ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มหาความกตัญญู.!! พระโมคคาลานะ เสด็จโปรดมารดา ด้วยคาถาดับไฟนรก.!!  (อ่าน 5967 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28415
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


มหาความกตัญญู.!! พระโมคคาลานะ เสด็จโปรดมารดา ด้วยคาถาดับไฟนรก.!! ช่วยยกระดับจิต บำเพ็ญกุศล จนมารดาพ้นจากความเป็นเปรต

ในสมัยหนึ่งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี พระโมคคัลลานะเถระ ผู้บรรลุซึ่งธรรมบารมี ๖ มีปณิธานอันแรงกล้า ปรารถนาจักทดแทนพระคุณบุพการีชน

ดั่งนี้แล้ว จึ่งได้เพ่งมองโลกด้วยอภิญญาญาณ และแจ้งว่า....บัดนี้ผู้เป็นมารดาแห่งตนได้ไปถืออุบัติอยู่ ณ ท่ามกลางดวงวิญญาณ หิวกระหาย ไม่มีทั้งน้ำและอาหาร ทั่วสรรพพางค์กาย ปรากฏเพียงหนังหุ้มกระดูก ได้รับทุกขเวทนายิ่งนัก

พระโมคคัลลานะ จึงนำผลาหารบรรจุเต็มบาตรเพื่อนำไปโปรดดวงวิญญาณของมารดา โดยว่าคาถามหามงคล อันเป็นคาถาดับไฟในนรก ของพระโมคคัลลานะ

   "เถโร โมคคัลลาโน นะระกัตตัง โลหะกุมพี ทิสาวะ อัคคิปัตติ กัมปะติฯ"

    คาถาใช้ภาวนาแหวกเพลิงลงไปในนรก (โดยพลานุภาพของคาถาบทนี้ คือ เสกเป่าคนที่ถูกน้ำร้อนหรือไฟลวกแก้และถอนพิษไฟหายสิ้นไม่ร้อนไม่พองหากใครถือขลังๆก็จะสามารถเอามือล้วงลงในกาน้ำร้อนเดือดๆได้สบายไม่รู้สึกร้อนเลย)

ทันทีที่ไฟนรกจาง พระโมคลลานะได้ยื่นบาตรให้แก่มารดา นางรับบาตรไป ก็ลูบคลำด้วย มืออันอ่อนแรง  มือขวากอบคำข้าวเพื่อหวังจะบริโภค แต่ในบัดดลยังมิทันที่อาหารจะล่วงเข้าสู่ปากของนาง ก็กลับกลายเป็นถ่านเพลิงเผาไหม้ทุกคราไป ยังความสลดสังเวชแก่พระโมคคัลลานะ เป็นที่ยิ่ง


@@@@@

ด้วยเหตุนี้แล้ว พระโมคคัลลานะจึงกลับไปสู่ ณ พระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลถึงการณ์ทั้งปวงให้พระพุทธองค์ทรงทราบ

สมเด็จพระศาสดาได้มีพุทธดำรัสว่า..."ดูกรโมคคัลลานะ โดยเหตุที่มารดาของท่านสั่งสมซึ่งอกุศลกรรมเป็นเนืองนิจ อาศัยกำลัง(บุญกุศล)แห่งตน(พระโมคคัลลานะ) แต่เพียงลำพัง มิอาจบรรเทาอกุศลกรรมนั้นได้ ถึงแม้ว่าอำนาจแห่งความกตัญญูต่อบุพพการีชนของท่านจะสะเทือนถึงสวรรค์ โลกมนุษย์ ปีศาจ มารร้าย หรือแม้แต่พรหมโลกและจตุโลกบาลก็ตาม ยังมีแต่พลานุภาพแห่งที่ประชุมพระอริยสงฆ์สาวก ผู้มาจากทิศทั้งสิบ  จึงสามารถปลดเปลื้องทุกข์แห่งมารดาท่านได้  บัดนี้พระตถาคตจักแสดง ธรรมอันเป็นเครื่องปลดเปลื้อง ความขัดข้อง ความทุกข์ และอกุศลมูลทั้งหลาย"

    ลำดับนั้น  พระผู้มีพระภาคทรงมีดำรัสต่อพระมหาโมคคัลลานะว่า
    "ในวันเพ็ญกลางเดือนเจ็ด อันเป็นวาระแห่งวันปวารณาของพระสงฆ์ทั่วทั้งทศทิศ  เพื่ออานิสงส์อันพึงจักสำเร็จแก่บุพพการีชน ทั่วถึง ๗ ชั่วอายุ
    โมคคัลลานะ!! เธอจงจัดเตรียมภาชนะอันบริสุทธิ์อุดมด้วยผลาหาร ภักษาหารทั้ง ๑๐๐ อย่าง ผลไม้ทั้ง ๕ กับสิ่งสักการะบรรดามี ประทีป ธูปเทียน ชวาลา อันเป็นเลิศทั้งปวง  ถวายแด่หมู่สงฆ์ ผู้มาจากทิศทั้ง ๑๐ หากสาธุชนใดพึงได้ถวายทานดั่งนี้แล้ว แด่ที่ประชุมมหาปวารณาสงฆ์ อานิสงค์อันประมาณมิได้ ย่อมบังเกิดแด่บุพพการีชนทั้งในปัจจุบัน
     ตลอดจนถึง ๗ ชั่วอายุ แม้กระทั่งผู้อยู่ในคติทั้ง ๖ (สวรรค์ มนุษย์ เปรต อสุรกาย เดรัจฉาน สัตว์นรก) ท่านเหล่านั้นจักพ้นจากทุคติภูมิได้บังเกิด ณ สุคติภพ โภชนาหารกับทั้งพัสตราภรณ์อันปราณีต จักบังเกิดแด่ท่านเหล่านั้น แม้ผู้ยังชนม์อยู่ย่อมจักเป็นผู้มั่งคั่ง จักเป็นผู้มีอายุยืน"


@@@@@@

แลบัดนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพุทธบรรหารแก่หมู่พระภิกษุสงฆ์ ทั้งหลายให้ดำรงจิตแห่งตน มั่นคงอยู่ในสมาธิภาวะ แล้วจึงสังวัธยายมนตร์ อุทิศให้บุพพการีชนทั้งหลาย ครั้นแล้วหมู่สงฆ์ทั้งนั้น พึงรับมตกภัตต่อเบื้องหน้าพุทธานุสติเจดีย์ในท่ามกลางหมู่สงฆ์

ทันใดนั้น มารดาแห่งพระมหาโมคคัลลานะก็ได้พ้นจากกัลป์แห่งเปรตภูมิ ด้วยกุศลนั้น พระมหาโมคคัลลานะ  อีกทั้งพระมหาโพธิสัตว์เจ้า ก็บังเกิดปีติในผลแห่งกุศลเป็นอันมาก

@@@@@@

พระมหาโมคคัลลานะ ได้ประคองหัตถ์อัญชุลีต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้มีพระภาค แล้วกราบทูลว่า.......
"บัดนี้ มารดาของข้าพระองค์ ได้รับอานิสงค์อันไม่มีประมาณ ก็ด้วยอาศัยอานุภาพแห่งพระรัตนตรัย หากในกาลภายหน้า บรรดาพุทธสาวกทั้งหลายปรารถนาจักบำเพ็ญกุศลทานอุทิศให้แก่บุพพการีชน ดังนี้บ้าง บรรพชนทั้งหลายกับผู้ล่วงลับทั้ง ๗ ชั่วอายุนั้นจักได้รับอานิสงส์ดุจเช่นนี้หรือไม่พระพุทธเจ้าข้า"

พระผู้เป็นที่พึ่งแห่งโลก จึงมีพุทธดำรัสตอบว่า..."ประเสริฐแล้ว สิ่งที่เธอกล่าวนั้นชอบแล้ว หากในภายภาคเบื้องหน้า สาธุชนทั้งหลายอันมีภิกษุ ภิกษุณี กษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพารทุกชนชั้นกับทั้งสามัญชนทั้งปวงปรารถนาที่จักบำเพ็ญ กุศลทานอุทิศแด่บุพพการีชน ผู้ให้กำเนิดแล้วไซร้ในวันเพ็ญกลางเดือน  ๗  อันเป็นวันมหาปวารณาสงฆ์

เธอทั้งหลายพึงถวายโภชนาหารกับทั้งของบริวารทั้งปวงแด่หมู่สงฆ์ผู้มาทิศทั้ง ๑๐ แล้วตั้งใจอุทิศส่วนแห่งบุญนั้น แด่บุพพการีชน ผู้ให้กำเนิดกับทั้งผู้ล่วงลับทั้ง ๗ ชั่วอายุ ให้ได้รับอานิสงส์เขาทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมจักเป็นผู้พ้นจากทุคติภพ ได้บังเกิดในท่ามกลางสุคติภูมิ ได้เสวยผลบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด พุทธสาวกทั้งหลาย ผู้มีมนสิการมั่นคงอยู่ในกตัญญุตธรรมระลึกถึง คุณแห่งบุพพการีชน มีคุณบิดามารดา เป็นต้น

@@@@@@

ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำของเดือน ๗ ทุกปี พึงประกอบกุศลกรรมถวายอุลลัมพนมตกภัต แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์ทั้ง ๑๐ ทิศ เพื่อแสดงซึ่งกตัญญุตาในผู้ให้กำเนิด แลผู้มีพระคุณที่ได้บำรุงเลี้ยงดูมา"

เมื่อได้สดับฟังพระธรรมของพระธรรมของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้นแล้ว พระมหาโมคัลลานะพร้อมด้วยพุทธบริษัท  ๔ ต่างปีติยินดีในธรรม และน้อมรับไปปฏิบัติโดยทั่วกัน

พระสูตรอันเป็นสัจพจน์ที่ว่าด้วยธรรมอันเป็นกตัญญุตกตเวทิตธรรมต่อบุพพาการีชน ก็ยุติลงด้วยประการฉะนี้ ขอกุศลผลทานที่ทุกท่านร่วมใจกันจะถวายอุลลัมพนมตกภัตนี้จงพึงบังเกิดแด่ บุรพชนต้นตระกูล บรรพกษัตริย์  ผู้รักษาประเทศชาติ

บุพพการีชน เหล่าญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้วของทุกๆท่าน เป็นผู้พ้นจากทุคติภูมิ ได้บังเกิดในสุขคติภูมิ ผู้ใดได้รับทุกข์ ก็จงพ้นจากความทุกข์ ผู้ใดมีสุข ก็จงมีสุขยิ่งๆขึ้นไป เสวยผลบุญอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ผู้มีจิตศรัทธาร่วมบุญกุศลนี้จงพ้นจากความทุกข์ ความขัดข้องทั้งหลาย

จงมีความสุข ความเจริญ ไม่มีที่สิ้นสุด เป็นผู้มั่งคั่ง อายุยืน ดุจดังอานิสงส์แห่ง "พระพุทธวจนะอุลลัมพนสูตร"  ตลอดกาลทุกเมื่อเทอญ



ที่มา : bp.or.th
เรียบเรียงโดยจินต์จุฑา เจนสระคู : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/360525
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 22, 2017, 07:12:25 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา