ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ประเภทของบุตร ในพระพุทธศาสนา กับวิธีจัดการแบบชาวพุทธ  (อ่าน 10348 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sompong

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 218
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ตอนนี้ผม ปวดหัวก็เรื่องของบุตร ครับ พี่น้อง เพื่อนสมาชิกทุกท่าน
เฮีย nathaponson ช่วยแนะนำผมด้วยครับ
ผมติดตามเรื่องที่ เฮีย ลงแล้ว ชอบมาก ละเอียด บางครั้งผมนั่งอ่านเป็นชั่วโมงเลยครับ


ประเภทของบุตร ในพระพุทธศาสนา กับวิธีจัดการบุตรแบบชาวพุทธ

บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28413
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
บุตร ๓ ประเภท ในพุทธศาสนา
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 23, 2010, 12:43:57 pm »
0

บุตร ๓
๑. อติชาตบุตร  บุตรที่ยิ่งกว่าบิดามารดา, ลูกที่ดีกว่าเลิศกว่าพ่อแม่
๒. อนุชาตบุตร  บุตรที่ตามเยี่ยงบิดามารดา, ลูกที่เสมอด้วยพ่อแม่
๓. อวชาตบุตร  บุตรที่ต่ำลงกว่าบิดามารดา, ลูกที่ทราม
 
ที่มา  พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลธรรม (ป.อ.ปยุตโต)
--------------------------------------------------------------------------- 

ลูกสามประเภทในพุทธศาสนา

          ในพระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐ-ธรรมบท-อุทาน ปุตตสูตร ข้อ ๒๕๒ หน้า ๒๕๗ พระพุทธองค์ได้ตรัสสอนเกี่ยวกับลูกว่ามีอยู่สามประเภท คือ อติชาตบุตร อนุชาตบุตร และอวชาตบุตร ดังนี้

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อติชาตบุตร เป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้ ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ไม่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ส่วนบุตรของมารดาและบิดาเหล่านั้น เป็นผู้ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมพระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกามพูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีศีล มีธรรมอันงาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย อติชาตบุตรเป็นอย่างนี้แล ฯ

          ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อนุชาตบุตรเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้ ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท มีศีล มีธรรมอันงาม ส่วนบุตรของมารดาบิดาเหล่านั้น ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้มีศีล มีธรรมอันงาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุชาตบุตรเป็นอย่างนี้แล ฯ

           ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อวชาตบุตรเป็นอย่างไร ดูกรภิกษุทั้งหลาย มารดาบิดาของบุตรในโลกนี้ ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้มีศีล มีธรรมอันงาม ส่วนบุตรของมารดาบิดาเหล่านั้น ไม่ถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ไม่งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ การดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อวชาตบุตรเป็นอย่างนี้แล ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร ๓ จำพวกนี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก ฯ

          พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเนื้อความนี้แล้ว ในพระสูตรนั้น พระผู้มีพระภาค ตรัสคาถาประพันธ์ดังนี้ว่า

                               บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมปรารถนาอติชาตบุตร และอนุชาตบุตร

                              ไม่ปรารถนาอวชาตบุตร ซึ่งเป็นผู้ทำลายตระกูล ส่วนบุตร

                               เหล่าใดเป็นอุบาสก บุตรเหล่านั้นแลชื่อว่าเป็นบุตรในโลก

                               บุตรเหล่านั้นมีศรัทธา ถึงพร้อมด้วยศีล ผู้ (โอบอ้อมอารี)

                              รู้ความประสงค์ ปราศจากความตระหนี่ ย่อมรุ่งเรืองใน

                               บริษัททั้งหลาย เปรียบเหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆ ฉะนั้น ฯ

           เนื้อความแม้นี้พระผู้มีพระภาคตรัสแล้ว เพราะเหตุนั้น ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้ว ฉะนี้แล ฯ

ที่มา  http://www.crs.mahidol.ac.th/thai/parsit06.htm 
-------------------------------------------------------------------------------- 

คุณสมพงษ์ครับ ผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ตอบช้าไปหลายวัน เนื่องจากผมไปปฏิบัติธรรมมา ๙ วัน

ส่วนก่อนหน้านั้นที่ผมไม่ตอบกระทู้ เพราะต้องการละนิวรณ์ ที่อาจจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติธรรม

คุณสมพงษ์สอบถามเรื่องบุตร ผมได้นำเอาบุตร ๓ ประเภท มาอธิบายให้แล้ว

ส่วนวิธีจัดการกับบุตรนั้น ขอให้สังเกตว่า พระพุทธเจ้ายึดเอาศีล ๕ เป็นหลัก


คุณสมพงษ์ต้องหากุศลบายต่างๆให้ลูกๆถือศีล ๕ ให้ได้ เช่น

นำลูกๆเข้าวัดทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน อาราธนาศีล รับศีล
 
หาวิธีต่างๆให้ลูกๆเห็นโทษของการละเมิดศีล  และเชื่อในกฏแห่งกรรม

ที่สำคัญพ่อแม่ต้องกระทำตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีของลูกๆด้วย ควรถือศีลอย่างเคร่งครัด



พระอาจารย์วิปัสสนาท่านหนึ่งเล่าประวัติของตนเองให้ฟังว่า
 
ตอนเด็กๆพ่อแม่นำท่านเข้าวัดตั้งแต่แบเบาะ เวลาพระเทศน์ก็นำท่านไปวางไว้ข้างๆธรรมาสน์

พอโตหน่อยก็พาไปทำบุญด้วย  ท่านเล่าว่าท่านชอบฟังนิทานชาดก

 ส่วนเวลาอื่นๆท่านก็วิ่งเล่นภายในวัด พ่อแม่ท่านนำท่านเข้าวัดเป็นประจำ
 
จนท่านคุ้นเคยกับวัด ชอบเข้าวัดจนเป็นนิสัย  เวลาไปเที่ยวไหน ท่านจะนึกถึงวัดเป็นแห่งแรก
 
ที่สำคัญ ท่านนั่งสมาธิได้(เก่ง)ตั้งแต่อายุ ๗ ขวบ



ผมคงตอบได้เฉพาะในกรอบของพุทธศาสนาเท่านั้น อุบายการเลี้ยงลูกทางโลกคุณสมพงษ์คงทราบดีอยู่แล้ว

ขอให้ธรรมคุ้มครองครับ
ปุ้ม  ณฐพลสรรค์


บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

nimit

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 117
  • เรามาเพื่อจรรโลงพระกรรมฐาน
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านแล้วก็ชื่นชม หายไปหลายวันนะครับ คงไปฝึกฝนพิเศษมาแน่

ผมมีคำพูด ที่พ่อผมมักจะพูดให้ผมฟังประจำว่า

เราไม่มีทางสอนลูกให้เป็นอย่างที่เราเป็น แต่เรามีหลายล้านวิธีที่จะทำให้ลูกเราเป็นคนดี และเรามีหัวใจของความเป็นพ่อและแม่

เพราะคำพูดนี้ แม้ผมสิ้นพ่อ คงเหลือแม่ ที่ต้องดูแลผมต้องลาสิกขาออกมาดูแลท่าน เปิดร้านโชว์ห่วยเล็ก พอจุนเจือตัวผมและคุณแม่ท่านได้

อนุโมทนากุศลด้วยครับ หัวข้อนี้ผมก็ผ่านตามาตั้งนานแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยตอบ
 :25:
บันทึกการเข้า
ธรรมจักรสถิตอยู่ ณ ที่ใด ที่นั้นมีแต่ความร่มเย็น