ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ‘บริจาคให้โรงพยาบาล เป็นทานของพระโพธิสัตว์’ กุศลยิ่งใหญ่ เห็นผลในชาตินี้  (อ่าน 1130 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28444
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



‘บริจาคให้โรงพยาบาล เป็นทานของพระโพธิสัตว์’ กุศลยิ่งใหญ่ เห็นผลในชาตินี้

ท่ามกลางการจัดระเบียบพระที่ถูกมองว่าเป็นการเร่งแก้ปมวิกฤตสงฆ์ การโฆษณาและจำหน่ายพระเครื่อง ของขลัง อวดอ้างสรรพคุณพระเกจิ วัตถุมงคล รูปเหมือน และเทวรูป รวมถึงการเรี่ยไรเงินในงานประเพณีบางแห่ง กลายเป็นข้อห้าม หลายฝ่ายพอใจที่ชาวพุทธจะได้ดำเนินในทางธรรมโดยไม่เน้นการสะสมวัตถุ ในขณะที่อีกหลายฝ่ายก็แอบกังวลใจในการปรับเปลี่ยนวิถีบางอย่างซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการสั่งสมบุญของคนไทย

พระเทพปฏิภาณวาที หรือ “เจ้าคุณพิพิธ” แห่งวัดสุทัศนเทพวราราม อารามหลวงกลางพระนคร ชี้ช่องสร้างกุศลยิ่งใหญ่ที่ไม่เพียงเป็นอานิสงส์สืบไปในชาติภพหน้าตามความเชื่อในพุทธศาสนา หากแต่เป็นการสร้างประโยชน์ให้จิตใจเปี่ยมสุขทันที ส่งผลต่อผู้คนในชาตินี้ ทั้งผู้ให้และผู้รับ นั่นคือ การบริจาคทรัพย์ให้โรงพยาบาล

“ตั้งแต่เกิด แก่ เจ็บ ถึงตาย แม้กระทั่งรอดตาย ก็วนเวียนอยู่ในโรงพยาบาล แต่แปลกที่คนไทยไม่ค่อยได้นึกถึงแพทย์ พยาบาล ตอนป่วยเข้าก็ไปหาหมอที่ดีที่สุด บุคลากรทางการแพทย์ทำงานกันหนักมาก พอหายแล้ว กลับคิดว่ารอดเพราะบุญ เพราะบนบานศาลกล่าว เลยไปปล่อยนก ปล่อยปลา สร้างซุ้มประตูวัด แทนที่จะกลับไปตอบแทนโรงพยาบาล ทั้งที่จริงๆ แล้วหากทำบุญไหว้พระอย่างเดียวแล้วหายป่วย ทั่วประเทศก็ไม่ต้องมีหมอ ขนาดพระป่วย ยังต้องหาหมอ”


ภาพจำลองศูนย์ระบบทางเดินอาหารและส่องกล้อง


ชวน’พระสงฆ์’บริจาค-ชี้ทางญาติโยม

เจ้าคุณพิพิธยังกล่าวอีกว่า พระสงฆ์ซึ่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลจนหายดี แต่มีน้อยรูปที่จะกลับมานึกถึงโรงพยาบาล เพราะฉะนั้น มองว่าพระสงฆ์ระดับตั้งแต่เจ้าคณะจังหวัดลงไปที่เคยได้รับการรักษาและรู้ตัวเองว่าวันหนึ่งก็ต้องอาพาธ ควรบริจาคให้โรงพยาบาลด้วยตนเอง รวมถึงชวนญาติโยมเป็นกุศล พุทธศาสนิกชนเองก็ขอให้ตั้งเกณฑ์รายจ่ายว่าใน 1 ปี จะหยอดกระปุกเก็บเงินเก็บทองไว้บริจาค

“อยากให้พระคุณเจ้าที่มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะๆ ชักชวนญาติโยมให้บริจาค ให้ทำบุญในแนวทางนี้ด้วย”


ศูนย์รังสีวินิจฉัยเมื่อแล้วเสร็จจะมีห้องเอกซเรย์ระบบดิจิทัล ห้องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบถ่ายภาพต่อเนื่อง และห้องตรวจอวัยวะสนามแม่เหล็กกำลังสูง

อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัยช่วยให้การวินิจฉัย บำบัด รักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถร่วมบริจาคได้ที่ “ศิริราชมูลนิธิ”และอีกหลายช่องทาง


อานิสงส์ยิ่งใหญ่เทียบ ‘ปัญจมหาบริจาค’

หนึ่งคำถามที่พุทธมามกะคงอยากรู้ ว่าอานิสงส์ของการทำบุญกับโรงพยาบาลจะยิ่งใหญ่อลังการทัดเทียมสร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญหรือไม่ พูดง่ายๆ ว่าบริจาคแล้วจะ ‘ได้บุญ’ มากน้อยแค่ไหน?

“การบริจาคให้โรงพยาบาลเป็นการสร้างประโยชน์มหาศาลต่อมนุษยชาติโดยไม่เลือกหน้า ไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา นับเป็นทาน เป็นอานิสงส์ของพระโพธิสัตว์เจ้า ดังเช่นเจ้าแม่กวนอิมที่ทรงช่วยเหลือผู้คน พระพุทธเจ้าครั้งเสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร บุญใหญ่จริงๆ ถ้าเป็นทานบารมี มี 5 ประการ ได้แก่ 1.ทานบริจาค คือการบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือคนขาดแคลน 2.บริจาคอวัยวะ 3.บริจาคชีวิต แม้แต่พวกป่อเต็กตึ๊ง ผจญเพลิง ลงน้ำ ตัวเองเป็นตายไม่รู้ แต่ชีวิตที่ตัวเองช่วยนั้นรอด ก็ถือว่าได้ทำทานยิ่งใหญ่นี้ 4.บริจาคลูกเป็นทาน 5.บริจาคภรรยาเป็นทาน ทั้ง 5 ประการนี้ คือปัญจมหาบริจาค เป็นทานของโพธิสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นคนเชื้อชาติ ศาสนาใดก็ตาม ถ้าทำอย่างนี้ นี่คือโพธิสัตว์”


บัตรดรรชนีซึ่งสมเด็จพระบรมราชชนกจัดทำเป็นหมวดหมู่เพื่อประโยชน์การค้นคว้าทางการแพทย์


เจ้าคุณพิพิธอธิบายเพิ่มเติมว่า เงินเป็นทรัพย์ เมื่อบริจาคเงินก็คือทานบริจาค ส่วนการบริจาคอวัยวะ ก็เป็นสิ่งที่ทำได้ โดยปัจจุบันโรงพยาบาลต่างๆ เปิดรับบริจาคอวัยวะ รวมถึงร่างกายหลังเสียชีวิตเพื่อการศึกษา หรือแม้แต่การ บริจาคเลือด ก็เข้าข่าย โดยมองว่าเป็นอวัยวะที่ละเอียดที่สุด ทำเลียนแบบไม่ได้ เลือดคือชีวิต ส่วนการบริจาคลูกและภรรยานั้น เมื่อเรามีส่วนในการช่วยเหลือโรงพยาบาล ภรรยาและลูกผู้อื่นเดินทางมารักษาแล้วหายป่วยเท่ากับการคืนภรรยาให้สามี คืนลูกให้พ่อแม่ ก็เป็นบุญเช่นกัน

“มีโยมรายหนึ่ง รู้จักกัน เป็นคนในตระกูลเก่าแก่ มาสวดมนต์ไหว้พระ แกจะหยอดแค่ตู้ ไม่ได้ทำบุญกับวัดคราวละมากๆ แต่บริจาคให้โรงพยาบาลทีละ 2-3 ล้าน อายุยืนทั้งตระกูล วัย 90 แล้ว ยังเดินขึ้นวิหารปร๋อ เมื่อบริจาคแล้วทำให้ได้อานิสงส์ ตนเองและลูกหลานสุขภาพแข็งแรง นอกจากอานิสงส์ ซึ่งอาจมองไม่เห็นในปัจจุบัน แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นนั้น มองเห็นทันที”

ถามว่า หากสนใจช่วยเหลือโรงพยาบาล ควรบริจาคที่ไหน และอย่างไร?
เจ้าคุณพิพิธตอบว่า ที่ใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลที่ตนเองเพิ่งเข้ารับการรักษาจนหายดี รวมถึงคุณแม่แรกคลอด ก็อยากให้นึกถึงโรงพยาบาล


ศิริราช ยืนหยัดเป็นสถาบันทางการแพทย์สำคัญของประเทศมานานกว่า 120 ปี พัฒนารุดหน้าในแต่ละยุคสมัยอย่างไม่หยุดยั้ง ช่วยผู้คนมากมายพ้นจากความป่วยไข้และการสูญเสีย (ภาพเก่าอาคารพักผู้ป่วย และการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำครั้งอหิวาต์ระบาด)


นวมินทรบพิตร 84 พรรษา โครงการสุดท้ายในหลวงรัชกาลที่ 9

เจ้าคุณพิพิธยังกล่าวถึง อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นโครงการสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานแนวทางการแก้ปัญหาผู้ป่วยจำนวนมาก อาคารดังกล่าวใช้งบประมาณ 5,000 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 3,000 ล้านบาท โดยยังต้องมีเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ซึ่งจะใช้งบราว 1,800 ล้านบาท ที่ผ่านมาจึงมีการขอรับบริจาค และล่าสุด ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเงิน 100 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายสมุดภาพไดอารี่ ภาพการ์ตูนฝีพระหัตถ์ เพื่อสมทบทุนก่อสร้างอาคาร ทั้งยังมีพระราชประสงค์ให้สามารถใช้ดูแลผู้ป่วยด้อยโอกาสทุกคน

สำหรับความคืบหน้าในขณะนี้ มีเงินแล้ว 3,200 ล้านบาท สามารถสร้างอาคารได้ โดยคาดว่าจะเปิดบริการได้ 8 ชั้นก่อน ในเดือนสิงหาคม 2561 และจะแล้วเสร็จทั้งหมดราวเดือนมีนาคม-เมษายน 2562

ทางศิริราชจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมสมทบทุนชวนบริจาคซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ โดยประชาชนสามารถบริจาคเป็นเงินหรือครุภัณฑ์ก็ได้

เจ้าคุณพิพิธคือหนึ่งในผู้บริจาค ซึ่งอยากเชิญชวนญาติโยมให้ร่วมกันบริจาค โดยนอกจากได้ช่วยเหลือผู้ป่วยแล้ว ยังเป็นการจารึกในใจตนเองว่าได้ทำบุญถวายเป็นพระราชกุศลแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 รวมถึงร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 ผู้อุทิศทั้งพระราชทรัพย์และพระวรกายเพื่อการแพทย์ โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมาคือ วันมหิดล


ที่ระลึกงานพระเมรุสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าศิริราชกกุธภัณฑ์ที่มานาม”ศิริราช”ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้เร่งก่อสร้างด้วยทรงตระหนักถึงภัยโรคร้ายที่คุกคามไม่เว้นแต่พระราชโอรส


“เรามีโรงพยาบาลศิริราชที่ทันสมัย ล้ำหน้าในโลกด้วยฝีมือของแพทย์ อยากให้คนไทยนึกถึงอุปการะคุณของโรงพยาบาล และที่สำคัญคือพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 ผู้มีพระราชกรณียกิจมากมายทางด้านการแพทย์ ทรงลาออกจากกองทัพเรือแล้วศึกษาวิชาการสาธารณสุขและการแพทย์ พระราชทานทุนเพื่อการศึกษาค้นคว้า พระราชทานทรัพย์สร้างอาคาร และขยายพื้นที่โรงพยาบาลศิริราช ปรับปรุงการศึกษาแพทย์ พยาบาล ทรงมีส่วนร่วมในการพิจารณาพระราชบัญญัติการแพทย์ พ.ศ.2566 ทรงเห็นความเจ็บป่วยซึ่งเป็นความเจ็บปวด การพลัดพรากจากจร การตายจากเป็นความเจ็บปวดของผู้ยังมีชีวิตอยู่”

เจ้าคุณพิพิธย้ำว่า ไม่ใช่แค่ที่ศิริราช แต่สามารถบริจาคให้โรงพยาบาลใดก็ได้ เพื่อให้โรงพยาบาลทุกแห่งในไทยก้าวหน้า โดยเฉพาะโรงพยาบาลเล็กๆ ผู้มีอันจะกินที่เคยทำบุญกับวัดคราวละมากๆ สามารถสร้างกุศลอีกทางด้วยการดูแลโรงพยาบาลเหล่านี้ เมื่อมีเครื่องมือแพทย์พร้อม และทันสมัย ชีวิตคนก็อยู่ได้ ผู้บริจาคก็ภาคภูมิใจ นี่คือ การทำสาธารณกุศลที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน



อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา เมื่อสร้างเสร็จจะมี 25 ชั้น พื้นที่อาคารราว 70,000 ตารางเมตร มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์ สามารถรองรับการรักษาผู้ป่วยนอกราว 500,000 รายต่อปี มีหอผู้ป่วยสามัญ 376 เตียง รองรับคนไข้ราวปีละ 20,000 ราย สำหรับหอผู้ป่วยวิกฤต มี 62 ห้อง มีหน่วยตรวจต่างๆ ได้แก่ ตรวจโรคทั่วไป และโรคเฉพาะทางด้านอายุรกรรม การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษต่างๆ อาทิ ระบบทางเดินอาหารและตับ, ประสาทวิทยา, โรคไต, โรคด้านจิตเวช, กระดูกและข้อ, ด้านรังสีวินิจฉัย, ด้านรังสีรักษา เป็นต้น

เมื่อแล้วเสร็จ จะเป็นศูนย์กลางให้บริการทางการแพทย์เฉพาะทางที่ทันสมัย ครบวงจร เพิ่มคุณภาพการบริการและอำนายความสะดวกแก่ประชาชนทุกหมู่เหล่าอย่างเสมอภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

     - สามารถเดินทางไปบริจาคด้วยตนเองได้ทุกวัน ที่ ‘ศิริราชมูลนิธิ’ ตึกมหิดลบำเพ็ญ ชั้น 1 คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ
     - บริจาคทางไปรษณีย์ เช็คขีดคร่อม A/C PAYEE ONLY สั่งจ่ายศิริราชมูลนิธิ, ธนาณัติ ในนาม ศิริราชมูลนิธิ สั่งจ่าย ปท.ศิริราช
     - นอกจากนี้ ยังมีช่องทางบริจาคผ่านธนาคารอีกหลายแห่ง อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาศิริราช เลขที่บัญชี 016-4-375-44-4
     - รายละเอียดเพิ่มเติม www.si.mahidol.ac.th โทร 0-2419-7658-10, 0-2419-7688 ต่อ 101-104


ที่มา : หน้าประชาชื่น มติชนรายวัน
ผู้เขียน   : พรรณราย เรือนอินทร์
เผยแพร่ : วันที่ 5 ตุลาคม 2560
ขอบคุIภาพและเนื้อหาจาก : https://www.matichon.co.th/news/686012
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา