ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นอกเรื่อง เล่า เกร็ด บ้าง .... เบา ๆ สำหรับ ท่านที่ขอมา พระเฒ่าออกธุดงค์  (อ่าน 13896 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เป็นที่น่าเสียดาย คะ ที่มีเรื่องเล่า จากพระอาจารย์ ที่ไม่ได้เกี่ยวกับ เรื่องกรรมฐาน โดยตรง เล่าไว้ในเฟค พระอาจารย์ หลายเรื่อง แต่ ที่เว็บไม่ได้โพสต์ไว้ จึงขอนำเรื่องราว เหล่านั้น มาแปะที่นี่ คะ ด้วยความเคารพ



พูดถึงความผูกพัน บ้านทองแสนขัน ถือว่าผูกพันกันอยู่ สมัยก่อนเวลาแสวงหาเหล็ก ชั้นเยี่ยม เพื่อจะทำ ดาบสักเล่ม ให้กับศิษย์ที่เป็น เจ้าพระยา ก็ต้องให้มัน พาเกณฑ์ลูกน้อง ไปขุดเหล็ก สมัยก่อนที่นี่ ยังไม่ได้เป็น บ่อพระแสง แต่ นักตีดาบ ก็จะทราบกันดีว่า เหล็กชั้นเยี่ยม ที่ แก้อาถรรพ์ เวทย์ได้ คนหนังเหนียวถูกดาบพวกนี้ ฟันแล้ว ไม่เหนียว ดังนั้น ในหมู่นักดาบ สมัยก่อน ถือว่า การไปแสวงหาดาบ ดี ๆ สักเล่ม ต้องไปที่ทุ่งยั้ง และ ต้องไปที่เทือกเขาบ้านน้ำพี้ แสวงหาเหล็ก ด้วยการเข้าไปดูในถ้า การเข้าไปหาในถ้ำนั้น ส่วนใหญ่ เป็นเหล็กน้ำพี้แท่ง ที่พระสงฆ์ และ ครูดาบ ช่างตีเหล็ก หล่อแล้วนำไปซ่อนไว้ เก็บไว้ ก็มี แต่ถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็ต้องไปขุด เศษเหล็ก ก้อนเล็ก ๆ มากรองด้วยน้ำที่ลำธาร แล้วนำไปหล่อรวมกัน แยกตะกรันออก จึงจะได้เนื้อเหล็กน้ำพี้ ที่มาจากเศษผลเหล็ก ดังนั้น ใครได้พบเหล็ก้อนใหญ่ ก็ถือว่าโชคดี มากในสมัยนั้น



ถัดจากบ่อเหล็ก ไปทางน้ำปาด อีกประมาณ 20 - 30 กม. ก็เป็นดินแดน ต้นสัก สมัยก่อนต้นสักมากมายในเขตนี้ พระธุดงค์ก็ชอบเข้ามา ดงป่าสักจะมีไปถึง พลนคร ต้นสักใหญ่ ๆ ที่ น้ำปากนั้น ยังไม่หใหญ่ที่สุดนะ เพราะที่ใหญ่ ที่สุดเคยพบ อยู่เส้นทางเมืองพล แต่หนทางลำบากมากเหลือเกิน บางเส้นต้องปีนป่าน เหวหน้าผา เป็นเส้นทาง เกี่ยวพันกับเมืองลับแล หลายคนเข้าใจผิดว่า อ. ลับแล เป็นทางเข้าเมืองลับแล แต่ที่จริง ทางเข้า อยู่เส้นทางนี้แม้มีการสำรวจทางภูมิศาสตร์ ติดตามฟังข่าวแต่ก็ยังไม่เห็นใครแจ้งว่า ได้พบต้นสัก สามต้น ที่ใหญ่กว่าในภาพนี้ เลย ก็แสดงให้เห็นว่า สถานที่นี้ ยังไม่มีใครเข้าไปสำรวจในปัจจุบัน


ขอบคุณ ภาพ ข้อความจากเฟค พระอาจารย์ คะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2015, 09:56:21 am โดย saichol »
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


เหล็กน้ำพี้ คือ เหล็กที่เหนือกว่าธาตุเหล็กใดๆ ในโลกยกเว้นเหล็กไหล แต่โดยภาพรวมแล้ว เหล็กน้ำพี้ก็ถือได้ว่าเป็นเหล็กอัศจรรย์ตระกูลเหล็กไหลอย่างหนึ่ง ที่มีพลานุภาพเป็นน้องๆ ขององค์เหล็กไหลชั้นยอดขึ้นไป เหล็กน้ำพี้ถือว่าเป็นธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่มีชีวิตมีเทพยดารักษาไว้ เป็นของคนมีบุญเท่านั้น การหาเหล็กน้ำพี้แม้ว่าไม่ได้เกิดการตัดเช่นเดียวกับการตัดเหล็กไหล ตามแต่ก่อนที่จะทำการหาได้นั้น ต้องทำการบวงสรวง บอกกล่าวต่อเหน้าที่ที่ชาวบ้านเรียกว่า เจ้าพ่อบ่อเหล็ก ถือเป็นเทพยดาที่ทรงมหิทธิฤทธิ์ดูธาตุศักดิ์สิทธิ์ชนิดนี้อยู่ ส่วน ที่เรียกว่า เหล็กน้ำพี้ เป็นธาตุทนสิทธิ์นั้น เนื่องจากว่าคำว่า ทนสิทธิ์ เป็นการเรียกสิ่งบางอย่างในโลกที่มีพลังงานบางอย่างในตัวที่มีอานุภาพทางคง กระพัน และล้างอาถรรพณ์เสียดจันไรทุกชนิด ป้องกันภูตผีปีศาจ ที่มา

http://ghostwiki.blogspot.com/2012/06/blog-post.html

ข้อความจาก คุณ Rose Pitcha คะ

บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การเดินทาง จาก ทุ่งยั้งไป เชียงขอม กับ การเดินทาง จาก นันทบุรี ไปเชียงขอม เส้นทาง ก็พอกัน ในภูมิประเทศ ต่างกันที่ว่า จาก นันทบุรี ถ้าล่องเรือ จะได้แวะ เที่ยวชม ถ้ำกีบ แต่ถ้าจาก ทุ่งยั้ง ก็จะได้ผ่าน ป่าสักใหญ่ และ ดอยเสมอดาว (สอยดาว ) ทั้งสองทางนี้ ทางที่ชำนาญมากกว่า ก็คือ ทุ่งยั้ง บ้านโคก การไปทุ่งยั้ง สมัยก่อน ผ่านหมู่บ้านเล็ก ๆ มากมาย ชาวลาวพวน ก็มีอยู่มาก ผู้คนใช้ภาษาลาวพวน ฟังเข้าใจง่าย ข้าวก็เป็นข้าวเหนียว หน่อไม้ ผักกาด น้ำพริกการเดินทางจากทุ่งยั้ง จึงเพลิดเพลินมากกว่า เพราะต้อง บ่อพระแสง บ้านน้ำพี้ เทือกเขาน้ำพี้ ดงสักใหญ่ น้ำปาด ฟากท่า จนถึงบ้านโคก ก็จ้างเรือข้าฟาก สมัยนั้น น้ำก็ไม่ได้เชี่ยวกาก มีช่วงน้ำลด น้ำแห้ง บางครั้งก็เดินลุยข้ามไปได้เลย สมัยนี้ มีเขื่อนกักน้ำ ทำให้น้ำมีระดับสม่ำเสมอ ก็ดีอย่างเสียอย่าง ผืนทราย ที่ไหลมากอง ตามกระแสน้ำโขง บางคร้งก็เป็นประโยชน์ในการเดินข้ามฟาก นั่งเรือข้ามฟาก ไม่ถึง 30 เมตร ด้วยซ้ำไป เชียงขอม ก็คือ เมืองหลวงพระบาง ปัจจุบัน การไปศรีสัตนาคณหุต นั้น จากทางเหนือของ ลาวก็ถือว่า ทางนี้ได้ทัศนาภูมิประเทศ ได้พอสมควร
ส่วนการไปจากเมืองนันทบุรี นั้น ต้องเดินกันอย่างลำบาก เพราะเมืองนันทะบุรี เป็นเมืองกลางหุบเขา เมื่อจะออกไปทางเขียงขอม ต้องไปออกที่ บ้านห้วยโก๋น แล้วนั่งเรือบ้ามฟาก แต่ เส้นทางเรือนั้น สมัยก่อนลำบาก เพราะสวนกระแสน้ำไม่ไหว ต่อเรือไป ก็ไม่ได้เรือกลับ




บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


 หลวงพ่อ ที่คณะ 5 อนุมัติ งานออกบูธ คะ
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


หลังจากออกจาก ธนาคารกสิกร มา ก็ยืนรอรถ ตั้งใจว่า จะไปวัดราชสิทธาราม ซะหน่อย แต่ยืนรอรถอยู่ตรงนั้น ผ่านไป 1 ชม. 10 นาที ก็ไม่สามารถขึ้นรถ ประจำทางใครไหน ได้เลย เพราะรถไม่จอดรับพระ ทั้งยืนโบก แล้ว เป็นจุดจอดรถแต่รถไม่จอด นี่แหละนะเวลาเป็นพระ อย่าคิดว่าสะดวก เดินทางไปไหนมาไหน ส่วนใหญ่ ก็จะเป็นเดิน ซะมากกว่า วันนี้ก้เลยเดินชมเมืองสักหน่อย พอให้ได้เหงื่อ มานึกพระที่ไม่รักษา วินัย ขับรถกันบ้าง ดื่มสุรากันบ้าง เป็นต้นเเหล่านี้ นะ คิดแล้ว ก็ท้อใจเหมือนกัน ที่ เราทรงวินัยไว้ได้ดี แต่เวลาคนอื่น ๆ ทำเสีย มันก็ต้องเสียร่วมเขา ด้วย ตอนที่ยืนอยู่ ก็มีโยมคนหนึ่ง มายืนข้าง ๆ แล้วก็จ้องมองอาจารย์ ด้วยอัธยาศัย เราก็เลยหันไปพูดด้วย โดยการถามว่า ตรงนี้ไม่ใช่จุดจอดรถโดยสารหรือ ผู้ชายที่ยืนข้าง ๆ ก็ตอบ เสียงดัง ว่า คว..... มึงจะถามกูทำไม ? กู ก็ไม่รู้หรอก ว่าจอด หรือ ไม่จอด ไอ้ ควาย
พระต้องเงียบ สิ นึกในใจอยู่ ว่า เออ เราไม่น่าถามเขาเลยเนาะ ต่างคนต่างยืน ก็แล้วกัน รออยู่ 2 ชม เห็นว่าขึ้นไม่ได้ ก็เลย กลับดีกว่า เดิน เดิน เดิน เอารูปมาฝากให้ท่านชมไปด้วย นะ
เฮอะ ๆ นี่แค่ Sample ให้ฟังว่า ช่วงหลายวัน ออกพรรษานี้ พระอาจารย์ เจอคนประเภท นี้ มันเหมือนจะมากขึ้น นะ



 จาก สาวน้อย แฟนเพจ ธัมมะวังโส
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


พระพุทธรูปองค์นี้ ได้รับมอบจากคุณดนัย และเป็นพระพุทธรูปที่ได้อาศัยนิมิตรภายใน การภาวนา ในขณะนั้น ก่อนที่จะไปรู้เรื่อง สี และ ธาตุ เมื่อได้มองเห็นพระพุทธรูปองค์นี้ คราใด ก็ทำให้นึกถึง เรื่องราวอดีตมากมาย เหลือเกิน จนเห็นว่า ปัจจุบัน ดีกว่าอดีต และ อนาคต
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


ธัมมะวังโส ภิกษุ
27 ตุลาคม เวลา 12:06 น.

ทำไม่ได้ กับ ยังไม่ได้ทำ เหมือนกันหรือ ไม่ ?
ถามมายังไม่ได้ตอบ แต่อ่านแล้วนะ เดี๋ยวจะมาตอบตอนต่อไป
เจริญพร

Pramote Intharachan

ไม่เหมือนกันครับ

ทำไม่ได้...คือ ได้ลองทำแล้ว

ยังไม่ได้ทำ...คือ ยังไม่ได้ทำ
ถูกใจ · ตอบกลับ · 28 ตุลาคม เวลา 1:56 น.

ธวัชชัย สุพันธ์สาย
  ทำไม่ได้ เท่ากับ ปฏิเสธ
ไม่ได้ทำ เท่ากับ ยังสงสัย
ได้,ไม่ทำ เท่ากับ รั้น (ชอบเสียสละ)
ถูกใจ · ตอบกลับ · 8 พฤศจิกายน เวลา 21:35 น.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2015, 10:12:26 am โดย saichol »
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
โหลดไว้เฉพาะ กรณีพิเศษ เฟค
ในเว็บไม่มี แมวไล่จับหนู หรือ หนู มันวิ่งหนีแมว


บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


ที่จริงก็เข้าไปเยี่ยม เฟคของพวกท่าน ไม่ต่ำกว่า 60 ท่านแล้ว ในวันนี้ แต่ที่ไม่คอมเม้นต์เลย ก็เพราะว่า มานะแห่งพระ คือบางเรื่อง ก็ไปเที่ยวพูดเล่นหัวกับพวกท่านไม่ควร นะ ไม่ใช่จะถือตัว แต่ต้องรักษาประเพณีไว้บ้าง
ก็คืดว่าพอแล้ว สำหรับการใช้งานวันแรก หลังออกพรรษา เพื่อตรวจดูสาระทุกข์ สุขดิบ ของท่านทั้งหลายว่า ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เป็นอย่างไรกันบ้าง
เจริญธรรม / เจริญพร


บันทึกการเข้า

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

waterman

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 302
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 gd1 รออ่านต่อ เนาะ

  thk56
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 st12 gd1
          ขออนุโมทนาสาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

montra

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 76
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ถ้าชอบก็ช่วยกัน ดึง copy ของอาจารย์ มาใส่ กันบ้าง เน้อ ไว้ในเฟค บางที หลายคนก็ไม่ได้ อ่าน เอามารวมไว้ ที่เดียวกระทู้เดียว ยาว ๆ เลย ก็ดีนะคะ

   :49: :58:
บันทึกการเข้า

whanjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 106
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณ saichol มาเพิ่มเรื่องราว ด้วยครับ ในเฟค มีเพิ่มมากแล้ว นะครับ

  thk56 thk56 like1 like1
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ

Skydragon

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จริงครับ ตอนนี้ ในเฟค มีเรื่องเล่าจากพระอาจารย์ เพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ถูกนำมาใส่ไว้ ในเว็บนี้ เรียนคุณน้อง มาทำหน้าที่ต่อด้วยครับ
 thk56 like1 :25: :49:
บันทึกการเข้า

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
รอก่อนนะ ตะเอง ตอนนี้ เรา บ่ ว่าง

   :93: :93: :93:
บันทึกการเข้า

bajang

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 325
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตอนนี้ ใน เฟค พระอาจารย์ มีเรื่องเด็ด ๆ อ่าน สนุก หลายตอนแล้ว นะคะ


  :88: :88: :88:
บันทึกการเข้า

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
( มาเล่าต่อ )
ในปี พ.ศ. 2325 หลังจาก ร1 ได้ทรงชำระ วัด สระแก ก็เปลี่ยนชื่อวัด เป็นวัด สระเกศ มีความหมายว่า ชำระล้าง ในครั้งนั้น ก็ทรงตั้งสมเด็จพนรัตน์ อาจ เป็นเจ้าอาวาส ความเดิมตอนนี้ มีความเกี่ยวข้อง กับ หลวงปู่ เนื่องด้วย ในหลวงได้ นิมนต์ท่าน เข้ามาดูแลวัดสระเกศ แต่เป็นเพราะท่าน คุ้นเคยและชอบบรรยากาศที่เป็นป่า ของวัดพลับ ในสมัยที่หนึพม่า ออกมา และได้เรียนกรรมฐาน เพิ่มเติมคือ ออกบัวบานพรมหวิหาร 4 กับพระอาจารย์จ้าว ที่ วัดพลับครั้งนั้น ดังนั้นพอหลวงปู่เข้ามาถึงวัดสระเกศแล้ว จึงปฏิเสธฝั่งพระนครและ ขออนุญาตไปอยู่วัดพลับ ฝั่งธนบุรี แทน ( ความนัยมีมากกว่า นี้ สวนนี้ แต่เล่าแล้วจะยาว นอกประเด็นไปมาก ) ดังนั้นในยุครัตนโกสินทร์ จึงมี สมเด็จพันรัต อาจ เป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ต่อมาเมื่อหลวงปู่ได้เป็นสังฆราช ใน พ.ศ. 2364 ซึ่งตอนนั้นมีเหตุการณ์ สำคัญตอนหนึ่งเกิดขึ้น ก็คือเกิดการระบาด ของ โรคอหิวาต ทำให้ประชาชนตายกันเป็นหมื่น สมัยนั้นการแพทย์ ก็ไม่ได้รุ่งเรืองมากนัก ในหลวงจึงทรงต้องปลอบขวัญประชาชน ด้วยการตั้งพิธี ปัดเป่าภัยพิบัติโรคร้าย โรคระบาดเกิดก่อนหลวงปู่เป็นสังฆราช 1 ปี คือเริ่มเกิดขึ้นในปี 2363 และสิ้นสุดลงในปี 2364 มีประชาชนตายกันเป็นหมื่น กล่าวว่าตายร่วม 30000 คน ศพต้องนำไปกอง สุมรวมกันตามวัดต่าง ๆ เพราะว่าฝัง และ เผา ไม่ทัน ในช่วงนั้น สมเด็จอาจก็ มรณภาพ ลงก่อนในปี พ.ศ. 2361 ช่วงนั้นเช่นกัน ทำให้เจ้าอาวาสไม่มี แต่มีรองเจ้าอาวาส ซึ่งมีตำแหน่งเป็น สมเด็จเช่นกัน แต่ไม่อยู่วัดออกเที่ยวจาริก อยู่ดังนั้น ก็เป็นกาลเวลา ที่วัดถูกปกครองด้วย รองเจ้าอาวาส และ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส ( ตำแหน่งยังมไ่ม่มี ) แต่บรรดา พระที่เป็นสัทธิวิหาริก ก็ทราบข่าว อันเตวาสิกอยู่ ครั้นพอหลวงปู่ เป็นพระสังฆราช ได้ 2 พรรษา (ปี ) ในหลวงเลยรับสั่งให้ พระพนรัตน์ ( ด่อน ) ที่อยู่วัดมหาธาตุ ไปปกครองวัดสระเกศ ในปี พ.ศ.2362 กล่าวว่าท่านเป็นศิษย์ ใน หลวงปู่สุข ตั้งแต่ อยู่วัดหงส์ มาก่อน พอหลวงปู่ มรณภาพลง ท่่านก็ได้รับการสถาปนา เป็น พระสังฆราชองค์ที่ 5 นับว่า วัดสระเกศ มีผู้ปกครองเป็นพระสังฆราชส องค์แรกสมตามที่ ร1 ปรารถนาไว้ ว่า ควรเป็นในสายศิษย์วัดพลับ ( แต่ ใช่หรือไม่ใช่ ไม่ได้ระบุให้ทราบ ) ท่านเป็นพระสังฆราชถึง 20 พรรษา ก็ มรณภาพลง พ.ศ.2395 ในระหว่างที่ท่านเป็นเจ้าอาวาส สมเด็จสน ที่เที่ยวอยู่ก็กลับมา แต่ก็อายุมากกว่า ท่านไม่สนใจในการบริหารวัด และให้ความเคารพสมเด็จพนรัตน ด่อน ด้วยและมีความปรารถนาไปเรียนกรรมฐาน กับหลวงปู่สุก คราที่ท่านไปเรียน กรรมฐาน กับหลวงปู่สุกนั้น กล่าวว่าอายุมากแล้ว มีประวัติอยู่ในหนังสือ ที่หลวงพ่อพระครูกล่าวไว้นิดหนึ่ง ประมาณ สองสามบรรทัดเคยอ่านพบในเล่มสีชมพู หลังจากสมเด็จพันรััตน ( ด่อน ) มรณภาพ สมเด็จพุฒาจารย์ ( สน ) ก็ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสต่ไปอีก สองสามปี แล้วก็หายตัวไป โดยให้ลูกศิษย์ อาจารย์เขียน เป็นผู้ดูแลวัด ดังนั้น อาจารย์เขียนจึงไได้เป็นเจ้าอาวาสองค์ต่อไป ผ่านไป ร้อยกว่าปี เจ้าอาวาสรุ่นที่ 9 จึงได้เป็นสังฆราช ซึ่งท่านเป็นชาวบางกอกใหญ่ ฝั่งธนบุรี ( พระสังฆราช อยู่ ญาโณทโย )
ที่จริงเล่าได้พิศดารมากกว่า นี้ แต่คร่าวเท่านี้ก่อน สำหรับคนอยากรู้ต้องติดตาม กันต่อไป


บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ขอบคุณภาพจาก เปิดกรุภาพเก่า ของ เอนก นาวิกมูล ภาพเกี่ยวกับการทิ้งศพป่าช้าวัดสระแก ( วัดสระเกศ 2325 ) วัดสระแก นั้นสร้างมาตั้งแต่ ครั้งกรงศรีอยุธยา ไม่ระบุชัดเจนว่า ช่วงไหน แต่มีมาก่อน สร้าง พระนคร หลัง ธนบุรี เดิมทีชื่อว่า วัดสระแก ปัจจุบันคือ วัดสระเกศ สมัยนั้น นกแร้ง เกาะตามขอบกำแพง วัดอยู่กลางทุ่งหน้า รัชกาลที่ 1 ได้โปรดให้ชำระวัดให้มีระเบียบ ใหม่ และ ปฏิสังขรณ์ เสนาสนะ ดูจากภาพก็จะเห็นอีแร้งมากมาย คอยแย่งกัดกินศพ วัดนี้ เป็นสถานที่ ๆ พระฝ่ายภาวนา มักจะใช้เป็นที่ฝึกจิตให้กล้าแข็งขึ้น ด้วยการไป ปลงอสุภะ กัน จนสมัยก่อน ถึงกับมีการกล่าวคล้องจองขึ้นว่า แร้งวัดสระเกศ เปตรวัดสุทัศน์
ขอบคุณภาพเก่าจากประมูลขาย เว็บตลาดนัด ภาพ ภูเขาทอง ทำไมจึงเป็นภูเขาทอง ๆ นี้เป็นพระราชดำริของ รัชกาลที่ 3 สร้าง แล้วเสร็จในรัชกาลที่ 5 เนินดินก่อสร้าง สมัยก่อนมีการขุดคลองหลายสายรอบวัดสระเกศ ดินนำมาใช้ประโยชน์ กลางทุ่งข้างคลอง
เก็บตก ตี 3 หลังออกจากสมาธิ แล้วพิจารณาอดีต สมัยปัจจุบัน มีภาพให้ชมด้วยนะ ต้องขอบคุณเจ้าของภาพถ่ายสมัยนั้นกัน เป็นอย่างมาก




บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
มีเรื่องเล่า เพิ่มเติม นิดหนึ่ง สมัยหนึ่งพระอาจารย์ เดินทางภาคใต้ และไปหยุดอยู่ ที่ภูเก็ด วัดท่าเรือ วันนั้นนึกขึ้นได้ ว่า รับนิมนต์โยมสวดฉันเพล บ้านโยมอดีตอนุศาสน์ ที่อยู่ข้างวัด ก็เลย ชวนท่าน พระอนุชิต นั่งเครืองบินกลับ ทำเวลา เสียหน่อย เครื่องบินเดินทางจากภูเก็ต ถึงอากาศยานดอนเมืองใช้เวลา 45 นาที รวมทั้งสิ้น ทั้ง รอซื้อ ตั๋ว ทำเอกสาร เข้าออก 1.30 น. พอออกจากท่าอากาศยาน ก็มายืน รอขึ้นรถที่น้าสถานี รถไฟดอนเมือง ยืนรอรถตรงนี้ 3 ชม ไม่มีรถทัวร์ รถเมล์ให้ขึ้นเลย พระสองรูปขึ้นไม่ได้ เขาจอดรับแต่โยม บอกว่า ไม่มีที่ ก็เข้าใจอยู่ เลยต้องนั่ง Taxi ย้อนกลับไป ที่หมอชิต ขึ้นต้นทาง และก็นั่งรถจากหมอชิต ด้วยด่วน 999 กรุงเทพ - สระบุรี อีก 3 ชม. สรุปแล้ว กว่าจะถึงวัด หลังจากลงเครื่องบิน ระยะทาง 108 กม. ใช้เวลา 7 ชม.เต็ม ส่วนระยะทาง 1000 กว่า กม. ใช้เวลา 1.30 ชม.
นี่เรียกว่า วางแผนการเดินทางยังไม่ดี ไม่มีประสบการณ์ ในการขึ้นรถ
ถามว่า พระขึ้นรถฟรี หรือ ไม่ ก็ตอบว่า เขาเก็บตังค์นะไม่ใช่ ฟรี รถทัวร์ ไม่ฟรี ก็พอ ๆ กับฆราวาส อาจจะลดสัก 30 บาท ค่าอาหารกลางทาง นั่นแหละ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ยังจำได้ ดังนั้นใครชวนฉันไปขึ้นรถ หน้า ดอนเมือง กลับสระบุรี ละก็ ขอส่ายหน้า รวมทั้งรถไฟ ด้วย ถ้าจะรอรถไฟต้องวางแผนให้ดี เพราะรถไฟไปอิสาณ นั้น ถึงสระบุรี ประมาณ 6 โมงเย็น ดังนั้นกว่าจะรถไฟให้ขึ้น ก็สักประมาณ 4 โมงเย็นไปแล้ว นั่นแหละ




 ค่าเครื่องบินนั่งกลับมา รวมค่ารถ ถึงวัด 2405+120 บาท สวดมนต์ฉันเพล รับซองปัจจัย 1000 บาท

เหตุที่ลืมก็เพราะว่า โยมนินต์ล่วงหน้าไว้ 3 เดือน

แล้วเขานิมนต์เจาะจง คือ เจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส อาจารย์ และ ท่านอนุชิต 5 รูป ของวัดแก่ง สมทบกับวัดอื่น ที่เป็นหัววัด อีก 4 วัด มีอาจารย์คำร้อย จต. จร.วัดท่่าวัว ผช. วัดท่าวัว
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณพระอาจารย์ คะ

 thk56 :25:
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

   ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

       วันหนึ่งขับรถผ่าน   เข้าไป   ที่เมืองลับแล   และบริเวณรายรอบ


          วันนั้น หกโมงเย็นจะมืดแล้ว


      รู้สึกบรรยากาศ...น่า ทัศนา ยิ่งนัก เหมือนตัวเองเคยไปอยู่แถวนั้น


       วิเวก...สงบ...เหมือนมีอดีต อยู่ที่นี่

    แต่มันมืดแล้ว...

    วันนั้นขับรถมาก...ขับลงมาจากน่าน


       เข้าไปงีบ...ในเขื่อน สิริกิต

       มีสวนสาธารณะ  วันนั้นน้ำแห้งแต่ลมเย็น


     จะเข้าไปดูเกาะกลางเขื่อน   แต่ มองไม่เห็น  คงจะคนละฝั่ง เราไม่ใช่คนพื้นที่

         สรุป   หลังหกโมง ขับต่อลงมา

      ตั้งใจจะมานอน....ใกล้ๆองค์พระพุทธชินราช คือหาโรงแรมนอนพัก

    แล้วตอนเช้า ค่อยเข้าไปกราบสักการะ

       พอดีมาถึงสองทุ่ม   ก็ขับวน อยู่รอบรั้ววัด

   Gps  พาหลงงง   

         จอดรถบนลานใกล้ๆวัด แล้ว...มียายคนหนึ่ง

          ให้เข้าไปเลย   วิหารปิด 3 ทุ่ม


         ก็เลยเข้าไปสักการะ พระพุทธชินราช  ...รึว่า  ท่านรอ(มันฟลุคเน๊าะ)


        สรุป ทริปนี้  ได้กราบหลวงพ่อ  พระธาตุแช่แห้ง(น่าน)  พระธาตุช่อแฮเมืองแพร่

            แหมช่างสมใจจริงๆ


           อายุเราเริ่มมาก หูตามันไม่ดี มืดแล้วเจอแสงไฟตามันลาย

             มืดก็ต้องหาที่พัก พรุ่งนี้..หาทางกลับ บ้านนา-นครนายก   ค่อยว่ากันใหม่

     
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คุณ pramoteaaaa ไปเที่ยว น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก แล้ว ไม่เห็นมีภาพมาให้ชมกันเลย

 :49: :s_hi:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
ชื่อเมือง เดิม สมัยพระเฒ่า ธุดงค์ ปี พ.ศ.2322 - 2365 43 ปี
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ธันวาคม 16, 2016, 10:16:35 am »
0
พระเฒ่า ธุดงค์ ปี พ.ศ.2322 - 2365 43 ปี
ภาคเหนือ ชื่อเมืองสมัยนั้น
พระนคร บางกอก กทม.
พระนคร เมืองธน ฝั่งธน
เมืองสามโคก ปทุมธานี
เมืองนายก บ้านนา นครนายก
บ้านตลาดขวัญ นนทบุรี
อโยธยา พระนคร กรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา
เมืองพระรถ เมืองศรีมโหสถ เมืองอวัธยปุระ ปราจีนบุรี
เมืองวิเศษชัยชาญ อ่างทอง
เมืองสิงห์ สิงห์บุรี
เมื่องละโว้ ลพบุรี
เมืองสระ สระบุรี
เมืองพุทธบาท อ.พระพุทธาท สระบุรี
เมืองศรีเทพ เมืองเพชรบุรี เมื่องพิชบุรี เพชรบูรณ์
บ้านสะแกกรัง อุทัยธานีใต้
เมืองอุทัย อุทัยธานีเหนือ
เมืองแพรก เมืองสังข์ เมืองสรรค์ ชัยนาท
เมืองอุ่ทอง เมืองพันธุมบุรี เมืองทราวดีศรีสุพรรณ สุพรรณบุรี
เมืองกาญ กาญจนบุรี
เมืองสี่แคว เมืองบอระเพ็ด เมืองพระบาง เมืองชอนตะวัน เมืองปากน้ำโพ นครสวรรค์
เมืองพระประแดง สมุทรปราการ
เมืองแม่กลอง สมุทรสงคราม
บ้านบางปลาสร้อย ชลบุรี
เมืองแปดริ้ว ฉะเชิงเทรา
เมืองเพนียด เมืองกาไว เมืองจันทบูร จันทบุรี
บ้านบางพระ เมืองกราด เมืองตราด ตราด
เมืองเพชรพลี เพชรบุรี
เมืองศรีวิชัย นครชัยศรี นครปฐม
เมืองปราณ ประจวบคีรีขันธ์เหนือ
เมืองสามอ่าว คลองวาน ประจวบคีรีขันธ์ใต้
เมืองไชยา สุราษฏร์ธานีเหนือ
บ้านดอน สุราษฏร์ธานีใต้
เมืองตามพรลิงค์ ศิริธรรมนคร ศรีธรรมราช นครศรีธรรมราช
เมืองสทิง เมืองสทิงพระ เมืองสิงหลา สงขลา
เมืองถลาง ภูเก็ต
เมืองตานี ปัตตานี
เมืองภูงา หรือ บ้านกระพูงา พังงา
เมืองควนธานี เมืองทับเที่ยง ตรัง
เมืองชากังราว กำแพงเพชร
เมืองโอฆะบุรี เมืองไกรทอง พิจิตร
บ้านบางโพท่าอิฐ ( บ้านพระยาพิชัย ) อุตรดิตถ์ใต้
เมืองสองแคว พิษณุโลก
เมืองทุ่งยั้ง ศรีนพมาศ อุตรดิตถ์ เหนือ
บ้านชะเลียง ศรีสัชชนา สุโขทัยใต้
เมืองสวรรคโลก สุโขทัยเหนือ
เมืองนันทะบุรี เมืองวรนคร เมืองภูเพียงแช่แห้ง น่าน
เมืองพลนคร เมืองเวียงโกศัย แพร่
เมืองพยาว เมืองภูกามยาว พะเยา
เมืองไชยปราการ เชียงแสน เชียงรายเหนือ
เวียงชัยนาราย์ เชียงรายใต้
ชัยบุรี โยนกนคร เชียงราย ( อ.เชียงแสน )
นพบุรีศรีนคร เวียงพิงค์ เชียงใหม่ เชียงใหม่
นครหริภุญชัย ลำพูน
เมืองฉอด เมืองระแหง ตาก
บ้านไทใหญ่ บ้านลื้อ บ้านร่องสอน แม่ฮ่องสอน
เมืองเขลางค์นคร กุกกุฏนคร ลำปาง
เมืองเสมา เมืองโคราดปุรา เมืองย่าโม นครราชสีมา
บ้านพิมาย นครราชสีมา ( อ.พิมาย )
บ้านดอนมดแดง อุบลราชธานี
บ้านหมากแข้ง อุดรธานี
เมืองหนองบัวล่มภู นครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน หนองบัวลำภู
บ้านไผ่ หนองคาย
เมืองประทายสมันต์ สุรินทร์
เมืองขุขันธ์ ศรีษะเกษ
สาเกตนคร ร้อยเอ็ด
บ้านลาดกุดนางใย มหาสารคาม
บ้านขามแก่น ขอนแก่น
เมืองแปะ บุรีรัมย์
เมืองหนองหานหลวง เมืองสกลทวาปี สกลนคร
บ้านสิงห์ท่า เมืองยศสุนทร ยโสธร
เมืองธาตุพนม เมืองมรุกขนคร นครพนม
บ้านแก่งสำโรง กาฬสินธ์
ช่วงนั้นชื่อเมือง เทียบเท่ากับจังหวัด ชื่อบ้าน เทียบเท่ากับ อำเภอ
สมัยนั้น บ้านมีอาณาเขตมากกว่าเมืองก็มี เช่น บ้านดอนมดแดง อุบลราชธานี ก็กว้างใหญ่มาก แต่คนไม่ค่อยมาก ปัจจบุันแบ่งออกเป็น อำนาจเจริญ มุกดาหาร อุบลราชธานี อย่างนี้
แต่ถ้าเป็นที่มี พระราชา ( กษัตริย์ )ปกครอง จะมีคำว่า พระนคร อยู่ด้วย


กว่าจะแก่กล้าวิชา วางสังฆกิจ และ ราชกิจได้ ใช้เวลาถึงอายุ 72 ปี พรรษาที่ 52 ปี สมเด็จเฒ่า ถึงจะได้ออกธุดงค์ ตอนนั้นก็หุ่นท้วม ๆ แล้ว แต่ลูกศิษย์ก็มีมาก โดยเฉพาะเจ้าพระยาเมืองสองแคว นั้นคุ้นเคยกันดี
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

intro

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 77
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สิ่งพิศดาร ที่มีความพิเศษ นั้นในประเทศไทย มีเพียงสองจังหวัดเท่านั้นที่มี คือ สุโขทัย และ อุตรดิตถ์ เหตุเพราะว่า เป็นแดนต่อเมืองลับแล เลยมีของที่ประหลาดที่มีอานุภาพ กับจิตวิญญาณอยู่ที่สองจังหวัดนี้
ที่ จังหวัดสุโขทัย



จะมีหินลักษณะลูกบาศก์ สี่เหลี่ยม ซึ่งเขาเรียกกันว่า เพชรหน้าทั่ง หรือ ข้าวตอกพระร่วง ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่ เป็นลักษณะลูกบาศก์ คือ เมื่อทุบให้แตกก็จะแตกออกเป็นรูปสี่เหลี่ยม ทุกครั้งเป็นจำนวนมาก ขนาดตั้งแต่ลูกเต๋า มีอยู่ 7 สี นับว่าเป็นของแปลกประหลาด ที่รำ่ลือว่าเกิดจากพระร่วง ( พ่อขุนรามคำแหง ) ลั่นวาจาให้เม็ดข้าวสารที่โปรยไว้ มีความสามารถทางด้านจิตวิญญาณ ( เล่าเท่านี้ก่อนมันจะยาว)



ที่จังหวัด อุตตรดิตถ์
จะมีหินแร่เลื่องชือ่ คือ เหล็กน้ำพี้ ที่มีความแข็งแกร่ง และที่สำคัญเหล็กน้ำพี้เมื่อสร้างเป็นศาสตร จะไม่ดูดซับวิญญาณ หรือดื่มเลือด เหมือนอย่างดาบญี่ปุ่น คนที่มีศาสตราประเภทนี้ไม่ค่อยได้ใช้ ส่วนมากใช้ประดับ นานมากถึงจะได้ใช้ เช่น ศาสตราของพระมหากษัตริย์เป็นต้น
( เกร็ดเล็ก คุยกันเบา ๆ ช่วงรอศิษย์ ภาวนาพื้นฐาน )
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ