ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บุญไม่ช่วย (เสียงเทศน์) พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ  (อ่าน 7538 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 เรื่อง  บุญไม่ช่วย  (เสียงเทศน์) พระอาจารย์สมภพ  โชติปัญโญ
      ขอความผาสุกทุกประการ ขอจงบังเกิดมีแด่ท่านผู้มีบุญ และท่านผู้แสวงบุญทั้งหลายโดยทั่วกันทุกท่านทุกคน ณ โอกาสนี้ เวลาของเราขณะนี้ สองโมงยี่สิบคงยังไม่สายเกินไป  ก่อนที่เราจะรับอาหาร หลังจากท่านทั้งหลายได้กล่าวถวายมหาสังฆทานไปแล้วตามประเพณีของพระอริยะเจ้าในทางพระพุทธศาสนา  พระพุทธเจ้าของเราพระองค์ทรงพร่ำสอนอยู่บ่อย ๆ ว่า ภิกษุทั้งหลาย  คฤหัสถ์   ญาติโยม ชาวบ้าน  เป็นผู้มีอุปการะเกื้อกูลแก่พวกเธอเป็นอันมาก ด้วยปัจจัยสี่ จีวร บิณฑบาต  เสนา อาสนะ ที่อยู่อาศัย แม้พวกเธอทั้งหลายก็จงเป็นผู้มีประโยชน์ เกื้อกูลแก่บุคคลเหล่านั้น ด้วยกันตอบสนองบุญที่กระทำ  ด้วยการแสดงธรรม  อันนี้เป็นการเกื้อกูล ตอบสนองต่อกันและกัน ทุกครั้งทุกเวลา  พระสงฆ์ทางพระพุทธศาสนา เมื่อท่านได้รับปัจจัยไทยทาน สังฆทาน ตลอดทั้ง อามีสทานต่าง ๆ  ท่านจะต้องให้พร คือ การแสดงธรรม ก่อนที่จะรับหรือบางครั้งรับแล้วหรือแสดงทีหลัง   อันนั้นเป็นการตอบแทนซึ่งกันและกัน  ท่านเปรียบเสมือนพระสงฆ์นี้ เหมือนแมลงภู่  แมลงผึ้ง บินไปดูดเอาน้ำหวานจากดอกไม้  แต่ไม่ทำดอกไม้มันชอกช้ำ  ไม่ทำกลีบ ให้สี  ให้กลิ่น ดอกไม้ชอกช้ำ มันสูญเสีย ดูดเอาเพียงความหวาน แต่จะต้องผสมเกสรให้ดอกไม้นั้น ได้ติดลูกติดหมาก ต่อไป แล้วจึงบินจากไป คือเอาประโยชน์และก็ให้ประโยชน์ ผสมเกสร เดี๋ยวนี้หมายความว่าจิตใจของท่านนั้นเปรียบเสมือนหมู่มวลบุปผาชาติ ที่กำลังเบ่งบาน การเบ่งบานขึ้นมานั้นคือ บานด้วยบุญ ด้วยกริยาแห่งบุญ ที่นี้ผสมเกสรด้วยเบ่งบานเป็นผลเป็นหมาก ให้บุญนี้กลายมาเป็นกุศล ให้บุญกลายมาเป็นกุศล  บุญกับกุศลไม่ใช่ตัวเดียวกันนะ
บุญนั้น คือ ความดี ความสุขใจ ความเย็นใจ ความสบายใจ ความอิ่มใจ ความเบิกบานใจ นี่คือสภาพแห่งบุญ   ส่วนกุศลนั้น คือ ความรู้ ความเข้าใจ ความฉลาด ในข้อที่คิด กิจที่ทำ คำที่กล่าวออกมา
       วัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายที่กระทำนั้น จะต้องเข้าใจ บุญ จะท่านสูงสุดไปจนถึงสวรรค์ สุดที่บุญจะส่งไปถึงคือพระนิพพาน บุญจะเป็นปัจจัยส่งไปถึงสวรรค์และเป็นบันไดต่อไป แต่ส่วนที่จะรับช่วงบุญต่อไปสู่พระนิพพาน คือ กุศล  คือความฉลาด คือความเข้าใจ
       เมื่อกี้นี้ท่านอาจารย์ มหาประสิทธิ์หัวหน้ามคทายก ขอให้เป็นปัจจัยเพื่อพระนิพพาน  ทำอย่างไรจะส่งบุญถึงพระนิพพาน อันนี้เราไม่หลง ไม่หลงประเด็น ประเด็นแห่งบุญในทางพระพุทธศาสนา ประเด็นในสมัยพระเจ้ามหาราชาลิไทย ที่ได้พูดมาเมื่อคืนนี้ สมัยนั้นเข้มข้นมาก กระแสวัฒนธรรมสมัยนั้นเข้มข้นมาก คือพระนิพพาน จะทำอะไรก็ทำอะไรเป็นปัจจัยเพื่อพระนิพพาน
       ประเด็นในทางพระพุทธศาสนาสมัยก่อน คือ พระนิพพาน  มาถึงสมัยกรุงศรีอยุธยาก็จะเจือจางลง จะมุ่งหมายไปสู่ ยุคพระศรีอาน พระศรีอริยเมตไตรย  ยิ่งถึงกรุงสมัยรัตนโกสินธุ์จางลงมาก ๆ  จะมุ่งสู่สวรรค์ ดิบ ๆ คือจะกินดิบ ๆ จะเอาดิบ ๆ เลย พอจะทำบุญปั๊บก็ขอจะให้ถูกเลข ถูกหวย  เมื่อไม่ถูกก็จะเสียใจ  เมื่อเสียใจแล้วก็จะใจเสีย ใจเสียกับเสียใจนี้ไม่ใช่อันเดียวกันนะ 
       เมื่อคืนนี้ฝนตก  ท่านทั้งหลายบางคนก็วิ่งออกหอบกลดหอบมุ้ง ไปหาพักที่หลบที่ซ่อน  เสียใจ
แต่ เมื่อเช้านี้ใจเสีย  ไม่ใช่เพียงแต่หอบไปหาที่หลบที่ซ่อน  เมื่อเช้าหอบกลับบ้านเยอะแยะไปหมด  นั้นแสดงว่าใจเสีย ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวซะแล้ว 
       เมื่อคืนนี้ก่อนที่จะแสดงธรรม แสดงอากาศวิปริตร  อาตมาก็ได้นิมนต์พระสงค์องค์เจ้าทั้งหลาย  ท่าน ท่านได้พากันสาธยายสวด เทวตานุโมธนาคาถา ให้เทวดามาช่วย  มาร่วมอนุโมทนา มาชื่นชมยินดี ในบุญในกุศลที่เราทำ แล้วก็ขอร้องให้ท่านมาช่วยบอกว่า
       จีรังระขันตุสาสะนัง  ขอจงมารักษาศาสนานี้ให้จีรังยั่งยืน และก็มีอีก บทที่สองลงท้ายว่า
       จีรังระขันตุปานิโน   จงมาช่วยรักษาสรรพสัตว์ทั้งหลายให้อยู่เย็นเป็นสุข
       ส่วนบทที่สามลงท้ายกันว่า  จีรังระขันตุโนสะธา   ขอจงมาคุ้มครองพวกเราทั้งหลายให้มีความสุขให้มีความปลอดภัยอยู่ตลอดไป ตอนสุดท้ายโสถธิงขะชันตุ เทวตาคตา  ขอให้เทวดาทั้งหลายจงปลอดภัยแล้วให้ความปลอดภัยสู่ที่นี่แล้วก็จากไปจงกลับไปสู่ที่อยู่ของตน 
ปรากฏว่า เทวาดุภาพก็หลั่งไหลลง มา  ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น  เมื่อคืนนี้ถ้าฝนไม่ตก จะเดือดร้อนที่สุดเลย  ทางข้างนอกหน่วยอำนวยการได้วิทยุกันร้อนรนไปทางอำเภอ ขอให้ทางอำเภอจัดรถดับเพลิง รถน้ำ ทางอำเภอ  และรถน่วยต้านภัยแล้ง  มา มาสองคัน ทางโน้นก็เตรียมมา ก็มาไม่ทัน พวกเรานั่งฟังธรรมกันอยู่ที่นี่ บางคนอาจจะไม่รู้ อาจจะไม่สังเกต ท้องฟ้าแดงฉานขึ้นมาเลย ไฟลามมาถึงเขตวัด  ถึงแดนวัดพอดี  ถ้าฝนไม่ตกลงมา ไฟจะลามฟางที่เราปูมานี่จะเป็นอย่างไรเข้ามา ตอนนี้ไม่ใช่เปียกแล้วจะไหม้ ความเดือดร้อนวุ่นวาย จะเสียหาย   คงจะลำบากมาก แต่พอดีฝนตกมา ถ้าฝนไม่ตก จะไหม้ ต้นไม้  สัตว์เล็กสัตว์น้อยจะตาย  พืชสวนไร่นาจะเสียหาย    คงจะลำบากมาก แต่พอดี้พอดีฝนตกมา ไฟไหมดับ โอบุญนี้มีจริง ๆ เนอะ  ท่านทั้งหลาย เชื่อไหมบุญมี บุญช่วย สิ่งที่เราทำอยู่อย่างนี้มีอนุภาพ บุญที่เราอยู่ในขณะนี้ทำครบวงจร  บุญมีบุญช่วย  สิ่งที่เราทำมีอนุภาพ ถ้าครบวงจร เป็นปัยจัยเพื่อพระนิพพานได้   บุญครบวงจร มีบุญอะไรนั้นมีบุญอะไร
      พระพุทธเจ้าท่านให้ศึกษาบุญให้ดี ๆ พวกเราได้ยิน ได้ยินแต่คำว่า  “ไตรสิกขา” แต่มีอีกอันหนึ่ง          พระพุทธเจ้าเรียกว่า “บุญยสิกขา” เป็นภาษาบาลี   สันสกฤต แปลว่า ศึกษา  ภาษาไทยไม่ได้แปล ภาษาอังกฤษคำว่า เทรนนิ่ง แปลว่า ฝึกฝนบุญนี้ให้ดี ๆ  บุคคลผู้ปรารถนาประโยชน์อันเลิศพึงศึกษาบุญดีให้ดี ๆ ให้เข้าใจ    จงทำกระทำแต่บุญที่มีความสุขเป็นประโยชน์เป็นกำไร บุญที่เป็นความทุกข์เป็นกำไรก็มีนะ  แต่บุญที่เป็นประโยชน์ที่มีกำไรก็มีนะ  สุขก็มีนะ  สุขินทรียัง  โอ้ยมันพูดยาก ปากมันยังไม่คืนสู่ปกติ
จงทำแต่บุญที่มีความสุขเป็นกำไร
      ทานนันจะ คือ การให้ทาน
      สมจริยันจะ คือ การทำตัวเองให้สม่ำเสมอให้สงบสุข  คือ การนั่งสมาธิให้สงบ
      เมตตาจิตันจธวเย  คือ การพยายามพัฒนาจิตตนเองให้เกิดความเมตตาปราณีต่อหมู่สัพสัตว์ 
      รวมกันแล้ว  คือ ทาน ศีล ภาวนา  นั่นเอง  ที่เราได้กระทำอยู่กระทำอยู่ขณะนี้มันครบวงจร   
พระพุทธเจ้าท่านจึงบอกว่าเมื่อบุคคลประกอบด้วยคุณธรรมแล้วสามประการนี้แล้วอันเป็นเหตุ ให้เกิดความสุข  “ตโยสุขังสมุทเย”  นี้และทำให้เกิดประโยชน์สามประการ   “อัฟฟยะปะธัง สุขังโลกัง มันติโตติปมุจติ”  บัณฑิตผู้ประกอบด้วยธรรมสามประการ อันเป็นประโยชน์ให้เกิดความสุข   เช่นนี้ ย่อมเข้าถึงโลกที่มีแต่ความสุข ปราศจากความเบียดเบียนซึ่งกันและกัน  พวกเราได้กระทำอย่างนี้ก็จะมีความสุข
ทีนี้จะกล่าวถึงฝนตกเมื่อคืนนี้หน่อย มันได้ประโยชน์มากเลยเมื่อคืนนี้แต่อย่าพากันไปคิดด่าในใจนะอย่างไปน้อยอกน้อยใจ   
       พระพุทธเจ้า  พระพุทธองค์ให้เรามอง สอง ด้านอย่ามองด้านเดียว   ตะเถเวกัตสะ ตสะมาวาปิ  มองสิ่งเดียวกันนี้แระให้ผลเป็นคุณงามความดี  และสิ่งเดียวกันนี้แระอาจจะให้โทษเป็นสิ่งเลวร้าย สิ่งทั้งหลายทั้งมวลทั้งหมด ในทางดีและผลในทางร้ายให้ถือเอาส่วนที่เป็นกลาง สิ่งเดียวกันนี้   บัณฑิตใดมองเป็นกลาง ๆ จะเป็นผู้มีความสุข  ย่อมเป็นประโยชน์อย่างมาก
โยอิทะ สะเว  เปติถานัง  บุคคลใดเลือกถือเอาเป็นกลาง ๆไว้ได้  นรชนนั้นย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐโดยแท้   
       เพราะฉะนั้นฝนที่ตกมาเมื่อคืนนี้ให้ประโยชน์ต่อเรามาก  ถ้าฝนไม่มาเมื่อคืนนี้ไฟอาจจะไหม้มาหมดเลย ฝนก็คงจะรอยัง รอยังไง รถดับเพลิงก็คงไม่มาไม่ทันแน่ เราก็เลยดับซะก่อน ฝนเลยตกเลย  ฟ้าก็ไม่ร้อง ฝนไม่ตก ปากั้งสิปวดหัว แมน พ่อใหญ่แม่ใหญ่ปวดหัว  ยาคูกะปวดหัวนำ  อันนี้บุญมีจริงน้อ บุญช่วย ส่วนมากคนเราทำบุญจะอยากได้ผลเร็ว ๆ จะต้องมองไปไกล ๆ อย่างที่เรามาทำบุญมาในขณะนี้  เจ้าภาพทั้งหมดก็คือเจ้าภาพทั้งหมดที่จองไว้ตั้งแต่ปีกลายนี่แระ  สามร้อยกว่าเจ้าภาพ ยิ่งวันนี้ก็มีมานอกเจ้าภาพ  กับโยมผู้หญิงของท่าน เลี้ยงมา ยกยอดต่อไปเป็นคราวหน้า  ไปร่วมกองทุนแอลเอ็มแอฟ ไม่ใช่   ไอเอ็มเอฟนะ  เลี่ยนมันนี่เฟิร์ช  เรียกว่ากองทุนเพื่อค้ำจุนศาสนา  บุญนี้มันมีจริง ๆ นะ  ดังที่กล่าว แต่ต้องใจเย็น ๆ นะ อย่าใจร้อน 
      พระพุทธเจ้าของเราท่านให้เรามองดูผลของต้นไม้ “มหารุขูปนังปุณยัง”  บุญเปรียบ เสมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีผล “ อามันชินธตุโยพลัง” ผู้ใดใจร้อนไปเอาผลดิบ ๆ มากิน  “รสันจสนนันสติ พิชัยจสวินัสติ” ไม่รอคอยให้มันสุก ให้มันเป็นลูกสุกซะก่อน  ผู้นั้นจะไม่รู้จักรสชาติของมันที่แท้จริง มันยังไม่สุกมันไม่หวาน มันไม่หอม  แต่เราจะไปกินดิบทั้งไม่อร่อยก็ไม่อร่อย ทั้งจะทำให้พินาศด้วย  “พิชันจสัตวินัสติ” จะทำให้  ผลไม้นั้นก็จะพินาศ        เอาลูกดิบมากิน เม็ดดิบเอาไปปลูกก็ไม่เกิด  จะตายต่อไป เปรียบเหมือนพวกเราจะกินดิบ ทั้งไม่อร่อย ทั้งไม่เกิดใหม่ด้วย  ทำบุญแล้วก็ให้สาธุ  ขอให้ผู้ข้าถูกเลขแนเด้อ  เลขท้ายสามตัว ขอให้ถูกขอให้รวย ในยุคไอเอมเอฟ ขอให้มีเงินมาก ๆ ได้ใช้หนี้ใช้สินย์  พาทานไปแล้วหนึ่งพันบาทก็ไปซื้อหวย  กลับไปบ้านไปซื้อหวย ซื้อมาก ๆ  จะกินดิบแล้วล่ะทีนี่ พอหวยออกมาซื้อไม่ถูก เงินก็หมด ทีนี้ก็เสียใจ  แล้วใจเสีย  โอ้ยบุญไม่ช่วยอะไรเลย บุญ บุญ ไม่มีหรอก ทำบุญ ก็ทำเกือบตาย นั่งสมาธิก็เหนื่อย ฝนก็ตกเกือบจะเป็นหวัดตายอยู่แล้ว บุญไม่เห็นช่วยเราเลย ใจเสียไม่ใช่เสียใจ  อันนี้และ “ พิชัยจสัตวินัจติ”   บุญของเขาก็วินาศ  เขาก็หมด  บุญใหม่ก็ไม่ทำต่อไป เรียกว่าพินาศ  บุญของเขาก็หมด  บุญใหม่ก็ไม่ทำต่อไป เรียกว่าพินาศ  ปลูกใหม่ก็ไม่เกิดอีก ใจเสียก็ไม่ทำซะแล้ว เข้าใจว่าบุญไม่ช่วย
       ในสมัยโบราณ  ในลุ่มแม่น้ำโขงนี้ มีวัณกรรมที่สั่งสอนศิลป์ สั่งสอนธรรมเยอะแยะ  ถือได้ว่าเป็นดินแดนทางมรดก ที่ร่ำรวย ทางวัฒนธรรมที่ผู้เฒ่าก็น่าจะจำได้ แต่เดี่ยวนี้มันไม่มี พระรุ่นไม่เอาไปเผ่าหมด มันเขียนเป็นหนังสือตัวธรรม คนรุ่นใหม่อ่านไม่ได้  มีหนังสือ เรื่องหนึ่ง ชื่อว่า “เท้าหัวข่อล่อ” เคยได้ยินบ่  มีอยู่สามผูก หกสิบใบลาน เอาไปซื้อเลขซะ  สิกินดิบอีกซะเด้อล่ะ สามผูก  หกสิบใบ  ถ้าหากมีโอกาส ไปที่อำเภอตระการพืชผลน่าจะเหลือ อาตมายังมีความหวังอยู่ ว่าที่นั่นคงจะรักษาอยู่ มีตู้อยู่กลางน้ำที่หนองครูหรู่ คงจะเหลือ หรือจะเอาไปเผาถิ่มเบิดแล้วก็ไม่รู้จัก  บ้านพักครูบอกว่ายังอยู่ แต่จะขอถ่ายเป็นภาษาไทยให้ฟัง ในหนังสือเหล่านั้น   เล่าเรื่อง  บุญไม่ช่วย คือจะกินบุญดิบนี่แล่ะ บุญไม่ช่วย
โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ  :043: :043: :043:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 23, 2012, 06:15:13 pm โดย Roj khonkaen »
บันทึกการเข้า

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา ครับ รออ่านตอนต่อไป อยู่ครับ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

whuchi

  • ศิษย์ตรง
  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 80
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
กว่าจะอ่านจบ ขอบคุณมากคะ

 สาธุ สาธุ สาธุ

  :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เสียงเทศน์ "บุญไม่ช่วย" พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
ตอนต่อไปจะลงวันพระ นะคะ

 :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตอนต่อไปมาแล้วค่ะ

         บุญไม่ช่วย

        มีผัวมีคู่หนึ่งแต่งงานกัน มีความรักกันดีดี  ขยันทำมาหากิน ขยันหมั่นเพียร ไม่หยุดหย่น ไม่ได้เป็นคนขี้เกียจขี้คร้าน  แต่ไม่พออยู่ไม่พอกินอดยากขาดแคลน ทุกยากลำบากมาก
        เมียเป็นคนมิจฉาทิฐิ  เข้าใจผิด ว่าบาปไม่มี บุญไม่มี ส่วนผัวเป็นคนสัมมาทิฐิ
ต่อมาผัวก็ป่วยล้มป่วยลงลำบาก ไม่มีเลี้ยวแรงทำมาหากินเลี้ยงตัวเลี้ยงเมียก็ไม่ได้ 
ผัวก็เลยปรับทุกข์กับเมีย ว่า  ฉันอยู่ไปไม่รู้จักกี่วันเธออย่าได้เป็นห่วงฉั้นเลย ที่พูดอย่างนี้เพราะว่า มีความรู้สึกว่า  เมียไม่ค่อยจะพอใจผัว  ไอ้ที่เราเกิดมายากจนนี่  เพราะเราไม่ได้ทำบุญไว้มั้ง ชาวบ้านชาวเมืองไม่ได้ลำบากเหมือนเรา  ไม่ได้ขยันเหมือนเรา  เราไม่ได้หยุดได้หย่น เขาก็อยู่เย็นเป็นสุข แต่เราก็ขาดทุนไปเลื่อย  ผัวนี่ก็แอบไปทำบุญ  ไปตักบาตร ได้อะไรก็ทำบุญอยู่บ่อย ๆ
        เมียก็ว่าให้  เธอมัวแต่ทำบุญ ชิปหายหมด จะได้กินอะไรคนที่เขาไม่ได้ทำบุญ
ดูสิเขาทำอะไรเขาร่ำเขารวย  เธอทำไมก็โง่อยู่อย่างงั้น พูดยังไงผัวก็ไม่เถียง  กลัวเมียจะเสียใจ ได้อะไรก็ทำบุญทำทาน 
        ผัวก็คิดว่า...เมียเรานี่ก็คงจะเข้าใจว่าบาปบุญไม่มี 
        ผัวเลยบอกเมีย นี่เธอ “คนพาลไม่รู้จักให้ทานเพราะกลัวยากจน ส่วนบัณฑิตชนกลัวยากจนจึงขวนขวนในการให้ทาน”
       เมียบอกว่า...อย่ามาเทศน์อยู่ตรงนี้เลย ถ้าอวดดีละไปบวชฉันจะไปหาใหม่ก็ได้ว่ายังงั้น
แต่พูดแต่ปากหรอก “จะดีจะชั่วก็ผัวของเมีย จะชั่วหรือเสียก็เป็นเมียของผัว”ก็ยังรักกันอยู่ จะดีจะชั่ว ก็ยังรักกันอยู่
       เอาไปเอามาผัวก็เลยล้มป่วย เมียก็ไปรับจ้างได้เงินมารักษา เอาเงินมารักษาผัว  ต่อมาไม่หายเป็นโรคเรื้อรัง  ซื้อยากิน แล้วเมียก็บอกผัวว่าอย่าเอาเงินนี้มาทำบุญนะ อย่าเอาเงินนี้ไปทำทาน ไปตักบาตร  เธออย่าทำเด็ดขาดนะ อย่าเอาเงินนี้ไปทำบุญนะ  ฉัน ถ้าฉันรู้จะไม่ส่งเงินให้เธออย่าทำเด็ดขาดนะ  ฉันจะเสียใจมาก 
ผัวก็ไม่พูด  ที่ไม่พูด ที่ไม่รับปาก แต่ก็ไม่เถียง ในใจผัว เมียไม่รู้ฉันจะลักไปทานอีกไปทำบุญอีก
       ต่อมาเมียก็ส่งเงินมา แล้วเอาเงินมาให้   ผัวทั้ง ๆ ที่ป่วยอยู่นั้นแระ ก็ซื้อยากินบ้างมันก็ไม่หาย   
พอไม่หายก็ไปขอทานทีนี้  เมียส่งมาไม่ทันก็ขอทาน  เงินที่เมียส่งมาก็กินบ้างซื้อยากินบ้าง ก็แบ่งไปทาน หาของไปใส่บาตรบ้าง   
       พอตอนหลังมา เมียรู้เข้า นอกจากเสียใจ  เมียเสียใจหนัก ไม่ส่งมาให้เลย ให้มันตายซะ
ไม่รู้จักเจียมกะลาหัว ทุกข์ยากเกือบตายก็ไปทาน นอกจากน้อยใจก็ใจน้อย ไม่ส่งเงินมาก็ไม่มาเยี่ยม 
แต่มาแอบดู แอบถามว่าพฤติกรรมของผัวเป็นอย่างไร  ชาวบ้านว่าโอยน่าสงสารมาก เดี๋ยวนี้ แกไม่มีเงิน รู้สึกว่า แกไปขอทาน ขอทานได้ กินครึ่งนึง ทานต่อครึ่งนึง
       เมียก็เสียใจหนักไม่มา ทีนี้ไม่มา ไม่ส่งเงินมา นานนานเข้า   ชายคนนี้ก็คิดว่า เราคงไม่ทำบุญมาก่อน ชาตินี้จะทุกข์จะยาก จะตายยังงัย  ทำบุญไว้บ้าง เผื่อชาติหน้ามี ถ้าสมมุติมีดีเหมือนชาวบ้านเหมือนคนอื่นเขาบ้าง เข้าธรรมนองที่บอกไว้ว่า
“ทุกข์ยากฮ้าย เคยขาดแลงงาย บ่ฮ้อนลืม บ่อฮ้ายลืมศีลธรรมพร่ำเพียรรักษาไว้  แล้งและถ่วมถ่วมและแล้ง  ประเพณีทำบุญพ่อแม่บ่พาถิ่ม  เอาความดีเป็นหลิ่ม”  จำได้ไว้ 
    พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า ...... “เครื่องสังเคราะห์โลกคือการให้ทาน คือการพูดจาไพเราะ อ่อนหวาน คือการประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ คือการวางตนสม่ำเสมอ”....  อันนี้เป็น “หลิ่ม” เหมือนสลัดเพรารถ ให้รถวิ่งไปได้ คือการพฤติตนให้เป็นประโยชน์  คนโบราณก็ฉลาด เอาความดีเป็น หลิ่ม
ความดี เป็น หลิ่ม สละใจชาวโลกให้อยู่เย็นเป็นสุข   วันนี้ท่านอาจารย์มหาประสิทธิ์มาขันน๊อดให้ชาวโลก

     ชายคนนั้นเขาก็ขอทานขอกินไป ขอไป ขอไป 
     วันหนึ่งแกเหนื่อยมากแกเป็นไข้  แกขอทานได้ พอกินได้พอประทังชีวิต มีอาหารที่เหลือกิน 
ให้ทานแกพวกขอทานคนอื่นซะไปนอนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง แกเหนื่อย นอนแล้ว ฝนตกเหมือนเมื่อคืนก็นอนอยู่ใต้ร่มไทร  ในขณะที่นอนอยู่นั้นฝ่าผ่าปรี๊งลงมาผ่า ฝ้าผ่าลงมา ถูกแกตายพอดี
      ท่านทั้งหลายฟังให้ดีนะ ทุกข์ยากขณะนั้น ทำบุญขณะนั้นก็ถูกฝ้าผ่าตาย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะอะไร มันมีเหตุมีปัจจัยมัน  เทวดาที่รักษาคุ้มครองโลก เท้าจตุโลกบาล พากันเห็นพฤติกรรมของชายคนนี้ ก็พากันประชุมปรึกษากันว่า ชายผู้นี้ทำแต่คุณงามความดีไม่ก่อความเดือดร้อนให้แก่ใคร เกือบจะเรียกได้ว่า แก มีศีล แต่มิได้สมทานกับพระ แก่ไม่เบียดเบียนผู้ใด แต่เสร็จแล้วแกก็ทำบุญทำทานแม้จะทุกข์ยากลำบาก พวกเทวดาทั้งหลายก็เลยปรึกษากันว่า  อันนี้เกิดมาจากกรรมเก่าของชายผู้นี้ ไม่ควรจะให้แกทรมานไปนาน ควรให้จะแกตายเสีย ให้จบ ๆ ปล่อยให้ ไปเอาบุญข้างหน้า เพราะว่าปล่อยให้แกลำบากไปนาน คนอื่น ๆ เขาจะเห็นผิดเป็นชอบ เขาจะว่า    “ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้จะดีอยู่ถมไป”  จะทำให้มิจฉาทิฐิเจริญขึ้น  จะให้คนเข้าใจผิดมากขึ้น        ควรให้แกตายเสีย รับกรรมให้จบ 
      ว่าแล้ว ประชุมกันเสร็จ  บรรดาลให้ฟ้าผ่าแก่ตาย  แกก็นอนอยู่ ชายคนนั้นก็โดยฝ้าผ่าตาย        หลังจากตายแล้วก็ยังไม่แล้ว เสือคาบไปกินอีกด้วย เสือไม่รู้มาจากไหนโผล่ออกมาจากในป่า   เสือกินแต่ตัวเหลือแต่หัว  ภาษาลาว บอกว่า เหลือแต่หัวข่อล่อ ชาวบ้านก็เล่าลือ เสือกินหมดเหลือแต่หัว 
ชาวบ้าน  คนใจบุญน่าอนาถ ฝ่าผ่าตายอยู่ใต้ต้นไม้  แล้วเสือก็ยังคาบไปกิน
       ส่วนภรรยาได้ยินข่าว ก็ทั้งโกรธทั้งน้อยใจ ทั้งคิดถึงผัว ยาก็ไม่เอาไปซื้อกินเอาไปทานหมด สมน้ำหน้าตายเสียได้ก็ดี แต่ใจหนึ่งก็คิดอย่างนี้ ใจนึงที่แค้นก็คิดอย่างนี้  ใจนึงก็รัก ก็มาดู ยาก็ไปกินเสีย ใจนึงก็รัก มาดูมาเห็นหน้า  ก็ผัวจริง ๆ ร้องห่มร้องไห้ ไปเอาจอบมา เอามากกระจก มาขุดสองจ๊อก  เอาหัวผัวลงไปฝัง ฝังแล้วก็น้อยใจ เคียดแค้นทั้งรักทั้งแค้น เพราะเป็นผัวนางก็กัดนิ้วมือตัวเองเป็นกัดออกมาเป็นเลือดออกมา  เอาเลือดมือเขียนใส่หน้าผากที่หัวผัวว่า “บุญไม่ช่วย” เอาเลือดมือเขียน ฝังหัว เสร็จแล้วก็ก้มกราบข้างศพ เอาดอกไม้ป่ามาบูชาลุ่มศพ หลุ่มหัวไม่ใช่หลุ่มศพหรอก  ก้มกราบข้างศพ เพื่อขอขมาที่ได้โกรธได้แค้น    แต่ก็ยังรักยังอาลัยอยู่  แต่ก็ไม่ให้ทาน  ฝังหัวผัวแล้วแกก็ไปหารับจ้างต่อไป ไม่เคยคิดที่จะทำบุญหาผัวเลย เพราะว่าแกไม่เชื่ออยู่แล้ว
    

      ต่อมาอีกมีข่าวใหญ่เกิดขึ้นพระเจ้าแผ่นดิน  อรรคมเหสีของพระเจ้าแผ่นดินทรงประสูติเป็นพระราชโอรส   เมียพระเจ้าแผ่นดินภาษาง่าย ๆ บ้านเรา ออกลูก เป็นลูกชาย เด็กคนนั้นเป็นเด็กประหลาด มีรอยแดง ๆ ตรงหน้าผากว่า “บุญไม่ช่วย” เสร็จแล้ว  เด็กคนนั้น ร้องไห้ไม่หยุดไม่ย่น
      คงจะร้องให้เหมือนอาตมาเนี่ยแระ  เกิดมากวนโลก เกิดมาร้องไห้ไม่หยุด เกิดยามกลางคืนแสดงว่า เกิดมาเทศน์เลย  ดิ้นกระแด่ว ๆ  ร้องไห้ไม่หยุด เกิดมาเป็นทุกข์  อริยสัจสี่  ทุกข์  สมุทัย นิโรธ มรรค   เกิดเป็นทุกข์ เกิดมาไม่สุข  แต่ละคนเกิดมาจึงร้องไห้มา  กำกัมปั้นด้วย ออกมาเกิดมามีกรรม โยมผู้หญิงจึงเห็นลูกตนเองออกมากำปั้นออกมาดิ้นกระแดว ๆ เกิดมามีกำมือ 
คนตายก็แบมือ  เกิดมากำกำปั้นไม่ได้แบมือมา   เกิดมามีแต่ตัวเปล่า ๆ เกิดมามีกรรม มีกรรม                     จะกอบจะโกย   นอนกัดกำปั้น  คนตายแบมือ  เขาให้เปิดหน้าไปล้างศพ  ล้างมือศพ  ความจริงให้ล้างศพเพื่อให้พิจารณาว่า   เกิดมามีแต่ตัวเปล่า ๆ ไม่เอาอะไรไปด้วยซะหน่อย  เด็กน้อย ๆ พ่อแม่ต้องใส่ถุงมือให้   เกิดมามีแต่ตัวเปล่า ๆ เกิดมามีกรรม   
ไปฮอดสั้นละบาดนี่ 
        หน้าผากสีแดง ๆ  ร้องไห้แล้ว สามวัน สามคืน  กินนมแม่แล้วก็ร้องไห้  ไม่รู้จักหยุดจัดหย่อน
พระราชาเลยประกาศไป  ถ้าผู้ใดมาทำให้เด็กคนนี้เลิกร้องให้จะให้รางวัลอย่างงาม  ทั้งพระราชาเองและ       พวกราชสำนักช่วยกันลบตัวหนังสือสีแดงที่หน้าผาก จะต้องว่าตั้งชื่อว่า"บุญไม่ช่วย"ซะแล้วไหมล่ะ 
        คุณโยมบุญช่วยมาจากชลบุรีโน่น  ในนี้มีบุญช่วย  บุญมี  บุญเหลือ  แต่คนนั้น บุญไม่ช่วย  ก็ประกาศไป   ถ้าผู้ใดมาสามารถทำให้เด็กคนนี้หยุดร้องไห้จะให้รางวัลอย่างงาม
       ส่วนนางผู้เมียนี้ยังแก่อยู่ คนนั้นไปเกิดแล้ว  พอไปพบ พอไปเห็นหน้าผากเด็ก   ส่วนนางก็เลยขอเข้าพบเด็กราชกุมารที่เกิดมาใหม่ ๆ จำได้ ลายมือของตัวเอง นี่ลายมือเราจริง ๆ  บุญนี้มันมีจริง ๆ หนอ ผัวเราได้มาเกิดเป็นโอรสของพระราชา  นี่บุญมีจริง ๆ นางก็เอามือไปลูบหน้าผาก นางลูบเบา ๆ ก็ลบออกหมดเลย บัดนี้   คนอื่นหาอะไรมาลบก็ลบไม่ออก  ทั้งราชสำนักลบไม่ออก ผู้หญิงคนนี้มาลูบเบา ๆ ก็หาย เพราะนางเป็นคนเขียนด้วยมือของนางเอง  บุญช่วยแล้ว นางอธิฐานในใจ บุญมีจริงขอให้ตัวหนังสือหาย
       ตัวหนังสือหายอย่างนั้น 
       พระราชาบอกว่าเธอปรารถนาสิ่งใด แก้วหวาน ปิ่นเพชร นิล จินดา ต้องการสักเท่าใดเราจะมอบให้ นางนี้ก็บอกว่าถ้าเป็น หม่อมฉัน ถ้าเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ต่อหม่อมฉัน ขอให้หม่อมฉันได้อยู่ใกล้ ๆ  โอรสได้อยู่ใกล้ ๆ หม่อมฉันปรารถนาเพียงเท่านี้  ไม่ปรารถนาสิ่งใด ขอให้หม่อมฉันได้เลี้ยงให้เขาใหญ่จนโต  นางนี้ได้เป็นแม่เลี้ยงตลอดไป  อยู่อย่างมีความสุขในพระมหาราชวัง ตั้งฐานันดรให้เป็น แม่อันประเสริฐ  อยู่ด้วยกันในพระราชวังอย่างมีความสุข นางนี้นึกขึ้นมาได้ว่า บุญนี้มีจริง ๆ น้อ  พระราชทรัพย์ที่พระเจ้าแผ่นดินมอบให้ นางเลยขอว่า เอาอย่างนี้ ขอให้ดิฉันได้เงินเอาไปทำทาน เพราะนางนึกถึงเคยกระทำมาเชื่อว่าบุญไม่มี ได้เงิน ได้ทองก็ให้ทานทุกวัน  ใส่บาตรทุกวัน  อุ้มลูกไปด้วย  แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ลูกหรอก นั่นและคือผัวของนางเอ
       เรื่องนี้ก็คงจะจบลงเท่านี้ เป็นอุทาหร  บุญช่วยอยู่  บางทีมันก็ต้องรอคอย เหมือนต้นไม้ผล ทำอย่างไรที่จะเกิดเป็นถึงพระนิพพานเป็นปัจจัย  อันนี้ขอแถมนิดนึง


       มีต่ออีกนะคะ :043: :043: :043:
       
บันทึกการเข้า

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อนุโมทนา สาธุ ธรรมะประจำวันพระ

 :25: :25: :25: :25: :c017:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
          การให้ทาน มีเจตนาไม่เหมือนกันก็จะได้ผลไม่เหมือนกัน

          พระพุทธเจ้าบอกว่า ....การให้ทานมีเจตนาไม่เหมือนกัน จะให้ผลต่างกัน  เจตนาสู่พระนิพพานได้
 
          บางคนให้ทานด้วยการการอยาก อยากอย่างยิ่ง ให้ทานด้วยการอยาก  ทานแล้วมันไม่ถูกแต่บุญนั้นได้ผล  ปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตามเขาจะเกิดในสวรรค์ในชั้น  จาตุมหาราช อยู่ใกล้ ๆ เรานี่แหล่ะ ให้ทานด้วยความอยาก อยากถูกเลขแต่ไม่ถูกหวย  เมื่อปรารถนาก็ตามหรือไม่ปรารถนาก็ตาม เมื่อเขาแตกกายก็จะพาให้ขึ้นสวรรค์ได้   ห้าสิบปีเมืองมนุษย์ จะอยู่หนึ่งวันของชั้นนี้


          แต่บางคนให้ทานด้วยความหวาดกลัว   วิทีนะการนะทานังเทติ....ให้ทานด้วยความหวาดกลัว ชาติหน้าจะไม่มีอยู่ไม่มีกินหวาดกลัวว่าชาติหน้า ว่าจะทุกข์จะยาก  ไปหาหมอดูว่า คุณต้องไปทำอย่างนี้ต้องไปทำอย่างนี้นะ  เพราะเราไม่ได้ให้ทาน กลัวต่ออนาคตภัย  ให้ทานด้วยความกลัว บางที่ไปหาหมอดูคุณต้องไปทำอย่างโน่นไปทำอย่างนี้ คุณกำลังเคราะห์ร้าย ต้องทำสังฆทานนะ อันนี่ก็ย่านตาย  ตั๋วให้ได้บุญ ตั๋วคนทุกข์ให้พ้อเล่าข้าว  เขาตั๋วให้ได้บุญ  ตั๋วผู้เฒ่าให้เข้าวัดจำศีลบ่บาปตอด  บางคน เขาตั๋วให้ได้บุญ บางคนเขาหลอกต้องไปปล่อยปลา ต้องไปปล่อยเต่า เดี่ยวนี้เต่ามีบุญ มตินี้เป็นมติของพี่น้องชาวจีน เต่านี้นี้อี๋ไม่ถอยหลังนะ อี๋มีแต่ก้าวหน้าไปไปเรื่อย ๆ ถ้าเอาเต่าไปปล่อยชีวิตจะเก้าหน้า เอาเต่าไปปล่อยชีวิตจะก้าวหน้า ในสระนี้จึงเต็มไปด้วยเต่า  เต่าโชคดี การให้ทานเพราะความกลัว พระพุทธเจ้าท่านบอกว่าเขาจะปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตามในชาตินี้ แต่เขาจะขึ้นสู่สวรรค์ชันดาวดึงส์ผลของมันเมื่อออกมา

       ทีนี้อีกอันนึงบางคนให้ทานด้วยการอาย..... หิริโอตัปปะทานันเทติ..ให้ทานด้วยความอาย หรือกลัวอีกอย่างหนึ่ง  ก็เลยควั่กกระเป๋า บางทีมีแบงค์พัน แบงค์ ห้าร้อย ถ้าจะไม่ทานก็อาย “ข้อยืมเจ้าแน่ ข้อยบ่อมี”  เมื่อฮอดบ้านสิใส่ดอก  ขอยืมเจ้าแน จึง ๆ แล้วมีเป็นใบพัน  แต่อาย ควักออกมาก็มาก  ถ้าจะทานสักยี่สาบบาท  จะเอาใบพันออกมาไม่ทานก็อาย   ก็เลยขอยืมไปถึงบ้านจะให้ อันนี้ยังไม่มีศรัทธา  อยู่กับเขาทำไมไม่ให้ก็อาย   อันนี้ยังไม่มีศรัทธาแต่มีความอาย อยู่ในบ้านในเมืองเขา  ชาวบ้านให้ทาน ไม่ให้ก็อาย ก็ให้ทานไปบ้าง การให้ทานชนิดนี้เขาจะปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตาม  เมื่อแตกกายทำลายขันธ์แล้วเขาให้ทานแบบนี้ตายไปจะอยู่ชั้นยามาเข้าไปโน่น  

      บางคนให้ทานชนิดนึง  ของที่เหลือกินเหลือใช้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์  นิรัตทานังชัตเตเชติ..
เอาไปทานก็น่าจะดี  วันนี้พ่อใหญ่ดง คันหกล้อ ปฏิบัติธรรม เรียกอาตมาเป็นเจ้าคุณ  เจ้าคุณเฮ็ดจังใด่จังได้เฟืองมาปู ไปหาจ้างรถแกมา ผมมีรถห้างอยู่คันนึง หกปีแล้วบ่ได้ใช้ยัง จอดอยู่ซื่อ ๆ จะเอามาถวายเจ้าคุณ ฝากรถหกล้อ วิ่งมาไม่มีทะเบียน เดี่ยวนี้ได้เอามาเข็ญฟางสองปีแล้ว การให้ทานชนิดนั้น  การให้ทานปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตามเขาจะได้ขึ้นอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต พระพุทธเจ้าท่านว่า สี่ร้อยปีเมืองมนุษย์ เท่ากับหนึ่งวันชั้นดุสิต พ่วนเด้ได้อยู่เด้หมู่นี่ บ่อได้ใช้ก็เอาไปทาน  พระเฮ่าหมู่นี่ก็คือกันนั่นแหล่ว พระบางองค์กุฎิพ่วนมีแต่หนู ถังเหลือง ๆ  เอาไปทานแนะ  มีแต่กระป๋องนม สังฆทาน สิไปทานต่อกะบ่ทาน  ทานต่อ จะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นดุสิตกะบ่ฮู้จัก
 ให้ทานของที่เหลือเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์   


         ทีนี้มีอีกแบบหนึ่ง โสมนัส สุปทานังเทติ โสมนัส สูปทานังเทติ.. อีกแบบหนึ่ง ให้ทานด้วยความหวัง ว่าเป็นการดีให้ทานให้คนอื่นได้ยกย่องดีใจ โดยเอาหน้า(หาเสียง) ว่าภาษาบ้านเฮา  ถ้าไม่ออกชื่อออกนามก็ไม่พอใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ออกชื่อออกนาม มันดีใจ ถ้าไม่ออกชื่ออกนามก็ไม่พอใจ เมื่อเป็นเช่นนี้ ออกชื่อออกนาม ไม่อั้นมันดีใจ เขาจะปรารถนาอะไรหรือไม่ปรารถนาอะไรก็ตาม  ปรารถนาอะไร   
เมื่อเขาตายไปจะแตกกายทำลายขัณธ์เกิดสวรรค์อยู่ชั้น ปรนิมิตสวัสดิ์สุติ  สูงขึ้นไปถึงโน่น
ทติขนังทานังเทติ.ให้ทานแบบเลือกพอใจใครจะให้คนนั้นพระองค์ไหนจะให้พระองค์นั้นขึ้น
ชั้นสู่สวรรค์นิมานรหติ


ที่กล่าวมานี้ไม่ถึงพระนิพพาน ขึ้นสวรรค์คนละชั้น ๆ ก็ตาม เมื่อหมดบุญหมดอายุจะ สิ้นฤทธิ์ สิ้นกรรมแล้วไปเกิดเป็นคน มาสู่สภาพเบญจขัณธ์อีก และจะมีโอกาสไปตกนรกใหม่ เป็นเปรต อสุรกาย ได้ทั้งนั้น   ไม่เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ ทานอย่างไรเป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ ทานอย่างไรให้สิ้นอาสวะ

        พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า  ให้ทานอลังการะจิตปริขาปริวรเหติ  ให้ทานโดยปรารถนาว่าการให้ทานของเรานี้จงเป็นเครื่องประดับประดับจิตใจของเราให้อลังการให้งดงาม ของเรา เป็นไปเพื่อสมาธิ  สมาธิยาติสังยาติสังยตติ  ให้ทานแล้วนั่งสมาธิ  นั่งสมาธิอย่างที่พวกเรานั่งอยู่ที่แหล่ะ
 
        ทานตัวนี้จะไปเป็นปุ๋ย เป็นให้เกิดปีติ  พอเวลานั่งสมาธิ มันคิดเก่งกว่าเราอยู่เฉย ๆ มันคิดออกไปอย่าไปโกรธมัน  คิดไปข้างหน้า คิดไปคิดไป สุดสายข้างหน้า แล้วมันจะคิดย้อนหลัง แล้วจะไปจำอย่างยิ่ง

        มันจำความชั่ว จำความดี จำพฤติกรรมที่ตัวเองทำ ถ้ามันคิดถึงทานที่ตนเองได้ทำนั้น  เกิดความคิดถึงการให้ทาน ยิ่งคิดถึงการให้ทาน มีพระเป็นร้อย ๆ สามพัน สี่พัน  มีผู้เป็นพัน ๆ มารับทานของเรา อย่างนี้  ขนลุกเกรียวขึ้นมา  โอยเราได้ทำบุญเลี้ยงพระเกือบเป็นพัน ๆ เลี้ยงคนตั้งหลายพันคนผู้ประพฤติปฏิบัติธรรม  จิตใจมันจะจดทำขึ้นมาแล้วจะเกิดปีติ  จนน้ำตาไหล  จนอิ่มอก อิ่มใจ  จะเกิดปราโมทย์  เกิดปสชิ  เกิดความสุข แล้วไม่ปวดแข้ง ไม่ปวดขา ไม่ปวดหลัง ไม่ปวดเอว ลืมไปหมด เมื่อจิตเป็นสุขแล้วจะเป็นไปเพื่อสมาธิ
   
        เมื่อเวลาเขาจะตาย จิตเขาจะเอิบอิ่ม ด้วยความรู้สึกเช่นนั้น  สุโขโนจิตัง สมาธิ เป็นไปเพื่อสมาธิ  เมือเวลาจะตาย   จิตก็จะเอิบอิ่มด้วยความรู้สึกเช่นนั้น  เมื่อตายไปด้วยความอิ่มใจ

        เมื่อตายไป ด้วยสมาธิระดับนั้นเขาจะอุบัติขึ้นในพรมโลกชั้น สุทาวาททั้งห้า  อเวหาอตปา สุทสีสุทสา..อกนิถา   ชั้นสุทาวาท เป็นที่อยู่ ของ  พระอนาคามี   แต่เราไม่ได้ไปชั้นอนาคามี  แต่เรามีสมาธิระดับที่เกิดมาระดับปีติ จากปสชิ เราจะอุบัติขึ้นใน เราจะพัฒนาจิตไปเลื่อน ๆ  ไม่กลับคืนมาเลย ชนิดที่เรียกว่า อุทังโสโต อกนิกคามี หมายความว่า เข้าสู่กระแสสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ  ไม่น้อยหน้าผู้ใด  แล้วจะไปนิพพานที่นั่น  ไปบรรลุธรรมที่นั่น สิ้นกิเลสที่ อกนิกคามี   ชั้นสุดท้ายที่นั้น   ไม่กลับคืนมาสู่โลกนี้ ด้วยการให้ทานเป็นปัจจัยส่งให้
 
        อย่าทำเป็นเล่นไปกับการให้ทานนะ  บาทนึงสลึงนึงก็ตามเป็นบุญ นะ   แม้เงินเราบาทเดียวก็ปลื้มใจกับการให้ทานนะเงินเดียวของเราเพียงบาทเดียวสองบาท เพียงระลึกได้ เป็นปัจจัยเพื่อพระนิพพาน ในอนาคตกาลเบื้องนานโน่นเทอญ  เดี่ยวนี้ไม่ค่อยว่าแล้ว จริง ๆ แล้วนั่งสมาธิไปบ่อย ๆ อีกหน่อยจะจำได้ อาจารย์มหาประสิทธ์ไม่พาเราหลงประเด็น ยังว่าอยู่   อันนี้เป็นปุ๋ยเป็นปัจจัยสู่พระนิพพาน


        ลองนั่งสมาธิไปบ่อย ๆจะจำขึ้นเอง อาตมาผสมเกสรให้จากบุญมาถึงกุศลแล้ว ทีนี้คงจะเข้าใจ
เป็นลูกเป็นหมาก  เป็นปัจจัยสู่พระนิพพานในไม่ช้าไม่นานปัจจุบันในชาตินี้เทอญ 

 
 :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25: :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 23, 2012, 09:08:40 pm โดย Roj khonkaen »
บันทึกการเข้า

arlogo

  • 1.บรรพชิต
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
   ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา