ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “กรรมชั่ว” ความเผ็ดร้อนที่สืบเนื่อง ไปถึงชาติหน้า  (อ่าน 484 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28420
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

 


“กรรมชั่ว” ความเผ็ดร้อนที่สืบเนื่อง ไปถึงชาติหน้า โดยพระมหาวรพรต กิตฺติวโร


พระพุทธองค์ตรัสเรื่องกรรมไว้ว่า เจตนาเป็นตัวกรรม เช่น จิตที่คิดเบียดเบียน คิดทำร้าย เพราะด้วยเจตนานี้กรรมจึงได้เกิดขึ้นแล้ว ถ้าเรารู้ผลที่จะตามมา จะไม่มีใครกล้าทำ กรรมชั่ว เลย

ในอดีตกาลมีพราหมณ์คนหนึ่ง จะจับแพะเพื่อบูชายัญ เขาก็ไปเจอแพะตัวหนึ่ง ก็เลยให้ลูกน้องรุมจับ หมายที่จะจับแพะไปเชือดเพื่อบูชายัญ แพะมันก็หัวเราะดีใจ โลดเต้นขึ้นมา จากนั้นมันก็ร้องไห้เสียใจ พราหมณ์ก็งงว่า แพะมันเป็นอะไร ถูกจับจนบ้าแล้วหรือ อยู่ดี ๆ ก็ดีใจโลดเต้น แล้วเดี๋ยวก็ร้องไห้

สมัยนั้นมนุษย์กับสัตว์สามารถสื่อสารพูดคุยกันได้ มันมียุคสมัยที่ทำแบบนี้ได้อยู่ แพะเลยบอกว่า ที่ข้าพเจ้าหัวเราะดีใจโลดเต้นเพราะว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้วที่ข้าพเจ้าจะถูกตัดคอ ข้าพเจ้าเลยดีใจว่าจะได้พ้นจากวิบากกรรมนี้เสียกที แต่ที่ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจเพราะเสียใจแทนท่าน ท่านจะต้องได้รับผลกรรมแบบเดียวกับที่ข้าพเจ้าโดน เมื่อในอดีตกาลนานมาข้าพเจ้าเคยจับแพะมาบูชายัญ ผลจากการเชือดไปหนึ่งตัว ส่งให้ข้าพเจ้าต้องตกอบายภูมิ เสวยความเผ็ดร้อนอยู่ในนรกอย่างแสนสาหัสเป็นเวลายาวนาน

@@@@@@

สิ่งที่เราทำครั้งหนึ่งกลับส่งผลสืบต่ออย่างยาวนาน หลังจากแพะตัวนั้นชดใช้กรรมในนรกแล้วขึ้นมาเป็นเปรตเพราะยังมีเศษกรรมหลงเหลืออยู่ จากนั้นมาเกิดเป็นแพะและถูกเขาตัดคอ เสวยความทุกข์ทรมานอย่างนี้มา 499 ชาติ และชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายที่จะถูกตัดคอ จะได้หมดเวรหมดกรรมเสียที

กรรมที่เราได้ทำไว้ จะดีหรือไม่ดีก็ตาม มันส่งผลเผ็ดร้อนสืบต่ออย่างยาวนาน  ถ้าเรารู้อดีตชาติของตัวเองแล้ว เราจะไม่กล้าทำบาปเลย แค่เจตนาเป็นตัวกรรม ส่งผลอย่างยาวนานเพียงใด สังสารวัฏช่างน่าเวทนาเช่นนั้น  ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงช้อนดินขึ้นมาเท่าปลายเล็บของพระองค์ แล้วทรงตรัสถามว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอจะสำคัญข้อนี้ว่าอย่างไร ดินเท่าปลายเล็บของเรา กับดินทั้งมหาปฐพีนี้ อันไหนมันจะมากกว่ากัน แน่นอนภิกษุกราบทูลว่าดินทั้งมหาปฐพีมากกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้เลยพระพุทธเจ้าข้า”

พระพุทธองค์ตรัสว่า “โอกาสที่มนุษย์ทั้งหลายจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก เท่ากับดินเท่าปลายเล็บของเรา ส่วนใหญ่แล้วมันตกอบายภูมิ เสวยความเผ็ดร้อนทุกข์ทรมาน” พระองค์ตรัสต่อว่า “เลือดที่เราต้องหลั่ง เพราะถูกเขาฆ่าตัดคอ ช่างมากมายยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4 “ น้ำในมหาสมุทรว่ามากมายมหาศาลแล้ว แต่ตลอดระยะเวลาที่เราหลงติดอยู่ในวัฏสงสาร เคยเกิดเป็นแพะ ถูกเขาฆ่าตัดคอ เคยเกิดเป็นแกะ ถูกเขาฆ่าตัดคอ เคยเกิดเป็นหมู หมา กา ไก่ ถูกเขาฆ่าตัดคอ เคยเกิดเป็นคน เป็นโจรทำผิด ถูกเขาฆ่าตัดคอ เสวยความเผ็ดร้อนทุกข์ทรมานอย่างนี้ เฉพาะชาติที่ถูกตัดคอ เลือดที่ต้องหลั่ง  เมื่อเก็บเลือดในแต่ละชาติมารวม มันมีปริมาณมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้ง 4

@@@@@@

ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า ตราบใดที่ยังไม่พบพระสัทธรรม เราก็ไม่สามารถหลุดจากวังวนเหล่านี้ได้ การอุบัติขึ้นในแต่ละอัตภาพ พระพุทธองค์ทรงอุปมาเหมือนไม้ที่มันโยนขึ้นไป มันจะตกหัว หรือตกหางก็ไม่รู้ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าชาติต่อไปเราจะได้เกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงอุปมาว่าการที่จะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีปริมาณเท่าเขาวัว ซึ่งวัวหนึ่งเดียวมีแค่สองเขา ที่เหลือลงอบายภูมิ โอกาสที่จะเกิดเป็นมนุษย์เป็นเรื่องที่ยากแสนเข็ญแล้ว การได้พบพระสัทธรรมยิ่งยากเย็นยิ่งกว่า

พระพุทธองค์ทรงอุปมาถึงว่า สมมติว่าโลกนี้เต็มไปด้วยน้ำเป็นผืนเดียวกัน มีห่วงอันหนึ่งตกลงไปในน้ำ แล้วถูกน้ำพัดพาไปในทิศต่าง ๆ มีเต่าตาบอดอยู่ตัวหนึ่ง ร้อยปีจะผุดขึ้นมาเหนือผิวน้ำสักที โอกาสที่เต่าตาบอดขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้วหัวของมันคล้องกับห่วงพอดีนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย แค่เกิดมาข้าง ๆ ก็ยากแล้วนะ แล้วบางทีมันมีโอกาสเกิดข้าง ๆ แล้วแว่บไปอีกทีมันเป็นไง ไปโผล่ไหนก็ไม่รู้  มันแทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลย โอกาสที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จอุบัติขึ้นในโลก โอกาสที่พระสัทธรรมจะแพร่หลายไปทั่วโลก โอกาสที่เราจะได้เกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์แล้วได้พบกับคำสอนของพระพุทธเจ้า มีศรัทธา ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ก็ยากเย็นเช่นนั้น


@@@@@@

โอกาสไหนก็ไม่เท่าโอกาสในปัจจุบัน จะรอหวังพึ่งพระศรีอาริย์ คิดว่าเราจะเกิดทันสมัยของท่านไหม ฉะนั้นโอกาสในปัจจุบันคือโอกาสที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา ตอนนี้พระสัทธรรมยังคงอยู่ คำสอนของพระพุทธเจ้ายังดำรงอยู่ และพระพุทธเจ้ายังทรงดำรงอยู่ ดังคำที่ว่า “ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นตถาคต (พระพุทธเจ้า)” ไม่มีโอกาสหรือกิจอะไรที่สำคัญยิ่งกว่านี้แล้ว

นี้คือโอกาสที่เราจะหลุดจากวังวนแห่งสังสารวัฏ เราจะลอยชายอยู่ได้อย่างไร เมื่อเราได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง อย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป ชีวิตประจำวันเราก็ใช้ชีวิตตามปกติ แล้วเราก็ฝึกสติปัฏฐานไปด้วยกับการดำรงชีวิต อย่าประมาทในการดำรงชีวิต งดเว้นจากการเบียดเบียน ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน และปฏิบัติธรรมตามสมควรแก่ธรรม




เรียบเรียงจาก ตื่นรู้สู่ความ “ว่าง” โดยพระมหาวรพรต กิตฺติวโร ที่ บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2562
ภาพ : https://pixabay.com
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/182884.html
By nintara1991 , 7 November 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ