ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อานิสงค์ โพธิจิต  (อ่าน 2325 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

udom

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 97
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อานิสงค์ โพธิจิต
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2011, 02:20:56 am »
0

บทที่หนึ่ง

อานิสงส์ของโพธิจิต


โอม ขอนอบน้อมแด่สมเด็จพระผู้มีพระภาค !

1. ข้าขอนอบน้อมแด่เหล่าพระสุคตเจ้าทั้งหลาย ผู้ทรงไว้ซึ่งพระธรรมกาย
พร้อมทั้งเหล่าพระชินบุตรและพระผู้ควรแก่การบูชาทั้งปวง
ข้าฯจะแสดงซึ่งวิถีแห่งเหล่าพระชินบุตรตามที่แสดงไว้ในพระธรรม

2. ในที่นี้ไม่มีอะไรเลยที่ไม่เคยมีผู้กล่าวไว้แล้ว
และข้าฯก็ไม่มีความชำนาญในการประพันธ์
ดังนั้น ข้าฯจึงไม่มีความห่วงใยประโยชน์ของสัตว์โลกอื่นๆ
และได้แต่งบทเหล่านี้มาเพื่อประโยชน์ของจิตของข้าฯเอง

3. ด้วยเหตุนี้ พลังของศรัทธาของข้าฯจึงเพิ่มพูนขึ้นเพื่อปลูกฝังคุณธรรม
ยิ่งไปกว่านั้นหากมีใครสักคนที่มีลักษณะอาการเหมือนข้าฯ
แล้วมาตรวจสอบบทประพันธ์นี้
บทนี้ก็อาจมีความหมายแก่เขาบ้าง

4. เสรีภาพ (ในการปฏิบัติธรรม) และปัจจัยเอื้ออำนวยต่างๆ
ต่างก็ได้มาได้อย่างยากยิ่ง
และต่างก็มีผลต่อการยังประโยชน์ให้แก่โลกทั้งมวล
สองสิ่งนี้ก็ได้มาแล้ว
หากยังละเลย ไม่ฉกฉวยโอกาสอันดียิ่งนี้เอาไว้
แล้วเมื่อใดเล่าจะเกิดโอกาสเช่นนี้อีก?

5. เช่นเดียวกับแสงฟ้าแลบ ซึ่งยังความสว่างให้บังเกิดในคืนเดือนมืด
แม้เพียงชั่วขณะ
ด้วยอำนาจแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า
ในบางครั้งจิตของมนุษย์ก็น้อมนำไปสู่บุญบารมี
แม้เพียงชั่วขณะเช่นกัน

6. ด้วยเหตุนี้ ธรรมฝ่ายกุศลจึงอ่อนกำลังอยู่ตลอดเวลา
หากกำลังของฝ่ายอกุศลนั้นแรงยิ่งนัก และน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก
ดังนั้น หากปราศจากโพธิจิตเสียแล้ว
จะมีกุศลกรรมใดอีกเล่าที่จะเอาชนะอกุศลกรรมเหล่านี้ได้?


7. พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ซึ่งได้ทรงพิจารณาเรื่องนี้มาเป็นเวลาหลายกัป
ทรงเห็นว่าสิ่งนี้เท่านั้นที่ทำให้ปิติพอกพูนขึ้น
และยังสัตว์โลกอันมีจำนวนสุดจะประมาณให้รอดพ้นจากสังสารวัฏ

8. ผู้ที่ปรารถนาจะเอาชนะทุกข์ทั้งหลายที่อยู่กับสังสารวัฏ
ผู้ที่ปรารถนาจะขจัดปัดเป่าความทุกข์ของเหล่าสัตว์
และผู้ที่ปรารถนาจะรับรสแห่งปิติอันไพศาล
ไม่ควรเลยที่จะละเลิกโพธิจิต

9. ทันใดที่โพธิจิตบังเกิดขึ้น
ณ บัดนั้นผู้ทุกข์ยากที่ถูกจองจำอยู่ในคุกของสังสารวัฏ
ก็เรียกว่าเป็นบุตรธิดาของพระสุคตเจ้า
ผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ควรแก่การบูชาทั้งในเทวโลกและมนุษยโลก

10. เมื่อโพธิจิตปรากฏในสัตว์ที่ยังไม่บริสุทธิ์
สัตว์นั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นภาพอันหาค่ามิได้ของแก้วมณีของพระชินเจ้า
ด้วยเหตุนี้
จงยึดถือในน้ำอมฤตอันได้แก่โพธิจิตนี้
ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิง

11. ผู้นำแต่เพียงผู้เดียวของโลก ผู้ซึ่งจิตของท่านลึกสุดจะประมาณได้
ก็ได้ตรวจสอบคุณค่าของโพธิจิตมาแล้ว
ท่านซึ่งน้อมนำไปในทางที่จะหนีออกจากสภาพความเป็นอยู่พื้นๆในสังสาระ
ก็ควรจะยึดเอาแก้วมณีอันได้แก่โพธิจิตนี้ไว้

12. เช่นเดียวกับต้นกล้วย ที่เหี่ยวตายลงไปเมื่อมีผลออกมา
คุณธรรมอื่นๆทั้งหมดก็เสื่อมถอยลงไปได้
แต่ต้นไม้แห่งพระโพธิจิตออกผลอยู่ตลอดเวลา
ไม่มีวันเหี่ยวเฉาเสื่อมสลาย หากมีแต่จะเจริญงอกงามขึ้น

13. การปกป้องนี้เป็นการปกป้องผู้ที่มีพลัง
แม้แต่ภายหลังจากที่เขาได้กระทำบาปอันใหญ่หลวง
ด้วยเหตุแห่งการปกป้องของโพธิจิตนี้
แม้ผู้ที่ทำบาปเช่นนี้ก็ยังปราศจากความกลัว
เมื่อเป็นเช่นนี้
เหตุใดสัตว์โลกทั่วไปจึงไม่แสวงหา โพธิจิตเป็นที่พึ่งแห่งตน

14. ไฟประลัยกัลป์ที่เกิดขึ้นเมื่อเอกภพถึงกาลสิ้นสุด
เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดฉันใด
ไฟอันได้แก่โพธิจิตนั้น
ก็เผาผลาญอกุศลกรรมทั้งหมดให้มอดไหม้ไปในบัดดลฉันนั้น
พระไมเตรยะพุทธเจ้า
ได้ตรัสเรื่องอานิสงส์อันประมาณไม่ได้ของโพธิจิตนี้ไว้แก่พระสุธนะ

15. กล่าวย่อๆ โพธิจิตมีสองประเภท ได้แก่
จิตที่ตั้งความมุ่งมั่นจะตรัสรู้
กับ
จิตที่กำลังเดินทางสู่การตรัสรู้

16. เช่นเดียวกับผู้ที่มองห็นความแตกต่างระหว่าง
คนที่ตั้งความปรารถนาจะเดินทาง
กับ
ผู้ที่กำลังเดินทางอยู่
บัณฑิตย่อมเห็นความแตกต่างระหว่างโพธิจิตสองแบบนี้

17. แม้ว่าอานิสงส์ของการตั้งความปรารถนาจะตรัสรู้
จะยิ่งใหญ่มหาศาลในสังสารวัฏ
อานิสงส์นี้ยังเทียบไม่ได้กับบุญบารมีอันหลั่งไหลไม่ขาดสาย
อันเกิดจากการลงมือเดินทางไปสู่การตรัสรู้

18. นับตั้งแต่เวลาที่คนผู้หนึ่งตั้งโพธิจิตมั่นคงแน่วแน่มั่นคง
เพื่อช่วยเหลือสรรพสัตว์อันมีจำนวนสุดที่จะประมาณ
และจะไม่มีวันเลิกล้มโพธิจิต
นั้นไม่ว่ากรณีใดๆ

19. นับตั้งแต่เวลานั้น
บุญอันยิ่งใหญ่มหาศาลดุจดังท้องฟ้า
ก็จะหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสาย
แม้ในขณะที่เขาหลับหรือมีจิตไม่เป็นสมาธิ

20. พระตถาคตเองก็ตรัสเรื่องนี้ไว้อย่างมีเหตุผลใน สุพาหุปฤจฉา
เพื่อประโยชน์แก่เหล่าสัตว์ที่โน้มเอียงไปในทางของหินยาน

21. บุคคลผู้มีจิตใจดี ผู้คิดว่า
"ฉันจะกำจัดโรคปวดหัวให้หมดไปจากสัตว์โลก"
จะได้บุญมหาศาล

22. แล้วบุคคลที่ปรารถนาจะกำจัดความเจ็บปวด
อันไม่มีอะไรมาเปรียบได้ของสัตว์โลกทุกๆตน
และมอบคุณสมบัติที่ดีมากจนหาประมาณมิได้เล่า
จะได้บุญมากเพียงใด?

23. ใครมีแม้แต่มารดาหรือบิดาที่มีจิตเห็นแก่ผู้อื่นเช่นนี้?
ทวยเทพ
ฤาษี
หรือ
พระพรหม
จะมีสิ่งนี้หรือไม่?

24. ถ้าหากบุคคลเหล่านี้ไม่เคยแม้แต่จะปรารถนาโพธิจิต
แม้แต่เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง
เขาจะมีโพธิจิตเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นได้อย่างไร?

25. แก้วมณีอันล้ำค่า และไม่เคยมีมาก่อนเช่นนี้
ความปรารถนาแก้วนี้เพื่อประโยชน์ของสัตว์อื่นๆ
มิได้เคยบังเกิดในผู้อื่น
แม้แต่เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง
เกิดขึ้นมาได้อย่างไร?

26. เราจะวัดปริมาณบุญของแก้วมณีแห่งจิตนี้ได้อย่างไร
อันเป็นเมล็ดพันธุ์ของความปิติสุขในโลก
และเป็นยารักษาโรคทุกข์ของโลก?

27. ถ้าหากการเคารพบูชาพระพุทธเจ้าทั้งหลายนั้น
ยังมีที่เหนือไปกว่าได้แก่
ความปรารถนาจะยังประโยชน์แก่ผู้อื่น
แล้วความพยายามที่จะยังสัตว์โลกทั้งมวล
ให้ประสบกับความสุขอันสมบูรณ์สูงสุดเล่า
จะเหนือกว่าทั้งหมดเพียงใด?

28. เหล่าผู้ที่ปรารถนาจะหลุดพ้นจากทุกข์
ต่างก็เร่งรุดวิ่งไปหาทุกข์
ด้วยความปรารถนาจะได้มาซึ่งความสุข
พวกเขาทำลายความสุขของเขาลง
ราวกับเป็นข้าศึก
ด้วยจิตอันเปื้อนด้วยกิเลสของเขาเอง

29. เขาผู้นั้นยังความปิติทั้งหมด
และยังความพอใจให้แก่ผู้ที่หิวกระหายความสุข
เขาก็ยังกำจัดความโศกทั้งหลาย
ที่เกิดแก่ผู้ที่ถูกกิเลสรบกวน
ด้วยหนทางต่างๆ

30. เขากำจัดความเห็นผิดกับกิเลสทั้งมวล
ผู้ใจบุญเช่นนี้หาได้ที่ไหนอีก?
กัลยาณมิตรเช่นนี้จะมีได้อีกหรือ?
บุญอันมหาศาลยิ่งเช่นนี้จะมีที่ไหนอีกเล่า?

31. แม้แต่ผู้ที่ตอบแทนกรรมอันเป็นกุศล
ก็ยังได้คำชื่นชมพอสมควร
แล้วเราจะกล่าวอย่างไรกับ
พระโพธิสัตว์
ที่กรรมอันเป็นกุศลของท่านเกิดมาเองโดยมิได้ร้องขอ?

32. โลกยังยกย่องผู้ที่มอบของให้แก่คนจำนวนหนึ่งว่า
ผู้นั้นเป็นผู้ที่มีคุณธรรม
แม้ว่าจะเป็นการให้อาหารธรรมดาๆ และความช่วยเหลือเพียงครึ่งวัน
ซึ่งเป็นการให้ชั่วครั้งคราว
และให้ด้วยจิตอันดูหมิ่นดูแคลน

33.แล้วผู้ที่ให้อยู่ตลอดเวลาแก่สรรพสัตว์อันนับประมาณมิได้
ซึ่งการตอบสนองความต้องการทั้งสิ้นทั้งมวล
และเป็นความต้องการของสัตว์ทั้งหลายจำนวนนับไม่ถ้วน
อันไม่มีที่สิ้นสุดและกว้างใหญ่ไพศาลดุจท้องฟ้านภากาศเล่า?

34. สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดังนี้
"ใครที่มีจิตเป็นอกุศลในหัวใจแก่ผู้ที่ยังประโยชน์ให้แก่สัตว์อื่น
ผู้เป็นบุตรธิดาแห่งพระชินเจ้า
เขาผู้นั้นจะต้องทนทรมานในนรกเป็นเวลาหลายต่อหลายกัป
จนกว่าจิตอันเป็นอกุศลนั้นจะหมดไป"

35. แต่หากจิตของผู้นั้นมีความโน้มเอียงไปในทางกุศล
ผู้นั้นก็จะมีผลบุญมากมายเพิ่มพูนยิ่งขึ้นไปอีก
แม้ว่าจะมีอกุศลกรรมอันหนักยิ่งเกิดแก่บุตรธิดาของพระชินเจ้า
บุญบารมีของเขานั้นก็จะยังเกิดขึ้นอยู่เอง

36. ข้าฯขอกราบนมัสการกายของเหล่าูผู้ที่แก้วมณีอันหาค่ามิได้นี้ได้บังเกิดขึ้น
ข้าฯขอยึดเป็นที่พึ่งที่ระลึก ซึ่งเหล่าผู้ที่เป็นแหล่งที่มาแห่งปิติสุข
ผู้ซึ่งแม้แต่การทำร้ายก็ยังเกิดผลเป็นความสุข

จบ บทที่ 1 ค่ะ



ข้อความจากคุณ พยัคฆ์น้อยครับ

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10210371/Y10210371.html
บันทึกการเข้า