ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความฉลาด เป็นอุปสรรค ในกรรมฐาน แต่ก็เป็นคุณ ในญาณทั้ง 10 และมีค่าในบารมี  (อ่าน 2370 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ความฉลาด เป็นอุปสรรค ในกรรมฐาน
  แต่ก็เป็นคุณ ในญาณทั้ง 10
    และมีค่าในบารมี


  ตั้งใว้ให้ได้คิด กันสักนิด เดี๋ยวจะมาอธิบายตอนหลัง
  โครงการ ช่วงเข้าพรรษา ก็ คือ จะบันทึกเสียง

     กรรมฐาน 1 เรื่อง ต่อวัน ไม่รู้จะทำได้หรือป่าว หยุดพูดสดมาร่วมเดือนแล้ว
   เพราะว่าไปติด ไอ ค๊อก แค๊ก ก้เลยไม่บันทึกเสียง เนื่องด้วยสุขภาพไม่ปกติ
   พูดคุยกับหลายคน ก็จะเห็นว่า ไอ แค๊ก แค๊ก บ่อยขึ้น ...

   ดังนั้นฝากท่านทั้งหลายที่เข้ามาอ่าน ช่วยกันวิเคราะห์ ในสิ่งที่เปิดกระทู้ไว้ กันสักนิด เดี๋ยวจะเข้ามาอ่าน ไปเรื่อย ๆ


   ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2015, 12:06:34 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ผมว่า ไม่ น่า จะใช่ นะครับ เพราะ เรื่องสมาธิ พระพุทธเจ้า ตรัสเรื่อง ความฉลาด ในสมาธิ ไว้ด้วย ครับ
ดังนั้น ความฉลาด ไม่น่าจะเป็นอุปสรรค ในกรรมฐาน ครับ

  :smiley_confused1: :49:
บันทึกการเข้า

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
จะแปรพักตร์ หรือ ถึงมาตั้งคำถาม ส่งเสริม ทางนี้อีก
  :signspamani: :49:
บันทึกการเข้า

wiriya

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 53
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คนฉลาด มันอวดดี และ เลือกข้าง แต่บางครั้ง ก็ไม่ได้เฉลียว

  หมายความอย่างนี้ใช่หรือไม่ ครับ

   :49: :25:
บันทึกการเข้า
รักครอบครัว ห่วงลูกหลาน ต้องช่วยต้าน ภัยยาเสพติด
รักตนเอง หนีสงสาร ต้องภาวนาให้ มาก ๆๆๆๆๆ

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
                             

คนฉลาดมักถือดี ด้วยความเป็นผู้ใคร่ครวญมาก ข้องในอรรถอยู่เนืองๆ และ แย้งคำครู สิ่งใดอันตนเพียรแล้วชอบ ผู้อื่นยกแล้วให้เป็นครู แม้มุนีผู้แจ้งแล้วกล่าวคนฉลาดย่อมใคร่ครวญหนักจิตหยั่งตามยากจึงล่าช้าทอนตัวเอง ซึ่งก็ไม่แปลก แม้ในฐานะแห่งอัครสาวกขวา "อุปติสสะปริพาชก" นั้น ท่านมีอุปนิสัยเยื่องอย่างนี้มาครั้งแต่ได้พบ "อโนมทัสสีพุทธเจ้า" นั้นแล้ว อีกท่านที่จักกล่าวคือ "พระโมฆะราช" หนึ่งในสิบหกมานพศิษย์พราหมณ์พาวรีท่านผู้นี้ถือดีชิงถามคำถามถัดลำดับอชิตะมานพศิษย์พี่แต่พระบรมศาสดารั้งท่านไว้ท้ายก่อนปิงคิยะมานพ ผมพอระลึกได้ในเถระสองรูปนี้ท่านหนึ่งนั้นปัญญามาก ใคร่ครวญมาก จึงล่าช้า อีกท่านถือดีไม่ใคร่ครวญ พระเถระสองรูปในความต่าง แต่คล้ายกันในสิ่งเดียวคือ ใคร่ครวญ ที่ผมกล่าวยกมาก็ด้วยครูอาจารย์ท่านกล่าวสอนว่า สาวกบารมีนั้นปัญญาให้มีไว้ก่อน มีศรัทธาแล้วมีศีลดำเนินไป สมาธิเป็นที่สุด แต่เราท่านนั้นมากใช่น้อยที่ศึกษาปัญญามากก็ขวางตนเองสมาธิไม่เอา ภาวนาไม่จำเป็น ชีวิตจึงล้มลุกคลุกคลาน พลั้งแล้วพลาดอีก ช้ำชอกเรื่อยร่ำไป เหตุเพราะใจไม่หนักนิ่งไม่ภาวนา ปัญญาพาตัวปลักจมเป็นเหยื่อเลือดให้ปลิง นี้เพียงกล่าวถึงไนยชนที่โอกาสยังมีนะครับ!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 31, 2015, 08:58:01 pm โดย ธุลีธวัช (chai173) »
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา