้ จัดเป็นบุญญกิริยาวัตถุสำเร็จด้วยภาวนา.


ที่มา
กระทู้ของคุณ sinjai "บุญที่กระทำด้วยแรงกายแรงใจ กับการใช้สิ่งของ ผลบุญนั้นต่างกันอย่างไร คะ"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=10131.msg37993;topicseen#new



ask1 ask1 ask1

อยากทราบว่า ทำบุญโดยไม่ได้อธิษฐานเพียงพนมมือขึ้นจรดศรีษะพร้อมปัจจัยได้บุญหรือไม่ อย่างไร ขอให้ท่านผู้รู้ช่วยอธิบายด้วยคะ
  thk56

     ans1 ans1 ans1
     
     บุญสำเร็จด้วยเจตนา คือ
      - บุรพภาคเจตนา (ความตั้งใจก่อนแต่จะทำ) และ
      - อปรภาคเจตนา (ความตั้งใจภายหลังจากทำแล้ว)


     ดังคำอธิบายในอรรถกถาข้างต้น
       แต่โดยความหมาย พึงทราบบุญญกิริยาวัตถุ ๓ อย่างเหล่านี้
       พร้อมทั้ง บุรพภาคเจตนา (ความตั้งใจก่อนแต่จะทำ) และ
       อปรภาคเจตนา (ความตั้งใจภายหลังจากทำแล้ว)
       ด้วยอำนาจแห่งเจตนาที่สำเร็จ ด้วยทานเป็นต้น


     เพราะฉะนั้น ที่ถามว่า "ทำบุญโดยไม่ได้อธิษฐานเพียงพนมมือขึ้นจรดศรีษะพร้อมปัจจัยได้บุญหรือไม่"
     ตอบว่า ได้บุญแน่นอน เพราะเจตนาสมบูรณ์แล้ว

      :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ก็เหล่าเปรต หรือ เหล่าดวงวิณญาณ จะทำบุญ จะปฏิบัติธรรม นั้นเป็นการอยาก จะมีก็แต่เพียง ร่วมอนุโมทนาบุญกับเรา  ก็ด้วยการอนุโมทนาบุญนี้ ของเหล่าสัตว์ จึงทำให้เขาเหล่านั้น ได้บุญ มีกำลังบุญ ถึงขนาดได้เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิกันเลยที่เดียว แล้วจะประสาอะไรกับเราละ  เราก็ได้ไม่ใช่น้อย
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม

ธรรมะ ปุจฉา

  • http://www.facebook.com/srikanet?ref=tn_tnmn
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 713
  • ปัญญสโก ภิกขุ (พระที) ..... คณะ ๓/๓ วัดพลับ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
                                         วิหารวิมาน
                    ว่าด้วยวิมานที่เกิดขึ้นแก่หญิงผู้อนุโมทนาการถวายวิหาร


                            (พระอนุรุทธเถระถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า)
                  {๔๔}[๗๒๙]            เทพธิดา    เธอมีผิวพรรณงามยิ่งนัก
                  [๗๓๐]            เมื่อเธอนั้นกำลังฟ้อนรำอยู่    เสียงทิพย์น่าฟัง    น่ารื่นรมย์ใจ
                                      ย่อมเปล่งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วนสัดของเธอ

                  [๗๓๑]            ทั้งกลิ่นทิพย์หอมระรื่นชื่นใจ
                                      ก็ฟุ้งออกจากอวัยวะน้อยใหญ่ทุกส่วนสัดของเธอ

                  [๗๓๒]            เมื่อเธอสั่นไหวกายไปมา
                                      เสียงเครื่องประดับที่ช้องผม(ของเธอ)ทุกส่วน
                                      ก็เปล่งเสียงดังไพเราะ    น่าฟัง    ดังเสียงดนตรีเครื่องห้า

                  [๗๓๓]            อนึ่ง    ต่างหูเพชรต้องลมสั่นไหว    ก็ส่งเสียงดังไพเราะ
                                      น่าฟัง    ดังเสียงดนตรีเครื่องห้า

                  [๗๓๔]            แม้มาลัยบนศีรษะของเธอ    มีกลิ่นหอมชื่นใจ
                                      ก็ส่งกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วทุกทิศ    ดุจต้นอุโลก

                  [๗๓๕]            เธอสูดดมกลิ่นหอมนั้น    ทั้งได้เห็นรูปอันมิใช่ของมนุษย์
                                      เทพธิดา    อาตมาถามแล้ว    ขอเธอจงบอกเถิดว่า
                                      นี้เป็นผลของกรรมอันใดเล่า

                            (เทพธิดานั้นตอบว่า)
                  [๗๓๖]            พระคุณเจ้าผู้เจริญ    นางวิสาขามหาอุบาสิกา
                                      สหายของดิฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี
                                      ได้จัดสร้างมหาวิหารถวายสงฆ์    ดิฉันได้เห็นอาคาร
                                      และการบริจาคทรัพย์จำนวนมากอุทิศสงฆ์
                                      เป็นที่พอใจของดิฉันเช่นนั้น    จึงเลื่อมใสแล้วอนุโมทนาในบุญนั้น

                  [๗๓๗]            วิมานน่าอัศจรรย์    น่าทัศนา    ซึ่งดิฉันได้มา
                                      เพราะการอนุโมทนาอย่างเดียวเท่านั้น
                                      วิมานนั้นล่องลอยไปได้โดยรอบ

                  [๗๓๘]            วิมานเรือนยอดของดิฉัน    จัดแบ่งไว้แต่ละส่วนอย่างเหมาะสม
                                      ส่องสว่างรุ่งเรือง    ตลอดรัศมี    ๑๐๐    โยชน์โดยรอบ

                  [๗๓๙]            อนึ่ง    ที่วิมานของดิฉันนี้    มีสระโบกขรณี
                                      ซึ่งหมู่มัจฉาทิพย์อาศัยอยู่ประจำ
                                      มีน้ำใสสะอาด    มีพื้นดารดาษด้วยทรายทอง

                  [๗๔๐]            ดื่นดาดด้วยบัวหลวงหลากชนิด    มีบัวขาวรายล้อมไว้รอบ
                                      ยามลมรำเพยพัดก็โชยกลิ่นหอมระรื่นจรุงใจ

                  [๗๔๑]            มีรุกขชาตินานาชนิด    คือต้นหว้า    ต้นขนุน    ต้นตาล    ต้นมะพร้าว
                                      และป่าไม้เกิดเองตามธรรมชาติ    ภายในนิเวศน์    มิได้มีใครปลูกไว้

                  [๗๔๒]            วิมานนี้กึกก้องไปด้วยดนตรีชนิดต่าง  ๆ
                                      เหล่าเทพอัปสรก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว
                                      แม้นรชนที่ฝันเห็นดิฉันแล้วต้องปลื้มใจ

                  [๗๔๓]            วิมานน่าอัศจรรย์    น่าทัศนา    มีรัศมีสว่างไสวไปทุกทิศ    เช่นนี้
                                      บังเกิดเพราะกุศลกรรมของดิฉัน

                                      (ฉะนั้น)จึงควรแท้ที่สาธุชนจะทำบุญไว้
                           (พระอนุรุทธเถระประสงค์จะให้นางบอกสถานที่
                              ที่นางวิสาขาเกิดจึงได้กล่าวคาถานี้ว่า)

                  [๗๔๔]            เธอได้วิมานน่าอัศจรรย์    น่าทัศนา
                                      เพราะการอนุโมทนาอย่างเดียวเท่านั้น
                                      ขอเธอจงบอกคติของนางวิสาขา
                                      ผู้ที่ได้ถวายทานนั้นเถิดว่า    นางเกิด    ณ    ที่ไหน
                           (เทพธิดานั้นตอบว่า)
                  [๗๔๕]            พระคุณเจ้าผู้เจริญ    นางวิสาขามหาอุบาสิกาสหายของดิฉันนั้น
                                      ได้สร้างมหาวิหารถวายสงฆ์    รู้แจ้งธรรม    ได้ถวายทาน

                  [๗๔๖]            เป็นปชาบดีของท้าวสุนิมิตเทวราชนั้น
                                      วิบากแห่งกรรมของนางเป็นเรื่องที่ใคร  ๆ    ไม่พึงคิด
                                      ดิฉันได้ชี้แจงถึงคำถามที่พระคุณเจ้าถาม
                                      ถึงที่ที่นางเกิดแด่พระคุณเจ้าแล้วตามความเป็นจริง

                  [๗๔๗]            ถ้าอย่างนั้น    ขอนิมนต์พระคุณเจ้าโปรดชักชวนแม้คนอื่น  ๆ    ว่า
                                      ท่านทั้งหลายจงเต็มใจถวายทานแด่สงฆ์เถิด
                                      และจงมีใจเลื่อมใสฟังธรรม
                                      การได้เกิดเป็นมุษย์ที่ได้แสนยาก    พวกท่านก็ได้แล้ว

                  [๗๔๘]            พระพุทธเจ้ามีพระสุรเสียงไพเราะดังเสียงพรหม
                                      มีพระฉวีวรรณผุดผ่องดังทอง    ผู้ทรงเป็นใหญ่ยิ่งด้วยมรรค๑
                                      ได้ทรงแสดงทานใดว่าเป็นทาง(ไปสู่สุคติ)
                                      ขอท่านทั้งหลายจงเต็มใจถวายทานนั้นแด่สงฆ์
                                      ซึ่งเป็นบุญเขตที่ทักษิณาทานมีผลมากเถิด

                  [๗๔๙]            ทักขิไณยบุคคล    ๔    คู่    ๘    ท่านเหล่านี้ที่ท่านผู้รู้สรรเสริญแล้ว
                                      เป็นสาวกของพระสุคต    ทานที่ถวายในบุคคลเหล่านี้มีผลมาก

                  [๗๕๐]            พระอริยบุคคลผู้บรรลุอริยมรรค    ๔
                                      และผู้ดำรงอยู่ในอริยผล    ๔    นี้
                                      จัดเป็นพระสงฆ์    เป็นผู้ปฏิบัติตรง
                                      ดำรงมั่นอยู่ในศีล    สมาธิ    และปัญญา

                  [๗๕๑]            มนุษย์ทั้งหลายผู้หวังบุญให้ทานอยู่
                                      ทำบุญปรารภเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิด
                                      จึงถวายทานแก่สงฆ์ซึ่งมีผลมาก

                  [๗๕๒]            ด้วยว่า    พระสงฆ์นี้มีคุณยิ่งใหญ่    ไพบูลย์
                                      หาประมาณมิได้    ดุจทะเลเปี่ยมด้วยน้ำ
                                      พระอริยบุคคลเหล่านี้แลเป็นผู้ประเสริฐสุด
                                      เป็นสาวกของพระพุทธเจ้าผู้มีความเพียร
                                      เป็นผู้ให้แสงสว่างคือปัญญาแก่ชาวโลก    ย่อมยกธรรมขึ้นแสดง

                  [๗๕๓]            ทานที่บุคคลถวายเจาะจงสงฆ์นั้นชื่อว่าเป็นทานที่ถวายดีแล้ว
                                      บูชาสักการะด้วยดีแล้ว    ทักษิณาที่ถวายในสงฆ์นั้นมีผลมาก
                                      ทั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายผู้ทรงรู้แจ้งโลกก็ทรงสรรเสริญแล้ว

                  [๗๕๔]            เหล่าชนมาหวนระลึกถึงบุญเช่นนี้ได้เกิดปีติโสมนัส
                                      กำจัดมลทินคือความตระหนี่พร้อมทั้งมูลเหตุได้
                                      ท่องเที่ยวไปในโลก    ไม่ถูกบัณฑิตติเตียน    จึงเข้าถึงแดนสวรรค์ได้

                                          วิหารวิมาน จบ
บันทึกการเข้า
ยาดี มิได้ทำให้คนหายไข้   คนหายไข้ เพราะได้กินยาดี
ธรรมะ มิได้ทำให้คนดี       คนดีได้  เพราะปฏิบัติธรรม