ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ( ที่บอกว่าไม่มีเวลาภาวนา คือ อะไรกันแน่ )  (อ่าน 1527 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
( ที่บอกว่าไม่มีเวลาภาวนา คือ อะไรกันแน่ )
ถาม จำเป็นต้องเรียนรู้ พระธรรม มากมายเพือภาวนา ไปสู่ นิพพาน หรือป่าวครับ เพราะผมเอง ก็เริ่มสับสนแล้วว่า ทำไมพระธรรม ลึกซึ้ง ต้องเรียนต้องฟัง มากมายสุดหยั่งคาดเลยครับ ไม่เรียนได้หรือป่าวครับ
ตอบ ก็อย่าคิดว่าเป็นการเรียน พระธรรมไม่ได้มีในห้องเรียน แต่ พระธรรม คือชีวิต ตราบใดที่เรายังมีชีวิต ตราบนั้นก็ยังอยู่กับ พระธรรม แต่พระธรรม จะมีได้ต้องตระหนักรู้ก่อน ถึงจะมีได้ ถ้าไม่เข้าไปตระหนัก พระธรรมก็มีไม่ได้ เพราะพระธรรมอาศัย สติ ถ้าบุคคลตระหนักชีวิต มี สติ ระลึกได้ สัมปชัญญะ รู้ตัว มีความละอายแก่ใจต่อบาป เกรงกลัวต่อการสร้างบาปอกุศล อย่างนี้ก็ไม่ต้องเรียนแล้ว เพราะว่า พระธรรมซึมซับเข้าไปสู่ จิตวิญญาณแล้ว คนที่มีพระธรรม ซึมซับเข้าไปสู่จิตวิญญาณ ไม่มีทางที่จะท้อถอย ต่อ การภาวนา ต่อการสร้างกุศล ที่มันท้อถอยเป็นเพราะว่า พระธรรมยังไม่ซึมซับเข้าไป ยังมีเรื่องได้ เรื่องเสีย เรื่อง พอใจ และ ไม่พอใจ เจอลำบากนิด ทรมานหน่อย ก็หนีกันไป บอกว่ายุ่งยาก ขอใช้ชีวิต ตามใจชอบ ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็ลำบาก
สำหรับหัวข้อธรรม ไม่ใช่หัวข้อเรียน แต่เป็นหัวข้อที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตามระดับให้เหมาะสม
จะเรียนน้อยอย่าง พระจูฬปันถก ก็ทำได้ แต่ต้องเกิดให้ถูกจังหวะ ต้องมาให้ถูกเวลา พระจูฬปันถก ความจำสั้น แต่สั่งสมบุญนี้ เกิดในยุคของพระพุทธเจ้า และได้พระพุทธเจ้าเป็นครู สอนธรรมเป็นพิเศษ การสอนของพระพุทธเจ้า นั้นผ่านการกลั่นกรอง ด้วย ฤทธานุภาพ แล้ว อันคนทั่วไปไม่สามารถเลียนแบบได้ ดังนั้นถึงแม้จะให้ภาวนาแบบ ที่พระพุทธเจ้า สอนจูฬปันถก นั้นให้ทำสิบปี หรือ ทั้งชาติ ก็ไม่มีทางทำได้อย่างพระจูฬปันถก เพราะ ไม่มีพุทธบารมีช่วยเหลือ สนับสนุน
เวลานี้อาจจะไม่ใช่เวลา ของ อรหัง เลย
แต่เวลานี้ครูท่าน บอกว่า เป็นเวลา ของ สุปฏิปันโน เท่านั้นการสอนศิษย์มุ่งหวังเพียงให้ศิษย์ได้ คุณธรรมส่วนนี้ก่อนในปัจจุบัน
ขอให้ท่านทั้งหลาย หมั่นเจริญสวดคาถา อย่าได้ขาด
หมั่นภาวนา พุทโธ ให้บ่อยครั้งหน่อย
หมั่นพิจารณาธรรม จากลมหายใจเข้า จากลมหายใจออกให้ยิ่งขึ้น
หมั่นเจริญกุศล ทาน และ ศีล ให้มั่นคงเป็นนิสัย
ครั้นเวลาผ่านไปใน ชาติปัจจุบันก็จะได้ไม่ขัดข้องจิต ไม่ลำบากเกินไป พอกินพอใช้พออยู่พอได้ มีเวลาสั่งสมคุณธรรมไปยิ่งขึ้น
ชีวิตเรามี 24 ชม ต่อ วัน
คนทั่วไป ใช้เวลาไปกับการนอน 8 - 12 ชม. ต่อวัน
ใช้เวลา ในการทำงาน เพียง 4 - 8 ชม ต่อวัน
ใช้เวลากับการพักผ่อนในเวลาต่าง ๆ มากกว่า 4 - 5 ชม ต่อวัน
วันหนึ่งภาวนาเพียง 30 นาที หรือน้อยกว่า อาทิตย์หนึ่ง ภาวนาแค่ 210 นาที
หรือ แค่ประมาณ 3 ชม เท่านั้น
ถ้าใครทำน้อยกว่า ก็ต่ำกว่า ดังนั้นเดือนหนึ่ง มี 720 ชม ภาวนาทั้งเดือนแค่ 12 -15 ชม เท่านั้น นอกนั้นใช้เวลา ไปกับเรื่องต่าง ๆกิจกรรมต่าง ๆ มากมายตามแต่ชีวิตแต่ละคน
ปีหนึ่ง มี 8760 ชม
ภาวนา 182.5 ชม น้อยหรือมาก แล้วที่บอกว่า ทำภาวนามากคือ อะไร ทำจริงหรือไม่ ภาวนาเพียงเล็กน้อย อย่างนี้ แค่พอกพูนนิสัยเท่านั้นไม่สามารถไปสู่กับ ดับทำลายกิเลสได้ เพราะน้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จะไปสู่การเป็น พระอริยะบุคคลต้องภาวนามากกว่า 50 เปอร์เซ้นต์ ถึงจะเป็นไปได้
เราปล่อยเวลา ไปกับเรื่องต่าง ๆ ปีหนึ่ง 5840 ชม นอน 2920 ชม อย่างนี้มาตลอดทุกปี การภาวนาเพียงเล็กน้อย ก็แค่สร้างอุปนิสัยทางธรรมเท่านั้น นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ หลายท่าน เวลาทุกข์ ก็ทุกข์มากขึ้น เพราะอุปนิสัย หยั่งธรรม มีน้อยเกินไป นั่นเอง
แล้วจะบอกว่าภาวนามากได้อย่างไร
เจริญพร



อ้างอิง จาก คณิตศาสตร์ ชีวิต
จากตาราง จำเป็น นะ เวลานอน 8 ชม หลายท่านก็เจียดเวลา ไปดูหนัง ละคร การเล่น เที่ยวกลางคืน ปาร์ตี้ เล่นการพนัน เที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ทำให้นอนน้อย นั่นคือเวลาที่เจียดให้กับ กิเลส อวิชชา นี่แหละ เรียกว่า ทาสอวิชชา เพราะคิดว่า สนุกสนาน
จากตารางการ ทำงาน 8 ชม หลายท่าน บางคนก็อู้งาน นั่งเล่นเรื่อยเฉื่อย แอบหลับ แอบงีบ แอบเที่ยว มาตอกบัตร เซ็นต์ชื่อแล้วก็ออกไป ก็มีเยอะแยะ บางครั้งกิจกรรมที่ทำงาน ก็ให้สันทนาการ พาเที่ยว พาเพลิดเพลิน อบรม เรียน ไปด้วย ก็กินเที่ยวไปใน ตัว แอบใช้เวลางานกันทุกคนไปตามศักยภาพ ที่ตนเองทำได้ ไม่มีทำงานเต็ม 8 ชม จริง ๆ แม้ คนที่ทำงานต่องาน ก็ยังต้องพักในเวลางาน เช่นกัน แล้วเวลาที่พักทำอะไรกัน เพลิดเพลิน พูดคุย สัพหยอก หยอกล้อ ปล่อยจิต เวลาเหล่านี้ ควรจะแบ่งมาใช้ สร้างพลังจิต ระลึกรู้ลมหายใจเข้า ระลึกรู้ลมหายใจออก ให้มากยิ่งขึ้น
ที่หลายคนบอกว่า ไม่มีเวลาภาวนา นั้นเพราะทุกคน ไม่ต้องการชนะ อวิชชา ไม่สามารถชนะ อุปนิสัยในสังสารวัฏได้
ดังนั้นการสวดคาถา พญาไก่แก้ว จึงเป็นการสร้างอุปนิสัย ทางธรรมทางอ้อม ให้แก่ท่านที่ยังไม่มั่นคงได้มั่นคง ในธรรมมากขึ้นไม่ปล่อยเวลาไร้สาระมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ขอให้ท่านทั้งหลาย ถ้าภาวนาอะไรไม่ได้ ก็สวดคาถาให้มากขึ้นยิ่งขึ้น จะสวดเพื่ออะไร ก็แล้วแต่ปรารถนา แต่ทางกรรมฐานแล้ว การสวดมีผลต่อการภาวนา มากนัก
เจริญพร
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ( ที่บอกว่าไม่มีเวลาภาวนา คือ อะไรกันแน่ )
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2017, 08:16:09 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา