ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - nongmai-new
หน้า: 1 [2]
41  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: BB CODE เทคนิค การโพสต์ ข้อความให้บอร์ดสวยครับ เมื่อ: กันยายน 28, 2011, 10:21:50 am
หัวข้อนี้ได้ประโยชน์ จริง ๆ ครับคุณ ประสิทธิ์ กรุณามาถ่ายทอดความรู้เพิ่มเติมด้วยนะครับ
บทความทาง IT ทางห้องเว็บอนุญาตไว้ที่นี่นะครับ เพราะคนศึกษาธรรมไม่ค่อยชำนาญโปรแกรมนะครับ

 จะได้โพสต์สวย ๆ กันบ้าง

   :c017:
42  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับผู้บริจาค เน็ตบุ๊ค ให้กับงาน สำันักงานส่งเสริมพระกรรมฐาน เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 08:48:41 am


http://notebookspec.com/notebook/3256-MSI+U160DX.html
รีวิวสเปกเครื่องนี้ ครับ เผื่อพระอาจารย์จะไม่รู้นะครับ

จัดได้ว่าเป็นเครื่องที่ดีมากเลยครับ ใน netbook ซึ่งถ้าเทียบราคาแล้ว

 msi แพงกว่า acer hp sumsung lenovo bennq นะครับ เป็นเครื่องที่ยอดเยี่ยมครับในด้านคุณภาพ

อนุโมทนากับ ผู้บริจาคด้วยนะครับ


 :25: :25: :25:
43  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เวทนากัมมัฏฐาน เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 07:34:06 pm
ลองจับหลักดูเนื้อหาพระสูตร นะครับ พระพุทธเจ้า ตรัสแสดง ถึง เวทนากรรมฐานดังนี้

 1. โสมนัส ที่ ควรเสพ และ โสมนัส ที่ไม่ควรเสพ

 2. โทมนัส ที่ ควรเสพ และ โทมนัส ที่ไม่ควรเสพ

 3. อุเบกขา ที่ ควรเสพ และ อุเบกขา ที่ไม่ควรเสพ


 จะลองวิเคราะห์ ต่อนะครับ
   โสมนัส เป็น อารมณ์ ดีใจ พอใจ ชอบใจ ( เดานะครับ )

   โสมนัส บางอย่าง ไม่ควรเสพ พอจะเข้าใจ ครับ เช่น ชอบเล่นหวย ก็ไม่ควรเสพ เป็นต้น

   โสมนัส บางอย่าง ควรเสพ อันนี้ก็พอจะเข้าใจ เช่น อยากทำบุญ ควรเสพ อยากนั่งกรรมฐาน ควรเสพ

   โทมนัส บางอย่าง ไมควรเสพ อันนี้ก็ยังพอจะเข้าใจ อยู่ครับ เพราะความทุกข์ ไม่มีใครอยากเสพ

  โทมนัส บางอย่าง ควรเสพ อันนี้ บอกตรง ๆ ว่า ยังไม่ค่อยจะเข้าใจครับ  ( ขอท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยนะครับ )
 
  อุเบกขา ก็ยิ่งไม่ค่อย จะเข้าใจ เช่นเดียวกันครับ

   :41: :41: :'(
44  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมสมทบทุนเททองหล่อพระสังกัจจายน์-พระอุปคุตเถร วัดราชสิทธารม คณะ 5 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 07:23:38 pm
ผมเห็นในปฏิทิน กิจกรรม กำหนดวันนี้ไว้ด้วย สงสัยว่าพระอาจารย์ จะไปร่วมด้วยหรือไม่ครับ

 :s_hi:
45  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระสงฆ์ที่ปฏิับัติภาวนา ได้ขั้นพระอริยะ ท่านฉัน มังสะวิรัติ หรือไม่ครับ เมื่อ: สิงหาคม 17, 2011, 04:57:22 pm
ใกล้เทศกาล กินเจ แล้วนี่ นะเดือนหน้า นี้เอง ลองกระแสเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ครับ

 :s_hi:
46  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พลังจิต (Mind Power) เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 08:04:19 am
พลังจิต (Mind Power)

พลังจิต (Mind Power) หมายถึงคลื่นความถี่ของพลังงานความคิด (Pranic Energy) ซึ่งเป็นพลังงานไฟฟ้าบวก (Proton) ไฟฟ้าลบ (Electron) ที่เกิดจากต่อมไพเนียล (Pineal Body) ที่สมองตอนบน เมื่อบุคคลคิดต่อมนี้จะสร้างคลื่นความถี่ของความคิดขึ้น คลื่นนี้อาจจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขบวนการทางความคิด (Thinking Process) นั้น คลื่นนี้จะลอยอยู่รอบๆตัวผู้คิด เมื่อคิดถึงใคร คลื่นนั้นจะพุ่งตรงไปยังต่อมสร้างความคิดของผู้รับนั้น ถ้าผู้รับรับคลื่นความคิดนั้นได้ จะเกิดความคิดเช่นนั้นทันที เรียกว่าเกิดการรับรู้ความคิดของผู้อื่นได้

Free Image Hosting at www.ImageShack.us

บุคคลที่มีพลังจิตสูง

บุคคลที่มีพลังจิตสูงคือ บุคคลที่มีสมาธิดี เช่น มีสมาธิอยู่ในขั้นกลางที่เรียกว่าอุปจารสมาธิ และสมาธิขั้นสูงที่เรียกว่าอัปปนาสมาธิ

การทำงานของพลังจิต

จิตจะทำงานได้จิตต้องมีเครื่องมือคือร่างกายที่เป็นอยู่ของจิต จิตจึงแสดงผลออกมาให้เห็นได้ ส่วนของมันสมองมีหน้าที่รับคำสั่งของจิตคือ ต่อมไพเนียล (Pinial Body) ซึ่งเป็นต่อมเล็กๆ  สีแดงอมเทา รูปกรวย เป็นส่วนประกอบของปลายประสาท ต่อมนี้อยู่ในส่วนกลางตอนบนของมันสมอง เมื่อต่อมไพเนียลรับคำสั่งของจิตต่อมนี้จะสร้างเป็นคลื่นความถี่ออกมา คลื่นความถี่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความคิดนั้น และจะลอยอยู่รอบๆ ตัวผู้คิด และคลื่นความถี่นี้จะวิ่งไปตามประสาทต่างๆ ทั้งร่างกายเพื่อควบคุมการทำงานของอวัยวะนั้นๆ พลังงานไฟฟ้าที่ควบคุมอวัยวะต่างๆจะมีกระแสความถี่ต่างกันตามหน้าที่ ของอวัยวะและคนนั้นๆอีกด้วย เช่น Electron และ Protron ที่ควบคุมการทำงานของเซลล์เนื้อเยื่อของอวัยวะต่างๆ ทำให้มีการสร้างและการทำลายของเซลล์ได้ตามปกติ เช่น ทำลายไป 10 เซลล์ก็จะสร้างขึ้นมาทดแทนเช่นเดิม อวัยวะนั้นจะทำหน้าที่ได้ตามปกติ สร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้สูงเป็นปกติ ร่างกายจะแข็งแรงสมบูรณ์

การศึกษาพลังจิต

ได้มีการค้นคว้าทางพลังจิตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ประเทศไทยเรียกพลังนี้ว่าพลังอำนาจทิพย์ ในต่างประเทศ เช่น ชาวจีนโบราณเรียกว่าพลังแห่งชีวิต (Life Force Energy) ชาวยุโรป เช่น เยอรมันเรียกว่าพลังงานแม่เหล็กสัตว์ (Animal Magnetism) ชาวรัสเซียเรียกว่าพลังงานชีวภาพ (Bioplasmic Energy) นักวิทยาศาสตร์ในกลุ่มประเทศตะวันตกเรียกว่าพลังชีวภาพ (Bio Energy) หรือพลังแม่เหล็กไฟฟ้า (Electo Magnetic Force)

บุคคลที่มีร่างกายแข็งแรงคือผู้ที่มีพลังจิตสมบูรณ์ควบคุมอยู่ทั่วทุก ส่วนของร่างกายทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นแจ่มใสกระฉับกระเฉง พลังจิตจะเปล่งเป็นรัศมีออกโดยรอบร่างกาย ตรงกันข้ามคนป่วยจะมีพลังจิตควบคุมอยู่เพียงเล็กน้อย ภูมิต้านทานในร่างกายจะลดต่ำลง ร่างกายจะอ่อนแอ และจะมีร่างกายที่ปกติเหมือนเดิมได้เมื่อได้รับพลังจิตนั้นๆ เพิ่มขึ้น

ดังนั้นพลังจิต จึงเป็นพลังงานที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย เช่น การหมุนเวียนของโลหิต การเจริญเติบโตของเซลล์ หากร่างกายส่วนใดขาดพลังจิตร่างกายส่วนนั้นจะไม่สามารถทำหน้าที่ใดๆ ได้ตามปกติ หรือร่างกายไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ พลังจิตที่ใช้กันทั่วไปมี 3 ลักษณะคือ

   1. Telepathy คือพลังงานแห่งเมตตา พลังนี้ติดต่อกันได้โดยทางจิต เป็นพลังงานที่ใช้เพื่อการสร้างสรรค์

2.  Telkynesys คือพลังงานที่ใช้บังคับวัตถุให้เคลื่อนที่ หรือใช้เพื่อทำลายวัตถุต่างๆ เป็นพลังงานที่ใช้ เพื่อการบังคับ หรือเพื่อการทำลาย

3.  Teleportation คือพลังงานที่ใช้เพื่อการล่องหนหายตัว เมื่อใช้พลังงานนี้แล้ว สามารถเดินบนน้ำบนอากาศ หรือเพื่อผ่านเครื่องกีดขวางได้

พลังจิตผิดปกติทำให้เจ็บป่วย

จิตมีอำนาจเหนือร่างกาย ที่เรียกว่า จิตเป็นใหญ่ จิตเป็นประธาน สำเร็จแล้วด้วยจิต เมื่อจิตมีอำนาจของกรรมครอบงำอยู่ จิตนั้นจะสั่งกาย ซึ่งเป็นเครื่องมือของจิตตามอำนาจของกรรมนั้น เช่น จิตมีอำนาจของอกุศลกรรมมาก พลังงานไฟฟ้าที่ออกมาจะไม่มีความสมดุลย์ทางธรรมชาติ เช่น ทำให้พลังงานไฟฟ้าบวกสูงมาก พลังงานไฟฟ้าลบสูงมากบ้าง จะมีผลทำให้ระบบการสร้าง การทำลายของร่างกายไม่คงที่ ดังนี้

พลังงานไฟฟ้าบวกสูงมาก จะทำให้การสร้างเซลล์มากกว่าการทำลายหรือเท่าเดิม แต่รูปร่างโตกว่าเดิม จะเป็นสาเหตุของโรคบวม เนื้องอก เช่น โรคหัวใจ โรคมดลูก เนื้องอกธรรมดา เนื้องอกมะเร็ง เป็นต้น

นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็งได้กล่าวถึง ทฤษฏีเกี่ยวกับมะเร็งที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดว่า เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในตัวคนเราตลอดเวลา แต่ถูกทำลายโดยเซลล์เม็ดเลือดขาว ก่อนที่มันจะโตจนก่อพิษภัยแก่ร่างกาย โรคมะเร็งเกิดขึ้นต่อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันถูกกดดันการทำงานไว้ ทำให้ไม่สามารถขจัดเซลล์มะเร็งที่ก่อตัวขึ้น ดังนั้นถ้ามีอะไรก็ตามส่งผลกระทบ ต่อการทำงานของสมองที่จะควบคุมระบบภูมิคุ้มกัน มะเร็งย่อมเกิดขึ้นได้

พลังงานไฟฟ้าลบสูงมาก จะทำให้การสร้างเซลล์น้อยกว่าการทำลายหรือเท่าเดิม แต่รูปร่างเล็กกว่าเดิม จะเป็นสาเหตุของโรคลีบตีบต่างๆ เช่น หลอดเลือดตีบ ลิ้นหัวใจตีบ กล้ามเนื้อตาย มันสมองฝ่อ ภูมิต้านทานบกพร่อง ตับวาย ไตวาย กล้ามเนื้อหัวใจไม่ทำงาน เรียกว่า โรคไหลตาย เด็กเกิดมามีร่างกายไม่สมบูรณ์ เป็นต้น

พลังงานไฟฟ้าภายในร่างกายของแต่ละบุคคลอาจไม่เท่ากันก็เป็นได้ ผมเคยพบว่าการเพิ่มเลือด เกล็ดเลือดให้คนไข้ สภาพร่างกายคนไข้ไม่ยอมรับเลือดหรือเกล็ดเลือดนั้น เพราะเลือดใหม่และเลือดเก่าไม่สามารถเข้ากันได้ แม้ทางการแพทย์จะวิเคราะห์แล้วว่าเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกัน เมื่อพิจารณาในสมาธิพบว่าพลังงานไฟฟ้าที่ควบคุมเม็ดเลือดนั้นไม่เท่ากัน แสดงว่าพลังงานควบคุมเม็ดเลือดของแต่ละคนจะเท่ากันหรือไม่เท่ากันก็ได้ และพบอยู่มากกับกลุ่มผู้หลงผิดที่ไปรับเอาพลังงานอื่นมากดทับพลังจิตของตน เอง ทำให้การทำงานของพลังจิตของตนผิดไป จิตนั้นจึงสั่งมาที่สมองของตนผิด การแสดงออกของร่างกายจิตผิดไปด้วย เช่น กลุ่มของคนทรงเจ้าเข้าผี กลุ่มของคนเหล่านี้จะไปรับเอาเวทย์มนต์คาถา ของอิทธิฤทธิ์ ของอาถรรพ์ดวงวิญญาณเข้ามาสิง เช่น ดวงวิญญาณกุมารทอง นางกวัก ปลัดขิก เจ้าพ่อ เจ้าแม่ น้ำมันพรายหรือองค์เทพต่างๆมาอยู่กับตนที่เรียกว่า เดรัจฉานวิชา ไม่เป็นจิตดั้งเดิมของตนเอง อาการป่วยของบุคคลเหล่านี้ทางการแพทย์จะตรวจหาสาเหตุไม่พบ

การเพิ่มและการรับพลังจิต

บุคคลที่มีสมาธิดีจะมีคลื่นความถี่ และความรุนแรงของพลังงานความคิดสูง สามารถที่จะส่งพลังงานนั้น ไปยังบุคคลที่ตั้งเป้าหมายไว้ได้แน่ชัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวผู้รับ ได้ตามความปราถนานั้น เรียกว่า การเพิ่มและการรับพลังจิต การเพิ่มแต่ละครั้ง แต่ละคนไม่เหมือนกัน เพิ่มพลังจิตแต่ละครั้งนานเท่าใด ผู้เพิ่มพลังจิตจะทราบได้ในสมาธิจิตนั้น หากผู้รับยังรับได้ ก็เพิ่มให้ต่อไป หากเห็นว่าพลังจิตที่ส่งไปนั้นหยุดลง ก็หยุดเพิ่มพลังจิตในครั้งนั้น และต้องเพิ่มพลังจิตกี่ครั้งจึงจะได้ผล สิ่งนี้ไม่มีกำหนด แน่นอนขึ้นอยู่กับผู้รับ หากผู้รับสามารถรับพลังจิตได้มาก และเห็นว่าอวัยวะที่ผิดปกตินั้น เปลี่ยนเป็นปกติเร็ว พลังจิตที่ส่งไปจะหยุดลง ควรหยุดเพิ่มพลังจิตให้ผู้ป่วยกลับไปทำสมาธิภาวนาด้วยตนเอง ผู้ป่วยจะสร้างพลังจิตที่ดีขึ้นมาได้ พลังจิตนั้นๆ จะบำบัดทุกข์ให้กับผู้ป่วยได้ในที่สุด

การเพิ่มพลังจิตกระทำได้ 3 ทาง คือ

   1. เพิ่มที่อวัยวะนั้นโดยตรง
   2. เพิ่มที่จุดกำเนิดของพลังจิต คือที่ต่อมไพเนียล

3.  เพิ่มพลังจิตให้ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับจะเพิ่มให้ใครที่อวัยวะใดนั้นจะทราบและเห็นได้ในสมาธินั้นๆผู้เพิ่มพลังจิตที่ดี

ผู้เพิ่มพลังจิตที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้คือ เป็นผู้ที่ตั้งอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา และเมื่อเพิ่มพลังจิตให้กับใครก็ตามต้องรู้ทุกข์ รู้สาเหตุแห่งทุกข์ รู้หนทางดับทุกข์ และรู้วิธีการดับทุกข์นั้นๆ โดยชัดแจ้ง พร้อมตั้งตนอยู่ในพรหมวิหารธรรม และหิริโอตัปป

ธรรมผู้รับพลังจิตที่ดี คือ เป็นผู้ที่มี

   1. ศรัทธา ผู้รับต้องมีศรัทธาที่จะรับพลังจิต
   2. สมาธิ ผู้รับต้องมีความตั้งมั่นแห่งจิตอยู่กับกายและจิตของตน
   3. สติ ผู้รับต้องมีความระลึกได้ว่าตนกำลังรับพลังจิตอยู่
   4. ปัญญา ผู้รับต้องรู้จักการปล่อยวางความทุกข์ออกจากจิตใจในขณะนั้น

5.  ความขยันหมั่นเพียร การรับพลังจิตนั้นต้องรับสม่ำเสมอและให้ตั้งอยู่ในคำสอนของพุทธองค์เป็นหลัก ดังกล่าวแล้วการเพิ่มพลังจิตผ่านบุคคลอื่นวัตถุอื่น

บางกรณีที่จำเป็น คือ ผู้ป่วยไม่สามารถขอรับพลังจิตด้วยตนเองได้ เช่นอยู่ในห้องผู้ป่วยหนัก อยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช อยู่ต่างประเทศ ผมได้ทดลองเพิ่มพลังจิตผ่านกระแสจิตของผู้ใกล้ชิด เช่น พ่อ แม่ บุตร สามี ภรรยา ผู้ดูแล หรือผ่านลงไปในน้ำดื่ม ก็สามารถช่วยผู้ป่วยได้บ้างเป็นบางส่วนเท่านั้น บุญและบาปเป็นพลังงาน

หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 4 ธันวาคม 2536 และ 30 มกราคม 2537 ลงบทความเรื่องสัจธรรม โดย พญ.บุษกร กล่าวว่า ร่างกายของสัตว์เป็นสสารควบคู่กับจิตใจซึ่งเป็นพลังงาน ทั้งร่างกายและจิตถูกพลังงานแห่งกิเลสปรุงแต่งให้จิตมืดบอด หรือ ราคะ โทสะ และโมหะ ส่งผลให้เกิดมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม แล้วกระทำความชั่วต่างๆ ได้ตามอำนาจของกรรมนั้น ๆ

บุคคลที่มีจิตมีสัมมาสมาธิ สัมมาทิฏฐิ มีจิตเมตตาปราณี ทางการแพทย์พบว่าต่อมใต้สมองจะผลิตสารบุญเรียกว่า เอนดอร์ฟีน (Endorphine) ออกมามากส่งผลให้ร่างกายเบาสบาย ที่เรียกว่าเกิดปิติ กินได้นอนหลับ ไม่ฝันร้าย หรือไม่ฝันเลย ผิวพรรณผ่องใสใบหน้าสดชื่น โคเรสเตอรอลละลายสลายตัว เม็ดเลือดขาวแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันโรคสูง ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้ดี เจ็บป่วยทางกายน้อยลง บาดแผลหายเร็วกว่าผู้มีจิตใจเป็นบาปถึงเท่าตัว หากเป็นโรคมะเร็ง เซลล์มะเร็งจะหยุดหรือลุกลามช้าลง

ในทางตรงกันข้าม บุคคลที่จิตมีมิจฉาสมาธิ มิจฉาทิฏฐิ จิตที่คิดเกลียด โกรธ อิจฉาริษยา อาฆาต พยาบาท เคียดแค้น เครียด วิตกกังวล ต่อมหมวกไตจะสร้างสารบาปออกมามาก สารนี้จะซึมเข้าสู่กระแสโลหิตแล้วไปออกฤทธิ์ที่อวัยวะเป้าหมาย ดังนี้

1.  สารแอดรินาลิน (Adrenalin) ทำให้หัวใจเต้นเร็งแรง เส้นโลหิตแดงหดเกร็ง เป็นเหตุให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ถ้าเส้นเลือดแดงที่ไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อผนังหัวใจหดจนตีบตัน หัวใจจะวายถึงตายได้ โคเรสเตอรอลจะถูกสร้างขึ้นทั้งๆ ที่มิได้รับประทานไขมันสัตว์ กะทิ ไข่แดง หอยนางลม หรือเครื่องในสัตว์มากกว่าปกติ

2.  สารสเตียร์รอยด์ (Sterroid) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการหลั่งน้ำย่อยอาหาร อาจมีผลทำให้หลั่งมากหรือน้อยก็ได้ ถ้าหลั่งมากน้ำกรดในน้ำย่อยย่อมกัดผนังด้านในของกระเพาะอาหารทำให้ปวด ท้องบริเวณลิ้นปี่ เกิดแผลในกระเพาะอาหาร ถ้ากัดกร่อนเส้นเลือดใหญ่ทะลุ จะอาเจียนเป็นเลือด หากช่วยไม่ทันจะเสียเลือดจนตาย ถ้าหลั่งน้อย ท้องจะอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ไม่อยากรับประทานอาหาร

   1. สารแลคติคแอซิด หรือ เกลือแลคติค (Lactic Acid) ที่เกิดขึ้นแล้วมีผลต่อร่างกาย คือ

    * ทำลายภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำลายความแข็งแรงของเม็ดเลือดขาว เหมือนฤทธิ์ของ HIV เชื้อโรค AIDS ร่างกายจึงอ่อนแอ เจ็บป่วยบ่อย หายนาน
    * เกล็ดเลือดในกระแสโลหิตจับตัวกันเป็นลิ่มเล็กๆ ไปอุดตันตามหลอดเลือดฝอยต่างๆ ถ้าเกิดขึ้นกับอวัยวะสำคัญ เช่น มันสมองจะทำให้เกิดอัมพาตขึ้นได้

พลังงานแห่งวิบากกรรมเหล่านี้ เมื่อถูกก่อขึ้นแล้วมิอาจสูญหายไปในทางใดได้ พลังงานดังกล่าวจะตามสนองเรื่อยไปตามโอกาสตราบจนผู้นั้นสิ้นกิเลส สิ้นกรรม ไม่ก่อพลังงานของกรรมใหม่อีกต่อไป ที่เรียกว่ากรรมเป็นผู้ติดตาม

เมื่อท่านทราบผลกรรมที่เป็นปัจจุบันกรรมเช่นนี้แล้ว ขอได้หยุดสร้างกรรมต่อกัน ทั้งมโนกรรม วจีกรรม และกายกรรม พลังงานของวิบากกรรมจะเกิดขึ้นน้อยหรือไม่เกิดขึ้น การทำงานทุกระบบของร่างกายจะเป็นปกติ ท่านจะมีสุขภาพสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ

จากหนังสือ ธรรมะในจิต โดย อาจารย์ พิศ เงาเกาะ

 

บทความนี้ทำให้เรา เข้าใจในเรื่องของพลังจิตที่มีการศึกษาในลักษณะใดบ้างและการเจ็บป่วยต่างๆ ที่เกิดขึ้นบ้างโรคอาจมีผลมาจากพลังจิตเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าขั้วบวกขั้วลบ ซึงพลังงานความถี่ของพลังงานความคิด และพลังจิตมีความเกี่ยวข้องกับสรีรวิทยาและธรรมมะนำมาใช้ในการบริหารจิตของ เราได้

นางสาวศิวพร ดีมงคล 50059257 
47  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เฉลยนั่งสมาธิ แล้วทำไม ลอยได้ ( โปรดดูไว้ทุกท่าน ) เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 08:01:01 am
http://pacbf1.fsanook.com/album/files/flv/267/1337940.flv


อีกอันครับ ที่หลอกฝรั่งกันได้มากมาย

48  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เฉลยนั่งสมาธิ แล้วทำไม ลอยได้ ( โปรดดูไว้ทุกท่าน ) เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 07:58:02 am
http://ttcbf1.fsanook.com/album/files/flv/267/1338816.flv


ถ้าดูไม่ได้ ก็กดที่ลิงก์ นะจ๊ะ

http://video.sanook.com/%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%A2_%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-405762-player.html

49  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เตือนจิต สะกิดใจ คำคมน้อย ๆ กับ คำให้กำลังใจ ที่ดี ๆ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 08:14:30 pm
คิดถึง คุณ หมวยจ้า นะครับ ไม่เห็นโพสต์ เลยนะครับช่วงนี้

 :s_hi: :58:
50  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ๖. โคจรสูตร ว่าด้วยการเดินจิตในสมาธิ เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 08:12:00 pm
อ้างถึง
ผู้ฉลาดในการตั้งจิตมั่น
และฉลาดในโคจรในสมาธิ นับเป็นผู้เลิศ


ถ้าวิเคราะห์แล้ว มีสองส่วนนะครับ

 1.ฉลาดตั้งจิตมั่น

   มีสองประเด็น คือ ฉลาด และ ตั้งจิตมั่น

   ความฉลาด หมายถึง ความเข้าใจ ประยุกต์ใช้ ในที่นี้น่าจะหมายถึงเรื่อง การเดินจิต ( ก็คือ วสี )

  ตั้งจิตมั่น คือ สมาธิ

  สมาธิ มีระดับ ตั้งแต่ ขณิกะสมาธิ เป็นต้นไป แต่ในพระสูตรนี้ พูดถึง ฌาน เท่าั้นั้น และ วสีก็มีเฉพาะใน ฌาน ด้วย

2.ฉลาดในโคจร สมาธิ

  อันนี้ ตรง ๆ เลยก็คือ การเดินจิต เดินฌาน ตั้งแต่ ฌาน 1 ถึง ฌาน 8
  อันประกอบด้วย วิตก วิจาร ปีิติ สุข เอกัีคคตา อุเบกขา อากาสานัญจายตนะ เป็นต้นไป

  ความฉลาด ก็คือ การเดินจิตเป็น ฌาน ตามลำดับ เข้าออก ฌาน ตามลำดับ

  นึกถึง ลีลาการเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในการเข้า ฌาน ออก ฌาน ก็มีบันทึกให้เห็นว่า เป็นไปตามลำดับ
 มิได้ลัดข้าม ฌาน แต่อย่างใด อันนี้น่าจะหมายถึง ความฉลาดในโคจร สมาธิ

 เหนื่อยจังครับ เพราะเป็นเรื่องที่ผมเองก็ยังไม่ถึง แต่ขอร่วมวิจารณ์บ้างนะครับ ( ขอได้บุญในพรรษาบ้างครับ )

 :s_hi: :67: :13: :13:

 
51  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: เจ้าหน้าที่ hostlotus เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 06:58:34 pm
วันนี้มาให้กำลังใจ วันแรกหลังเข้าพรรษาครับ
ขออนุโมทนา กับทีมงาน ทุกท่านด้วยนะครับ
ที่ทำให้อุปสรรค ของ บอร์ดหมดสิ้นไป

สาธุ สาธุ สาธุ

 :25: :25: :25:
52  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ความสำคัญของปิติ เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 05:59:57 pm
ปีติ ใน ฌาน กับ ปีติ ในโพชฌงค์ 7 น่าจะต่างกันโดยสิ้นเชิง เห็นด้วยครับ

 :25:
53  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / Re: http://www.madchima.net/ เว็บฝากไฟล์ภาพธรรมะ สำหรับชาวธรรมะ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2011, 09:08:21 pm
ยินดีกับ เว็บ www.madchima.net ครับ
ที่ได้แก้ปัญหา เรื่อง ภาพ และ แบนด์วิธ ครับ


 :25:
54  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว แต่ยังรักแฟนเก่าอยู่ อย่างนี้ถือว่านอกใจหรือไม่คะ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2011, 08:57:56 pm
อยากทราบว่า ถ้าผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ยังรักแฟนเก่าและก็ชื่นชมเขา มากกว่าสามีตนเอง

อย่างนี้จัดว่าผิดศีลข้อ 3 หรือยังคะ

 :67:

ถ้าตอบตามคำถาม ก็ตอบว่า ไม่ผิดครับยังไม่ผิดศีล ครับ

เพราะองค์ประกอบความผิดยังไม่ครบครับ

ในโลกใบนี้ หญิง ชาย ที่แต่งงานกันเพราะความรัก และ สมหวัง กันนั้นจริง ๆ อาจจะมีจำนวนไม่มากครับ

ส่วนมากที่แต่งกัน ผมเห็นมา คลุมถุงชนบ้าง จำเป็นบ้าง แตกต่างกันไป

แต่เพราะไม่ได้รักกันมาก่อน โอกาสที่อยู่กันยืด ก็มีน้อยครับ

ยิ่งถ้าอยู่ด้วยกันแล้วไม่รักกัน ก็ต้องลงเอยแบบ ไม่สวยแน่ ๆ ครับ

แต่ที่นี้ย้อนกลับมาที่คู่ ที่รักกันนั้น ก็ใช่ว่าจะลงเอยด้วยดีครับ

ดูพวกดารา เป็นตัวอย่างก็ได้ครับ หย่า กันบ่อย หย่า แล้ว ก็แต่งอีกคน เป็นแฟชั่นเลย

เด็กหนุ่ม สาว ยุคปัจจุบัน จึงนำไปเป็นตัวอย่าง กันมากขึ้น เพราะสื่อเหล่านี้เข้าถึงไว...

 :banghead:
55  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: สมาชิกคิดอย่างไร ถ้าผมกำลังจะแต่งงาน กับเด็กอายุ 18 ปีครับ เมื่อ: มีนาคม 23, 2011, 06:03:42 pm
บุพเพสันนิวาส ซะละมังคารับ ยินดีด้วยนะคารับ

ภาษิตไทย .... อาจจะมีเยอะครับ แต่ถ้ารักจะภาวนา แล้วการมีคู่ครองที่ต่างกันมาก ต้องเตรียมใจไว้ในอนาคต

ด้วยนะครับ ว่าเธออาจจะเปลี่ยนไป๋ได้ โดยเฉพาะพยายามทำใจเรื่องความหึงหวง ด้วยนะครับ มันจะสูงกว่าคนรุ่น

เดียวกัน

   ที่คุณปุ้ม กล่าว น่าจะหมายถึงตรงนี้ นะครับ คือ มีศีลเสมอกัน

   ก็อย่างไร ถ้าคุณพร้อมที่จะรับผิดชอบ ผู้หญิงก็พร้อมที่มาครองรักกับคุณ ก็ขอให้ประสพสุขโชคดีนะครับ

   :s_good:
56  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: “เปลี่ยนคำด่าเป็นกำลังใจ” เมื่อ: มีนาคม 22, 2011, 07:42:15 pm
 :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:

ผมว่าวิธี ที่น่าจะดี เมื่อโดนด่า ก็คือ อย่าไปเสียเวลาฟัง เลยครับ

  ไม่ต้องนำมาคิด หลอกใจตัวเอง ด้วยครับ

แต่ว่า วิธีคิดแบบนี้ ว่าคิดในแง่ดี ถึงเราจะคิดในแง่ดี แต่ความหมายของคนด่ามันไม่ได้เปลี่ยน ความหมายยังเหมือน
เิิดิม ที่เปลี่ยนก็แค่วิถีจิตของเรา อาจจะต้องปรุงแต่งในทางดี ....

 :85:
57  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เรื่องสั้นแต่มีข้อคิดครับ ส้นตีน กับ ยอดหญ้า เมื่อ: มีนาคม 15, 2011, 06:48:49 pm
เรื่องสั้นแต่มีข้อคิดครับ

ยอดหญ้า...ถูกส้นตีนเหยียบย่ำ...ก็ร่ำไห้...เจ็บปวด...เจ็บปวด...ท้อแท้...สิ้นหวัง...ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป...

ผีเสื้อน้อย...บินมาเกาะข้างๆ...แล้วถามว่า...เจ้าร้องไห้ทำไม...?
เราน้อยใจ...เราเกิดมาเป็นยอดหญ้าหญ้าผู้ต่ำต้อย...
ถูกคน...หมู...หมา...แมว...เหยียบย่ำทุกวัน...
เราไม่มีเกียรติ...เราไม่มีศักดิ์ศรี...เราไม่มีคุณค่าเลย

โอ...ยอดหญ้า...เจ้าคิดผิดแล้ว...
เจ้าคือยอดหญ้าผู้มีคุณค่าสูงส่ง...สูงกว่าสิ่งต่างๆ อีกมากมาย...
เอ๊ะ...เราคิดว่าเราต่ำที่สุดแล้ว...ยังมีสิ่งอื่นที่ต่ำกว่าเราอีกหรือ...?

เจ้ายอดหญ้าเอ๋ย...โดยปกติแล้ว...เธอไม่ได้ต่ำต้อย...
แต่ที่เธอคิดว่าเธอต่ำ...เพราะเธอมัวแต่แหงนมองที่สูง...
เธอลืมล้มลงมอง...
ผืนดิน...ตัวหนอน...และไส้เดือน...

.....................................................

จักรกล วรรณกรรม

http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=10956.0
58  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เราต้องตกนรกใช่มั๊ยคะ เมื่อ: มีนาคม 08, 2011, 07:33:33 pm
เห็นด้วยครับ ว่าตอนนี้ยังหยุดได้ทัน ครับ

  ยอม หยุด เย็น จะเป็นสุข นะครับ

 :bedtime2:
59  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: รายงานจากศิษย์ที่ไปวัดป่าบ้านตาด เ่ล่าด้วยภาพนะจ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 08, 2011, 07:30:47 pm
ไ้ด้ชมแล้ว ถือได้ว่า หลวงตามหาบัว เป็นประวัติศาสตร์ ของยุคนี้

 :13:
60  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระโปฐิละ ภิกษุใบลานเปล่า ( new version ) เมื่อ: มีนาคม 07, 2011, 08:52:26 pm
เรื่องนี้ก็สรุปตรงที่พระโปฐิละ สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ซึ่งในที่สุด ท่านก็ไม่ได้เป็น พระใบลานเปล่า เพราะหลัีงจากที่บรรลุท่านก็ใช้ความรู้ ความสามารถ ในการเทศนาให้คนบรรลุธรรม เพิ่มขึ้นไปอีก

 :25:
61  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ในมนุษยโลกและเทวโลก ภูมิไหนจะมีพระอริยบุคคลมากกว่ากัน เมื่อ: มีนาคม 07, 2011, 08:50:43 pm
อ่านเรื่องนี้แล้ว เหมือนจะยืนยันว่า เทวดานั้นบรรลุธรรม เป็นพระอริยะบุคคลมากมายจริง ๆ ว่าแต่ เทวดา ที่บรรลุเป็นพระอรหันต์ นั้นจำเป็นต้องบวชด้วยหรือไม่ครับ หรือเป็นบรรพชิต โดยธรรมชาติ

  ผมเองเคยคิดเหมือนกันว่า เมื่อเทวดาบรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วในเทวโลก ต้องกราบทูลขออุปสมบถกับพระพุทธเจ้าหรือไม่ หรือบรรลุแล้วจะทำอย่างไร นิพพานอย่างไร มีพระสูตรกล่าวเรื่องเทวดา บรรลุธรรมในเทวโลก
ต้องปฏิบัติอย่างไร ( อาจจะมองว่าถามไปทำไมไม่ได้เป็นเทวดากันจะรู้ไปทำไม ) ขอให้เป็น ธรรมสากัจฉา กัน
ดีกว่าครับ เผื่อใครจะมีความรู้หลักฐาน มุมมองตรงนี้ หรือรู้มาเล่าให้ทราบกันไว้ เพื่อพอกพูนศรัทธาในธรรม ให้มั่นคง ยิ่ง ๆ ขึ้นไปนะครับ

   :25:
62  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระพุทธเจ้าไม่อุบัติในจักรวาลอื่น เมื่อ: มีนาคม 07, 2011, 08:45:28 pm
เรื่องนี้ดูเหมือนจะตอบโจทย์ เรื่องพระพุทธเจ้า ตรัสรู้บนเทวโลก มีหรือไม่ ของคุณ กบแย้มกะลา ได้นะครับ

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3277.0

 :25:
63  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: เชิญร่วมโพสต์ ภาพไทยๆ อวยพรในวันปีใหม่ไทยกันบ้าง เมื่อ: มีนาคม 07, 2011, 08:31:37 pm


มาร่วมแล้วคร้บ

ตามคุณหมวย
64  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: รายงานจากศิษย์ที่ไปวัดป่าบ้านตาด เ่ล่าด้วยภาพนะจ๊ะ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 08:55:07 pm

กำแพงที่มีบันได

ทางลัด พระปีนกำแพง

รถบริการในงาน

ทำใจเลยเรื่องรองเท้า หาย ได้...

คนมากทุกวัน

โรงทานก็มีทุกวัน

ขอบคุณภาพจาก ตามไปดูเพิ่มเติมได้ที่ลิงก์ครับ

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y10294129/Y10294129.html
65  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / User เก่า login แล้วใช้อะไรไม่ได้เลยครับ ไม่สามารถโพสต์ข้อความได้ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 08:47:41 pm
User เก่า login แล้วใช้อะไรไม่ได้เลยครับ ไม่สามารถโพสต์ข้อความได้
จึงขออนุญาต ใช้ User ใหม่นะครับ

 ???
66  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน (ไม่ใช้อยู่ไปวันๆนะ) เมื่อ: มกราคม 29, 2011, 11:02:55 pm


ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน (ไม่ใช้อยู่ไปวันๆนะ)
เรื่องนี้คัดลอกมาจากงาน ของคนอื่น เขาบอกว่าได้ฟังจากทีวีรายการหนึ่ง แล้วเกิดความพลุ่งพล่านอยากแบ่งปันให้คนอื่นได้รู้บ้าง ก็เลยเป็นที่มาของบทคัดลอกนี้

ผู้เขียนบอกว่า เขาได้ดูทีวีรายการหนึ่ง พูดถึงเรื่อง “ทำอย่างไรถึงจะใช้ศักยภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ” ตอนที่เขาเข้าไปดู รายการได้เริ่มไประยะหนึ่งแล้ว ศาสตราจารย์ผู้ดำเนินรายการได้ถามผู้ชมในห้องส่ง 3 คำถาม ซึ่งเป็นคำถามที่ดีมาก คำถามที่ 1 ถามว่า “ท่านอยากมีอายุยืนยาวถึงกี่ปี” แล้วให้ทุกคนจดคำตอบไว้

 

คำถามที่ 2 ถามว่า “ตอนนี้ท่านอายุกี่ปี” แล้วให้จดคำตอบไว้เช่นกัน หลังจากนั้น ให้เอาคำตอบของข้อที่ 1 ลบด้วยคำตอบของข้อที่ 2 ผลลัพธ์คือจำนวนปีที่คุณยังมีชีวิตเหลืออยู่ นี่แม้เป็นโจทย์ด้านคณิตศาสตร์ธรรมดาๆ แต่ที่อยากกล่าวถึง คือวิธีการถามของ ศร. ผู้นี้

ศร.ผู้นั้นได้ถามต่อว่า “ใครที่ยังเหลืออายุอีก 60 ปีให้ยกมือขึ้น” ปรากฏว่ามีคนยกมือไม่น้อยเหมือนกัน “ที่ยังเหลือ 50 ปียกมือขึ้น” ... ข้าพเจ้าเริ่มใจตุ้มๆต่อมๆ เพราะถ้านับตามนี้ ข้าพเจ้ายังเหลืออีก 35 ปี เทียบกับผู้ชมที่อยู่ ณ.ที่นั้น ดูเหมือนจะเป็นคนที่ไม่สู้ชีวิตเอาเสียเลย

ศร. ถามต่อไปเรื่อยๆ จนถึง “ที่ยังมีชีวิตเหลืออีก 10 ปี มีมั้ย” ปรากฏว่ามีอยู่เพียงคนเดียว ศร. คนนั้นกลับกล่าวอวยพรคนๆนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณคือผู้ชนะในคืนนี้” ... หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ อยู่ที่ว่า คุณเลือกที่จะมีชีวิตอยู่อย่างไร

หากคุณเลือกที่จะอยู่ถึง 100 ปี คุณต้องทำอย่างไรบ้าง คุณควรตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายได้แล้วรึยังคุณควรให้ความสนใจกับการดูแล สุขภาพของตัวเองมากขึ้นหรือยัง

หากคุณยังมีอายุเหลืออยู่อีกเพียง 10 ปี คุณจะเลือกยู่แบบไหนคุณจะยังยึดติดกับเรื่องรอบตัวทุกเรื่องไปหรือไม่คุณจะ ยังขี้หงุดหงิด อารมณ์เสียง่ายเหมือนเดิมหรือไม่หากรู้วันตายของคุณล่วงหน้า คุณจะเปลี่ยนทัศนคติของคุณหรือไม่ใครๆก็ไม่อยากแก่ แต่เวลามักไม่คอยท่า ยังคงเดินหายไปอย่างใจดำที่สุด

ศร. พูดต่อไปอีกว่า คนทั่วไปมีชีวิต 3 ช่วงระยะด้วยกัน ช่วงแรก คือช่วงการเรียนรู้  ช่วงที่ 2 คือช่วงทำงาน             และช่วงที่ 3 คือการหาความสุขหลังเกษียร

เมื่อถามผู้ฟังในห้องส่งว่า อยากจะเกษียรเร็วๆไหมทุกคนต่างตอบว่า อยากเกษียรไวไวศร.จึงถามต่ออีกว่า เกษียรแล้ว ท่านจะทำอะไร

มีคนตอบว่า จะไปเที่ยวรอบโลก มีคนบอกว่าจะทำงานตอบแทนสังคมศร.สรุปว่า มีหลายคนที่ขยันหาเงิน นึกว่าพอเก็บเงินได้สักก้อนจะได้เกษียรไปใช้เงินท้ายสุด เมื่อมีการตรวจพบว่าร่างกายเป็นโรคที่รักษาไม่หาย จำต้องจากไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าใดนัก

มีบางคนที่หลังจากเกษียรแล้ว ได้เดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ จนวันหนึ่ง กลับรู้สึกว่าชีวิตขาดเป้าหมายเหมือนกับว่าเอาแต่เที่ยวไปวันๆ รู้สึกเหมือนขาดบางสิ่งที่เป็นสาระ ถ้าอย่างนั้น เราควรสู้หน้ากับชีวิตอย่างไรดี

ศร.ท่านนี้ได้เสนอแนวคิด “ใช้ชีวิตแบบวันต่อวัน”
แนวคิดนี้ คือ ต้องเรียนรู้ทุกวัน เพื่อรักษาพลังที่จะเรียนรู้ต้องทำงานทุกวัน เพื่อรักษาเป้าหมายของการมีชีวิตต้องหาความสุขทุกวัน ไม่ใช่รอจนเกษียรแล้วค่อยหาความสุขพอข้าพเจ้าได้ฟังถึงตอนนี้ รู้สึกว่ามีเหตุผลดีหากเมื่อใดที่คนๆหนึ่งไม่คิดที่เรียนรู้สิ่งใหม่ๆอีก แล้ว นั่นหมายถึงการเริ่มต้นของความชราภาพทางสภาพจิตเมื่อทำงานจนเกิดความชำนาญ ไม่มีเป้าหมายท้าทายใหม่ๆ การทำงานก็จะเริ่มย่อหย่อน

จงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ ตั้งวัตถุประสงค์เล็กๆให้บ่อยๆ หรือสมมุติให้งานใดงานหนึ่งเป็นหลักชัย กระตุ้นให้ตัวเองทำจนสำเร็จและเริ่มหาความสุขให้ตัวเองตั้งแต่วันนั้น ทำสิ่งที่ตัวเองรู้สึกมีความสุขที่สุด ตักตวงความสุขให้ตัวเองทุกวัน หากต้องจากไปในวันรุ่งขึ้น ก็จะไม่มีคำว่าเสียใจ

ศร.ได้ยกตัวอย่างให้ฟังตัวอย่างหนึ่งว่าคุณพ่อของ ศร. เอง เป็นครูใหญ่โรงแรมประถมที่เกษียรแล้ว หลังจากเกษียร วันๆไม่มีอะไรทำ รู้สึกชีวิตน่าเบื่อหน่าย เหมือนกำลังรอความตายวันหนึ่ง ท่านได้ขอให้คุณพ่อกับคุณแม่มาฟังท่านบรรยายหลังจากฟังบรรยายจบ คำพูดที่คุณพ่อได้พูดในเวลาต่อมา ทำให้ ศร.และคุณแม่ถึงกับน้ำตาซึม

คำแรกที่คุณพ่อพูด คือ “ฉันจะอยู่จนถึงอายุ 100 ปี” แล้วหันไปถามคุณแม่ว่า “เธอตื่นนอนกี่โมงนะ”
ทั้ง นี้ เพราะคุณแม่เป็นคนที่ตื่นตั้งแต่ ตี 5 ครึ่งแล้วไปออกกำลังกายทุกวัน แต่คุณพ่อเป็นคนที่นอนจนตื่นเองตามธรรมชาติ (พูดง่ายๆ นอนตื่นสาย) ดังนั้น ถึงจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปี แต่คุณพ่อไม่เคยทราบเลยว่าคุณแม่ตื่นนอนตั้งแต่กี่โมง

คำพูดคำที่สาม คือถามคุณแม่ว่า “แล้วเรายังเหลือเงินอยู่อีกเท่าไหร่”นั่นเป็นเพราะว่า คุณพ่อไม่เคยดูแลเงินเลย  เงินเดือนทั้งหมดปล่อยให้คุณแม่เป็นคนจัดการแต่เพียงผู้เดียว

คุณพ่อตัดสินใจที่จะรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่ออยู่ต่อให้ได้อีก 30 ปี และจะหาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด
คุณ แม่รู้สึกมีความสุขมากที่คุณพ่อเริ่มทำตัวมีชีวิตชีวา บอกว่าสู้พร่ำบ่นมาตั้งเป็น 10 ปี ยังสู้มาฟังการบรรยายของลูกครั้งเดียวไม่ได้

ดังนั้น เพื่อนๆที่รักทั้งหลาย เริ่มปฏิบัติการตั้งแต่วันนี้เลย
ในทุกๆวัน ต้องหาความสุขเล็กๆน้อยๆให้กับตัวเองบ้าง ทำให้ชีวิตนี้มีความสุข
อย่างเช่นข้าพเจ้า ซึ่งเดิมมีเพื่อนมาชวนไปปีนภูกระดึงปลายปีนี้ และเดิมข้าพเจ้าไม่คิดจะไป

ช่วงนี้ ข้าพเจ้าเริ่มวางแผนฟิตร่างกายด้วยการว่ายน้ำ เดินวิ่ง เพื่อเพาะความแข็งแรงให้กับร่างกาย
ข้าพเจ้าถือเอาเรื่องนี้เป็นเป้าหมายอย่างหนึ่งในชีวิต
บังคับให้ข้าพเจ้าต้องฟิตร่างกายให้พร้อมที่สุดเสมอ

ขอบอกตามความสัตย์จริง ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้สึกขอบคุณเพื่อนคนที่มาชวนข้าพเจ้าไปเที่ยวภูกระดึงเหลือ เกินเพราะมันทำให้ชีวิตประจำวันของข้าพเจ้าเกิดการเปลี่ยนแปลง ทำให้ข้าพเจ้าตัดสินใจที่จะออกกำลังกายและงานที่ท้าทายครั้งนี้ ทำให้ชีวิตที่เคยจืดชืดของข้าพเจ้า เกิดความคาดหวังครั้งใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ขอบคุณมากเจ้าเพื่อนยาก
หน้า: 1 [2]