ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - sompong
หน้า: [1] 2
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ช่วงนี้ดูพระอาจารย์เงียบ ๆ ไปนะครับ ไม่ออกบทความอย่างเมื่อก่อน เมื่อ: เมษายน 12, 2014, 08:56:31 am
ช่วงนี้ดูพระอาจารย์เงียบ ๆ ไปนะครับ ไม่ออกบทความอย่างเมื่อก่อน

ไมทราบว่าพระอาจารย์ สบายดี หรือไม่ครับ เพราะเห็นเงียบ ๆ ไป ไม่ออก บทความ อย่างเมื่อก่อน หรือ ไม่มีคนถาม อาจจะเป็นเพราะพวกผมไม่มีคำถาม กันด้วย นะครับ เพราะอ่านไป อ่านมา รู้สึกว่า ครอบคลุมหมดทุกเรื่องแล้ว จริง ๆ มีแต่เนื้อหา ที่ต้องเจาะลึก อย่างที่ผมอยากจะรู้มาก ๆ คือ การภาวนา อานาปานสติ แบบ ปฏิสัมภิทามรรค รออ่านบทความ บทนี้ อยู่ครับ

  :58: thk56 st11 st12
2  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / วิธี เดินจงกรม แบบง่าย ๆ เป็นสมาธิ ไว ควรปฏิบัติอย่างไร ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2014, 09:53:07 pm
 ask1

วิธี เดินจงกรม แบบง่าย ๆ เป็นสมาธิ ไว ควรปฏิบัติอย่างไร ครับ

 :25:
3  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / โบสถ์สร้างด้วยสเตนเลส อันซีนเมืองไทยแห่งเดียวไม่เหมือนใคร กาญจนบุรี เมื่อ: มกราคม 16, 2013, 06:11:36 am





ที่มาภาพ:
http://www.tinyzone.tv/TravelDetail.aspx?ctpostid=2798
http://www.thongphai.com/board/index.php?topic=2794.20

พบอันซีนเมืองไทยอีกแห่ง "วัดปากลำขาแข้ง" อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มีแห่งเดียวในโลกไม่เหมือนใคร โบสถ์ทั้งหลังสร้างด้วยสเตนเลสกว่า 70 ชิ้น นำมาต่อกันเพื่อสร้างเป็นโบสถ์ จนได้ฉายาวัดโบสถ์สเตนเลส

พระสุรินทร์ ฐานะธรรมโม เลขาฯ เจ้าอาวาส วัดปากลำขาแข้ง อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยต่อทีมงานคุณภาพชีวิต ถึงความพิเศษของโบสถ์สเตนเลสทั้งหลังที่สร้างขึ้นมาจากสเตนเลสว่า มาจากแนวคิดของเจ้าอาวาสที่ต้องการสร้างโบสถ์ที่ไม่มีที่ไหนเหมือน โดยมีจุดสำคัญคือ เพื่อให้ผู้ที่เข้าไปนั่งสงบในโบสถ์ไม่รู้สึกร้อน จึงได้คิดทำเป็นสเตนเลส เพราะสเตนเลสช่วยเก็บความเย็นด้านใน แม้จะมีแดดส่องอยู่ด้านนอก แต่เมื่อเข้าไปนั่งข้างในก็จะไม่รู้สึกร้อน จะรู้สึกเย็นสบาย ทำให้เกิดความสงบ และสามารถนั่งอยู่ด้านในได้อย่างสงบนิ่ง

โดยตัวโบสถ์ทั้งหลังทำด้วยสเตนเลส ช่างสเตนเลสที่บ้านโป่งเป็นผู้ต่อให้ เป็นการทำโครงสร้างเป็นชิ้นๆ ไว้ มีทั้งหมดกว่า 70 ชิ้น แล้วขนนำมาประกอบเป็นรูปโบสถ์ที่วัด ทั้งนี้ เพราะการเดินทางมาที่วัดปากลำขาแข้งแห่งนี้ไม่มีรถเข้าถึง เนื่องจากอยู่ในเขื่อนศรีนครินทร์ การเดินทางหากมาโดยทางรถยนต์ เมื่อมาถึงท่าแพ ก็ต้องลงแพ หรือลงเรือไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้น การขนสิ่งต่างๆ ที่จะมาใช้เพื่อก่อสร้างโบสถ์ จึงต้องขนใส่รถเป็นชิ้นๆ มา แล้วก็บรรทุกลงเรือเพื่อนำไปประกอบเป็นโบสถ์ที่วัดอีกทีหนึ่ง โดยช่างที่เป็นผู้ประกอบให้ที่บ้านโป่ง ได้มากินนอนอยู่ที่วัดในช่วงที่ประกอบรูปร่างเป็นโบสถ์จนกระทั่งแล้วเสร็จ

ความสวยงามของโบสถ์สเตนเลสแห่งนี้ นอกจากที่จะทำด้วยสเตนเลสทั้งหลังแล้ว ยังมีลวดลายบริเวณซุ้มประตูโบสถ์และหน้าต่าง ที่ตั้งของตัวโบสถ์อยู่ในจุดที่สูงบนเนิน เมื่อมีแดดส่องแสงมากระทบจะทำให้สามารถมองเห็นลวดลายที่ฉลุได้อย่างสวยงามได้เป็นอย่างดี

ความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ได้เล่ากันปากต่อปากของนักท่องเที่ยว ทำให้ในแต่ละวันโดยเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์ มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยว โดยไม่สนใจถึงความยากลำบากของเส้นทางที่ต้องผ่านถนนที่ขรุขระ ไต่ผ่านป่าเขา เพื่อไปลงแพพี่เชิด ที่มีทั้งแพ และเรือไว้คอยบริการรับส่งไปถึงวัดที่ตั้งอยู่บนเกาะที่อยู่ในเขื่อน

นอกจากโบสถ์ที่ทำจากสเตนเลสแล้ว ยังมีพระใหญ่สเตนเลส ที่ข้างใต้ฐานพระใหญ่จะเป็นรูปพญานาค ซึ่งมาจากความเชื่อที่ว่า บริเวณข้างใต้ของที่ตั้งวัดแห่งนี้เป็นถ้ำพญานาค ขณะที่เจ้าอาวาสมาก่อสร้างวัดเมื่อปี 2484 ขณะนั้นหน้าวัดยังไม่มีน้ำจากเขื่อน จึงเห็นเป็นปากถ้ำ และถ้ำนั้นยาวลอดผ่านไปจนทะลุสู่ภูเขาอีกลูกหนึ่งซึ่งอยู่ด้านข้างของวัด ซึ่งเชื่อกันว่า เป็นอีกด้านหนึ่งของถ้ำพญานาคเช่นกัน

"คิดว่าการที่มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกันทุกวันหยุดจำนวนมากอย่างนี้ ก็คงเพราะไม่เคยเห็นโบสถ์สเตนเลสอย่างนี้มาก่อน ที่นี่จึงถือได้ว่า เป็นอันซีน เพราะเป็นที่แรก และไม่เคยมีโบสถ์แบบนี้ที่ไหนมาก่อน มีที่นี่แห่งแรกของมืองไทย และแห่งแรกของโลก" พระสุรินทร์กล่าว
4  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / เสนอให้เปิด บอร์ดที่ สนับสนุกรรมฐานให้แก่สมาชิก ระดับสีฟ้าขึ้นไป ครับ เมื่อ: ตุลาคม 05, 2012, 12:52:28 am


ผมขอเสนอให้เปิด บอร์ดนี้ เป็นสากลเพิ่มขึ้นครับ ด้วยให้สมาชิก ระดับสีฟ้าขึ้นไปสามารถเข้าอ่านบอร์ดนี้ได้ครับ เนื่องดัวยในบอร์ดนี้้ มีกรรมฐานเชิงลึก ที่ควรแก่การศึกษาเห็นผ่านมาสองปีแล้ว บางหัวข้อยังมีคนเข้าอ่านไม่ถึง 5 ครั้ง เลยครับเนื่องด้วยเป็นบอร์ดพิเศษสำหรับระดับสมาชิก ตั้งแต่ สีม่วงขึ้นไป จึงทำให้มีผู้เข้าอ่านในบอร์ดนี้เป็นจำนวนน้อยครับ

  ด้วยความนับถือครับ

  :25: :welcome:
5  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบวิธีการ แก้การตกภวังค์ ด้วยครับ เมื่อ: สิงหาคม 04, 2012, 09:44:03 am
เวลาผมภาวนาไป มักจะหลงตกไปในภวังค์ คือนิ่ง เหมือน หลับ และก็ วูบ ครับเป็นอย่างนี้บ่อย ๆ มากครับ ได้เรียนถามครูอาจารย์ที่สอนกรรมฐาน ในสายพ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านก็ตอบว่า ปล่อยให้ตกไปเดี๋ยวก็ได้สมาธิ ผมปล่อยตกมาอย่างนี้ 6 ปีแล้วครับ คิดว่าไม่มีทางได้สมาธิแน่ ๆ ครับ เพราะรู้สึกว่าหลับไปเท่านันเอง

   ต้องการทราบวิธีการแก้ไข ครับ ควรทำอย่างไรครับ

   :c017: :25: :smiley_confused1:
6  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / พลังงานสัญจรวัดสังฆทาน1 - 5 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 09:19:48 am
พลังงานสัญจรวัดสังฆทาน











7  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / วีดีโออบรมโซลาร์เซลล์ 11 ก.ย.2554 เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 09:09:52 am
     วีดีโออบรมโซลาร์เซลล์ 1 วัน วันที่ 11 กันยายน 2554 ณ. พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ   ครบสมบูรณ์ ถ่ายโดย อาสาสมัครจากนครปฐม ลงใน youtube แล้ว  4 ตอน
  http://youtu.be/tt8ca3TqXqY
        จะมีเรื่องการดัดแปลงนีออนบ้านแบบบัลลาตต์ขดลวด ให้เป็นอีเลคโทรนิส์
         การดัดแปลง อแดพเตอร์ของคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ให้เป็นอุปกรณ์ชาร์จโซลาร์ราคาถูก และประสิทธิภาพสูงแบบสวิทชิ่ง  และการดัดแปลง power supply ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้แล้ว มาเป็นสวิทชิ่ง จ่ายไฟac /dc 100- 240 volts. เพื่อแปลงเป็นไฟ  12 volt. DC ขับปั๊มน้ำ โดย อ. กาน บางปะกง เทคนิคการตัดกระจก แผ่นโซลาร์แบบฟิล์มบาง เพื่อม่ทำแผ่นสำรองไฟฉุกเฉินจาก จ่าช้าง ทหารช่าง และการทำไฟฉุกเฉิน โซลาร์จาก อ. หนึ่ง มวกเหล็ก ค่าอุปกรณ์ พร้อมเครื่องมือเพียง 100 บาท ประกอบด้วย แผ่นโซลาร์A4 แบตเตอรี่ชาร์จของรถเด็กเล่น12 volt. ปลัีกตัวเมียจุดบุหรี่รถ ปลั๊กตัวผู้พร้อมสาย หลอดled superbright 3 หลอด เต๋าต่อสาย 1 แผง สายไฟ เทปอลูมิเนียม ไขควง
       งานอบรมตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ ที่พิพิธภัณฑ์การเกษตรจะมีทุกเดือน สอบถามที่คุณชูขวัญ โทร 086-9014638  เวลาราชการ
8  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คนทิ้งถิ่น เมื่อ: กันยายน 18, 2011, 09:08:13 am
ผืนนาแผ่นฟ้าทั่วหล้าไทย       แลบ้านเรือนห่างไกลของไทบ้าน
มีแต่ลุงแต่ป้าอยู่มานาน              ส่วนลูกหลานนั้นไปอยู่ไหนกัน
อุตสาหกรรมทำไว้ให้ได้แกร่ง       อาศัยแรงลูกหลานสานขยัน
ทั่วทุกถิ่นมุ่งหน้าหางานกัน          ทิ้งถิ่นฐานไร่นามาทำกิน
ความจริงแท้เงินได้ไม่ของจริง       ซื้อทุกสิ่งที่หาน้ำตาริน
ทั้วค่าเช่าค่ารถหมดทั้งสิ้น           ไม่พอกินค่านมขนมนี้
ขอร่วมแรงสร้างแหล่งแห่งที่พัก     ทุกคนจักยั่งยืนบนผืนที่
ด้วยพลังแสงแดดแผดให้มี           เพื่อน้องพี่คืนสู่นามาตุ้มโฮม

                    จากคุณ nun phakdee



ขอบคุณภาพจาก http://farm1.static.flickr.com
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เกิดซึนามิ คลื่นสูง 15 เมตร แผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ ที่ญี่ปุ่นในวันนี้ 11 มี.ค.54 เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 05:14:20 pm
รายงานข่าวจากสำนักข่าว AFP แจ้งว่าเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรง ที่วัดแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่า 8.8 ริกเตอร์ ที่ประเทศญี่ปุ่น  ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูง 7 เมตร ทำลายเรือ บ้านเมืองประชาชน และร้านค้าต่างๆ มากมาย

มีผู้บาดเจ็บหลายราย แต่ยังไม่มีรายงานถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นที่ริมฝั่ง Miyagi บนเกาะ Honshu.

แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดแรงสั่นสะเทือนบนตึกหลายๆ ตึกในเมืองโตเกียว ซึ่งถือว่าเป็นเมืองใหญ่ที่สุด มีผู้อาศัยมากกว่า 30 ล้านคน

และมีรายงานว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ 6 รายในเมืองโตเกียว ทำให้บริการรถไฟใต้ดินต้องหยุดให้บริการ และเกิดความโกลาหลมากมาย จากผู้คนที่หนีตายออกจากตึกอาคารต่างๆ

แผ่นดินไหวครั้งแรกเกิดขึ้นทางเหนือ ห่างจากโตเกียว กว่า 382 กิโลเมตร โดยวัดแรงสั่นสะเทือนได้กว่า 7.39 ริกเตอร์


ข่าวโดย : สำนักข่าว AFP











10  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พระโหดฆ่าเปลือยแฟนเก่าอ้างโดนแบล็กเมล์ เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 02:42:33 pm
รวบพระโหดฆ่าเปลือยแฟนเก่าลากศพทิ้งน้ำอำพรางคดี หลังสาวพลีกายให้ 2 ครั้งทั้งผ้าเหลือง อ้างเหยื่อขู่แบล็กเมล์แฉพฤติกามฉาว เลือดขึ้นหน้าคว้าไม้ทุบหัวสลบ ก่อนบีบคอซ้ำลิ้นจุกปากขาดใจตาย อีกรายโล้นซ่าเมายาเพี้ยน สะพายปืนอูซี่เดินว่อนทั่วงานวัด ตร.บุกล็อกได้คากุฏิ สารภาพแค่หวังดีอยาก รปภ.ชาวบ้านมาเที่ยวทำบุญ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มี.ค. พล.ต.ท.สมพงษ์ คงเพชรศักดิ์ ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.อรรถกฤษณ์ ธารีฉัตร รอง ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.จตุพล ปานรักษา ผบก.สส.ภ.4 พ.ต.อ.สมชาย พิมพ์ชู ผกก.สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมพระทวัฒน์ ถาวโร อายุ 36 ปี พระลูกวัดสว่างถ้ำเกิ้ง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาในคดีฆ่า น.ส.สัญญา ไชยพิเดช อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 271 หมู่ 4 บ้านหนองแซง ต.นาตาล อ.ท่าคันโท จ.กาฬสินธุ์ เสียชีวิตภายในวัดบุรินทราวาส บ้านเหล่าสีเสียด ต.ตูมใต้ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือ นาฬิกาข้อมือ กิ๊บติดผม และกระปุกแป้งของผู้ตาย

สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เดิมชื่อนายทวัฒน์ ไกรพล เป็นคนรักเก่าของน.ส.สัญญา หลังแยกทางกันได้ไปบวชที่วัดสว่างถ้ำเกิ้ง ก่อนมาจำพรรษาอยู่ที่วัดบุริน ทราวาส กระทั่งช่วงเย็นวันเกิดเหตุผู้ตายเดินทางมาหาและแอบมีเพศสัมพันธ์กันบริเวณ ด้านหลังกุฏิ 2 ครั้ง พอรุ่งเช้าผู้ตายเอ่ยปากขอเงิน 2,000 บาท ตนไม่มีให้ก็ถูกข่มขู่ว่าจะเอาความลับดังกล่าวไปแฉกับชาวบ้านและเจ้าอาวาส ด้วยความกลัวประกอบกับโมโหสุดขีดจึงหันไปคว้าท่อนไม้ตีศีรษะอดีตคนรักจนล้ม ฟุบแล้วบีบคอซ้ำจนขาดใจตาย ก่อนถอดเสื้อ ผ้าศพลากไปทิ้งลงบ่อน้ำในบริเวณวัดเพื่ออำพรางคดี จากนั้นก็รีบเก็บข้าวของหลบหนีไปอยู่ที่วัดป่าหนองน้อย ต.เสือเฒ่า อ.เชียงยืน จ.มหาสารคาม จนมาถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ในที่สุด

วันเดียวกัน ร.ต.ต.ยงยุทธ ใหญ่โคกกรวด ร้อยเวร สภ.เมือง จ.สกลนคร นำกำลังเข้าจับกุมพระอาทิตย์ โคตรภูเขียว อายุ 30 ปี พระวีรวงศ์ วงศ์กาฬสินธุ์ อายุ 27 ปี พระลูกวัดธาตุดูม ต.ธาตุเชิงชุม ได้ภายในกุฏิหลังร่วมกันพาลูกศิษย์อีก 2 คน บุกเข้าไปใช้มีดสปาต้า ไม้เบสบอลและเสียมทำร้ายร่างกายพระบุญสุข สาสิง อายุ 30 ปี ถึงในกุฏิจนบาดเจ็บสาหัส เบื้องต้นทั้งสองยังให้การวกวนจึงคุมตัวไปทำพิธีสึกก่อนนำกลับไปดำเนินคดี ตามกฎหมาย ด้านพยานผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า ก่อนเกิดเหตุพระอาทิตย์ซึ่งเสพยาบ้าเข้าไปจนมีอาการมึนเมาได้เคาะประตูเรียก พระบุญสุขให้ออกมาเคลียร์ปัญหาบางอย่าง แต่ผู้เสียหายไม่กล้าเปิดประตู กลุ่มคู่กรณีจึงพังเข้าไปรุมสกรัมด้วยอาวุธดังกล่าวจนอาการปางตาย ซึ่งหลังเกิดเหตุเด็กวัดได้ช่วยกันหามร่างที่โชกเลือดส่งไปรักษาที่ รพ.สกลนคร

อีกราย พ.ต.ท.อนันต์ จตุรวรรณ์ รองผกก.ป.สภ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ นำกำลังเข้าจับกุมพระคมกริช เพียงสุวรรณ อายุ 22 ปี และนายเอก (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี ได้ภายในกุฏิวัดคอนสวรรค์ อ.คอนสวรรค์ พร้อมของกลางยาบ้า 2 เม็ด อาวุธปืนขนาด .32 และปืนกลมืออูซี่อย่างละหนึ่งกระบอกพร้อมเครื่องกระสุน สอบสวนพระคมกริชให้การว่า ก่อนบวชซื้อปืนมาจากทหารคนหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ จึงนำติดตัวมาด้วย กระทั่งคืนที่ผ่านมาเสพยาบ้าเข้าไปจนเมา เห็นทางวัดจัดงานประจำปีมีคนเข้ามาเที่ยวกันจำนวนมากเลยถือโอกาสสะพายปืนกล ออกมาเดินรักษาความปลอดภัยให้กับวัดและชาวบ้านด้วยความหวังดี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป.

ที่มาข่าว
http://thairecent.com/Crime/2011/818446/
11  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / มาแนะนำเว็บที่ฝากไฟล์ต่าง ๆ ครับ เพื่อที่จะได้ลด Bandwidth ของเว็บเราครับ เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 02:18:53 pm
รวมเว็บฝากไฟล์ ใครไม่รู้จะอัพเว็บไหนลองดูที่นี่ก่อนครับ
www.mediafire.com (ต่างประเทศ)

- สร้าง account เป็นของตัวเองได้
- ฝากไฟล์ได้ครั้งละไม่เกิน 100 MB
- ไม่จำกัดพื้นที่ในการเก็บไฟล์
- รองรับไฟล์ทุกประเภท
- ไฟล์ไม่มีวันหมดอายุ นอกจากจะถูกลบว่าเป็นไฟล์ผิดกฏหมาย
- โหลดเต็มสปีด


http://www.tempfiles.net/ (ต่างประเทศ)

- ฝากไฟล์ได้ครั้งละไม่เกิน 300 MB
- ไม่จำกัดพื้นที่ในการเก็บไฟล์
- รองรับไฟล์ทุกประเภท ยกเว้น ไฟล์ วีดีโอ,ภาพ,และไฟล์ .exe
(แนะนำอัดให้เป็น .rar ก่อนฝากครับ)
- ไฟล์มีอายุ 30 วัน ถ้ามีคนดาวน์โหลด 1 ครั้งก็จะเพิ่มไปอีก 30 วัน
- มีระบบค้นหาไฟล์
- โหลดเต็มสปีด



www.saveufile.com (ไทย)

- ฝากไฟล์ได้ครั้งละไม่เกิน 200 MB ถ้าอัพโดยใช้โปรแกรมจะอัพได้ครั้งละ 500 MB
- ไม่จำกัดพื้นที่ในการเก็บไฟล์
- รองรับไฟล์ทุกประเภท ยกเว้น mp3
- ไฟล์มีอายุ 30 วัน ถ้ามีคนดาวน์โหลด 1 ครั้งก็จะเพิ่มไปอีก 30 วัน
- โหลดเต็มสปีด


http://www.tempf.com/ (ไทย)

สำหรับสมาชิก
- สามารถอัพโหลดไฟล์ละ 100 Mb
- อัพโหลดสูงสุดได้ครั้งละ 20 ไฟล์ แต่รวมกันไม่เกิน 200 Mb
- สามารถตั้ง Password สำหรับดาวโหลดไฟล์ได้
- เปิดปิดการใช้งานการดาวน์โหลดไฟล์ได้
- จัดการไฟล์ที่อัพโหลดส่วนตัว , จัดกลุ่มไฟล์ได้
- ไฟล์มีอายุ 10 วันหลังจากการดาวน์โหลดครั้งสุดท้าย
- มีหน้ารวมไฟล์ส่วนตัว เพื่อส่งให้เพื่อนๆ

สำหรับบุคคลทั่วไป
- สามารถอัพโหลดไฟล์ละ 50 Mb
- อัพโหลดสูงสุดได้ครั้งละ 10 ไฟล์ แต่รวมกันไม่เกิน 100 Mb
- ไฟล์มีอายุ 5 วันหลังจากการดาวน์โหลดครั้งสุดท้าย
อนุญาติฝากไฟล์
- Image .jpg .gif .png .tiff .jpeg
- Video .wmv .avi .flv .mov .mpg .mpeg
- Audio .mp3 .mp4 .wma .mid .wav
- Doc .doc .xls .ppt .pdf .vsd .txt
- Zip .zip .rar
- ฝากไฟล์อื่นๆให้ใช้วิธี Zipไฟล์ แล้วอัพโหลดครับ
- โหลดเต็มสปีด (มั้ง)



http://www.upload-thai.com/ (ไทย)

- ฝากไฟล์ได้ครั้งละ 100 MB
- ไฟล์มีอายุ 30 วัน ถ้ามีคนดาวน์โหลด 1 ครั้งก็จะเพิ่มไปอีก 30 วัน
- รองรับไฟล์ทุกประเภท


http://www.uploadfile.biz/ (ไทย)

- ฝากไฟล์ได้ครั้งละ 100 MB
- ไม่มีลบไฟล์
- เพิ่มระบบสมาชิก เพื่อสดวกต่อการจัดเก็บประวัติการฝากไฟล์
- เพิ่มระบบแสกนไฟล์ไวรัส เพื่อความปลอดภัยของผู้ดาวน์โหลด
- รองรับไฟล์ทุกประเภท ยกเว้นไฟล์ผิดกฏหมาย


http://www.upchill.com/ (ไทย)

- อัพโหลด 1000 MB ต่อครั้ง (สูงสุด 100 ไฟล์)
- ไม่จำกัดชนิดและชื่อของไฟล์ .ยกเว้นไฟล์ชนิด 3GP และ MP3
- ไฟล์ทั่วไป ขนาดไม่เกิน 50 MB (สำหรับสมาชิกเป็น 100 MB)
ไฟล์รูปภาพ ขนาดไม่เกิน 10 MB (มี Thumbnail ขนาด 500x500)
- ไฟล์ทั่วไป มีอายุ 30 วันนับจากวันอัพโหลด
หากมีการดาวน์โหลดอยู่เรื่อยๆไฟล์จะไม่หมดอายุ
ไฟล์รูปภาพ ไม่มีวันหมดอายุ
- โหลดเต็มสปีด


http://v3.gushare.com/index.php (ไทย)

- ฝากไฟล์ได้ครั้งละ 200 MB
- สามารถ resume ในการดาวโหลดได้


http://upload.one2car.com/ (ไทย)

- อัพโหลดสูง สุด 4 ไฟล์ แต่ละไฟล์ใหญ่สุด 200mb
- ไม่มีลบ ไม่ต้องรอเวลา


http://www.beupload.com/ (ไทย)

- อัพไฟล์ประเภทรูปภาพ : .jpg และ gif
- อัพไฟล์ประเภท Document :.doc , .xls , .ppt , และ .pdf
- อัพไฟล์ประเภท: .zip และ .rar
- อัพไฟล์ประเภทหนัง : .mpeg, .mpg, .wmv, .avi, .mov, .rm และ asf
- อัพไฟล์ต้อง มีขนาดไม่เกิน 50 MB
- โดยไฟล์จะมีอายุ 45 วัน หลังจากการ Download ครั้งแรก และจะคงอยู่ต่อไปเรื่อย ๆ หากมีการใช้งานอย่างต่อเนื่อง

http://upload.manyfile.com/index2.php (ไทย)

- อับโหลดไฟล์ละไม่เกิน 50 MB ไม่จำกัดชนิด และชื่อ ของไฟล์
- สามารถอับโหลดได้ ครั้งละ 10 ไฟล์
- สามารถอับโหลดไฟล์ชื่อ ภาษา ไทย ได้
- งดให้ บริการฝากไฟล์ wma และ mp3
- สามารถเก็บไว้นานได้ถึง 30 วัน หากไม่มีการดาวโหลด


http://www.sendspace.com/ (ต่างประเทศ)

- อัพโหลดไฟล์ได้ครั้งละไม่เกิน 300 MB
- โหลดเต็มสปีด ไม่ต้องรอ
- ไม่มีการลบไฟล์
- รองรับไฟล์ทุกประเภท
- สมัครสมาชิกเพื่อรับสิทธิพิเศษเช่น สามารถแก้ไขรายละเอียดไฟล์ได้ อัพโหลดไฟล์ได้มากขึ้น


http://www.moneyupload.com/ (ต่างประเทศ)

- รองรับไฟล์ทุกประเภท
- ไม่จำกัดพื้นที่
- มีข้อแม้ต้องสมัครสมาชิก


http://www.ulbuzz.com/ (ไทย)**แนะนำ**

- ฝากไฟล์ได้ไม่เกิน 100 MB ได้ครั้งละ 10 ไฟล์
- ไฟล์นามสกุล .mp3 ไม่อนุญาตให้อัพโหลด
- รองรับไฟล์ทุกประเภท ยกเว้นไฟล์ผิดกฏหมาย
- ตั้งรหัสผ่านสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ได้
- ไฟล์มีอายุ 30 วัน ถ้าเข้าไปดูไฟล์หรือดาวน์โหลดไฟล์จะต่ออายุอีก 30 วัน
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า "นั่งสมาธิแล้วปวดเข่า" เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:51:46 pm
เดิมเราอ่านจากที่ต่างๆและนั่งเองนะครับ
มีปัญหาไม่สามารถนั่งขัดสมาธิ ขวาทับซ้ายได้ หรือแม้แต่ขาไขว้กัน
เพราะ จะหงายหลังตลอด ด้วยรูปร่างทำยังไงก็ไม่ได้ นั่งจะเกร็งเพื่อไม่ให้ล้ม จนขาสั่น เกร็ง ไม่ให้ล้ม ทรมานมาก(เข่าขวาจะยกตลอด ไม่สามารถวางราบได้) แก้โดยการนั่งพิงหลัง
ต่อมาด้วยแรงอึด เราก็พยาบามจนได้ แต่ต้องเป็นซ้ายทับขวา ได้อยู่ 2-3 ครั้ง
ผลปรากฏว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรามีอาการปวดเข่าซ้ายมาตลอด
เดินขึ้นบันไดก็แปล๊บๆ พับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิจะเจ็บ(กินยาหายแป๊บเดียวก็เจ็บอีก)
ไปx-ray พบว่า ข้อเข่าแคบ น้ำน้อย น่าจะเป็นอาการเริ่มต้นของเข่าเสื่อม
ตั้งแต่ นั้นมาถ้าเราจะทำสมาธิ เราจะนั่งห้อยเท้าตลอด เพราะเราอายุยังไม่มาก กลัว 50 ก็ต้องผ่าแล้ว และเข้าฟิตเนสเพื่ออกกำลังเพิ่มกล้ามเนื้อขา จนอาการดีขึ้น

จนเราไปปฏิบัติธรรม ครั้งแรก ตอนแรกเรากะจะขอพระอาจารย์เพื่อนั่งเก้าอี้ แต่ก็อยากลองดู
ปัญหา เดิมครับแม้จะไม่ค่อยเจ็บเหมือนเมื่อก่อน แต่ผมไม่สามารถทรงตัวได้ เวลานั่งสมาธิไม่ว่า 1หรือ 2 ชั้น เข่าขวาจะกระดกตลอด ทำให้น้ำหนักจะไปอยู่ตรงก้นด้านหลังจะหงายหลังตลอด ยิ่งถ้าเอามือมาวางแล้วเกือบล้มทันที ต้องแอบยื่นมือไปข้างหน้าถ่วงไว้ แต่ก็นั่งได้ไม่นานก็ยอมแพ้(ไม่ถึง5นาที สั่งเป็นเข้าเข้าเลย เพราะเกร็งขาไม่ให้หงายหลัง)
เคยเห็นหลายคนบอกว่า คนที่ปวดเข่า นั่งสมาธิพอถึงระดับหนึ่งแล่วก็นั่งได้และเข่าก็หายปวด
คิด ว่าผมควรจะเสี่ยงนั่งสมาธิแบบ2ชั้นต่อดีเพื่อร่างกายอาจจะชิน และอาจหายปวดเหมือนประสบการณ์ของบางท่าน(มันเป็นไปได้หรือ) หรือนั่งเก้าอี้ไปเลย เพราะยังไงรูปร่างเราก็อาจไม่สามารนั่งได้อยู่แล้วและก็ปลอดภัยต่อเข่าเรา ด้วย



ทีเขาเล่าไว้อย่างนี้นะครับ สำหรับ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างครับ

 :25:
13  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / "เวสารัชชญาณ ๔" ความแกล้วกล้าอาจหาญ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:35:10 pm
เรียนรู้ศัพท์พระพุทธศาสนาวันละคำ "เวสารัชชญาณ ๔" ความแกล้วกล้าอาจหาญ

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

    เวสารัชชะ หรือ เวสารัชชญาณ ๔ (ความไม่ครั่นคร้าน, ความแกล้วกล้าอาจหาญ, พระญาณอันเป็นเหตุให้ทรงแกล้วกล้า ไม่ครั่นคร้าม - intrepidity; self-confidences)

พระตถาคตเจ้าไม่ทรงมองเห็นว่า ใครก็ตาม จักทักท้วงพระองค์ได้โดยชอบธรรมในฐานะเหล่านี้ คือ (The Perfect One sees no grounds on which anyone can with justice make the following charges;)

๑. สัมมาสัมพุทธปฏิญญา (ท่านปฏิญญาว่าเป็นสัมมาสัมพุทธะ ธรรมเหล่านี้ท่านยังไม่รู้ - You who claim to be fully self-enlightened are not fully enlightened in these things.)

๒. ขีณาสวปฏิญญา (ท่านปฏิญญาว่าเป็นขีณาสพ อาสวะเหล่านี้ของท่านยังไม่สิ้น - You who claim to gave destroyed all taints have not utterly destroyed these taints.)

๓. อันตรายิกธรรมวาทะ (ท่านกล่าวธรรมเหล่าใดว่าเป็นอันตราย ธรรมเหล่านั้น ไม่อาจก่ออันตรายแก่ผู้ส้องเสพได้จริง - Those things which have been declared by you to be harmful have no power to harm him that follows them.

๔. นิยยานิกธรรมเทศนา (ท่านแสดงธรรมเพื่อประโยชน์อย่างใด   ประโยชน์อย่างนั้นไม่เป็นทางนำผู้ทำตามให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบจริง - The Doctrine taught by you for the purpose of utter extinction of suffering does not lead him who acts accordingly to such a goal.)

ด้วย เหตุนี้ พระองค์นี้จึงทรงถึงความเกษม ถึงความไม่มีภัย แกล้วกล้าไม่ครั่นคร้ามอยู่ (Since this is so, he abides in the attainment of security, of fearlessness and intrepidity.)

เวสารัช ชะ ๔ นี้ คู่กับทศพล หรือ ตถาคตพล ๑๐ (เรียกกันทั่วๆ ไปว่า ทศพลญาณ) เป็นธรรมที่ทำให้พระตถาคต ทรงปฏิญญาฐานะแห่งผู้นำ เปล่งสีหนาทในบริษัททั้งหลาย ยังธรรมจักรให้เป็นไป (Endowed with these four kinds of intrepidity, the Perfect One claims the leader's place, roars his lion's roar in assemblies, and sets rolling the Divine Wheel.)

M.I.71; A.II.8.   ม.มู.๑๒/๑๖๗/๑๔๔; องฺ.จตุกฺก.๒๑/๘/๑๐.
http://www.dhammathai.org/bd/04.php

พจนานุกรมฉบับประมวลธรรม  โดย พระธรรมปิฎ
14  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ลดกังวล คลายเครียด หลับสบาย หายทุกข์ แนวพุทธ โดย นพ.เอกชัย จุละจาริตต์ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:08:19 pm


ลดกังวล คลายเครียด หลับสบาย หายทุกข์ แนวพุทธ โดย นพ.เอกชัย จุละจาริตต์

หนังสือหาอ่าน แล้วดีครับ
15  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:18:45 pm


ที่มาภาพและข้อมูล

http://www.moohin.com/trips/chiangrai/maekajan/
16  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กลุ่มคัมภีร์กัจจายนะ ไวยากรณ์บาลี เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 02:42:40 pm


14 คัมภีร์กัจจายนัตถทีปนี
กลุ่มคัมภีร์กัจจายนะ
ไวยากรณ์บาลี คือ วิชาว่าด้วยรูปคำและระเบียบในการประกอบรูปคำให้เป็นประโยค ไวยากรณ์นี้จัดว่าเป็นคัมภีร์ที่พิทักษ์พระพุทธศาสนาาไว้ให้ดำรงอยู่จนถึง ปัจจุบัน เพราะเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้อนุชนรุ่นหลังเข้าใจภาษาบาลีที่ใช้จารึกพระไตร ปิฏก
คัมภีร์ไวยากรณ์บาลี ๔ คัมภีร์ คือ กัจจายน ไวยากรณ์ โมคคัลลานไวยากรณ์ สัททนีตปกรณ์ และสัททสังคหะ มีสูตรทำตัวรูปเป็นเอกเทศ จึงเรียกว่า "บาลีไวยากรณ์ใหญ่"

คัมภีร์สายกัจจายนไวยากรณ์  ที่อธิบายสูตรกัจจายนะ โดยไม่มีการจัดลำดับสูตรใหม่มีมากมายหลายคัมภีร์ เพื่อให้นักศึกษาค้นคว้าคัมภีร์กัจจายนะนี้อย่างสะดวก จึงได้ประวรรตและเรียบเรียงเนื้อหากลุ่มคัมภีร์นี้คือ
๑.คัมภีร์กัจจายนสุตตนิเทส รจนาโดยพระฉัปปทเถระ ชาวเมืองพุกาม ประเทศพม่า ใน พ.ศ.๑๙๙๐ สมัยพระเจ้าปรักกมพาหุที่ ๖ ครองราชย์อยู่
๒.คัมภีร์กัจจายนวัณณนา รจนาโดยพระวิชิตาเถระ (พ.ศ. ๒๐๕๘-๒๑๒๔) คัมภีร์นี้ว่าด้วยการอธิบายความหมายของสูตร การสำเร็จรูปและกฏไวยากรณ์อื่นๆ พระวิชิตาวีเถระผู้รจนาได้อาศัยคัมภีร์นยาสะหรือมุขมัตตทีปนีและคัมภีร์สุ ตตนิเทศเป็นหลักในการรจนา
๓.คัมภีร์กัจจายนัตถทีปนี รจนาโดยพระอินทริยาภิวงศ์ โดยอาศัยคัมภีร์นยาสะหรือมุข มัตตทีปนี คัมภีร์สุตตนิเทศ คัมภีร์สัททนีติ คัมภีร์โมคคัลลานะ เป็นต้นเป็นหลักในการรจนา
๔.คัมภีร์กัจจายนสารมัญชรี รจนาโดยพระยสเถระ ชาวพม่า (๑๖๐๐-๑๗๐๐) คัมภีร์นี้แสดงกฏไวยากรณ์บาลีที่สำคัญๆจากคัมภีร์กัจจายนะเป็นคาถาประเภท อนุฏฐุภาฉันท์ ๗๒ คาถา พระคันธาสารภิวงศ์ ได้เรียบเรียงเนื้อหาใหม่โดยอาศัยฏีกาเก่า ฏีกาใหม่และโยชนาพร้อมกับนิสสยะต่างๆ โดยอาศัยคัมภีร์กัจจายนสารสรูปัตถทีปนีที่อธิบายความได้ละเอียดชัดเจนเป็น หลัก

http://www.palisikkha.org/view_pali_yai.php?page=14&id_cai=
17  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ขายของอยู่ที่ตลาดและมีหนูมารบกวน จึงวางยาเบื่อหนู จะมีผลอย่างไร? เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 07:04:24 am
เพื่อนน้อง ฝากถามมาครับว่า

ขายของอยู่ที่ตลาดและมีหนูมารบกวนทำลายสินค้า จึงวางยาเบื่อหนู และกับดับหนู ผลการทำบาปจะมีผลอย่างไร?
อย่างไรกับผู้ที่ได้กระทำครับ

 :25:
18  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วิญญาณ แทนที่กันเรื่องนี้จริง หรือเป็นนิยายที่แต่งให้อ่านกันครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 07:02:39 am
การที่มีผู้เสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุ ทราบมาว่าวิญญาณจะอยู่ที่ตรงนั้น จนกว่าจะมีผู้อื่นมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน วิญญาณเดิมจึงจะไปเกิดได้ เป็นตัวตายตัวแทน ถ้าไม่มีคนมาเสียชีวิตตรงนั้นวิญญาณเดิมก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป จริงหรือไม่

 :25:
19  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำบุญกับพระที่เข้าสมาบัติ ออกสมาบัติครับ ( เห็นท่านนั่งกรรมฐาน ถึง 3 วัน 3 คืน ) เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 07:00:18 am
ถ้ามีโอกาสได้ไปทำบุญใส่บาตรพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ควรจะอธิษฐานจิตก่อนใส่บาตรอย่างไรดีครับ

ควรอธิษฐานอย่างไร ครับ

แล้วผลบุญจะเกิด ทันทีหรือป่าวครับ

 :25:
20  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าเราอธิษฐานว่า เราจะอยู่กับคนที่เรารัก อันนี้เป็นการอธิษฐานที่ผิด หรือ ไม่ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:58:40 am
ถ้าเราอธิษฐานว่า เราจะอยู่กับคนที่เรารัก เพื่อช่วยกันสร้างบารมีเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นการอธิษฐานที่ผิดหรือไม่ (ไม่ว่าชาติไหนก็อยู่กับคนนี้)

 :25: :25: :25:
21  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จ้่่างพ่อ แม่ ไปปฏิบัติธรรม ผมจะได้บุญหรือป่าวครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:57:40 am
คือผมเป็นคนใฝ่ธรรมะ ครับ แต่เห็นว่า พ่อซึ่งเป็นทหารเก่า กับ แม่ซึ่งเป็นเมียทหารเก่า ยังมีอุปนิสัย ชอบดื่มสุรา

และเล่นการพนันกัน ผมเลยจ้างทั้งสองท่านไปทำบุญ และ ปฏิบัติธรรมเข้าคร์อสธรรมะ เป็นหมื่นบาท ซึ่งท่านก็ยอม

ไปกันด้วยดี อยากทราบว่าผมทำอย่างนี้เป็น บุญ หรือ บาป ครับเพราะพี่น้องผมบอกว่า เป็นการดูถูก พ่อ แม่ ซึ่งผม

ฟังแล้วไม่สบายใจเลยครับ

 :25:
22  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถวาย นม หลังจากเที่ยงไปแล้ว เป็นบุญ หรือ บาป ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:53:57 am
การถือศีล ๘ แล้วดื่มน้ำปานะ ถ้าเป็นนมหรืออะไรที่ช่วยให้ท้องสบายจะถือว่าผิดศีลหรือไม่

ผมไปปฏิบัติกรรมฐาน พิเศษ ในสายวัดป่าที่ปากช่องมา

  นำนมไปถวาย ท่านรับแต่ไม่ฉัน กันบอกว่า นม เป็นไม่ใช่น้ำปานะ ฉันไม่ได้

 มีข้ออธิบายให้ผมเข้าใจหรือป่าวครับ  เพราะผมไม่สบายใจว่า ทำบุญไม่ได้บุญ ครับ

23  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขอให้พระอาจารย์ ช่วยขยายความของคำเหล่านี้ แบบสั้น ๆ หน่อยครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:50:50 am
ขอให้พระอาจารย์ ช่วยขยายความของคำเหล่านี้ แบบสั้น ๆ หน่อยครับ

  ฌาน
  ขณิกะสมาธิ
  อุปจาระสมาธิ
  อัปปนาสมาธิ
 
  3 สมาธิ อันไหนจัดเป็น ฌานครับ และอันไหน เป็น วิปัสสนา ครับ

 :25:
24  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้านั่งสมาธิแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยมากๆ จะทำอย่างไรดีครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:48:42 am
ถ้านั่งสมาธิแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยมากๆ จะทำอย่างไรดีครับ 

ขอบคุณครับ

 :25:
25  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พ่อแม่ ที่พาลูกเล็ก ๆ ไปทำบุญ แล้วรบกวนคนเวลานั่งสมาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:47:42 am
การที่พ่อแม่นำลูกเล็กๆที่ยังกระจองอแงอยู่ ไปปฏิบัติธรรมเช่น นั่งสมาธิด้วยนั้น ถือว่าพ่อแม่จะเป็นบาปไหม? เพราะขณะที่ทุกคนกำลังนั่งสมาธิอย่างสงบอยู่นั้น แล้วมีเสียงเด็กร้องขึ้นมารบกวนสมาธิ
26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คุณธรรม คืออะไร เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:57:01 pm
คุณธรรม คืออะไร


การ ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ และการแบ่งปัน (หรือให้ทาน) นั้น จัดว่าเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง และเมื่อพูดถึงคุณธรรมแล้ว เรามักนึกว่าเป็นเรื่องสมัครใจ คือ ทำก็ดี ไม่ทำก็ไม่เป็นไร ความคิดเช่นนี้เมื่อกล่าวโดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าไม่ผิด แต่มีหลายกรณีที่เป็นข้อยกเว้นเพราะในบางสถานการณ์หรือในบางสถานะคุณธรรมคือ หน้าที่เลยทีเดียว สำหรับผู้ที่เป็นพ่อหรือแม่ คุณธรรมที่มีต่อลูก เช่น การเสียสละให้ลูกได้กินอิ่มนอนอุ่นนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่ หาใช่เรื่องความสมัครใจไม่ ในทำนองเดียวกันการทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของครูต่อ ศิษย์ ในวัฒนธรรมไทย มีหลายสถานภาพที่มาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือเจือจานผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ "ต่ำ" กว่า เช่น พี่กับน้อง ผู้ใหญ่กับผู้น้อย เจ้านายกับลูกน้องเป็นต้น ในบางสถานการณ์ การช่วยเหลือก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่เรื่องสมัครใจเท่านั้น เช่น เมื่อเห็นคนกำลังจมน้ำ คนที่อยู่บนบกจะถือว่าธุระไม่ใช่ ช่วยก็ได้ ไม่ช่วยก็ได้ หาได้ไม่ ในยามนั้นทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือคนที่กำลังจะจมน้ำตายถ้าไม่ทำ ย่อมถูกตำหนิติเตียน คุณธรรมที่ถือว่าเป็นหน้าที่นี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "หน้าที่ทางศีลธรรม" ทุกสังคมหรือทุกวัฒนธรรมย่อมกำหนดหน้าที่ทางศีลธรรมไว้สำหรับบุคคลอย่างน้อย ก็เมื่ออยู่ในบางสถานะหรือในบางสถานการณ์ หน้าที่ทางศีลธรรมต่างจากหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะไม่มีการตราเป็นข้อบังคับหรือลายลักษณ์อักษร แต่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้ที่ละเมิดหรือละเลย แม้จะไม่ถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่ก็ถูกตำหนิ ติเตียนจากสังคม หรือถึงกับไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย

Fwd mail
27  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อำนาจของความยึดติด คู่มือมนุษย์ หลวงพ่อพุทธทาส เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:39:32 pm
อำนาจของความยึดติด

(อุปาทาน)

เราจะปลีกตัวถอนตัวออก มาเสียจากสิ่งทั้งหลายที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างไร? คำตอบก็คือจะต้องศึกษาว่า อะไรเป็นต้นเหตุให้เราอยาก จนเข้าไปยึดติดในสิ่งนั้น? เมื่อรู้ต้นเหตุ เราอาจจะตัดความยึดติดเสียได้ กิเลสซึ่งเป็นความยึดถือในสิ่งทั้งปวงนั้น ในพุทธศาสนาเรียก “อุปาทาน” แปลว่า ความยึดติด จำแนกเป็น ๔ ประการด้วยกัน

๑. กามุปาทาน (ยึดมั่นโดยความเป็นกามหรือของรักใคร่ทั่วไป) เห็นได้จากการที่คนเราตามธรรมดามีความติดพันในสิ่งที่น่ารักน่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็น รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส สัญชาตญาณของคนเราย่อมรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือเอร็ดอร่อยในกามคุณ ๕ อย่างนี้ ตามหลักธรรมในพุทธศาสนาขยายออกไปเป็น ๖ คือ มี “ธรรมารมณ์” เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง หมายถึง สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ จะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ เกี่ยวกับวัตถุภายนอกหรือภายในก็ได้ เป็นเพียงคิดฝันไปได้ แต่ทำให้เกิดความเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินทางจิตใจในขณะที่รู้สึก

พอคนเราเกิดมา ได้รู้รสของกามารมณ์ทั้ง ๖ นี้ก็ยึดติดในอารมณ์นั้น และยึดยิ่งขึ้นตามลำดับๆ อย่างแน่นแฟ้นเหลือวิสัยที่คนธรรมดาจะสอนได้ ฉะนั้น จึงเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจให้ถูกต้องและประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องต่อสิ่งเหล่านั้น มิฉะนั้นความยึดติดนี่แหละจะนำไปสู่ความวินาศฉิบหาย ขอให้เราพิจารณาดูความวินาศฉิบหายของคนทั่วๆ ไปตามปกติ จะเห็นได้ว่า มีมูลมาจากความยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่น่ารักอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวมาแล้ว ทุกอย่างที่มนุษย์ปุถุชนทำกันอยู่ไม่ว่าอะไร ล้วนแต่มีมูลมาจากกามารมณ์ทั้งนั้น คนเราจะรักกัน โกรธกัน เกลียดกัน อิจฉาริษยาฆ่าฟันกัน หรือฆ่าตัวเองตายก็ตาม ก็จะต้องมีมูลมาจากกามารมณ์

………………….

๒. ทิฎฐุปาทาน (ยึดติดในทิฎฐิหรือความคิดเห็นที่ตนมีอยู่เดิมๆ) เป็นสิ่งที่พอมองเห็นและเข้าใจได้ไม่ยาก พอเราเกิดมาในโลก เราก็ได้รับการศึกษาอบรมให้เกิดมีความคิดเห็นชนิดที่มีไว้สำหรับยึดมั่น ไม่ยอมใครง่ายๆ นี้ เรียกว่า ทิฎฐิ ลักษณะที่ยึดติดในความคิดความเห็นของตนนี้เป็นไปตามธรรมชาติ เขาไม่ติเตียนกันนัก และเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ แต่เป็นโทษภัยที่ร้ายกาจไม่น้อยไปกว่าความยึดติดในของรักของใคร่

………………….

๓. สีลัพพตุปาทาน (ยึดติดในวัตรปฏิบัติที่มุ่งหมายผิดทาง) หมายถึงความยึดมั่นถือมั่นในการประพฤติกระทำที่ทำปรัมปราสืบกันมาอย่างงมงาย ไร้เหตุผล หรือที่คนนิยมเรียกกันว่า ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ คิดกันว่าเป็นสิ่งที่เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

คนไทยเราทั่วไปก็มีสิ่ง นี้กันไม่น้อยไปกว่าชนชาติอื่น มีการถือเครื่องรางของขลัง หรือเคล็ดลับต่างๆ เช่น ตื่นนอนขึ้นมาจะต้องเสกน้ำล้างหน้า จะถ่ายอุจจาระก็ต้องผินหน้าไปทิศนั้นทิศนี้ จะบริโภคอาหารหรือจะนอนก็ต้องมีเคล็ดมีพิธี เชื่อผีสางเทวดา ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น เป็นการปฏิบัติที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง ไม่เคยคำนึงถึงเหตุผล คงมีแต่ความยึดมั่นถือมั่นตามตำราบ้าง เคยทำมาแล้วไม่ยอมเปลี่ยนแปลงบ้าง

………………….

๔. อัตตวาทุปาทาน (ยึดมั่นโดยความเป็นตัวเป็นตน) ความยึดมั่นว่าตัว เป็นตนนี้ เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งเร้นลับอย่างยิ่ง สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดย่อมจะรู้สึกว่า มันเป็นตัวตนของมันอยู่ดังนี้เสมอไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นสัญชาตญาณขั้นต้นที่สุดของสิ่งที่มีชีวิต และเป็นมูลฐานของสัญชาตญาณอื่นๆ เช่น สัญชาตญาณหาอาหารกิน สัญชาตญาณต่อสู้อันตราย หลบหนีอันตราย สัญชาตญาณสืบพันธุ์และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งล้วนแล้วอาศัยสัญชาตญาณแห่งความรู้สึกยึดถือว่าเป็นตัวตนทั้งนั้น มันต้องยึดมั่นว่า มีตัวเราเสียก่อนมันจึงไม่อยากตาย มันจึงอยากหาอาหารมาเลี้ยงร่างกาย อยากต่อสู้เอาตัวรอด หรืออยากจะสืบพันธุ์ของมันไว้

ความยึดถือว่ามีตัวตน นี้ มีประจำอยู่ในสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว มันจะมีชีวิตรอดมาไม่ได้ แต่อันนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ ในการแสวงหาอาหาร ในการต่อสู้ ในการสืบพันธุ์ หรือในการทำอะไรทุกๆ อย่าง ฉะนั้น จึงกล่าวว่า มันเป็นรากฐานแห่งความทุกข์ทั้งปวง ด้วย

ข้อนี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นใจความ โดยสรุปสั้นที่สุดว่า “สิ่งต่างๆ ที่คนมีอุปาทานเข้าไปยึดถืออยู่นั่นแหละเป็นตัวความทุกข์ หรือเป็นมูลเหตุแห่งความทุกข์” หรือ “ร่างกายและจิตใจที่คนเข้าไปยึดถือด้วยอุปาทานอยู่นั่นแหละเป็นความทุกข์”

………………….

ขอสรุปความว่า อุปาทานทั้งสี่นี้ เป็นปัญหาอันเดียวที่พุทธบริษัท หรือผู้ประสงค์จะรู้จักตัวพุทธศาสนา จะต้องเข้าใจให้ได้ เพราะว่าวัตถุประสงค์ของการรักษาพรหมจรรย์ในพุทธศาสนานี้ ก็เพื่อทำจิตให้หลุดพ้นจากความยึดมั่นที่ผิดๆ นี้ ท่านทั้งหลายจะได้พบคำกล่าวเช่นนี้ ในท้ายบาลีทุกๆ สูตร ที่กล่าวถึงการบรรลุธรรมของพระอรหันต์ ซึ่งในที่นั้นจะมีคำว่า “จิตหลุดพ้นจากอุปาทาน” แล้วก็จบกัน เพราะว่า เมื่อจิตหลุดพ้นจากความยึดมั่นแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะผูกพันคล้องจิตนั้น ให้ตกเป็นทาสของโลก หรือเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป เรื่องจึงจบสิ้นกัน หรือกลายเป็น โลกุตตระ คือ พ้นโลก เพราะเหตุฉะนั้น การหลุดพ้นจากความยึดมั่นที่ผิดๆ จึงเป็นใจความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา
28  ธรรมะสาระ / บทสวดมนต์ มนต์พิธี / บทสวด ขอขมาพระรัตนตรัย ที่ทั่วไปกล่าวกันครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:03:52 pm
โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

29  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ธรรมะอะไร เป็น แก่น เป็น เปลือก เป็นกระพี้ ของพุทธศาสนา ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 07:46:00 pm
เพื่อฉลอง เว็บครบ 1 ปี ขอตั้งคำถามว่า

ในพระพุทธศาสนานั้น จัดธรรมะอะไรเป็นแก่น

ในพระพุทธศาสนานั้น  จัดธรรมะอะไรเป็นเปลือก

ในพระพุทธศาสนานั้น  จัดธรรมะอะไรเป็นกระพี้ คร้บ

 :25: :c017:


30  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เว็บเกี่ยวกับการทำบุญปิดทอง ครับ ปี 2554 ก็ดูได้ครับ เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 01:31:34 pm
เมื่อวานเจ้านายผม ให้ผมหาวัดเพื่อที่จะทำบุญปิดทองฝังลูกนิมิต สัก 9 วัด

ให้ผมหาข้อมูล เพื่อที่จะได้พาครอบครัวทำบุญช่วง สิ้นปี

ผมเองก็หนักใจ แต่ปรากฏว่า ลองเข้าไปใน google แล้วก็พบเว็บนี้เข้า

ก็นำมาฝากเพื่อน ๆ สมาชิก ครับ

ดี จริง ๆ ครับ มีทั่วประเทศเลย

http://www.pidthong.com/

31  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ประวัติ พระอรหันตสาวิกา ปฏาจาราเถรี เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 01:14:54 pm

พระนางปฏาจาราเถรีนั้น เป็นธิดาของเศรษฐีผู้มีสมบัติ๔๐ โกฎิ ในกรุงสาวัตถี มีรูปร่างสวยงาม.

ในเวลานางมีอายุ ๑๖ ปี มารดาบิดาเพื่อจะรักษาไม่ให้เกิดข้อครหานินทา จึงให้นางอยู่บนชั้นบนปราสาท ๗ ชั้น.

ถึงแม้เป็นเช่นนั้น นางก็ยังลักลอบได้เสียกับคนรับใช้คนหนึ่งของตน.

กาลต่อมา มารดาบิดาของนางตกลงจะยกนางให้แก่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ในสกุลที่มีชาติเสมอกันแล้ว กำหนดวันวิวาหะ(วิวาห์)

เมื่อวันวิวาหะใกล้เข้า มา นางจึงพูดกะคนรับใช้ผู้นั้นว่า

“ได้ยินว่า มารดาบิดาจักยกฉันให้แก่สกุลโน้น เมื่อเวลาที่ฉันไปสู่สกุลผัวแล้ว แม้ท่านจะถือบรรณาการมาเพื่อฉัน ก็เข้าไปในที่นั้นไม่ได้ ถ้าท่านมีความรักในฉัน ก็จงพาฉันหนีไปโดยทางใดทางหนึ่งในบัดนี้นี่แล.”

คนรับใช้นั้นรับคำ ว่า “ดีละ นางผู้เจริญ” แล้วกล่าวว่า

“ถ้าอย่างนั้นฉันจักยืน อยู่ที่ประตูเมืองแต่เวลาเช้าตรู่พรุ่งนี้ หล่อนพึงออกไปด้วยอุบายอย่างหนึ่งแล้ว มาในที่นั้น”

ในวันที่ ๒ ก็ได้ยืนอยู่ในที่นัดหมายกันไว้.

นางปฏาจาราหนีไปกับคนใช้

ฝ่ายธิดาเศรษฐีนั้นนุ่ง ผ้าปอน ๆ สยายผม เอารำทาสรีระถือหม้อน้ำ ออกจากเรือนเหมือนเดินไปกับพวกทาสี ได้ไปยังที่นั้นแต่เช้าตรู่.

ชายคนรับใช้นั้นพานางไป ไกลแล้ว อาศัยอยู่บ้านแห่งหนึ่ง ไถนาในป่าแล้ว ได้นำฟืนและผักเป็นต้นมา.

ธิดาเศรษฐีเอาหม้อน้ำมา แล้ว ทำกิจมีการตำข้าวและหุงต้ม เป็นต้นด้วยมือตนเอง เสวยผลแห่งความชั่วของตน.

ครั้งนั้น นางได้ตั้งครรภ์ขึ้นแล้ว.ต่อมาเมื่อครรภ์แก่แล้วนางจึงอ้อนวอนสามีว่า

“ใคร ๆ ผู้อุปการะของเราไม่มีในที่นี้ ธรรมดามารดาบิดา เป็นผู้มีใจอ่อนโยนในบุตรทั้งหลาย ท่านจงนำฉันไปยังสำนักของท่านเถิด ฉันจักคลอดบุตรในที่นั้น.”

สามีนั้นคัดค้าน ว่า “นางผู้เจริญ เจ้าพูดอะไร? มารดาบิดาของเจ้าเห็นฉันแล้ว พึงลงทัณฑ์ด้วยประการต่าง ๆ ฉันไม่อาจไปในที่นั้นได้.”

นางแม้อ้อนวอนแล้ว ๆ เล่า ๆ เมื่อไม่ได้ความยินยอม.

นางรอเวลาที่สามีนั้นไป ป่า จึงเรียกคนผู้คุ้นเคยมาสั่งว่า

“ถ้าเขามาไม่เห็นฉัน จักถามว่า ‘ฉันไปไหน?’

พวกท่านพึงบอกความที่ฉันไปสู่เรือนแห่งตระกูลของตน” ดังนี้แล้วก็ปิดประตูเรือนหลีกไป.

ฝ่ายสามีนั้นมา แล้ว ไม่เห็นภรรยานั้นจึงถามคนคุ้นเคย ฟังเรื่องนั้นแล้ว ก็ติดตามไปด้วยคิดว่า “จักให้นางกลับ” เมื่อพบนางแล้วแม้เขาจะอ้อนวอนประการต่าง ๆ ก็มิอาจทำให้นางกลับได้.

ทีนั้น ลมกัมมัชวาตของนางปั่นป่วนแล้วในที่แห่งหนึ่ง.

นางเข้าไปในระหว่างพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง พูดว่า

“นาย ลมกัมมัชวาตของฉันปั่นป่วนแล้ว”

นอนเกลือกกลิ้งอยู่บน พื้นดิน คลอดเด็กโดยยากแล้ว คิดว่า

“เราพึงไปสู่เรือน แห่งตระกูลเพื่อประโยชน์ใด ประโยชน์นั้นสำเร็จแล้ว” จึงกลับมาสู่เรือนกับสามี อยู่กันอีกเทียว.

สมัยต่อมา ครรภ์ของนางตั้งขึ้นอีก. นางเป็นผู้มีครรภ์แก่แล้วจึงอ้อนวอนสามีโดยนัยก่อนนั่นแล เมื่อไม่ได้ความยินยอม จึงอุ้มบุตรด้วยสะเอวหลีกไปอย่างนั้นนั่นแล แม้ถูกสามีนั้นติดตามไปพบแล้ว ก็ไม่ปรารถนาจะกลับ.

ครั้งนั้น เมื่อชนเหล่านั้นเดินไปอยู่ มหาเมฆอันไม่ใช่ฤดูกาลเกิดขึ้น. ท้องฟ้าได้มีท่อธารตกลงไม่มีระหว่าง(ฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก)ดังสายฟ้าแผดเผา อยู่โดยรอบ ดังจะทำลายลงด้วยเสียงแผดแห่งเมฆ.

ในขณะนั้น ลมกัมมัชวาตของนางปั่นป่วนแล้ว

นางเรียกสามีมากล่าวว่า

“นาย ลมกัมมัชวาตของฉันปั่นป่วนแล้ว ฉันไม่อาจทนได้ ท่านจงรู้สถานที่ฝนไม่รดฉันเถิด.”

สามีนั้นมีมีดอยู่ในมือ ตรวจดูข้างโน้นข้างนี้ เห็นพุ่มไม้ซึ่งเกิดอยู่บนจอมปลวกแห่งหนึ่ง เริ่มจะตัด.

ลำดับนั้น อสรพิษมีพิษร้ายกาจเลื้อยออกจากจอมปลวก กัดเขาในที่นั้นนั่นแล สรีระของสามีสีเขียวดังถูกเปลวไฟอันตั้งขึ้นในภายในไหม้อยู่ ล้มลงในที่นั้นนั่นเอง.

ฝ่ายภรรยาก็ได้เสวยทุกข์อย่างมหันต์ เฝ้ามองดูการมาของสามีอยู่ โดยไม่ทราบว่าเขาได้ตายไปแล้ว ก็มิได้เห็นเขาเลย ในที่สุดก็คลอดบุตรคนที่ ๒ อีก.

ทารกทั้ง ๒ ทนกำลังแห่งฝนและลมไม่ได้ ก็ร้องไห้ลั่น.

นางเอาทารกทั้ง ๒ คนนั้นไว้ที่ระหว่างอุทร ยืนคร่อมเด็กทั้งสองด้วยเข่าและมือทั้ง ๒ เพื่อบังฝนให้จนตลอดราตรี.ร่างกายทั้งสิ้นได้ซีดเป็นดังสีใบไม้เหลือง เหมือนไม่มีโลหิต.

ครั้นเมื่ออรุณขึ้นนางก็อุ้มบุตรคนที่เพิ่งคลอดซึ่งมีสีดังชื้นเนื้อสดด้วย เอว จูงบุตรคนโตด้วยนิ้วมือพลางกล่าวว่า “มาเถิด พ่อ บิดาเจ้าไปโดยทางนี้” แล้วก็เดินไปตามทางที่สามีไป ครั้นเมื่อเห็นสามีนั้นล้มตายบนจอมปลวกมีสีเขียวตัวกระด้าง ก็ร้องไห้รำพันว่า

“เป็นเพราะเราที่ เดียว สามีของเราจึงต้องตายที่หนทางเปลี่ยว” ดังนี้แล้วก็เดินไป.

นางเห็นแม่น้ำอจิรวดี เต็มเปี่ยมด้วยน้ำสูงประมาณเพียงหน้าอก เพราะฝนตกตลอดคืนยังรุ่ง นางไม่อาจลงน้ำพร้อมด้วยทารกทั้ง ๒ คนได้ เพราะตนมีความรู้อ่อน จึงให้บุตรคนใหญ่รออยู่ที่ฝั่งนี้ แล้วอุ้มบุตรคนเล็กข้ามแม่น้ำไปที่ฝั่งโน้น ปูลาดกิ่งไม้ไว้ให้บุตรนอนแล้วคิดว่าจะข้ามรับบุตรคนโต แต่ใจของก็ไม่อาจจะละความเป็นห่วงบุตรอ่อนได้ กลับแลดูแล้ว ๆ เล่า ๆ เดินไป.

ครั้นในเวลาที่นางถึง กลางแม่น้ำ เหยี่ยวตัวหนึ่งก็เห็นลูกคนเล็กซึ่งมีผิวแดงดังชิ้นเนื้อนอนอยู่ จึงโฉบลงมาจากอากาศ ด้วยสำคัญว่าเป็นชิ้นเนื้อ

นางเห็นมันโฉบลงเพื่อต้องการบุตร จึงยกมือทั้งสองขึ้น ร้องไล่ด้วยเสียงอันดัง ๓ ครั้งว่า “สู สู” เหยี่ยวไม่ได้ยินเสียงนั้นเลยเพราะไกลกัน จึงเฉี่ยวเด็กบินขึ้นสู่เวหาสไปแล้ว.

ส่วนบุตรผู้ยืนอยู่ที่ ฝั่งนี้ เห็นมารดายกมือทั้งสองขึ้น ร้องเสียงดังท่ามกลางแม่น้ำ จึงกระโดดลงแม่น้ำโดยเร็วด้วยสำคัญว่ามารดาเรียกจึงถูกกระแสน้ำพัดหายไป เหยี่ยวเฉี่ยวเด็กอ่อนของนางไป บุตรคนโตก็ถูกน้ำพัดไป ด้วยประการฉะนี้.

นางทราบข่าวว่ามารดาบิดาตายอีก

นางเดินร้องไห้ รำพันว่า “บุตรของเราคนหนึ่งถูก เหยี่ยวเฉี่ยวไป คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป สามีก็ตายเสียในที่เปลี่ยว” เมื่อพบบุรุษผู้หนึ่งเดินมาจากกรุงสาวัตถี จึงถามว่า “พ่อ ท่านอยู่ที่ไหน?”

บุรุษ. ฉันอยู่ในกรุงสาวัตถี แม่.

ธิดาเศรษฐี. ตระกูลชื่อโน้นเห็นปานนี้ใกล้ถนนโน้นในกรุงสาวัตถีมีอยู่ ทราบไหม? พ่อ.

บุรุษ. ฉันทราบ แม่. แต่อย่าถามถึงตระกูลนั้นเลย ถ้าท่านรู้จักตระกูลอื่น จงถามเถิด.

ธิดาเศรษฐี. ฉันไม่มีธุระที่เกี่ยวกับตระกูลอื่น ฉันถามถึงตระกูลนั้นเท่านั้นแหละ พ่อ.

บุรุษ. แม่ ฉันบอกก็ไม่ควร.

ธิดาเศรษฐี. บอกฉันเถิด พ่อ.

บุรุษ. วันนี้ แม่เห็นฝนตกคืนยังรุ่งไหม?

ธิดาเศรษฐี. ฉันเห็น พ่อ ฝนนั้นคืนยังรุ่งเพื่อฉันเท่านั้นไม่ตกเพื่อคนอื่น แต่ฉันจักบอกเหตุที่ฝนตกเพื่อแก่ท่านภายหลัง โปรดบอกความเป็นไปในเรือนเศรษฐีนั้นแก่ฉันก่อน.

บุรุษ. แม่ วันนี้ ในกลางคืน พายุได้พัดเอาเรือนล้มทับ คนที่อยู่ข้างในตายหมด วันนี้คนทั้งสามเหล่านั้นก็ถูกเผาบนเชิงตะกอนเดียวกัน  แม่เอ๋ย ควันนั่นยังปรากฏอยู่.

นางได้ฟังดังนั้น ถึงความเป็นคนวิกลจริตยืนตะลึงอยู่ ร้องไห้รำพันบ่นเพ้อเซซวนไปว่า:-

“บุตร ๒ คน ตายเสียแล้ว สามีของเรา

ก็ตายเสียที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายก็ถูกเผา

บนเชิงตะกอนเดียวกัน.”

เที่ยวกระเซอะกระเซิงไป ไม่รู้สึกถึงผ้าที่นุ่งซึ่งได้หลุดลง คนทั้งหลายเห็นนางแล้ว เข้าใจว่หญิงบ้า จึงเอาหยากเยื่อ กอบฝุ่น โปรยลงบนศีรษะ ขว้างด้วยก้อนดิน.

พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางบริษัท ๔ ในพระเชตวันมหาวิหาร ได้ทอดพระเนตรเห็นนางผู้บำเพ็ญบารมีมาแสนกัลป์ สมบูรณ์ด้วยอภินิหารเดินมาอยู่.

นางได้ตั้งความปรารถนาไว้ในชาติก่อน

ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าปทุมุตตระ นางปฏาจารานั้น เห็นพระเถรีผู้ทรงวินิจฉัยรูปหนึ่ง อันพระปทุมุตตรศาสดาทรงตั้งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ จึงทำคุณความดีแล้ว ตั้งความปรารถนาไว้ว่า “แม้หม่อมฉันพึงได้ตำแหน่งเอตทัคคะผู้เลิศกว่าพระเถรีผู้ทรง วินิจฉัยทั้งหลายในสำนักพระพุทธเจ้าเช่นกับด้วยพระองค์.” พระปทุมุตตรพุทธเจ้าทรงเล็งอนาคต ตั้งญาณไป ก็ทรงทราบความปรารถนาจะสำเร็จจึงทรงพยากรณ์ว่า

“ในอนาคตกาลหญิงผู้นี้ จักเป็นผู้เลิศกว่าพระเถรีผู้ทรงวินิจฉัยทั้งหลาย มีนามว่าปฏาจาราในศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้า.”

พระศาสดา ทรงเห็นนางผู้มีความปรารถนาตั้งไว้แล้วอย่างนั้น ผู้สมบูรณ์ด้วยอภินิหาร กำลังเดินมาแต่ที่ไหนเทียว ทรงดำริว่า

“เว้นเราเสีย ผู้อื่นชื่อว่าสามารถจะเป็นที่พึ่งของหญิงผู้นี้ได้ ไม่มี”

จึงได้ทรงบันดาลให้นางเดินบ่ายหน้ามาสู่วิหาร

พวกพุทธบริษัทเห็นนางแล้วจึงกล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย อย่าให้หญิงบ้านี้มาที่นี้เลย.”

พระศาสดาตรัสว่า “พวกท่านจงหลีกไป อย่าห้ามเธอ”

ในเวลานางมาใกล้ จึงตรัสว่า “จงกลับได้สติ เถิด น้องหญิง.”

นางกลับได้สติด้วยพุทธานุภาพในขณะนั้นเอง.

ในเวลานี้ นางกำหนดความที่ผ้านุ่งหลุดได้แล้ว ให้เกิดหิริโอตัปปะขึ้น จึงนั่งกระโหย่ง.

ลำดับนั้น บุรุษผู้หนึ่งจึงโยนผ้าห่มไปให้นาง.

นางนุ่งผ้านั้นแล้วเข้าเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมด้วยเบญจางคประดิษฐ์ แทบพระบาททั้งสองซึ่งมีพรรณะดังทองคำแล้วทูลว่า “ขอพระองค์จงทรงเป็นที่พึ่งแก่หม่อมฉันเถิด พระเจ้าข้า เพราะว่าเหยี่ยวเฉี่ยวบุตรคนหนึ่งของหม่อมฉันไป คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป สามีตายที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายถูกเรือนทับตายเขาเผาเชิงตะกอนเดียวกัน.”

พระศาสดาทรงสดับคำของนาง จึงตรัสว่า

“อย่าคิดเลยปฏาจารา เธอมาอยู่สำนักของผู้สามารถจะเป็นที่พึ่งพำนักอาศัยของเธอได้แล้ว เหมือนอย่างว่า บัดนี้ บุตรคนหนึ่งของเธอถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป สามีตายแล้วที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายถูกเรือนทับฉันใด น้ำตาที่ไหลออกของเธอผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารนี้ ในเวลาที่ปิยชนมีบุตรเป็นต้นตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน”

ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-

“น้ำในสมุทรทั้ง ๔ มีประมาณน้อย น้ำตาของ

คนผู้อันทุกข์ถูกต้องแล้ว เศร้าโศก ไม่ใช่น้อย มาก

กว่าน้ำในมหาสมุทรนั้น เหตุไร เธอจึงประมาทอยู่

เล่า? แม่น้อง.”

เมื่อพระศาสดาตรัสอนมตัคคปริยายสูตรอยู่อย่างนั้น ความโศกในสรีระของนาง ได้ถึงความเบาบางแล้ว.

ลำดับนั้น พระศาสดาทรงทราบที่นางผู้มีความโศกเบาบางแล้ว ทรงเตือนอีก แล้วตรัสว่า

“ปฏาจารา ขึ้นชื่อว่าปิยชนมีบุตรเป็นต้น ไม่อาจเพื่อเป็นที่ต้านทาน เป็นที่พึ่ง หรือเป็นที่ป้องกันของผู้ไปสู่ปรโลกได้;เพราะฉะนั้น บุตรเป็นต้นเหล่านั้นถึงมีอยู่ ก็ชื่อว่าย่อมไม่มีทีเดียว ส่วนบัณฑิตชำระศีลแล้ว ควรชำระทางที่ยังสัตว์ให้ถึงนิพพานของตนเท่านั้น”

เมื่อจะทรงแสดงธรรม ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า:-

“บุตรทั้งหลาย ไม่มีเพื่อต้านทาน บิดาก็ไม่มี

ถึงพวกพ้องก็ไม่มี เมื่อบุคคลถูกความตาย ครอบงำ

แล้ว ความต้านทานในญาติทั้งหลาย ย่อมไม่มี;

บัณฑิตทราบอำนาจประโยชน์นั้นแล้ว สำรวมในศีล

พึงชำระทางไปนิพพานโดยเร็วทีเดียว.”

ในกาลจบเทศนา นางปฏาจาราเผากิเลสมีประมาณเท่าฝุ่นในแผ่นดินใหญ่แล้ว ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล ชนแม้เหล่าอื่นเป็นอันมาก บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

นางปฏาจาราทูลขอบวช

ฝ่ายนางปฏาจารานั้นเป็นโสดาบันแล้ว ทูลขอบรรพชากะพระศาสดา. พระศาสดาทรงส่งนางไปยังสำนักของพวกภิกษุณีให้บรรพชาแล้ว. นางได้อุปสมบทแล้วปรากฏชื่อว่า “ปฏาจารา” เพราะนางกลับความประพฤติได้.

วันหนึ่ง นางกำลังเอาหม้อตักน้ำล้างเท้า เทน้ำลง.น้ำนั้นไหลไปหน่อยหนึ่งแล้วก็ขาด.

ครั้งที่ ๒ น้ำที่นางเทลง ได้ไหลไปไกลกว่านั้น.

ครั้งที่ ๓ น้ำที่เทลง ได้ไหลไปไกลกว่าแม้นั้น ด้วยประการฉะนี้. นางถือเอาน้ำนั้นนั่นแลเป็นอารมณ์ กำหนดวัยทั้ง ๓ แล้ว คิดว่า

“สัตว์เหล่านี้ ตายเสียในปฐมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งแรก

ตายเสียใน มัชฌิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ ๒ ไหลไปไกลกว่านั้น

ตายเสียใน ปัจฉิมวัยก็มี เหมือนน้ำที่เราเทลงครั้งที่ ๓ ไหลไปไกลแม้กว่านั้น.”

พระศาสดาประทับในพระ คันธกุฎี ทรงแผ่พระรัศมีไป เป็นดังประทับยืนตรัสอยู่เฉพาะหน้าของนาง ตรัสว่า

“ปฏาจารา ข้อนั้นอย่างนั้น ด้วยความเป็นอยู่วันเดียวก็ดี ขณะเดียวก็ดี ของผู้เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์เหล่านั้น ประเสริฐกว่าความเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ของผู้ไม่เห็นความเกอดขึ้นและความเสื่อมแห่งปัญจขันธ์” ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-

“ก็ผู้ใด ไม่เห็นความเกิดขึ้นและความเสื่อม

อยู่พึงเป็นอยู่ ๑๐๐ ปี ความเป็นอยู่วันเดียว

ของผู้เห็นความเกิดและความเสื่อม ประเสริฐกว่า

ความเป็นอยู่ของผู้นั้น.”

นางครั้นบวชแล้ว ไม่นานนักก็บรรลุพระอรหัต เรียนพุทธวจนะ. ท่านเป็นผู้ช่ำชองชำนาญในวินัยปิฏก.

ภายหลัง พระศาสดาประทับนั่ง ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาเหล่าภิกษุณีไว้ในตำแหน่งต่าง ๆ ตามลำดับ จึงทรงสถาปนาพระปฏาจาราเถรีไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกภิกษุณี สาวิกาผู้ทรงวินัย แล.

ผลงานของพระปฏาจาราเถรี

พระปฏาจาราเถรี ท่านมีเมตตาและได้อนุเคราะห์แก่สตรีหลายท่าน ภายหลังสตรีเหล่านั้น ได้มาบวชเป็นภิกษุณี และท่านได้สอนและเตือนสติแก่สตรี ด้วยท่านเป็นผู้ทรงพระวินัยและฉลาดในคาถาธรรม ทำให้สตรีหลายท่าน เช่น อุตตราเถรี จันทาเถรี ปัญจสตมัตตาเถรี เป็นต้น ฯลฯ ได้บรรลุพระอรหันต์และแนะนำสอนสตรี ๕๐๐ คน ให้เกิดความสังเวชใจจึงพากันบวชในสำนักของพระเถรี ครั้นบวชแล้ว บำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ไม่นานนักก็ตั้งอยู่ในพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔.

บุรพกรรมของท่านในอดีตชาติ

ดังได้สดับมา พระเถรีนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ถือปฏิสนธิในครอบครัว กรุงหังสวดี ต่อมา กำลังฟังพระธรรมเทศนา ของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาภิกษุณีรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวก ภิกษุณีสาวิกาผู้ทรงวินัย ทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น.

ท่านทำกุศลจนตลอดชีวิต เวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์

ครั้งพระพุทธเจ้าพระนาม ว่ากัสสปะ ถือปฏิสนธิในพระราชนิเวศน์ของพระเจ้ากิงกิ เป็นพระธิดาพระองค์หนึ่งระหว่างพระพี่น้องนาง ๗ พระองค์ คือ นางสมณี นางสมณคุตตา นางภิกขุนี(ภิกขุณี) นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา(ธรรมา) นางสุธัมมา(สุธรรมา) และนางสังฆทาสี ครบ ๗.

พระราชธิดาเหล่านั้น ในบัดนี้ [ครั้งพุทธกาลชาติปัจจุบัน] คือพระเขมาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระปฏาจาราเถรี พระนางกุณฑลเกสีเถรี (พระภัททากุณฑลเกสาเถรี) พระกิสาโคตมีเถรี พระธรรมทินนาเถรี และนางวิสาขา ครบ ๗. ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ถึง ๒๐,๐๐๐ ปี สร้างบริเวณถวายภิกษุสงฆ์ บังเกิดในเทวโลกอีก เสวยสมบัติอยู่พุทธันดรหนึ่ง

ในพุทธุปบาทกาลนี้ ถือปฏิสนธิในครอบครัวเศรษฐี กรุงสาวัตถี ดังกล่าวมาแล้ว

#เถรี.อ. ๒/๔/๑๘๔-๑๙๗ องฺ.อ. ๑/๒/๒๔-๒๘;ธ.อ. ๑/๒/๒/๔๘๙-๔๙๘ ขุ.อป. ๙/๕๙๒-๕๙
32  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / รายการและเว็บ ของ มหาบุญช่วย ครับ ธรรมะคลายทุกข์ เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 12:35:54 pm
http://www.bunchuay.com/index.htm

    เปิดเว็บไซต์ bunchuay.com วันที่ 8 เม.ย.53


ส่วนท่านใดที่ต้องการฟังเสียง และดาวน์โหลดเสียง ก็เชิญที่เว็บนี้ นะครับ

  http://bunonline.blogspot.com/
33  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ความเชื่อมั่น ของพระอัญญาโกณทัญญะ เป็นความหลงผิดหรือป่าว เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2010, 09:29:08 am
ถ้าหากเรา ยึดพระพุทธดำรัส ของพระพุทธองค์ฺในเรื่องของ

การไม่พึ่งพาเรื่อง ดวง โหราศาสตร์ ดวงดาว



ดังนั้น ถ้าพิจารณา ตามนี้ ผมว่า ท่านพระอรหันต์รัตตัญญู ท่านกระทำผิดหรือป่าว

ที่ออกไปบวชเนกขัมมะ รอการภาวนาของเจ้าชาย สิทธัตถะ

เพื่อนสมาชิก มีความเห็นกันอย่างไรครับ ?
34  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / กบฟุ้งซ่าน ข้างกำแพงวัด เมื่อ: เมษายน 01, 2010, 07:46:10 am
 :)
พอดีไปอ่านเจอเรื่องนี้ เลยนำมาฝากครับ

กบ ฟุ้งซ่านตัวหนึ่งนั่งอยู่ข้างกำแพงวัด
ทุกเช้ามันเฝ้าดูพระออกเดินบิณฑบาตตั้งแต่เช้ามืด พอพระกลับมา
ถึงวัดเพื่อฉันเช้า…
กบมันนึกในใจ อยากเกิดเป็นพระ เป็น พระสบายดี มีคนถวายอาหารให้กินทุกวัน ...
เมื่อพระฉันเสร็จ ก็นำอาหารที่เหลือมากมายนั้นไปให้เด็กวัดกินต่อ
แล้วเด็กวัดก็กินกันอย่าง เอร็ดอร่อย ...

ตอนนี้ กบเปลี่ยนใจ อยากเกิดเป็นเด็กวัด แล้ว เพราะสบายกว่าพระ
มันเห็นเด็กวัดหลายคนตื่นสายได้และไม่ต้องออกตามพระไปบิณฑบาตก็ได้
สบายกว่าเยอะเลย… เมื่อเด็กวัดกินเสร็จ
ก็โกยเศษอาหารที่เหลือทั้งหมดให้หมาวัดไปกินแล้วเด็กวัดทุกคนก็ไปช่วยกัน ล้างจาน…

ถึงตอนนี้ กบเปลี่ยนใจ อยากเกิดเป็นหมาวัด แล้ว เพราะไม่ต้องล้างจาน
เหมือนเด็กวัด สบาย กว่า …

พอหมาวัดกินอาหารเสร็จก็แยกย้ายไปทำหน้าที่เฝ้าบริเวณวัด
คอยเห่าคนแปลกหน้า… ฝูงแมลงวันก็บินมาตอมและกินเศษอาหารต่อจากหมาวัด

ถึงตอนนี้ กบเปลี่ยนใจ(อีกแล้ว) อยากเกิดเป็นแมลงวัน
เพราะสบายที่สุดไม่ต้องทำอะไรเลย หนำซ้ำ ยังมีกองอาหารให้กินไม่มีหมดด้วย…

ขณะที่เจ้ากบฟุ้งซ่านกำลังคิดเพลินๆอยู่นั้น พอดีหันมาเห็นแมลงวันบินมาใกล้ๆ
จึงใช้ลิ้นตวัดเอาแมลงวัน เข้าปากตัวเองกินโดยสัญชาตญาณ ...

ถึงตอนนี้ กบฟุ้งซ่านจึงบรรลุธรรมฉับพลัน (Sudden knowledge)

คิดได้ว่า เอ้อ "เป็นตัวของเราเองนี่แหละ ดีที่สุดเลย" (The best to be yourself)

"จงเชื่อมั่นในตัวเอง" (Be yourself)


ขอบคุณเจ้าของกระทู้เรื่องนี้นะครับ

http://romphosai.com/forums/forum11/thread7103.html

35  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ประเพณีสงกรานต์ เดือนแห่งความภูมิใจ เมื่อ: เมษายน 01, 2010, 07:11:48 am
 :welcome:

สุขสันต์ วันปีใหม่ไทย ที่ใกล้จะุถึงกันทุกคนนะครับ

ถึงแม้จะดูว่าร้อน ๆ ไปบ้าง

ผมไปตรวจการณ์ ตามอำเภอในเขต โคราช ตอนนี้ต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสพภัยแล้งแล้วครับ

อย่างไรเสีย ก็อดทนกันไว้ นะครับ

สถานการณ์บ้านเมือง ก็ผันไป ผันมา งบราชการ ที่จะช่วยก็ลำบาก....จริง
=============================================


36  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ฆ่า พยาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ ? เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 08:58:35 pm
คำถามนี้ผมไปออกหน่วย แล้ว เคยโดนคำถามนี้มา ผมว่าเอามาถามเพื่อน ๆ สมาชิกธรรมให้ตอบด้วย
ผมจะได้มีแนวตอบ ให้สมาชิก ตอนผมออกหน่วยครั้งต่อไปเวลาโดนถามอีก

มีเด็กมาให้ผมและทีมแพทย์อาสา มาให้ผมตรวจกันเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรคพยาธิ กัน
พวกเราจึงแจกยา ขับ ซั่งเป็นทั้งยาฆ่า พยาธิ ด้วย

คำถามครับ การฆ่าพยาธิ นี้เป็นบาปหรือป่าวครับ ?
37  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / ตัวต่อ กับ เมตตา ? เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 08:46:37 pm
เรื่องนี้เป็นเรื่องเกิดจริง ที่เกิดขึ้นในจังหวัด เพชรบูรณ์ แต่ตัวละครขอเปลี่ยนนามครับ

ยายมี เป็นชาวไร่ มีครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์ ทำสวนมะขามหวาน มีลูก 3 คน เป็นชายทั้ง 3 คน
ยายมี ต้องอยู่เป็นแม่หม้ายมาตั้งแต่อายุ 31 ปี เนื่องด้วย ตาวัฒน์ นั้นต้องเสียชีวิตเพราะถูกตัวต่อต่อยตาย เพราะเก็บมะขามไปเหยี่ยบหลุมต่อดิน ส่งโรงพยาบาลก็สิ้นใจ แต่ยายมีเป็นคนชอบไปวัดทำบุญ ถึงแม้ตาวัฒน์ จะสิ้นชีิวิตเพราะตัวต่อ ยายมีก็ไม่ทำลายรังต่อดินนั้นเลย

จากนั้นมายายมีก็เลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ พร้อมกับห้ามลูกไปทำลายรังต่อที่ต้นมะขามต้นนั้น หลังจากลูกชายเติบใหญ่ก็เข้าเรียนศึกษา ที่กรุงเทพกันทั้งหมด และปักหลักทำงานอยู่ในกรุงเทพกัน โดยส่งเงินมาให้ยายมีใช้ พร้อมจ้างคนรับใช้ไว้ให้ ชีวิตยายมีดูเหมือนจะมีความสุข สวนมะขามหวาน ก็ให้ผลิตผลดี มีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ผ่านไปจนกระทั่งยายมี มีอายุได้ 64 ปี

เมื่อถึงคราวครบวันเกิดของยายมี ในเดือน มีนาคม บรรดาลูกชาย ทั้ง 3 ก็กลับมาเยี่ยมยายมีกัน
ซึ่งปีนี้คึกคักกันมาก เพราะทุกปีที่ผ่านมาทั้ง 3 คน ก็อุ้มลูกคนแรกมาให้ยายมีได้อุ้มกันทุกคน ถึง  4 ปีแล้วแต่ปีนี้เด็กที่ได้อุ้มกันมานั้นมีอายุเพิ่มขึ้นกำลังเป็นเด็กซน และเด็กชาย 2 คน เด็กหญิงอีก 1 คน พร้อมกับลูกสะใภ้ก็ยังอุ้มเจ้าตัวน้อยมากันอีก ทำให้ยายมี มีความสุขมาก ๆ

แต่ในตอนบ่ายวันนั้น ความสุขของทุกคนก็ได้หมดไป เพราะว่าเด็กทั้ง 3 คนนั้นได้วิ่งเข้าไปเล่นในสวนมะขามซึ่งบรรดาผู้เป็นพ่อ ก็ได้ลืมเรื่องต่อกันไปหมด เพราะเข้าใจว่าต่อคงจะไม่ได้อยู่ที่นั้นแล้ว แต่เด็กทั้ง 3 นั้นวิ่งเล่นกันไปแล้วไปตกหลุมที่ต้นมะขามต้นนั้น ทำให้ต่อดิน ทั้งหมด บินกรูเข้ามาหาเด็กอายุ 5 ขวบ ทั้ง 3 คน

เด็กทั้งหมดวิ่ง หนีกันออกมาจากสวนด้วยอาการเจ็บปวด ทุลักทุเล พร้อมอาการร้องไห้อย่างสะอึก สะอื้น
"พ่อ หนูปวด แม่ผมปวด ยายหนูเจ็บมาก เลย"
เสียงของเด็กร้องระงม กันทำให้ผู้เป็นพ่อ แม่ ต้องรีบนำรถวิ่งไปที่ โรงพยาบาล แต่เด็กทุกคนโดนตัวต่อต่อยเป็นจำนวนมาก มีอาการไข้แทรก และทนพิษตัวต่อไม่ได้

วันเกิดของยายมี ปีนั้นต้องเสียหลาน หญิง ชาย ถึง 3 คนด้วยกัน
เมื่อเหตุการณ์เป็นดังนี้ บรรดาลูกยายมีนั้น ต้องการขจัดปัญหาเรื่องนี้ด้วยการทำลายตัวต่อดินนั้นให้หมด

เพราะความแค้นใจ มาก ๆ มันทำลายทั้ง พ่อ และ ลูก หลาน เรา

แต่ยายมีก็ห้ามไว้ ยายมีห้ามลูกชาย ทั้ง 3 คนว่า
"เวร ย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร"

แต่ถึงแม้ยายมี ห้ามดังนั้นแต่ ลูกชายคนเล็กนั้นก็ได้จัดการทำลายรังต่อนั้นเป็นเวลาถัดมาอีก 2 สัปดาห์
ในขณะที่ยายมีไปอยู่รักษาศีลที่่วัด

ยายมีกลับมาพอรู้ ว่าตัวต่อ และ รังต่อดินถูกทำลายหมด
ยายมีก็นัดลูกชาย ทุกคนมารวมกันในอีก 2 สัปดาห์โดยให้ลูกชายทั้ง 3 คนทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกตัวต่อเหล่านั้น

ผ่านไปอีก 1 ปี ลูกชายทั้งหลายก็กลับมาเยี่ยมแม่เหมือนทุกปี พร้อมกับหลานคนเล็ก อีก 3 คนที่กำลังเดิน กำลังอุ้ม อายุ 2 ขวบ อีก 3 คน

สำหรับเรื่องนี้ยังมีตอนต่ออีก หน่อยครับเอาไว้ผมมีเวลามาพิมพ์เพิ่มครับ


38  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ต่อชะตาชีวิต เมื่อ: มีนาคม 13, 2010, 08:16:54 pm
ผมไปกับเพื่อนๆ ผม ไปร่วมพิธีต่อชะตา ชีวิต มีการลงไปนอนในโลง

และมีการนำผ้าขาว มาผูก พร้อมสายสิญน์ ชักบังสุกุลเป็น และ บังสุกุลตาย ด้วยครับ

วิธีการต่อชะตา ชีวิตแบบนี้ เป็นพิธีที่ปรากฏในพระไตรปิฏก หรือป่าวครับ ?

ถ้าไม่มี ใครพอจะรู้ประวัติ ที่ไป ที่มา บ้างครับ ?

39  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / อยากเล่าเรื่องกฏแห่งกรรม ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2010, 04:07:46 pm
อยากเล่าเรื่องจริงชีวิตกฏแห่งกรรม ครับ

จะโพสต์ในห้องไหนดีครับ แนะนำหน่อยครับ มีหลายตอน จะพยายามพิมพ์มาลงให้ครับ
40  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / คนฝึกกรรมฐาน จะรู้อนาคต ได้จริงหรือป่าวครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 03, 2010, 04:05:48 pm
ผมเคยรู้แต่ว่ามีพระอรหันต์รูปหนึ่ง สมัยท่านเป็นฆราวาส ท่านจะเคาะกระโหลก คนตาย แล้วจะตอบได้ว่า
คน ๆ ที่ตายไปเกิดเป็นอะไร


ช่วยลงประวัติให้อ่านหน่อยครับ ผมนึกชื่อไม่ออก ฟังมานานแล้ว


ส่วนพระอรหันต์ที่รู้อนาคต นั้นมีหรือป่าวครับ


หน้า: [1] 2