ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวนาให้ได้ ผล ไว ๆ ใน ตอนเจ็บป่วย มาก ๆ ทำอย่างไร คะ  (อ่าน 1619 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1
 เรียนถามท่าน raponsan คะ ว่า เวลาป่วยไข้ เจ็บปวดอยู่ ภาวนาอย่างไร ดีคะ ที่จะได้ผล คะ


  like1 st12 thk56
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: ภาวนาให้ได้ ผล ไว ๆ ใน ตอนเจ็บป่วย มาก ๆ ทำอย่างไร คะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2015, 10:27:19 am »
0
อ้างถึง
ข้อความโดย: saichol

ask1

เรียนถามท่าน raponsan คะ ว่า เวลาป่วยไข้ เจ็บปวดอยู่ ภาวนาอย่างไร ดีคะ ที่จะได้ผล คะ

like1 st12 thk56


ans1 ans1 ans1 ans1

เวลาเจ็บไข้ ควรพักผ่อน รักษาตัวให้หายจากอาการป่วย...ดีกว่าครับ ไม่ควรฝืนไปปฏิบัติภาวนา
อยากบอกว่า แม้แต่พระพุทธเจ้าเวลาป่วย ยังให้พระจุนทะมาสวดโพชฌงค์ให้ฟัง จนคลายเวทนาลงไป พระพุทธเจ้ามีอินทรีย์กล้าแกร่งมากเพียงใด ยังไม่สามารถข่มเวทนาเข้าสมาบัติเพื่อละอาการเจ็บปวดได้ อย่างไรก็ตามในระดับสาวก มีหลายท่านที่สามารถข่มเวทนาจนบรรลุอรหันต์ได้ ขอยกมาแสดง 4 ท่านดังนี้



 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:


พระโคธิกะ
พระโคธิกะ ท่านได้เจโตวิมุติ ท่านพยายามเข้าเจโตวิมุติถึง ๖ ครั้ง พอเข้าได้ก็เสื่อมทุกครั้ง เนื่องจากท่านอาพาธเรื้อรัง โดยเป็นโรคลมน้ำดีและเสมหะ สุดท้ายท่านตัดสินใจฆ่าตัวตาย ท่านเข้าเจโตวิมุติครั้งที่ ๗ นอนหงายบนเตียง เชือดคอตัวเองด้วยมีดปลงผม ข่มเวทนาแล้ว กำหนดเวทนานั้นนั่นแหละเป็นอารมณ์ ตั้งสติมั่น พิจารณามูลกัมมัฏฐาน บรรลุพระอรหันต์


อ้างอิง
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=15&A=3885&Z=3951
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=14&p=11
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=15&i=488


 :25: :25: :25: :25: :25:


เรื่องทุกข์ของพระติสสเถระ               
เล่ากันว่า ในกรุงสาวัตถี บุตรของกุฏุมภีชื่อติสสะ ละทรัพย์ ๔๐ โกฏิ ออกบวชโดดเดี่ยวอยู่ในป่าที่ไม่มีบ้าน. ภริยาของน้องชายท่าน ส่งโจร ๕๐๐ ให้ไปฆ่าท่านเสีย.

     พวกโจรไปล้อมท่านไว้.
     ท่านจึงถามว่า ท่านอุบาสกมาทำไมกัน.
     พวกโจรตอบว่า มาฆ่าท่านนะซิ.
     ท่านจึงพูดขอร้องว่า ท่านอุบาสกทั้งหลาย โปรดรับประกันอาตมา ให้ชีวิตอาตมาสักคืนหนึ่งเถิด.
     พวกโจรกล่าวว่า สมณะ ใครจักประกันท่านในฐานะอย่างนี้ได้.

     พระเถระก็จับหินก้อนใหญ่ทุบกระดูกขาทั้งสองข้าง แล้วกล่าวว่าประกันพอไหม.
     เหล่าโจรพวกนั้นก็ยังไม่หลบไป กลับก่อไฟนอนเสียที่ใกล้จงกรม

     พระเถระข่มเวทนา พิจารณาศีล อาศัยศีลที่บริสุทธิ์ ก็เกิดปีติและปราโมช. ลำดับต่อจากนั้น ก็เจริญวิปัสสนา ทำสมณธรรมตลอดคืน ในยามทั้งสามพออรุณขึ้น ก็บรรลุพระอรหัต.ฯ...



 st12 st12 st12 st12


เรื่องทุกข์ของภิกษุ ๓๐ รูป               
ภิกษุ ๓๐ รูปอีกกลุ่มหนึ่ง เรียนกัมมัฏฐานในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วจำพรรษาในวัดป่า ทำกติกากันว่า ผู้มีอายุ เราควรทำสมณธรรม ตลอดคืนในยามทั้งสาม เราไม่ควรมายังสำนักของกันและกัน แล้วต่างคนต่างอยู่.

     เมื่อภิกษุเหล่านั้นทำสมณธรรม ตอนใกล้รุ่งก็โงกหลับ เสือตัวหนึ่งก็มาจับภิกษุไปกินทีละรูปๆ.
     ภิกษุไรๆ ก็มิได้เปล่งแม้วาจาว่า เสือคาบผมแล้ว.
     ภิกษุถูกเสือกินไป ๑๕ รูป ด้วยอาการอย่างนี้
     ถึงวันอุโบสถ ภิกษุที่เหลือก็ถามว่าท่านอยู่ที่ไหน และรู้เรื่องแล้วก็กล่าวว่า ถูกเสือคาบควรบอกว่า บัดนี้ เราถูกเสือคาบไปๆ แล้วก็อยู่กันต่อไป.

     ต่อมา เสือก็จับภิกษุหนุ่มรูปหนึ่งโดยนัยก่อน.
     ภิกษุหนุ่มก็ร้องว่า เสือขอรับ.
     ภิกษุทั้งหลายก็ถือไม้เท้า และคบเพลิงติดตามหมายว่าจะให้มันปล่อย เสือก็ขึ้นไปยังเขาขาด ทางที่ภิกษุทั้งหลายไปไม่ได้ เริ่มกินภิกษุนั้น ตั้งแต่นิ้วเท้า.               
     ภิกษุทั้งหลายนอกนั้นก็ได้แต่กล่าวว่า สัปบุรุษ บัดนี้ กิจที่พวกเราจะต้องทำไม่มี ขึ้นชื่อว่าความวิเศษของภิกษุทั้งหลาย ย่อมปรากฏในฐานะเช่นนี้.

     ภิกษุหนุ่มนั้นนอนอยู่ในปากเสือ ข่มเวทนาเจ็บปวด แล้วเจริญวิปัสสน
     ตอนเสือกินถึงข้อเท้า เป็นพระโสดาบัน
     ตอนกินไปถึงหัวเข่า เป็นพระสกทาคามี
     ตอนเสือกินไปถึงท้อง เป็นพระอนาคามี
     ตอนเสือกินไปยังไม่ถึงหัวใจ ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.ฯ....



 st11 st11 st11 st11 st11


เรื่องทุกข์ของพระปีติมัลลเถระ             
ภิกษุอีกรูปหนึ่ง ชื่อปีติมัลลเถระ ครั้งเป็นคฤหัสถ์ ท่านถือธงมาเกาะลังกา ถึง ๓ รัชกาล เข้าเฝ้าพระราชาแล้ว ได้รับพระราชานุเคราะห์

      วันหนึ่ง เดินทางไปประตูศาลาที่มีที่นั่งปูด้วยเสื่อลำแพน ได้ฟังนตุมหากวรรค (ในสังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค) ว่า
      ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รูปไม่ใช่ของท่าน ท่านจงละรูปนั้นเสีย รูปนั้นท่านละได้แล้ว จักมีเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข ตลอดกาลนาน ดั่งนี้แล้ว ก็คิดว่ามิใช่รูปเท่านั้น เวทนาก็ไม่ใช่ของตน.

      เขาทำพระบาลีนั้นให้เป็นหัวข้อ แล้วออกไปยังมหาวิหารขอบวช บรรพชาอุปสมบทแล้ว กระทำมาติกาให้ทั้งสองคล่องแคล่ว พาภิกษุ ๓๐ รูปไปยังลาน ณ ตำบลควปรปาลี กระทำสมณธรรม.
      เมื่อเท้าเดินไม่ไหว ก็คุกเข่าเดินจงกรม.

      ในคืนนั้น พรานเนื้อผู้หนึ่งสำคัญว่าเนื้อ ก็พุ่งหอกออกไป. หอกก็แล่นถูกท่านถึงทะลุ
      ท่านก็ให้เขาชักหอกออก เอาเกลียวหญ้าอุดปากแผล ให้เขาจับตัวนั่งบนหลังแผ่นหิน ให้เขาเปิดโอกาส เจริญวิปัสสนา ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.ฯ....

ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=273&p=1


ans1 ans1 ans1 ans1


ความเห็นของผม คือ การจะข่มเวทนาแล้วภาวนา(ให้ได้มรรคผล)เป็นเรื่องยาก ผู้ที่จะทำได้ต้องมีอินทรีย์ที่แก่กล้า มีสมาธิในขั้นสูงหรือขั้นเจโตวิมุติ อย่างไรก็ตาม ระดับปุถุชนอย่างเราๆ หากเวทนามีไม่มาก อาจภาวนาได้ แต่คงทำได้เพียงสร้างวิหารธรรม ทำได้โดยการหาอารมณ์หรือนิมิตเป็นที่ยึดเหนี่ยว ส่วนตัวผมมักจะใช้วิธีท่องคาถาพญาไก่เถื่อน การท่องคาถานี้สามารถทำได้ทุกอิริยาบถ ส่วนใครถนัดดูลม ก็ทำได้ครับ ตัวผมเวลานอนจะดูลมเข้าออก ดูไปเรื่อยๆจนหลับ หากฝึกทำบ่อยๆ จะแยกจิตกับกายออกจากกันได้ อยากคุยว่า ในบางครั้งผมเห็นตัวเองตอนหลับ และได้ยินเสียงตัวเองกรน...อย่างชัดเจน

คุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ


 :welcome: :49: thk56 :25:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 11, 2015, 11:32:31 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ