ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อนวัชชกรรม = การงานไม่มีโทษ  (อ่าน 895 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
อนวัชชกรรม = การงานไม่มีโทษ
« เมื่อ: กรกฎาคม 04, 2020, 05:38:18 am »
0




สูตรสำเร็จในชีวิต (17) : การงานไม่มีโทษ

คราวนี้มาว่าถึงสูตรสำเร็จแห่งชีวิตข้อที่ 18 อนวัชชกรรม = การงานไม่มีโทษ

พูดถึงคำว่า “การงานไม่มีโทษ” ชาวบ้านอาจเข้าใจผิด คือเข้าใจว่า ใครทำอะไรลงไปแล้วถูกลงโทษ เช่น ดื่มเหล้าเถื่อน มีโทษถูกจับ เรียกว่าการงานมีโทษ ส่วนการงานไม่มีโทษ คือทำลงไปแล้วไม่ถูกทำโทษ เช่น ดื่มเหล้ารัฐบาลไม่ถูกจับเพราะไม่ผิดกฎหมาย อย่างนี้เป็นต้น

ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ถือว่าเป็นความเข้าใจไม่ถูกต้อง ความจริงคำว่า “ไม่มีโทษ” (ที่แปลมาจากอนวัชช) นั้น เป็นภาษาชาววัดตรงกับคำที่ชาวบ้านใช้ทั่วไปคิด “น่าตำหนิ” การงานไม่มีโทษก็คือการงานที่ไม่น่าตำหนินั้นเอง เพราะฉะนั้น จะดื่มเหล้าเถื่อน หรือเหล้าโรงก็ “น่าตำหนิ” ด้วยกันทั้งนั้น เป็นการงานที่มีโทษเหมือนกัน

@@@@@@

พระอรรถกถาจารย์ (อาจารย์ผู้อธิบายพระไตรปิฎก) ท่านให้ตัวอย่างของการงานที่ไม่มีโทษไว้หลายอย่าง เช่น

- อุโปสถกรรม รักษาศีลอุโบสถก็คือศีล 8 ข้อนั่นเอง คือไม่ฆ่าสัตว์ ไม่ลักทรัพย์ ไม่เสพกาม (ข้อนี้ถ้าศีล 5 หมายถึงไม่ผิดลูกเมียคนอื่น) ไม่พูดเท็จ ไม่ดื่มสุราเมรัย ไม่บริโภคอาหารในเวลาวิกาล ไม่ฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี ดูการละเล่นต่างๆ ไม่ใช้เครื่องสำอางเครื่องประดับต่างๆ ไม่ใช้ที่นอนสูงใหญ่เกินขนาด

- ไวยาวัจกรรม การช่วยเหลือในกิจการงานของผู้อื่น เช่น เพื่อนบ้านจะทำบุญขึ้นบ้านใหม่หรือบวชนาค กุลีกุจอช่วยเหลือทำโน่นทำนี่ตามกำลังความสามารถและตามโอกาส เป็นต้น

- สร้างสาธารณสถานต่างๆ เช่น ถนนหนทาง สะพาน ศาลาพักคนเดินทาง โรงพยาบาล สุขศาลา โรงเรียน เป็นต้น

- ปลูกต้นไม้ เช่น ปลูกต้นไม้ริมทางให้คนได้พักอาศัยร่มเงา ปลูกสวนพฤกษชาติ ปลูกต้นไม้เป็นวนอุทยาน เป็นต้น

การงานเหล่านี้ และอย่างอื่นที่คล้ายกันถือว่าเป็นอนวัชชกรรม การงานที่ไม่มีโทษการงานที่ไม่มีใครตำหนิติฉิน จะพูดให้ชัดกว่านี้ก็คือ งานที่สุจริตทุกประเภทชื่อว่าการงานไม่มีโทษ

@@@@@@

สําหรับชาวบ้านอย่างเราๆ พระพุทธเจ้าท่านว่าจะมีสุขอยู่ 4 ชนิด คือ มีเงินใช้ ใช้จ่ายทรัพย์เป็น ไม่เป็นหนี้ใคร ทำงานไม่มีโทษ มีสี่อย่างนี้ครบถ้วน ก็นับว่ามีความสุขความสำเร็จแบบเบิร์ดๆ แล้วละครับ

ขอให้ตั้งหน้าทำมาหาเลี้ยงชีพมีเงินทองพอจับจ่ายใช้สอยไม่อัตคัด ใช้จ่ายทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์แก่ตนและครอบครัว (ไม่ใช่ได้มาแล้วเอาไปซื้อหญ้าให้ม้ากินหมด) ไม่เป็นหนี้เป็นสินใคร (แม่แต่สหการ สหกรณ์) ทำงานที่สุจริตถูกกฎหมายถูกศีลธรรมใครตำหนิไม่ได้ แค่นี้ก็นับว่าเป็นคฤหัสถ์หัวดำที่มีความสุขแล้วไม่ต้องตะกายจะไปนิพพานทั้งๆ ที่ยังไม่พร้อม เถียงกันทำไมนิพพานสำนักฉันถูก ของสำนักคุณผิด บ้าทั้งนั้น

    ค่อยทำค่อยไป ถึงเวลาแล้วนิพพานเอง ยกกาตั้งน้ำแล้วเติมฟืนเติมไฟไปเรื่อยๆ ถึงเวลานั้นน้ำเดือดเอง เชื่อผมเต๊อะ

 
ที่มา : มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 26 มิถุนายน - 2 กรกฎาคม 2563
คอลัมน์ : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
ผู้เขียน : เสฐียรพงษ์ วรรณปก
เผยแพร่ : วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2563
ขอบคุณ : https://www.matichonweekly.com/column/article_320075
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ