ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนที่นั่งสมาธิ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ นี่เป็นเพราะอะไรคะ  (อ่าน 2071 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

hiso

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 63
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนที่นั่งสมาธิ เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ นี่เป็นเพราะอะไรคะ

  มีเพื่อน ๆ หลายท่านบอกว่า การนั่งสมาธิ ที่เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวหัวเราะ นี้เกิดจากกรรมเก่า ที่สร้างไว้ ส่งผลเลยทำให้ อีก ๆ หลายคน กลัวการทำสมาธิ จึงไม่ทำสมาธิ บอกว่า ฟังธรรม แล้วนอน ดีกว่า ประมาณนี้ เลยคะ

  เลยไม่ทราบว่า อาการที่เกิดขึ้นเดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ นี้เป็นเพราะอะไร ใช่เกิดจากกรรม หรือ ไม่ หรือเข้าใจผิด คะ

  ช่วยตอบหน่อย นะคะ

  :c017: :25:
บันทึกการเข้า

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อาจจะเป็น ปีติ ลง หรือ ไม่ก็ อุปาทานจิต กันครับเป็นได้หลายกรณี ครับ
 
 ผมว่าถ้าครูสอนกรรมฐาน ถูกต้องอาการเหล่านี้ ก็ไม่มีหรอกครับ

    :49:
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ไม่ทราบว่า อาการที่เกิดขึ้น เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ นี้เป็นเพราะอะไร ใช่เกิดจากกรรม หรือ ไม่ หรือเข้าใจผิด คะ   ช่วยตอบหน่อย

การปฏิบัติภาวนาในปัจจุบันมีมากมายหลากหลายสำนักซึ่งล้วนแล้วแต่มีรูปแบบผิดแผกไปตามแต่จริตครูบาอาจารย์นั้นนั้น ทำให้เราท่านหลงหาต้นชนปลายไม่ถูกว่าเป้าหมายของการภาวนาคืออะไร? เพื่ออะไร? บ้างก็กลัวด้วยไม่เข้าใจในศาสตร์นั้นนั้น สรุปเอาอย่างนี้ดีกว่าไหม? เรามาหาต้นแบบฉบับเดิมของวิถีภาวนากันด้วยการศึกษาซิว่าครูบาอาจารย์แต่ละรูปนั้นขวนขวายใฝ่ภาวนาแรกเริ่มจากที่ใดกัน ที่ใดเป็นแหล่งรวมศึกษาหาแนวทางได้อย่างชี้เป้าหมายนิพพานตรงตามพุทธประสงค์เนื้อแท้ คงไม่มีใครอยากภาวนาแล้วเพี้ยน ภาวนาแล้วต้องสงบระงับนิวรณ์ได้นี้สำคัญ มีหลายแห่งที่ผมไปต่างชี้ทางไปนิพพานแต่หลงที่วิธีและขั้นตอนเข้าหาถามไถ่ก็ยาก หรือยากนักคลำพระเช่าบูชาแขวนคอไปพลางพลางก่อนกลายเป็นส่องรู้ดูเครื่องรางเสียเวลาไปกับชีวิต โลกขุ่นข้องด้วยเขลาหลงเสาะแสวงหาภาวนาเพื่อเร้นร้างห่างไม่ขอเกิดยากบ้างก็คุ้มยอมฝืนชนะใจตนเองก็คงดีกับความดีที่ยังพอมีกำไล..ครับ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 27, 2012, 01:23:25 am โดย THAWATCHAI173 »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา