ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: สังขาร ความหมายของสังขาร ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วยคะ ว่า ใช้ความหมายไหน  (อ่าน 9695 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

saichol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 247
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ไปสวดมนต์แปลที่วัด คำว่า สังขาร เขาแปลว่า สังขารคือร่างกายและจิตใจ คือในความหมายเหมาเอา กายและใจ ซึ่งก็คือ ขันธ์ 5 มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ

 แต่สังขาร อีกที่ ในขันธ์ 5 กับแปลว่า ความคิด
  อีกที่หนึ่ง แปลว่า ความปรุงแต่ง

  เลยไม่ค่อยจะเข้าใจกับคำว่า สังขาร แบบไหน ถูกหรือผิด อย่างไร วานท่านผู้มีความรู้ช่วย อธิบายให้ด้วยคะ


  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

นิรมิต

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 89
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สังขาร น่าจะหมายถึง การปรุงแต่งมากกว่านะครับ
 :49:
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สังขารขันธ์ คือ ความปรุงแต่งจิตใดๆ ไม่ว่าจะเป็นความปรุงแต่งตรึกนึกคิดเรื่องราวใดๆ เจตสิกใดๆ
สังขารธรรม คือ ขันธ์ทั้ง 5 นี้รวมกัน
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ สังขารา ทุกขา
สัพเพ ธัมมา อนัตตา

   แปลจริง ๆ

สังขารทั้งปวง ไม่เที่ยง
สังขารท้งปวง เป็นทุกข์
ธรรมทั้งปวง เป็นอนัตตา


    ที่นี้ในส่วนที่คุณ siachol สงสัยนั้น ก็เกิดจากแปล เท่าที่ทราบก็มาจากหนังสื่อสวดมนต์ของสวนโมกข ที่ผมเคยได้สวดด้วยเช่นกัน โดยในหนังสือนั้น ระบุว่า

    สังขาร ( คือร่างกายและจิตใจ รูปธรรม นามธรรม  ) ทั้งหมดทั้งสิ้น มันไม่เที่ยง เป้นทุกข์
    ธรรมทั้งหลาย ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
    โดยกล่าวถึง ธรรม ถึง 4 ความหมาย ด้วย

  เอาประเด็นที่ถามก่อนนะครับ
     สังขาร คืออะไร ?

     สังขาร คือ นามธรรม มีหน้าที่คิด หรือ ที่เรียกว่า ปรุงแต่ง อันนี้ฟันธงว่า ถูกต้องตามศัพท์ เลยนะครับ
     สังขาร เป็น หนึ่งใน ขันธ์ 5  ฝ่าย นามธรรม หรือ ฝ่ายจิต

     :s_hi: :49:





 
บันทึกการเข้า

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
สังขาร เขาแปลว่า ร่างกายและจิตใจ แต่สังขารในขันธ์ 5 กับแปลว่า ความคิด อีกที่หนึ่ง แปลว่า ความปรุงแต่ง ไม่เข้าใจแบบไหน ถูกผิด อย่างไร วานท่านผู้รู้ช่วยอธิบายให้ด้วยคะ



สังขาร ตามความหมายเนื้อแท้คือ การปรุง (คิดหมายเอาสำคัญมีค่าควรแก่ตนอย่างนั้นเอง) เป็นนามธรรม หากแต่ถูกนำ

มาใช้กล่าวเป็นรูปธรรมอันหมายสำคัญเป็นร่างกายเนื้อหนังมีทั้งสวยหล่อขี้ริ้วตามแต่กรรมลิขิตบันดาลแต่งปรุงให้เป็น

สั้นๆแค่นี้พอคลายฉงนครับ




http://www.f0nt.com/forum/index.php?topic=9887.195
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2012, 08:45:45 pm โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ความหมายตาม "พจนานุกรมอิเล็กทรอนิกส์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน" พ.ศ. ๒๕๔๒

สังขาร, สังขาร-
    [-ขาน, -ขาระ-, -ขานระ-] น. ร่างกาย, ตัวตน, สิ่งที่ประกอบและปรุงแต่งขึ้นเป็นร่างกายและจิตใจรวมกัน, เช่น สังขารร่วงโรย สังขารไม่เที่ยง;
        ความคิด เป็นขันธ์ ๑ ในขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ.
        (ป.; ส. สํสฺการ).ก. ตาย เช่น ถึงซึ่งสังขาร, ในบทกลอนใช้ว่า สังขาร์ ก็มี.







ความหมายตาม "พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์" พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)

สังขาร
       1. สิ่งที่ถูกปัจจัยปรุงแต่ง, สิ่งที่เกิดจากเหตุปัจจัย เป็นรูปธรรมก็ตาม นามธรรมก็ตาม ได้แก่ขันธ์ ๕ ทั้งหมด,
           ตรงกับคำว่า สังขตะหรือสังขตธรรม ได้ในคำว่า “สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง” ดังนี้เป็นต้น


       2. สภาพที่ปรุงแต่งใจให้ดีหรือชั่ว, ธรรมมีเจตนาเป็นประธานที่ปรุงแต่งความคิด การพูด การกระทำ มีทั้งที่ดีเป็นกุศล ที่ชั่วเป็นอกุศล และที่กลางๆ เป็นอัพยากฤต ได้แก่ เจตสิก ๕๐ อย่าง (คือ เจตสิกทั้งปวง เว้นเวทนาและสัญญา) เป็นนามธรรมอย่างเดียว,
           ตรงกับสังขารขันธ์ ในขันธ์ ๕ ได้ในคำว่า “รูปไม่เที่ยง เวทนาไม่เที่ยง สัญญาไม่เที่ยง สังขารไม่เที่ยง วิญญาณไม่เที่ยง” ดังนี้เป็นต้น;
           อธิบายอีกปริยายหนึ่ง สังขารตามความหมายนี้ยกเอาเจตนาขึ้นเป็นตัวนำหน้า ได้แก่ สัญเจตนา คือ เจตนาที่แต่งกรรมหรือปรุงแต่งการกระทำ มี ๓ อย่างคือ
           ๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางกาย คือ กายสัญเจตนา
           ๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางวาจา คือ วจีสัญเจตนา
           ๓. จิตตสังขาร หรือ มโนสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งการกระทำทางใจ คือ มโนสัญเจตนา


       3. สภาพที่ปรุงแต่งชีวิตมี ๓ คือ
           ๑. กายสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งกาย ได้แก่ อัสสาสะ ปัสสาสะ คือลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
           ๒. วจีสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งวาจา ได้แก่ วิตกและวิจาร
           ๓. จิตตสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งใจ ได้แก่ สัญญาและเวทนา





สังขาร ๒ คือ
       ๑. อุปาทินนกสังขาร สังขารที่กรรมครอบครอง
       ๒. อนุปาทินนกสังขาร สังขารที่กรรมไม่ครอบครอง,
       โดยปริยายแปลว่า สังขารที่มีใจครอง และสังขารที่ไม่มีใจครอง


สังขารทุกข์ ทุกข์เพราะเป็นสังขาร คือเพราะเป็นสภาพอันถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น จึงต้องผันแปรไปตามเหตุปัจจัย เป็นสภาพอันปัจจัยบีบคั้นขัดแย้ง คงทนอยู่มิได้

สังขารโลก โลกคือสังขาร ได้แก่ชุมชนแห่งสังขารทั้งปวงอันต้องเป็นไปตามธรรมดาแห่งเหตุปัจจัย

สังขารุเปกขาญาณ ปรีชาหยั่งรู้ถึงขั้นเกิดความวางเฉยในสังขาร,
       ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ รู้เท่าทันสภาวะของสังขารว่า ที่ไม่เที่ยงเป็นทุกข์เป็นต้นนั้น มันเป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา จึงเลิกเบื่อหน่าย เลิกคิดหาทางแต่จะหนี วางใจเป็นกลางต่อมันได้ เลิกเกี่ยวเกาะและให้ญาณแล่นมุ่งสนิพพานอย่างเดียว

       (ข้อ ๘ ในวิปัสสนาญาณ ๙)





ปลงพระชนมายุสังขาร ดู ปลงอายุสังขาร

ปลงสังขาร ทอดอาลัยในกายของตน ว่าจะตายเป็นแน่แท้แล้ว

ปลงอายุสังขาร “สลัดลงซึ่งปัจจัยเครื่องปรุงแต่งอายุ”,
       ตกลงใจกำหนดการสิ้นสุดอายุ,
       ตกลงพระทัยว่าจะปรินิพพาน,
       กำหนดพระทัยเกี่ยวกับการที่จะปรินิพพาน (ก่อนปรินิพพาน ๓ เดือน)

วิสังขาร ธรรมที่ปราศจากการปรุงแต่ง, ธรรมอันมิใช่สังขาร คือ พระนิพพาน

สสังขารปรินิพพายี พระอนาคามีผู้จะปรินิพพานด้วยต้องใช้ความเพียร;
       ดู อนาคามี

สสังขาริก “เป็นไปกับด้วยการชักนำ”, มีการชักนำ ใช้แก่จิตที่คิดดีหรือชั่ว โดยถูกกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก มิใช่เริ่มขึ้นเอง จึงมีกำลังอ่อน;
       ตรงข้ามกับ อสังขาริก





อภิสังขาร สภาพที่ปรุงแต่งผลแห่งการกระทำของบุคคล, เจตนาที่เป็นตัวการในการทำกรรม มี ๓ อย่างคือ
       ๑. ปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นบุญ
       ๒. อปุญญาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นปฏิปักษ์ต่อบุญ คือ บาป
       ๓. อาเนญชาภิสังขาร อภิสังขารที่เป็นอเนญชา คือ กุศลเจตนาที่เป็นอรูปาวจร ๔;
       เรียกง่ายๆ ได้แก่ บุญ บาป ฌาน


อภิสังขารมาร อภิสังขารเป็นมาร เพราะเป็นตัวปรุงแต่งกรรม ทำให้เกิดชาติชรา เป็นต้น ขัดขวางไม่ให้หลุดพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์
       (ข้อ ๓ ในมาร ๕)

อสังขารปรินิพพายี พระอนาคามีผู้จะปรินิพพานด้วยไม่ต้องใช้ความเพียรมากนัก
       (ข้อ ๓ ในอนาคามี ๕)

อสังขาริก “ไม่เป็นไปกับด้วยการชักนำ”, ไม่มีการชักนำ ใช้แก่จิตที่คิดดีหรือชั่วโดยเริ่มขึ้นเอง มิใช่ถูกกระตุ้นหรือชักจูงจากภายนอก จึงมีกำลังมาก;
       ตรงข้ามกับ สสังขาริก



ขอบคุณภาพจาก http://www.thairath.co.th/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



บทพิจารณาสังขาร

     
              สัพเพ สังขารา อะนิจจา.     สังขารคือร่างกาย จิตใจ และรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น มันไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วดับไปมีแล้วหายไป.       
                                                       
              สัพเพ สังขารา ทุกขา.       สังขารคือร่างกาย จิตใจ แลรูปธรรม นามธรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น มันเป็นทุกข์ทนยาก เพราะเกิดขึ้นแล้ว แก่ เจ็บ ตายไป.     
                                     
              สัพเพ ธัมมา อะนัตตา        สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ทั้งที่เป็นสังขาร แลมิใช่สังขารทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่ควรถือว่าเรา ว่าของเรา ว่าตัวว่าตนของเรา.     
                                     
              อะธุวัง ชีวิตัง               ชีวิตเป็นของไม่ยั่งยืน
              ธุวัง มะระณัง               ความตายเป็นของยั่งยืน
              อะวัสสัง มะยา มะริตัพพัง              อันเราจะพึงตายเป็นแท้
              มะระณะปะริโยสานัง เม ชีวิตัง         ชีวิตของเรามีความตายเป็นที่สุดรอบ
              ชีวิตัง เม อะนิยะตัง           ชีวิตของเรา เป็นของไม่เที่ยง
              มะระณัง เม นิยะตัง           ความตายของเรา เป็นของเที่ยง
              วะตะ                          ควรที่จะสังเวช
              อะยัง กาโย                   ร่างกายนี้
              อะจิรัง                         มิได้ตั้งอยู่นาน
              อะเปตะวิญญาโณ             ครั้นปราศจากวิญญาณ
              ฉุฑโฑ                        อันเขาทิ้งเสียแล้ว
              อะธิเสสสะติ                   จักนอนทับ
              ปะฐะวิง                        ซึ่งแผ่นดิน
              กะลิงคะรัง อิวะ                ปะดุจดังว่าท่อนไม้และท่อนฟืน
              นิรัตถัง                         หาประโยชน์มิได้



ที่มา http://www.larnbuddhism.com/grammathan/pitjarana.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.thairath.co.th/column/edu/hicampus/284080
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2012, 10:35:30 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ปลงสังขาร (มนุษย์เราเอ๋ย)

มนุษย์เราเอ๋ย...............เกิดมาทำไม.................นิพพานมีสุข
อยู่ไยมิไป...................ตัณหาหน่วงหนัก...........หน่วงชักหน่วงไว้
ผู้ไปมิได้.....................ตัณหาผูกพัน................ห่วงนั้นพันผูก
ห่วงลูกห่วงหลาน.........ห่วงทรัพย์สินศฤงคาร.....จงสละเสียเถิด


จะได้ไปนิพพาน...........ข้ามพ้นภพสาม..............ยามหนุ่มสาวน้อย
หน้าตาแช่มช้อย..........งามแล้วทุกประการ.........แก่เฒ่าหนังยาน
ล้วนแต่เครื่องเหม็น.......เอ็นใหญ่เก้าร้อย.............เอ็นน้อยเก้าพัน
มันมาทำเข็ญใจ...........ให้ร้อนให้เย็น.................เมื่อยขบทั้งตัว

ขนคิ้วก็ขาว.................นัยน์ตาก็มัว...................เส้นผมบนหัว
ดำแล้วกลับหงอก.........หน้าตาเว้าวอก...............ดูน่าบัดสี
จะลุกก็โอย..................จะนั่งก็โอย....................เหมือนดอกไม้โรย
ไม่มีเกสร ....................จะเข้าที่นอน..................พึงสอนภาวนา


พระอนิจจัง..................พระอนัตตา...................เราท่านเกิดมา
รังแต่จะตาย................ผู้ดีเข็ญใจ.....................ก็ตายเหมือนกัน
เงินทองเหล่านั้น...........มิติดตัวไป.....................ตายไปเป็นผี
ลูกเมียผัวรัก................เขาชักหน้าหนี................เขาเหม็นซากผี

เปื่อยเน่าพุพอง............หมู่ญาติพี่น้อง................เขาหามเอาไป
เขาวางลงไว้................เขานั่งร้องไห้.................แล้วกลับคืนมา
อยู่แต่ผู้เดียว................ป่าไม้ชายเขียว..............เหลียวไม่เห็นใคร
เห็นแต่ฝูงแร้ง...............เห็นแต่ฝูงกา.................เห็นแต่ฝูงหมา

ยื้อแย่งกัดกิน...............ดูน่าสมเพช...................กระดูกเราเอ๋ย
เรี่ยรายแผ่นดิน.............แร้งกาหมากิน...............เอาเป็นอาหาร
ตายแล้วก็พลัด.............พรากจากบริวาร............พรากจากลูกหลาน
พี่น้องเผ่าพันธุ์..............เห็นแต่นกเค้า................จับเจ่าเรียงกัน

เห็นแต่นกแสก..............ร้องแรกแหกขวัญ...........เมื่อตายเป็นผี
ต้องพรากจากกัน..........มนุษย์เราเอ๋ย.................อย่าหลงนักเลย
ไม่มีแก่นสาร.................อุตส่าห์ทำบุญ................ค้ำจุนเอาไว้
จิตใจเกษมสันต์.............ทันพระพุทธเจ้า.............จะได้เข้านิพพาน.
นิพพานะปัจจะโย โหตุ


คัดลอกเนื้อหามาจาก หนังสือสวดมนต์-ไหว้พระ-สาธยายธรรม (แปล)
ธรรมานุสรณ์แด่พระอาจารย์สุโข กตปุญโญ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=28&t=20792
ขอบคุณภาพจาก http://i.kapook.com/







บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ไปสวดมนต์แปลที่วัด คำว่า สังขาร เขาแปลว่า สังขารคือร่างกายและจิตใจ คือในความหมายเหมาเอา กายและใจ ซึ่งก็คือ ขันธ์ 5 มี รูป เวทนา สัญญา สังขาร และ วิญญาณ

 แต่สังขาร อีกที่ ในขันธ์ 5 กับแปลว่า ความคิด
  อีกที่หนึ่ง แปลว่า ความปรุงแต่ง

  เลยไม่ค่อยจะเข้าใจกับคำว่า สังขาร แบบไหน ถูกหรือผิด อย่างไร วานท่านผู้มีความรู้ช่วย อธิบายให้ด้วยคะ


  :c017: :25:

   
      วันนี้..ขอประกวด"ดาวมหา'ลัย" สักวัน สาววัยนี้น่าจะใกล้เคียงกับคุณsaichol
     ในภาษาไทยเมื่อเอ่ยคำว่า "สังขาร" ส่วนใหญ่จะนึกถึง "ร่างกาย"
     ส่วนตัวผม ถ้าสนทนาธรรมกันอยู่ ผมจะนึกถึง "สังขารขันธ์" มากกว่า
     ผมขอปิดท้ายด้วยพุทธภาษิตจาก มหาสุทัสสนสูตร ที่ว่า "อนิจจัง..วัฏสังขารา"





      [๑๘๖] สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ มีอันเกิดขึ้นและเสื่อมไปเป็นธรรมดา
       บังเกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป การเข้าไประงับสังขาร เหล่านั้นเสียได้เป็นความสุข ดังนี้ ฯ

       (อนิจฺจา วต สงฺขารา อุปฺปาทวยธมฺมิโน อุปฺปชฺชิตฺวา นิรุชฺฌนฺติ เตสํ วูปสโม สุโขติ ฯ)

                         

จาก "มหาสุทัสสนสูตร" พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  บรรทัดที่ ๓๙๑๖ - ๔๔๖๔.  หน้าที่  ๑๖๐ - ๑๘๒.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=10&A=3916&Z=4464&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10&i=163
ขอบคุณภาพจาก http://www.thairath.co.th/column/edu/hicampus/284080
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 24, 2012, 11:19:05 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ