สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) => ข้อความที่เริ่มโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 04, 2012, 07:11:46 am



หัวข้อ: "เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 04, 2012, 07:11:46 am
(http://www.palungdham.com/news/pret01.jpg)

"เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?

อรรถกถา ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส ปารายนวรรค
โปสาลมาณวกปัญหานิทเทส

อรรถกถาโปสาลมาณวกปัญหานิทเทสที่ ๑๔

    บทว่า เอกจฺเจ จ วินิปาติกา วินิปาติกะ (ผู้ตกไปในอบาย) บางพวก คือ เวมานิกเปรตเหล่าอื่นมีอาทิอย่างนี้ คือ ยักษิณีผู้เป็นมารดาของปุนัพพสุ ยักษิณีผู้เป็นมารดาของปิยังกระ ยักษิณีผู้เป็นมิตรของปุสสะผู้ยินดีในธรรม พ้นจากอบาย ๔.

    ร่างกายของเวมานิกเปรตเหล่านั้นต่างๆ กันด้วยสีมีผิวขาว ดำ ผิวทองและสีนิล เป็นต้น ด้วยลักษณะมีผอม อ้วน เตี้ย สูง. แม้สัญญาก็ต่างกันด้วยสามารถแห่งติเหตุกะ ทุเหตุกะและอเหตุกะ เหมือนของมนุษย์ทั้งหลาย.

    แต่เวมานิกเปรตเหล่านั้นไม่มีศักดิ์มากเหมือนทวยเทพ มีศักดิ์น้อยเหมือนคนจนหาของกินและเครื่องปกปิดได้ยาก ถูกทุกข์บีบคั้นอยู่. บางพวกได้รับทุกข์ในข้างแรม ได้รับสุขในข้างขึ้น. เพราะฉะนั้น ท่านจึงเรียกว่า วินิปาติกะ เพราะตกไปจากการสะสมความสุข.

    แต่ "เวมานิกเปรตที่เป็นติเหตุกะ" ย่อมเป็นผู้บรรลุธรรมได้
    ดุจการบรรลุธรรมของ "ยักษิณีผู้เป็นมารดาของปิยังกระ"
เป็นต้น.


ที่มา http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=30&i=467 (http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=30&i=467)
ขอบคุณภาพจาก http://www.palungdham.com/ (http://www.palungdham.com/)


     
     หากไม่เข้าใจคำว่า "ติเหตุกะ" ไปอ่านกระทู้นี้ครับ
     หัวข้อ "ติเหตุกบุคคล คือใคร คะ"
     http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5695.0 (http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5695.0)


หัวข้อ: Re: "เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 04, 2012, 07:30:53 am
(http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/856/24856/images/S6003829.jpg)

ยักษ์ก็บรรลุธรรมได้

อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ยักขสังยุต
ปุนัพสุสูตรที่ ๗

อรรถกถาปุนัพพสุสูตรที่ ๗   
   
    พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงแสดงธรรม ทรงกำหนดบริษัท
    ทรงเห็นอุปนิสัยแห่งโสดาปัตติผลของนางยักษิณีนั้นและยักขทารก เปลี่ยนเทศนาแล้ว จึงมาแสดงเรื่องสัจจะ ๔.

     นางยักษิณีนั้นยืนฟังธรรมอยู่ในประเทศนั้นแลกับบุตร "ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล."
     ส่วนธิดาของนางยักษิณีนั้นก็มีอุปนิสัย. แต่ไม่อาจจะรับเทศนาได้ เพราะเป็นเด็กเกินไป.
     บัดนี้ นางยักษิณีนั้น เมื่อจะทำอนุโมทนาแก่บุตร จึงกล่าวคำว่า ดีหนอ ลูกชื่อว่าเป็นบัณฑิตดังนี้ เป็นต้น.

     บทว่า อชฺชาหมฺหิ สมุคฺคตา ความว่า แม่เป็นผู้ขึ้นพร้อมแล้ว แต่วันนี้
     อีกอย่างหนึ่ง เป็นผู้ย่างพร้อมแล้วในพระศาสนา แม้เจ้าจงมีความสุขเถิด.
     บทว่า ทิฏฺฐานิ ความว่า แม่และเจ้าเห็นอริยสัจ ๔.
     บทว่า อุตฺตราปิ สุณาตุ เม นางยักษิณีกล่าวว่า ขอแม่อุตตราจงยืนฟังสัจจะ ๔ ที่แม่แทงตลอดเถิด.

     นางยักษิณีนั้น ละภาวะมีฝีและหิด เป็นต้น ทั้งหมด เหมือนสูจิโลมยักษ์
     พร้อมด้วยการแทงตลอดสัจจะนั่นแล "จึงกลับได้ทิพยสมบัติพร้อมด้วยบุตร."
     เมื่อมารดาและบิดาได้ความเป็นใหญ่ในโลก ความเป็นใหญ่นั้นก็มีแก่บุตรทั้งหลายด้วยชื่อฉันใด
     ส่วนธิดาของนางได้สมบัติแล้ว ด้วยอานุภาพของมารดาฉันนั้น.

     จำเดิมแต่นั้น นางกับด้วยบุตรน้อยทั้งหลายได้ต้นไม้เป็นที่อยู่ ณ ต้นไม้ใกล้พระคันธกุฏีแล้ว
     ได้เฝ้าพระพุทธเจ้า ฟังธรรมทั้งเช้าเย็น อยู่จำเพาะในที่นั้นแล ตลอดกาลนาน.



ที่มา http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=822 (http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=822)
ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/ (http://www.oknation.net/)


หัวข้อ: Re: "เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?
เริ่มหัวข้อโดย: nonestop ที่ กรกฎาคม 04, 2012, 09:15:01 pm
พึ่งทราบ ว่า ยักษ์ เป็นพวกเปตร นึกว่าเป็นพวกอสูร หรือ เทวดา ซะ อีก

 อย่างนี้ เปตร มีกี่จำพวกครับ

  :c017: :25: :s_hi:


หัวข้อ: Re: "เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?
เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 01:17:20 pm

(http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/images/newsworld_1/frlower/hell01.jpg)

๓. ภูมิของเปรต

ภูมิของเปรตมีชื่อว่า เปตภูมิ สัตว์ที่ชื่อว่าเปรตนั้นเป็นสัตว์ที่มีความเดือดร้อน เพราะมีความเป็นอยู่อย่างหิวโหยอดอยาก ซึ่งต่างกับสัตว์นรก ที่มีความเดือดร้อน เหมือนกัน แต่ว่าเดือดร้อนเพราะถูกทรมาน

เปรต ส่วนมากอยู่ที่ป่า วิชฌาฏวี มี มหิทธิกเปรต เป็นเจ้าปกครอง ดูแลเปรตทั้งหลาย แต่ว่าเปรตที่ไม่มีที่อยู่ที่อาศัยโดยเฉพาะ เที่ยวอยู่ทั่ว ๆ ไป เช่น ตามป่า ตามภูเขา เหว เกาะ ทะเล ป่าช้า ก็มีมากเหมือนกัน

 เปรตมีหลายจำพวก เล็กก็มี ใหญ่ก็มี และสามารถเนรมิตให้เป็น อิฏฐารมณ์ และอนิฏฐารมณ์ได้ ฝ่ายอิฏฐารมณ์ก็เนรมิตให้เห็นเป็นเทวดา เป็นมนุษย์ เป็นดาบส พระ เณร ชี เป็นต้น ฝ่ายอนิฏฐารมณ์ก็ให้เห็นเป็นสัตว์ต่าง ๆ ทำท่าทาง หรือ มีรูปร่างอันน่าเกลียดน่ากลัว


เปรต ๔ จำพวก ในเปตวัตถุอรรถกถา แสดงเปรต ๔ จำพวก คือ
    ๑. ปรทัตตุปชีวิกเปรต เป็นเปรตที่เลี้ยงชีวิตอยู่โดยอาศัยอาหารที่ผู้อื่นให้โดย การเซ่นไหว้ เป็นต้น
    ๒. ขุปปีปาสิกเปรต เป็นเปรตที่อดอยาก หิวข้าว หิวน้ำ อยู่เป็นนิจ
    ๓. นิชฌามตัณหิกเปรต เป็นเปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ
    ๔. กาลกัญจิกเปรต เป็นเปรตในจำพวกอสุรกาย หรือ เป็นชื่อของอสุราที่ เป็นเปรต

เปรตที่สามารถจะได้รับส่วนกุสลที่มีผู้อุทิศให้นั้น ได้แก่ ปรทัตตุปชีวิกเปรต จำพวกเดียวเท่านั้น เพราะเปรตจำพวกนี้โดยมากอยู่ในบริเวณใกล้ ๆ กับมนุษย์ ถึง กระนั้นก็จะต้องรู้ว่าเขาแผ่ส่วนกุสลให้ จึงจะสามารถรับได้ด้วยการอนุโมทนา ถ้า ไม่รู้ไม่ได้อนุโมทนา ก็ไม่ได้รับส่วนกุสลนั้นเหมือนกัน

ในอปาทานอรรถกถา สุตตนิบาตอรรถกถา และพุทธวังสะอรรถกถาแสดงว่า บรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย นับตั้งแต่ได้รับพุทธพยากรณ์ เป็นต้นไป จะไม่เกิดเป็น ขุปปีปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต หรือ กาลกัญจิกเปรต ถ้าจะต้องไปเกิดเป็น เปรต ก็จะเกิดเป็นปรทัตตุปชีวิกเปรต ประเภทเดียวเท่านั้น


(http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/images/hell000.jpg)


เปรต ๑๒ จำพวก ในคัมภีร์โลกบัญญัตติปกรณ์ และ ฉคติทีปนีปกรณ์ แสดง เปรต ๑๒ จำพวก คือ
    ๑. วันตาสเปรต              เปรตที่กินน้ำลาย เสมหะ อาเจียร เป็นอาหาร
    ๒. กุณปาสเปรต             เปรตที่กินซากศพคน หรือสัตว์ เป็นอาหาร
    ๓. คูถขาทกเปรต            เปรตที่กินอุจจาระต่าง ๆ เป็นอาหาร
    ๔. อัคคิชาลมุขเปรต       เปรตที่มีเปลวไฟลุกอยู่ในปากเสมอ
    ๕. สุจิมุขเปรต                เปรตที่มีปากเท่ารูเข็ม
    ๖. ตัณหัฏฏิตเปรต          เปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียฬให้หิวข้าวหิวน้ำอยู่เสมอ
    ๗. สุนิชฌามกเปรต        เปรตที่มีตัวดำเหมือนตอไม้ที่เผา
    ๘. สุตตังคเปรต              เปรตที่มีเล็บมือเล็บเท้ายาวคมเหมือนมีด
    ๙. ปัพพตังคเปรต          เปรตที่มีร่างกายสูงใหญ่เท่าภูเขา
    ๑๐. อชครังคเปรต           เปรตที่มีร่างกายเหมือนงูเหลือม
    ๑๑. เวมานิกเปรต            เปรตที่ต้องเสวยทุกข์ในเวลากลางวัน แต่กลางคืนได้ ไปเสวยสุขในวิมาน
    ๑๒. มหิทธิกเปรต              เปรตที่มีฤทธิ์มาก


(http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/images/OtherBB/pretP1.jpg)


เปรต ๒๑ จำพวกในวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลีแสดงเปรต ๒๑ จำพวก คือ
    ๑. อัฏฐีสังขสิกเปรต เปรตที่มีกระดูกติดกันเป็นท่อน ๆ แต่ไม่มีเนื้อ
    ๒. มังสเปสิกเปรต   เปรตที่มีเนื้อเป็นชิ้น ๆ แต่ไม่มีกระดูก
    ๓. มังสปิณฑเปรต   เปรตที่มีเนื้อเป็นก้อน
    ๔. นิจฉวิปริสเปรต  เปรตที่ไม่มีหนัง
    ๕. อสิโลมเปรต                  เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์
    ๖. สัตติโลมเปรต               เปรตที่มีขนเป็นหอก
    ๗. อุสุโลมเปรต                  เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู
    ๘. สูจิโลมเปรต                  เปรตที่มีขนเป็นเข็ม
    ๙. ทุติยสูจิโลมเปรต          เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ ๒
    ๑๐. กุมภัณฑเปรต   เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก
    ๑๑. คูถกูปนิมุคคเปรต       เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ
    ๑๒. คูถขาทกเปรต   เปรตที่กินอุจจาระ
    ๑๓. นิจฉวิตกิเปรต   เปรตหญิงที่ไม่มีหนัง
    ๑๔. ทุคคันธเปรต    เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า
    ๑๕. โอคิลินีเปรต                เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ
    ๑๖. อลิสเปรต                     เปรตที่ไม่มีศีรษะ
    ๑๗. ภิกขุเปรต                    เปรตที่มีรูปร่างสัณฐานเหมือน พระ
    ๑๘. ภิกขุณีเปรต                 เปรตที่มีรูปร่างสัณฐานเหมือน ภิกษุณี
    ๑๙. สิกขมานเปรต   เปรตที่มีรูปร่างสัณฐานเหมือน สิกขมานา
         (สามเณรีที่ได้รับการอบรมเป็นเวลา ๒ ปี เพื่อบวชเป็นภิกษุณี)
    ๒๐. สามเณรเปรต   เปรตที่มีรูปร่างสัณฐานเหมือน สามเณร
    ๒๑. สามเณรีเปรต   เปรตที่มีรูปร่างสัณฐานเหมือน สามเณรี



ที่มา http://www.abhidhamonline.org/aphi/p5/006.htm (http://www.abhidhamonline.org/aphi/p5/006.htm)
ขอบคุณภาพจาก http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/ (http://xn--m3cif1apm3a5c5h6ab0d.dmc.tv/)


หัวข้อ: Re: "เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?
เริ่มหัวข้อโดย: tcarisa ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 04:16:38 pm
อนุโมทนา กับข้อมูลที่นำมาให้อ่านด้วยคะ

  :25: :c017:


หัวข้อ: Re: "เปรตบรรลุธรรมได้"...เป็นไปได้อย่างไง.?
เริ่มหัวข้อโดย: Goodbye ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 06:49:04 pm
๑๑. เวมานิกเปรต   เปรตที่ต้องเสวยทุกข์ในเวลากลางวัน แต่กลางคืนได้ ไปเสวยสุขในวิมาน

  ดุแล้วเปตรชนิด 11 ยังพอมีหวังได้ฟังธรรมในเวลากลางคืน นะ

   :s_hi: