หัวข้อ: บาลีวันละคำ อาทิพรหมจรรย์ ศัพท์วิชาการที่ชาวพุทธควรรู้ เริ่มหัวข้อโดย: ปัญญสโก ภิกขุ ที่ กรกฎาคม 24, 2016, 09:33:13 pm บาลีวันละคำ
อาทิพรหมจรรย์ ศัพท์วิชาการที่ชาวพุทธควรรู้ อ่านว่า อา-ทิ-พฺรม-มะ-จัน ประกอบด้วย อาทิ + พรหมจรรย์ (๑) “อาทิ” (อา-ทิ) รากศัพท์มาจาก อา (คำอุปสรรค = กลับความ) + ทา (ธาตุ = ให้) + อิ ปัจจัย, ลบสระที่สุดธาตุ (ทา > ท) : อา + ทา = อาทา > อาท + อิ = อาทิ (ปุงลิงค์) แปลตามศัพท์ว่า “ส่วนอันเขาถือเอาทีแรก” กฎ : ทา ธาตุ = “ให้” แต่เมื่อมี “อา” (คำอุปสรรค = กลับความ) นำหน้า จึงกลับความหมายจาก “ให้” (give) กลายเป็น “เอา” (take) “อาทิ” ในบาลีใช้ในความหมายดังนี้ - (1) จุดเริ่มต้น, เบื้องแรก (starting-point, beginning) (2) เบื้องต้น, ในชั้นแรก, อันที่หนึ่ง, ตัวการ, หัวหน้า (beginning, initially, first, principal, chief) (3) เริ่มด้วย, เป็นที่หนึ่ง, ...และอื่น ๆ, ...และต่อๆ ไป (beginning with, being the first, and so on, so forth) (๒) “พรหมจรรย์” บาลีเป็น “พฺรหฺมจริย” ประกอบด้วย พฺรหฺม + จริย (ก) “พฺรหฺม” (พฺระ-หฺมะ) รากศัพท์คือ พฺรหฺ (ธาตุ = เจริญ, ประเสริฐ) + ม ปัจจัย : พฺรหฺ + ม = พฺรหฺม แปลตามศัพท์ว่า “ผู้เจริญด้วยคุณ” “พฺรหฺม” ใช้ในความหมายหลายนัย เช่น ความดีประเสริฐสุด, เทพผู้ยิ่งใหญ่ในศาสนาพราหมณ์ ถือกันว่าเป็นผู้สร้างจักรวาล, เทวดาพวกหนึ่งที่อยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นสูงที่เรียกว่า พรหมโลก, สิ่งศักดิ์สิทธิ์, คนศักดิ์สิทธิ์ (ดูเพิ่มเติมที่ : “พรหมจรรย์” บาลีวันละคำ (1,003) 15-2-58) ในที่นี้ “พฺรหฺม” หมายถึง ความดีประเสริฐสุด (the supreme good) (ข) “จริย” (จะ-ริ-ยะ) รากศัพท์มาจาก จรฺ (ธาตุ = ประพฤติ, ดำเนินไป) + อิย ปัจจัย (บางท่านว่าลง ณฺย ปัจจัย ลบ ณ ลง อิ อาคม ไม่ทีฆะต้นธาตุตามอำนาจของปัจจัยเนื่องด้วย ณ) (1) : จรฺ + อิย = จริย (2): จรฺ + อิ = จริ + ณฺย > ย = จริย “จริย” (นปุงสกลิงค์, ถ้าเป็น “จริยา” เป็นอิตถีลิงค์) เป็นคำนามแปลว่า “การประพฤติ” เป็นคุณศัพท์แปลว่า “-ที่ควรประพฤติ” พฺรหฺม + จริย = พฺรหฺมจริย > พรหมจรรย์ แปลตามศัพท์ว่า “คำสอนเป็นเหตุให้ประพฤติสิ่งที่ประเสริฐ” หมายถึง การดำเนินชีวิตในทางดี, ความประพฤติอันเหมาะสม, การประพฤติพรหมจรรย์ (a good walk of life, proper conduct, chastity) พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกความหมายของ “พรหมจรรย์” ไว้ว่า - (๑) พรหมจรรย์ ความหมายตามศัพท์คือ “จริยะอันประเสริฐ”, “การครองชีวิตประเสริฐ” (๒) ตามที่เข้าใจกันทั่วไป หมายถึงความประพฤติเว้นเมถุน หรือการครองชีวิตดังเช่นการบวชที่ละเว้นเมถุน กล่าวคือไม่ร่วมประเวณีเป็นหลักสำคัญ และตั้งหน้าขัดเกลาจิตให้บริสุทธิ์ (๓) “พรหมจรรย์” เป็นคำที่พระพุทธเจ้าตรัสเรียกหลักคำสอนของพระองค์เมื่อทรงเริ่มประกาศพระศาสนา พรหมจรรย์จึงหมายถึงตัวพระพุทธศาสนาทั้งหมดนั่นเอง ในภาษาไทย พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2554 บอกไว้ว่า - “พรหมจรรย์ : (คำนาม) การศึกษาปรมัตถ์, การศึกษาพระเวท; การถือพรตบางอย่าง เช่นเว้นเมถุนเป็นต้น, การบวชซึ่งเว้นเมถุนเป็นต้น. (ส.).” อาทิ + พฺรหฺมจริย = อาทิพฺรหฺมจริย > อาทิพรหมจรรย์ แปลว่า “ข้อปฏิบัติอันเป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์” (belonging to the principles or fundaments of moral life) พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า - อาทิพรหมจรรย์ : หลักเบื้องต้นของพรหมจรรย์, หลักการพื้นฐานของชีวิตที่ประเสริฐ. “อาทิพรหมจรรย์” คำเดิมในคัมภีร์ท่านใช้ว่า “อาทิพฺรหฺมจริยก” (อา-ทิ-พฺระ-หฺมะ-จะ-ริ-ยะ-กะ) คำว่า “อาทิพฺรหฺมจริยก” นั่นเองเมื่อนำไปขยายคำว่า “สิกฺขา” จึงเปลี่ยนรูปเป็น “อาทิพฺรหฺมจริยกา” และเรียกควบกันเป็น “อาทิพฺรหฺมจริยกาสิกฺขา” เขียนแบบไทยเป็น “อาทิพรหมจริยกาสิกขา” พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า - อาทิพรหมจริยกาสิกขา : หลักการศึกษาอบรมในฝ่ายบทบัญญัติหรือข้อปฏิบัติเบื้องต้นของพรหมจรรย์ สำหรับป้องกันความประพฤติเสียหาย, ข้อศึกษาที่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ หมายถึง สิกขาบท ๒๒๗ ที่มาในพระปาฏิโมกข์. ............ “อาทิพรหมจรรย์” หรือ “อาทิพรหมจริยกาสิกขา” นั้น เป็นบันไดขั้นต้นแห่งการก้าวขึ้นสู่เพศบรรพชิต ถ้าก้าวไม่พ้น คือปฏิบัติไม่ได้ ก็เท่ากับขึ้นสู่เพศบรรพชิตไม่ได้นั่นเอง “อาทิพรหมจรรย์” เป็นหลักที่ควบคู่ไปกับ “อภิสมาจาร” หรือ “อภิสมาจาริกาสิกขา” ซึ่งหมายถึง ความประพฤติดีงามที่ประณีตยิ่งขึ้นไป, ขนบธรรมเนียมเพื่อความประพฤติดีงามยิ่งขึ้นไปของพระภิกษุ และเพื่อความเรียบร้อยงดงามแห่งสงฆ์ หรืออาจจำไว้ง่ายๆ ว่า - (1) “อาทิพรหมจรรย์” คือ ศีล 227 ข้อ (2) กิริยามารยาทและแบบธรรมเนียมอื่นๆ นอกนี้ เรียกว่า “อภิสมาจาร” ทั้งสองส่วนนี้บรรพชิตในพระพุทธศาสนาต้องประพฤติปฏิบัติด้วยความเอาใจใส่อย่างยิ่ง โดยเฉพาะ “อาทิพรหมจรรย์” คือ ศีล 227 เป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นบรรพชิต ภิกษุผู้ประพฤติสำรวมในศีล 227 แม้บางเวลากิริยาวาจาจะรุ่มร่ามไปบ้าง ก็ยังนับว่าเป็นผู้งามแท้ในศีล ตรงข้ามกับภิกษุที่ “อาทิพรหมจรรย์” ขาดรุ่งริ่ง แม้จะแต่งกิริยาวาจาให้เรียบร้อยอย่างไร ซึ่งจะนับว่างามแท้นั้นหามิได้เลย อุปมา : “อาทิพรหมจรรย์” เหมือนอาบน้ำให้เนื้อตัวสะอาด “อภิสมาจาร” เหมือนประแป้งแต่งตัวให้สวยงาม : ถ้าเรือนร่างยังไม่สะอาด : ถึงอาภรณ์จะผุดผาด ก็อุจาดมากกว่าเจริญใจ : ถ้าเรือนร่างสะอาด : ถึงจะนุ่งผ้าขาดๆ ก็งามพิลาสเสียนี่กระไร นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย |