พิมพ์

[udom]

คือเป็นความสงสัย ของผมตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งก็สงสัยมาตลอดว่า เทวดา ก็คือผู้ที่ทำบุญแล้วไปเกิดบนสวรรค์ ตามนิยาม
ของศาสนาต่าง ๆ นั้น ผมสงสัยว่าเครื่องแต่งกายของเทวดา จริง ๆ เป็นอย่างไร และเทวดามีการแบ่งประเทศบนสวรรค์หรือ
ไม่ การสื่อสารใช้ภาษาอะไร แท้ที่จริงแล้วในพระพุทธศาสนา มีการกล่าวแสดงที่ตั้งของทวีป ทั้ง 4 ตามความเข้าใจของผมเห็น
ว่า เทวดาไม่น่าจะมีการแบ่งประเภท ตามประเทศ และ เครื่องแต่งกาย การเรียกภาษา น่าจมีหลักการอะไรที่แสดงให้เข้าใจได้ง่าย ๆ  อีกอย่างเทวดา หน้าตาเหมือนกันหรือไม่ เพราะเทวดาไม่แก่ แล้วจำแนกอายุกันอย่างไร

 ปล.อาจจะสงสัย เรื่องที่ไม่ควรสงสัย แต่ก็เผื่อท่านที่มีความรู้และเข้าใจ จะช่วยเพิ่มความเข้าใจให้ผม ได้มากขึ้น
ผมชอบเว็บนี้ เพราะมีการตอบไวดีครับ เว็บอื่น ๆ ผมไปทิ้งคำถามแล้ว จะสามสัปดาห์แล้วยังไม่ตอบเลย ชื่นชมกับสมาชิก
ที่ใจดีในที่นี้ทุกท่าน ครับ

 

[wayu]

 เทวดาไทย
ภาพประกอบจากเว็บ http://www.cashewthai.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=11



เทวดาฝรั่ง
ภาพประกอบจากเว็บ http://www.lks.ac.th/teacher/chiness/chinese_travel/bg/Rpl.jpg



เทวดาจีน
ภาพประกอบจากเว็บ http://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=516479&chapter=6



เทวดาภารตะอินเดีย
ภาพประกอบเจาเว็บ http://u7.popcornfor2.com/show/62K7ca20.jpg

ต้องการสื่อแบบนี้ใช่หรือไม่ครับ ผมนำภาพมาเทียบให้แล้วครับ

สงสัยจะมีเมืองเทวดากันต่างหาก นะครับ

 

[ธุลีธวัช (chai173)]

ผมสงสัยเครื่องแต่งกายของเทวดา จริง ๆ เป็นอย่างไร
 
ผมชอบเว็บนี้ เพราะตอบไวดีครับ เว็บอื่น ผมทิ้งแล้วครับ

                      


       เรื่องนี้ก็เป็นอีกหนึ่งที่กล่าวได้ว่า "อจินไตยย์" ไม่พึงคิด ครับ!

      หากไม่ตอบมันก็ไม่  Clear!  ก็ขอตอบให้อย่างนี้ครับว่า เทพเทวดานั้นมีกายทิพย์เรียกว่ามีกายละเอียด

หรือปราณีตกว่ากายมนุษย์ ดังนั้นการพิจารณาอาภรณ์เครื่องทรงของเหล่าเทพเทวดาต้องใช้จิตที่ละเอียดจึงจะ

สามารถสัมผัสได้ ซึ่งก็อาศัยการภาวนาเป็นตัวเชื่อมถึง แต่ก็ได้เพียงสัมผัสไม่ใช่เห็นอยู่ดี จิตสัมผัสด้วยคลื่น

แสง เสียง สื่อเข้าใจในความปราณีตนั้นๆ กล่าวคืออธิบายในรายละเอียดกันไม่ได้จริงๆว่าอย่างไรกันแน่ แต่

สัมผัสว่ามี สำคัญที่ความปราณีตแห่งจิต (อันมีกุศลกรรมเป็นบาทฐานบารมี) เป็นเครื่องช่วยให้รายละเอียด ก็

สรุปอย่างนี้ว่ามนุษย์มีดวงจิตปราณีตแตกต่างกันตามภูมิชั้นแห่งกุศลบารมีในรายละเอียดที่รู้เห็นสัมผัส ดังนั้นร้อย

ปากร้อยคนจึงไม่เหมือนกัน อธิบายให้ชัดเข้าไปอีกคือ มนุษย์มีสังขาร (จิตปรุงแต่ง) เป็นหนึ่งในกองขันธ์ มีวิตก

วิจารณ์ เรียกว่าเป็นคุณชาติของมนุษย์อย่างนั้นเอง พูดง่ายๆคือมนุษย์มีปกติคิดสร้างจินตนาการ เมื่อคิดจิตก็วาด

ภาพโดยอัตโนวัติฉับไวโดยไม่ต้องยั้ง ภาพเทวดาจึงออกมาตามแต่วัฒนธรรมของเผ่าชนนั้นๆ...ครับ!

[raponsan]

เรื่องเกี่ยวกับเทวดานั้น เว็บในเครือศิษย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำมีเยอะครับ

แต่ไม่มีรายละเอียดเรื่องเครื่องแต่งกายของเทวดา เท่าทีีอ่านคำสอน เรื่องเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

และอ่านพระไตรปิฎก พอจะบอกได้ว่า เทวดาบางองค์ไม่ใส่เสื้อ

การแต่งกายของแต่ละองค์ ขึ้นอยู่กับบุญบารมีที่สั่งสมมา

เช่น ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงนางฟ้าตนหนึ่ง เครื่องแต่งกาย เครื่องใช้และพาหนะต่างๆ

รวมทั้งรัศมีกาย ล้วนเป็นสีเหลืองทั้งสิ้น พระอินทร์ยังสงสัย

นางตอบว่า นางบูชาพระบรมสาริกธาตุด้วย "ดอกบวบขม"

ดอกบวบนี้มีสีเหลือง เธอจึงได้ทิพยสมบัติเป็นสีเหลือง


เทวดาระดับหัวหน้าชั้น เช่น พระอินทร์ ท้าวเวสสุวัณ ต่างก็มีเครื่องแต่งกาย

หลายแบบ ใช้ต่างกรรม ต่างวาระ คล้ายๆกับมนุษย์

ถ้าจะถามว่า เทวดาแต่ละชั้นมีเครื่องแบบหรือไม่ ตอบไม่ได้ครับ รู้แต่ว่า

เทวดาที่มีฤทธิ์เยอะ ก็สามารถเนรมิตเครื่องแต่งกายได้ตามที่ใจปรารถนา์

มีพระรูปหนึ่งบอกผมว่า เทวดาแต่งตัวเหมือนรูปตามผนังโบสถ์นั่นแหละ

ท่านน่าจะหมายถึง รุกขเทวดา กับ ภูมิเทวดา มากกว่า

ผมคงคุยได้เท่านี้ครับ
 

[prayong]

ที่จริง สงสัยว่าคนตายแล้ว ยังมีผ้านุ่งหรือไม่ เคยฟัง คุณตา คุณยายว่า ว่าคนเฒ่า คนแก่ นั้นพูดว่า คนตายแล้ว
นั้นไม่มีผ้านุ่ง จะเดินขึ้นสวรรค์ หรือ นรก นั้นไม่มีเสื้อผ้านุ่ง ถ้าลงนรกเลยก็ไม่มีผ้านุ่ง

ถ้าขึ้นสวรรค์ ก็จะมีผ้าทิพย์นุ่ง

ก็สงสัย โดยอ้างอิงว่า ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมานั้น ไม่ว่า จะเป็น มนุษย์ สัตว์ดิรัจฉาน เปตร อสุรกาย ทุกกำเนิด ล้วน
แล้วไม่มีอาภรณ์ปิดกายหรือ ส่วนสงวน

ฟังมา ก็พูดต่อ ผิดถูก ก็ได้แต่รอต้องตายคงทราบคะ
ที่อยากติดต่อวิญญาณ ก็คงอยากถามคำถามนี้บ้างใช่หรือไม่คะ
 

[rainmain]

อาภรณ์ ทิพย์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ได้จากบุญทีสั่งสมไว้ครับ

 มีตัวอย่าง จากเรื่อง ธิดาบวบเหลือง เป็นตัวอย่าง ผมเล่าไม่เก่ง รอ คนที่มีเนื้อหา มาโพสต์ให้อ่านเถอะครับ

สาตะกีเทพธิดา



ไปอ่านต่อคร่าว ๆ ที่นี่นะครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=phaiseethong&month=10-11-2009&group=17&gblog=17

 

[raponsan]

อาภรณ์ ทิพย์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ได้จากบุญทีสั่งสมไว้ครับ

 มีตัวอย่าง จากเรื่อง ธิดาบวบเหลือง เป็นตัวอย่าง ผมเล่าไม่เก่ง รอ คนที่มีเนื้อหา มาโพสต์ให้อ่านเถอะครับ

สาตะกีเทพธิดา



ไปอ่านต่อคร่าว ๆ ที่นี่นะครับ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=phaiseethong&month=10-11-2009&group=17&gblog=17

 

ปีตวิมาน...ผลแห่งกรรมที่บูชาพระสถูปด้วยดอกบวบขม

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 383

๙. ปีตวิมาน ว่าด้วยปีตวิมาน  
   
           ท้าวสักกเทวราชตรัสถามเทพธิดาองค์หนึ่งว่า
              [๔๗]   ดูกร เทพธิดาผู้เจริญ  ผู้มีผ้าเหลือง  มีธงเหลือง   ประดับด้วยอลังการเหลือง  มีกายลูบไล้ด้วย จันทน์เหลือง ทัดทรงดอกอุบลเหลือง มีปราสาทเหลือง มีที่นอนที่นั่งเหลือง  มีภาชนะเหลือง  มีฉัตรเหลือง มีรถเหลือง  มีผ้าเหลือง  มีพัดเหลือง 

ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ในชาติก่อน  เจ้าได้ทำกรรมอะไรไว้ เจ้าถูกเราถามแล้ว ขอจงบอกทีเถิด  นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร.

        เทพธิดานั้นตอบว่า
        ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ     ข้าพระบาทได้น้อมนำดอกบวบขม ซึ่งมีรสขมไม่มีใครปรารถนา    จำนวน ๔ ดอก บูชาพระสถูป  ข้าพระบาทมีใจผ่องใส   มุ่งเฉพาะพระบรมสารีริกธาตุของพระศาสดา       

ไม่ทันพิจารณาหนทางที่มาแห่งแม่โค มิได้นึกไปที่แม่โคนั้น ทันใดนั้นแม่โคได้ขวิดข้าพระบาท ผู้มีความปรารถนา
แห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป  ถ้าข้าพระบาทพึงสั่งสมบุญนั้นยิ่งขึ้นไซร้   ทิพยสมบัติพึงมียิ่งกว่านี้เป็นแน่   

        ข้าแต่ท้าวนฆวานเทพกุญชรจอมเทพ    เพราะบุญกรรมนั้น  ข้าพระบาทละกายมนุษย์แล้ว จึงมาอยู่ร่วมกับพระองค์.

        ท้าวมฆวานเทพกุญชร   ผู้เป็นอธิบดีในสวรรค์ชั้นไตรทศ  ทรงสดับคำนี้แล้ว เมื่อจะยังเทวดาชั้นดาวดึงส์ให้เลื่อมใส จึงได้ตรัสคำนี้กะมาตลีเทพสารภีว่า   

     [/color]ดูก่อนมาตลี   ท่านจงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์นี้ ไทยธรรมที่เทพธิดานี้กระทำแล้ว ถึงจะ
น้อยบุญก็มีผลมาก  เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า หรือในสาวกของพระองค์ก็ตาม  ทักษิณา
ไม่ชื่อว่าน้อยเลย  มาเถิด  มาตลี แม้ชาวเราทั้งหลายก็ควรจะพากันบูชาพระบรมธาตุของพระตถาคตให้ยิ่ง
ยวดขึ้นไป   

เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้   เมื่อพระตถาคตยังทรงพระชนม์อยู่ก็ตาม เสด็จปรินิพพานแล้วก็ตาม     
เมื่อจิตสม่ำเสมอ  ผลบุญก็ย่อมสม่ำเสมอ  เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบ  สัตว์ทั้งหลายย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายกระทำสักการะในพระตถาคตเหล่าใดแล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์  พระตถาคตเหล่านั้น ย่อมอุบัติขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.

                                 จบปีตวิมาน


ที่มา  http://www.dhammahome.com/front/webboard/show.php?id=13841&PHPSESSID=d68d51cd21f6ffbfe8874969fc4d65d2

นำมาจากกระทู้ของคุณนาตยา
"อยากทราบว่า เวลาเราทำบุญใส่ตู้ บริจาค ตามวัดจะได้อานิสงค์อะไรคะ"
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=2243.msg8301#msg8301