ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พระไตรปิฏก มรดก 9 แผ่นดิน แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ - อนุรักษ์พระไตรปิฎกใบลาน(MPSC)  (อ่าน 486 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



พระไตรปิฏก มรดก 9 แผ่นดิน แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ - อนุรักษ์พระไตรปิฎกใบลาน(MPSC)

มรดกแผ่นดินอันงดงามทรงไว้ซึ่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการบันทึกสืบทอดในรูปแบบต่างๆ ในยุครัตนโกสินทร์ภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งบูรพกษัตริย์ทั้ง ๙ รัชกาลแห่งราชวงศ์จักรี

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ทรงสถาปนา“กรุงเทพมหานคร” เป็นเมืองหลวงของราชธานีจวบจนปัจจุบัน นับเป็นเวลาสองร้อยกว่าปีที่ปวงชนชาวไทยได้อยู่เย็นเป็นสุขภายใต้พระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ครองแผ่นดินทั้ง ๙ พระองค์

พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนและองค์เอกอัครศาสนูปถัมภกผู้ยอยกให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ทรงใช้หลักธรรมในการบริหารปกครองประเทศให้ก้าวหน้าและรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ทั้งหลาย และทรงสนับสนุนให้มีการสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกอันเป็นคัมภีร์หลักของพระพุทธศาสนามาอย่างตลอดต่อเนื่องเพื่อหยั่งรากพระธรรมคำสอนให้แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินธรรม



หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายราชธานีจากกรุงธนบุรีมาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว โปรดเกล้าฯ ให้สานต่องานรวบรวมคัดลอกคัมภีร์พระไตรปิฎกที่พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงริเริ่มไว้แต่ครั้งกรุงธนบุรี แต่สิ้นรัชกาลก่อนที่คัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหอหลวงจะเสร็จสมบูรณ์

แต่กระนั้นข้อความในพระไตรปิฎกฉบับหลวงที่รวบรวมขึ้นใหม่นี้ยังคลาดเคลื่อนอยู่มาก จึงโปรดเกล้าฯให้กระทำการสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้งแรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ณ วัดนิพพานาราม โดยนำคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหอหลวง ที่ทรงให้สร้างขึ้นก่อนหน้านั้นมาตรวจสอบ พระไตรปิฎกชุดนี้จึงเรียกว่า ฉบับสังคายนา หรือ ฉบับครูเดิม และเรียกฉบับที่จารจารึกหลังการสังคายนาว่า ฉบับทองใหญ่

ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ รับสั่งให้สำรวจตรวจสอบคัมภีร์พระไตรปิฎกที่ประดิษฐาน ณ หอพระมณเฑียรธรรม ทำให้พบว่าคัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงบางชุดได้สูญหายไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงขึ้นซ่อมแซมฉบับที่สูญหายไปจนครบบริบูรณ์และได้สร้างคัมภีร์ใหม่ขึ้นอีกฉบับ เรียกว่า ฉบับรดน้ำแดง



เพราะเหตุที่ทรงให้การสนับสนุนทั้งการศึกษาภาษาบาลีและอักขระอื่นๆ ได้แก่ อักษรสิงหลและอักษรมอญไปควบคู่กัน เพื่อประโยชน์ในการปริวรรตถ่ายถอดภาษาบาลีที่จารลงในใบลานด้วยอักษรมอญและสิงหลให้เป็นอักษรขอมอย่างถูกต้องแม่นยำ

เมื่อล่วงเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ตอนกลางพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงมีบทบาทในการสร้างพระไตรปิฎกตั้งแต่สมัยดำรงอยู่ในสมณเพศตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาพระไตรปิฎกอย่างละเอียดถี่ถ้วน



ทรงรับเป็นธุระตรวจสอบคัมภีร์พระไตรปิฎกที่มีในแผ่นดิน และโปรดเกล้าฯให้สร้างซ่อมแซมจนครบบริบูรณ์ โดยให้เสาะหาคัมภีร์จากต่างประเทศมาเทียบเคียงและเสริมส่วนที่ขาดหายให้สมบูรณ์ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เสาะหาคัมภีร์จากต่างประเทศมาเทียบเคียงและเสริมส่วนที่ขาดหายให้สมบูรณ์ โปรดเกล้าฯ ให้สมณทูตไปอัญเชิญคัมภีร์พระไตรปิฎกจากลังกามาสู่สยาม

ขณะเดียวกันหากคัมภีร์ใดไม่มีในลังกาก็ทรงให้พระภิกษุสงฆ์ชาวสิงหลแลกเปลี่ยนไปคัดลอกได้ เป็นการค้นคว้าแลกเปลี่ยนความรู้ทางพระพุทธศาสนาและเจริญสัมพันธ์ไมตรีระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นขึ้น



ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคัมภีร์ใบลานหลวงด้วยอักษรขอมตามธรรมเนียมปฏิบัติแห่งพระมหากษัตริย์ราชวงศ์จักรี และมีพระบรมราชโองการให้พิมพ์พระไตรปิฎกจุลจอมเกล้าบรมธรรมิกมหาราช ร.ศ. ๑๑๒ จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด ชุดละ ๓๙ เล่ม พระราชทานไปยังวัดต่างๆ ในประเทศไทยและสถาบันการศึกษากว่า ๒๖๐ สถาบัน ๓๐ ประเทศทั่วโลก

การเปลี่ยนวิธีการบันทึกพระไตรปิฎกจากการจารจารึกลงในใบลานเป็นการพิมพ์ด้วยกระดาษเย็บเข้าเล่มเป็นหนังสือ และเปลี่ยนอักษรที่บันทึกเนื้อความจากอักษรขอม ซึ่งถือเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณกาลมาเป็นอักษรสยาม นับว่ามีนัยยะสำคัญในการแสดงอำนาจทางอารยธรรมและภูมิปัญญาของชาวสยามให้เป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ

เนื่องจากขณะนั้นสยามประเทศกำลังประสบปัญหาการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ดังนั้นพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์จึงทรงคุณค่าแห่งการสืบทอดพระพุทธศาสนาและเป็นส่วนหนึ่งแห่งการรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มภาคภูมิ



ต่อมา สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงอาราธนาสมเด็จพระสังฆราชให้ทรงเป็นแม่กองชำระคัมภีร์อรรถกถา แล้วทรงบริจาคพระราชทรัพย์ให้จัดพิมพ์อรรถกถาพระไตรปิฎกเป็นเล่มสมุดพระราชทานในราชอาณาจักร ๒๐๐ จบ และพระราชทานในนานาประเทศ ๔๐๐ จบ

ทั้งทรงสนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณร และรับสั่งให้เปลี่ยนระบบการสอบบาลีสนามหลวงจากการสอบปากเปล่ามาเป็นการสอบด้วยวิธีเขียน ตั้งแต่ประโยค ๑-๙ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ยุครัตนโกสินทร์ตอยปลายพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐสืบต่องานซึ่งพระบรมชนกนาถ รัชกาลที่ ๕ ทรงริเริ่มไว้ ๓๙ เล่ม ให้สมบูรณ์ครบทั้ง ๔๕ เล่ม เพื่อบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมเชษฐาธิราช

ทรงกราบอาราธนาพระภิกษุสงฆ์และโปรดเกล้าฯ ให้ข้าราชบริพารและประชาชนทั่วไปมีส่วนในการสถาปนา ตราสัญลักษณ์หน้าปกรูปช้างจึงสื่อความหมายว่า พระไตรปิฎกฉบับนี้เป็นของชาวไทยทุกคน



ต่อมา รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ เริ่มมีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษาไทย มีทั้งพระไตรปิฎกแปลโดยอรรถและพระไตรปิฎกแปลโดยสำนวนเทศนา แต่กระทำได้ไม่เสร็จสมบูรณ์ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ จึงทรงสืบสานดำเนินงานแปลพระไตรปิฎกที่ค้างมาตั้งแต่สมัยพระบรมเชษฐาจนเสร็จสมบูรณ์

ฉบับแรก คือ พระไตรปิฎกภาษาไทย เป็นพระไตรปิฎกแปลโดยอรรถ และพระไตรปิฎกฉบับหลวงแปลโดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน นอกจากนี้ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีหลายหน่วยงานจัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับต่างๆ ขึ้น เนื่องในวาระต่างๆ อาทิ พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย พระไตรปิฎกบาลี-ไทย ฉบับภูมิพโลภิกขุ และพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน มหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นต้น



พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทุกพระองค์ทรงนำชาติให้พัฒนาและก้าวผ่านภยันอันตรายต่างๆ
ด้วยพระปรีชาสามารถ ทรงนำหลักการทางพระพุทธศาสนามาบริหารแผ่นดินให้พสกนิกรชาวไทยอยู่
อย่างร่มเย็นเป็นสุข ทั้งยังทรงปฏิบัติพระองค์เป็นแบบอย่างของพุทธศาสนิกชนที่ดี

นอกจากนี้ยังทรงมอบสมบัติล้ำค่า คือ พระไตรปิฎกที่บรรจุคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ให้ลูก
หลานได้ศึกษาเรียนรู้ เป็นตำรานำทางชีวิตที่มีทั้งความสวยงามเชิงศิลป์ แสดงถึงอารยธรรมของ
ประเทศ และเป็นประจักษ์พยานที่แสดงให้ทั่วโลกเห็นว่า แผ่นดินแหลมทองของไทยนั้นงดงามด้วย
ความเป็นไทยและแสงแห่งธรรม






อ้างอิง :-
- ก่องแก้ว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์.
กรุงเทพ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.
- พระไตรปิฎกใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว / แม่ชีวิมุตติยา (สุภาพรรณ ณ บาง
ช้าง). กรุงเทพ : บริษัท คราฟแมนเพรส จำกัด, ๒๕๕๗.
- สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. พัฒนาการของอักษรไทย. กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์พระพุทธศาสนา, ๒๕๕๖.
- สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. วิวัฒน์การอ่านไทย. กรุงเทพฯ :โรง
พิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, 2556.
- กลุ่มอนุรักษ์และศึกษาคัมภีร์พระไตรปิฎกใบลาน (MPSC) โครงการพระไตรปิฎกวิชาการ ภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิสถาบันธรรมชัย

Thank to : https://today.line.me/th/v2/article/VxYEnK2
เผยแพร่ 12 มิ.ย. เวลา 12.00 น. • อนุรักษ์พระไตรปิฎกใบลาน(MPSC)
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ