ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - The-ring
หน้า: [1] 2
1  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ขอความร่วมมือ สมาชิก เพื่อสำรวจสถานะ ของสมาชิก เพื่อ ธรรมวิจยะ ให้เหมาะสม เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 09:48:08 pm
ฝึกอย่างจริงจัง ในวิชา กรรมฐาน ครับ ที่ผมจะทำ
แต่เบื่อหน่าย พระสงฆ์ที่ ทำไม่ดี ผิดศีล ครับ

  :49: like1
2  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ศรัทธาชาวพุทธ เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 09:46:54 pm
ยามที่ ศาสนาเสื่อม พระดี ๆ ก็หลบรี้ หนีอยู่ลำพัง ใช้ชีวิตแบบซ่อนตัวกัน
ที่ประเทศอินเดีย มีหลักฐาน ทางประวัติศาสตร์ คือ

"อชันตา" ภาพสะท้อนของพุทธศาสนาในอินเดีย
www.madchima.org/forum/index.php?topic=9508.0

3  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: รวบพระวัดดังเมืองรถม้า มั่วสุมเสพยาคากุฏิวัด เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 09:40:47 pm
ความคิดที่ว่า เอาคนไม่ดี มาห่มผ้าเหลือง แล้วจะดี เป็นความคิดโบราณ
นี่ละมั้ง พระสงฆ์ ปัจจุบัน จึงไม่มีคุณภาพ

เดินไปที่วัดข้างบ้าน มี พระ 50 รูป

บวชประเพณี เป็นพระใหม่ ไม่ไดเรียนอะไร หรอกครับ 7 วัน 15 วัน รอสึกไป 10 กว่าองค์
ที่เหลือ อยู่ ก็หลวงตา หลวงพี่ หลวงลุง หลวงน้า เดินเข้าไปเชียร์บอลกันอยู่

  นั่งดูเขาอยู่สักพัก มีบางองค์ พูดขึ้นว่า ต่อ สองหนึ่ง ใครติดอยู่ จ่่ายด้วย ถ้าแพ้ ล้างหนี้

 โอ พระสมัยนี้ ที่ดี มีไหม ?

 :smiley_confused1: :smiley_confused1:
4  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: พญานาคไม่ใช่งูเหลือม! หลวงพี่พกเป็นแพ็กดื่มเมาแอ่น อาละวาดไม่ยอมสึก เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 09:36:15 pm
ยิ่งอ่าน ยิ่งสนุก พระไม่มีดี แค่ ภาพหลอกตา คน
ทุกวันนนี้ เราไม่เคารพพระ แล้ว เห็นทุกวัน แบบนี้

   ยิ่ง พระตุ๊ด เณรแต๋ว เห็นมาก เดินห้างกันหนุงหนิง

 :33: >:(
5  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: "นิพพาน" เป็น เป้าหมายสุดท้าย ของ "การอุปสมบท" เมื่อ: พฤษภาคม 28, 2016, 09:32:05 pm
น้า ธุลีธวัช (chai173)  ไม่เชื่อเรื่อง นิพพาน หรือ ครับ ผมก็ไม่เชื่อ ครับ พวกกัน ครับ

 :coffee2:
6  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เชิญร่วมส่ง ส.ค.ส. 2558 แบ่งปันความสุข ซึ่งกัน และกัน กันเถิด เมื่อ: ธันวาคม 12, 2014, 09:12:22 am
7  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับ กองผ้าป่า ช่วยเหลือ สำนักงานส่งเสริมพระกรรมฐาน ปี 2557 เมื่อ: ตุลาคม 12, 2014, 09:18:52 am
 st11 st12
8  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ปณิธาน ในการภาวนา และการเผยแผ่ พระธรรม เมื่อ: กรกฎาคม 10, 2014, 09:56:54 am
 st11 st12
9  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ฮือฮา.! แห่สักการะพระพุทธรูป 'ปางนอนหงาย' (ปางถวายพระเพลิง) เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2012, 02:30:50 pm


ชอบรอยพระพุทธบาทมากครับ โดยส่วนตัว ชอบรอยพระพุทธบาทไม่ว่าจะของจริง หรือจำลอง ผมรู้สึกมีความรู้สึกดีครับ เหมือนพระพุทธเจ้าประทับอยู่ต่อหน้าผม ครับ

  :c017: :c017: :c017:
10  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อนุโมทนา กับผู้สนับสนุน notebook ให้แก่ สนง.ส่งเสริมกรรมฐาน 15 ก.ค.55 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2012, 02:23:24 pm
อนุโมทนา ด้วยครับ กับเจ้าภาพในครั้งนี้ด้วยครับ

 ว่าแต่พระอาจารย์ ไม่ใช้แบบ ตั้งโต๊ะ หรือครับ จะได้ไม่เสียง่าย ๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายซ่อมจุกจิก ครับ

 :93: :49:
11  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / สมาร์ททีวี-3มิติกำลังมาแรงในไทย ( มาช่วยเสริม ) เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 08:50:35 am

ขอบคุณภาพจาก http://www.techxcite.com

แอลจี เตรียมนำสมาร์ททีวีจอใหญ่ที่สุดในโลกมาเปิดตัวในไทยปลายปีนี้ เผยเกาหลีให้ความสำคัญกับไทยมาก เพราะมียอดขายสมาร์ททีวีและสามมิติมาแรงมาก

น.ส.ขวัญใจ นพนันทกุล ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี บริษัทแอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันหากเป็นกลุ่มซีนีม่า 3 D หรือทีวีจอภาพสามมิติ แอลจีเป็นรายเดียวที่ดูแล้วสบายตาที่สุด มีคอนเทนต์จากนักพัฒนาในประเทศและจากทั่วโลกและยังสามารถปรับภาพจาก 2 มิติเป็น 3 มิติได้ด้วย แนวคิดการออกแบบสมาร์ททีวี ซีนีม่า 3 D ของแอลจี เน้นที่การใช้ง่าย แม้กระทั่งรีโมตคอนโทรล การออกแบบโปรแกรมการใช้งานก็เน้นให้กดปุ่มไม่กี่ครั้ง รวมถึงแว่นตาที่ใช้สวมดูภาพแบบสามมิติก็ออกแบบให้เบา มีราคาถูกหากจะซื้อเพิ่มเติม ราคาไม่เกิน 250 บาท สามารถนำไปใช้งานทั่วไป เช่น สวมกันแดดได้ด้วย ปกติแล้วแว่นตาดูภาพสามมิติ อันละไม่ต่ำกว่า 2,000 บาท ต้องชาร์จไฟ และมีน้ำหนัก ในเร็ว ๆ นี้จะมีแว่นสามมิติสำหรับเด็กด้วย

น.ส.ขวัญใจ ระบุว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่แอลจีมีการออกแบบจอสมาร์ททีวี ดีมาก ทำขอบจอได้บางที่สุดในโลก เพียง 4.9 มม.ทำให้ได้จอภาพกว้างขึ้นแทบจะไร้ขอบจอ การปรับภาพสามมิติ สามารถเลือกระดับความลึกและลอยได้ถึง 20 ระดับ เป็นระบบเดียวกับการชมภาพยนตร์สามมิติในโรงภาพยนตร์ อีกทั้งการปรับคอนเทนต์หรือเนื้อหาจากสองมิติหรือทีวีทั่วไป เป็นสามมิติก็ทำได้ง่าย สามารถปรับความลึกและลอยได้ด้วยตัวเองเช่นกัน ทำให้ภาพมีความสมจริง

“ความชัดเจนจากการปรับภาพสองมิติจากรายการทั่วไปเป็นสามมิติ อาจจะไม่คมชัดเหมือนภาพต้นฉบับแบบสามมิติ แต่แก้ไขได้ด้วยการปรับความลึกและลอย เนื่องจากการแพร่ภาพของฟรีทีวีในไทย ยังไม่ใช้ระบบเอชดี ยกเว้นทรูวิชั่นส์”

จุดเด่นอีกอย่างสำหรับสมาร์ททีวีของแอลจีระบบดูอัล เพลย์ (Dual Play) สามารถแบ่งจอภาพเป็นสองจอขณะเล่นเกม ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายจะเห็นภาพสามมิติในมุมมองของตัวเอง หากดูด้วยตาเปล่าจะเป็นภาพซ้อนกัน นอกจากนี้ยังมีระบบยูนิเวอร์แชล เสิร์ช ให้ค้นหาบริการต่าง ๆ ในระบบออนไลน์ผ่านหน้าเว็บของแอลจี ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

น.ส.ขวัญใจ กล่าวว่า ทางบริษัทแม่ในเกาหลีให้ความสำคัญกับตลาดประเทศไทยมาก เพราะมีการเติบโตของสมาร์ททีวี ซีนีม่า 3 D ค่อนข้างดี พบว่า คนไทยที่ซื้อสมาร์ททีวีไปแล้ว ใช้บริการเสิร์ชผ่านสมาร์ททีวีมากขึ้นเรื่อย ๆ

สำหรับโลคัล คอนเทนต์ หรือเนื้อหาที่ผลิตภายในประเทศ ขณะนี้มีให้บริการทั้งข่าว เพลง และบันเทิง ภายในสิ้นปีนี้จะมีครบ 20 คอนเทนต์ จากข้อมูลพบว่า คอนเทนต์ที่คนไทยดูผ่านสมาร์ททีีวีคือ youtube,  mthai และ you2play ซึ่งเป็นเว็บไซต์อัพเดทเพลง รวมถึงการเข้าถึงโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์จากจอสมาร์ททีวีไปพร้อม ๆ กับการชมรายการต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังมีคอนเทนต์จากทั่วโลกที่ผู้ใช้สมาร์ททีวี สามารถดาวน์โหลดภาพยนตร์ และรายการต่าง ๆ ในรูปแบบสามมิติผ่านแอพพลิเคชั่นของแอลจีที่อยู่ในตัวเครื่อง

ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี ของแอลจี เปิดเผยด้วยว่า ช่วงปลายปีนี้ แอลจีจะเปิด
ตัวสมาร์ททีวีจอ 84 นิ้วใหญ่ที่สุดในโลกในประเทศไทย

สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนทีวีเป็นสมาร์ททีวี จะมีให้เลือกทั้งสมาร์ททีวี และทีวีสามมิติ ขนาดตั้งแต่ 32 นิ้วขึ้นไป หากเป็นสมาร์ททีวีอย่างเดียว ราคาประมาณ 18,000 บาทขึ้นไป ถ้ารวมจอภาพสามมิติด้วยราคาประมาณ 30,000 บาทขึ้นไป แต่ขนาดจอภาพขายดีที่สุด คือจอ 42 นิ้ว และ 72 นิ้ว แต่หากเป็นจอแอลอีดี ทั่วไป ขนาด 42 นิ้ว ปัจจุบันราคาเพียง 19,000 บาท.

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/technology/119303
12  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / กระทรวงศึกษาธิการ นำซอฟต์แวร์เนื้อหาการเรียนบรรจุลงแท็บเล็ตของจีแพด เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 08:39:55 am


จีแพดจับมือกระทรวงศึกษาธิการ นำซอฟต์แวร์เนื้อหาการเรียนบรรจุลงแท็บเล็ตของจีแพด เพื่อให้เด็กนักเรียนเข้าถึงแหล่งความรู้ออนไลน์

นายฑัศ เชาวนเสถียร ประธานกรรมการ บริษัท จีเนท เอ็กซ์เพรส จำกัด ผู้จำหน่ายแท็บเล็ตจีแพด เปิดเผยว่า บริษัท ได้ร่วมมือกับโครงการส่งเสริมการบรูณาการนวัตกรรมการจัดการศึกษาด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อการเรียนรู้ หรือ เอ็นโออี พลาซ่า (NOE Plaza : Network of Education Plaza) ซึ่งเป็นตลาดการศึกษาออนไลน์ ในสังกัดของสำนักส่งเสริมการลงทุนและบริหารสินทรัพย์  สกสค. กระทรวงศึกษาธิการในการนำเนื้อหาหรือคอนเทนต์ ด้านการศึกษา ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์บรรจุลงบนเครื่องแท็บเล็ตของจีแพด เพื่อเปิดโอกาสให้อาจารย์และนักเรียนสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ดิจิทัล อาทิ หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (อี-บุ๊ก) การเรียนออนไลน์ (อี-เลิร์นนิ่ง)ฯลฯ ได้

“จะมีการนำซอฟต์แวร์การศึกษาดังกล่าวไปบรรจุในแท็บเล็ตจีแพดประมาณ 10 รุ่น โดยเฉพาะรุ่นไอคิว จูเนียร์ที่เป็นแท็บเล็ตสำหรับเด็ก นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ ที่เชื่อมต่อระบบอินเทอร์เน็ต สามารถอ่านและสืบค้นข้อมูลจากที่ไหนก็ได้ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้  ตั้งเป้าหมายทำยอดขายได้ 1 ล้านเครื่องในสิ้นปีนี้ โดย 60% เป็นแท็บเล็ตเพื่อการศึกษา ขณะนี้มีโรงเรียนและมหาวิทยาลัยหลายแห่งสนใจติดต่อมาแล้ว”

ด้าน ดร.เกรียงศักดิ์  มั่นมะโนธรรม  ผอ. สำนักส่งเสริมการลงทุนและบริหารสินทรัพย์  (สกสค.) กระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า เอ็นโออี พลาซ่า เป็นเสมือนศูนย์กลาง หรือตลาดการศึกษาออนไลน์ ที่รวบรวมเนื้อหาบทเรียนออนไลน์มากกว่า 4,000 รายการ ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 ซึ่งการร่วมมือกับจีแพด นำเนื้อหาใส่ในแท็บเล็ตถือเป็นบทเรียนคนละส่วนกับที่ใช้ในโครงการแท็บเล็ตเด็ก ป.1 ของรัฐบาล แต่สามารถใช้เป็นบทเรียนที่เสริมเพิ่มเติมได้ โดยจะมี ไอคอน เอ็นโออี พลาซ่าที่สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์หน้าหลักที่เชื่อมโยงบทเรียนออนไลน์ นอกจากนี้ยังมี แอพพลิเคชั่นที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้ที่คัดมาแล้วกว่า 100 รายการ เชื่อว่าจะช่วยยกระดับการศึกษาไทยให้แข่งขันกับชาติอื่น ๆ ได้.

ขอบคุณเนื้อหาข่่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/technology/120110
13  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / หวั่นปีนี้น้ำท่วมสูง-นานกว่าเดิม ( น่าอ่าน ) เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 08:37:02 am
“รอยล” เผยสถานการณ์น้ำล่าสุด ปริมาณฝนยังไม่น่าห่วง แต่กังวลคันกั้นน้ำภาคกลาง ทำท่วมนานและสูงกว่าเดิม



เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี(วท.) มีการลงนามร่วมกันระหว่างกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.)และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.) ในการพัฒนาเทคโนโลยีในการสำรวจ วิเคราะห์และประมวลผลข้อมูลด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ  เพื่อรับมือกับปัญหาอุทกภัย

ดร.พรชัย  รุจิประภา ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ กล่าวว่า การจัดทำข้อมูลเรื่องน้ำ ถือว่าสำคัญมากในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะจะทำให้เกิดเอกภาพในการดำเนินงานรับมือกับน้ำท่วมให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน  แม้ข้อมูลที่ได้จะไม่สามารถทำนายเรื่องน้ำไม่ถูกทั้ง100% แต่จะช่วยในการบริหารจัดการได้ในระดับหนึ่ง  เนื่องจากปัจจุบันสภาพภูมิประเทศของไทยเปลี่ยนไป  พื้นที่คลอง อาจกลายเป็นถนน ทำให้พื้นที่รับน้ำ หายไปกว่าครึ่ง ดังนั้นข้อมูลจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

ด้าน ดร.รอยล  จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร(องค์การมหาชน)หรือ  สสนก. เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำขณะนี้ฝนจะเริ่มน้อยลง  โดยเว้นช่วง 1-2 วัน (19-20 มิย.) ทำให้สามารถระบายน้ำได้  โดยเฉพาะที่เขื่อนสิริกิติ์  ที่จะเริ่มปล่อยน้ำประมาณ 17 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่เขื่อนภูมิพลมีการระบายน้ำประมาณ 8 ล้านลูกบาศก์ต่อวัน ทั้งนี้สาเหตุที่เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา เพราะอิทธิพลของลมตะวันออกเฉียงเหนือ  ทำให้ต้องปรับแผนการระบายจากเดิม 32 ล้านลูกบาศก์เมตรเป็น 17 ล้านลูกบาศก์เมตร  และใช้แม่น้ำน่านเป็นตัวช่วยระบายน้ำเพื่อลดปัญหาน้ำท่วมที่สุโขทัย

ดร.รอยล  กล่าวว่า การที่มีน้ำท่วมเอ่อล้นตลิ่งที่ภาคเหนือตอนล่าง ถือว่าค่อนข้างผิดฤดู แต่สามารถรู้ล่วงหน้าทำให้สามารถระบายได้ทัน  และหากเกิดฝนตกเต็มที่  จะใช้วิธีพร่องน้ำเป็นหลัก  โดยเฉพาะกับพื้นที่ในลุ่มน้ำยมและน่านเพื่อรองรับน้ำต่อไป และจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วงปลายเดือน กค.นี้   ซึ่งคาดว่าฝนจะไม่ทิ้งช่วงในเดือนดังกล่าว  ทำให้ปีนี้มีปริมาณฝนค่อนข้างมาก หรือประมาณ 1,500 มิลลิเมตร  แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2554  ที่มีฝนมากถึง  1,800 มิลลิเมตร

ทั้งนี้มองว่า ปีนี้แม้ปริมาณฝนจะไม่มากจนน่าเป็นห่วง แต่ก็ไม่ทิ้งช่วงทำให้มีปริมาณน้ำมาก และด้วยฝนที่ปริมาณ 1,500  มิลลิเมตร ก็สามารถทำให้เกิดน้ำท่วมได้ โดยเฉพาะในบริเวณที่เสี่ยงมาก ๆ หรือบริเวณที่น้ำท่วมซ้ำซาก แต่อย่างไรก็ดี ยังมีเวลาระบายน้ำตั้งแต่ปลาย กค.- ต้นสค. ก่อนที่น้ำทะเลจะหนุน

“สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ก็คือ ฝนตกในภาคกลางซึ่งเป็นพื้นที่กลางน้ำ  หากตกมากน้ำก็จะมากด้วย  นอกจากนี้ยังมีเรื่องคั้นกั้นน้ำ  ที่ปัจจุบันมีการสร้างกั้นน้ำ ไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจากการคำนวณ ที่ระดับความสามารถเท่าเดิม เหมือนปี 2554 ที่ จ. ปทุมธานี หากปีที่แล้วน้ำท่วมสูง  2.8 - 2.9 เมตร  ถ้ามีการสร้างคันบล็อกน้ำตลอดแนวเจ้าพระยาเกิดขึ้น  จะทำให้มีปริมาณน้ำสูงขึ้นถึง  3.5 เมตรทีเดียว และน้ำจะระบายได้ช้าลง หรือทำให้น้ำท่วมนานขึ้น ขณะเดียวกัน ก็จะเกิดเหตุการณ์คันกั้นน้ำพังมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง” ดร.รอยล กล่าว

สำหรับความร่วมมือของกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ และ3 สถาบันการศึกษา  ในส่วนกระทรวงวิทยาศาสตร์ ฯ  สสนก.  จะดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลด้านทรัพยากรน้ำและภูมิอากาศ ระบบวิเคราะห์และประมวลข้อมูล และพัฒนาแบบจำลองน้ำและสภาพอากาศ   ส่วนกรมวิทยาศาสตร์บริการ  จะร่วมพัฒนาอุปกรณ์ช่วยในการสำรวจข้อมูลระดับท้องน้ำ แม่น้ำ คู คลอง ด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์ภาคสนาม ส่วนมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะพัฒนาระบบตรวจวัดลักษณะทางอุตุนิยมวิทยา และใช้ภาพถ่ายจากดาวเทียมเอสเอ็มเอ็มเอส ในการสำรวจข้อมูลทางอากาศต่าง ๆ  ด้านมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) จัดสร้างอากาศยานไร้นักบิน หรือเครื่องบินยูเอวี   สำหรับถ่ายภาพทางอากาศ และพัฒนาระบบหุ่นยนต์เพิ่มเติม เพื่อติดตั้งที่ประตูระบายน้ำที่ปิด-เปิดอัตโนมัติ  สำหรับเก็บข้อมูล  และ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี จะพัฒนาระบบสำรวจ ความลึกของคูคลองต่าง ๆ  ด้วยหุ่นยนต์ใต้น้ำ

ขอบคุณข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/technology/120332
14  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชาวนากลับไปทำนา การแข่งขันฟุตบอลยูโร ดึงความสนใจเซียนหวยไม่ควักกระเป๋า เมื่อ: มิถุนายน 19, 2012, 08:27:02 am
วันนี้ (15 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ผู้ค้าส่งสลากกินแบ่งรัฐบาล (ล็อตเตอรี่) เปิดเผยว่า บรรยากาศการซื้อ

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://hilight.kapook.com

ล็อตเตอรี่ประจำงวดวันที่ 16 มิ.ย.นี้ ค่อนข้างเป็นไปอย่างเงียบเหงา หลังจากที่ราคาขายส่งเริ่มเปิดตลาดที่ระดับ 89 บาท โดยช่วงต้นงวดสามารถปรับขึ้นไปได้เพียง 93 บาทเท่านั้น แต่จากนั้นก็ปรับลดลงมาเหลือที่ 90 บาท และส่งผลกระทบทำให้การขายหวยชุดราคาร่วงมาเหลือเพียง 80-90 บาทเท่านั้น ทำให้วันสุดท้ายของงวดนี้จะได้เห็นการขายปลีกที่ราคา 3 ใบ 100 บาทอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ เนื่องจากชาวนาได้เริ่มกลับไปทำนาแล้ว ขณะที่หลายพื้นที่มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่มีผู้เข้ามาซื้อหวยจากบรรดายี่ปั๊ว ซาปั๊วไปเดินขายต่อ ประกอบกับประชาชนต่างให้ความสนใจกับการแข่งขันฟุตบอลยูโรมากกว่า และอาจจะหันไปเล่นพนันฟุตบอลกันมาก จึงไม่ค่อยสนใจซื้อหวยกันในงวดนี้ และคาดว่าจะต่อเนื่องไปจนกว่าการแข่งขันจะจบลงช่วงต้นเดือนก.ค.ที่จะถึง

ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/businesss/119942


อย่างไรก็ตาม สำหรับเลขดังที่บรรดาเซียนหวยนิยมซื้อกันมากในงวดนี้คือ เลขที่เกี่ยวข้องกับพุ่มพวง  ดวงจันทร์ ฟุตบอลยูโร คือ 13 20 12 รองลงมาคือเลขมงคล 89  และ 901 รวมถึง 347 ถนนที่มุ่งสู่ทุ่งมะขามหย่อง 600 พุทธชยันตี และ 45 อายุนายกรัฐมนตรี เป็นต้น
15  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อยากทราบ อานิสงค์ การบวช ครับ ? ทำไม สมัยนี้ เราจึงต้องบวช ครับ เมื่อ: เมษายน 20, 2012, 09:50:50 am


นั่นสินะ ในขณะที่คนไทย เด็กไทย มีความปรารถนาการบวชน้อยลง แต่ชาวต่างชาติกลับสนใจเข้ามาบวชมากขึ้น

 :s_hi:
16  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: กรรมฐาน กองนี้เป็นกรรมฐาน พิเศษเฉพาะบุคคลใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 09:40:18 am
ท่านจูฬปันถกเถระอาศัยผ้าที่พระพุทธเจ้ามอบให้ไปลูบแล้วบริกรรมเห็นสัจจธรรมที่ปรากฎบนผ้าและ
ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าหลังจากที่พระพุทธเจ้าใช้ญาณหยั่งว่าท่านจะบรรลุได้เองหรือต้องให้ช่วยกล่าวคาถาสอนเพิ่มเติม

ท่านอุบลวรรณเถรี  อาศัยการฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า แล้วอาศัยโยนิโสมนสิการจากการเห็นสัจจะธรรม  ที่ปรากฎในเปรวเทียน

ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงกล่าวว่า

“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิตฉันใด ความมีกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น”

“ความมีกัลยาณมิตร เท่ากับเป็นพรหมจรรย์ (การครองชีวิตประเสริฐ) ทั้งหมดทีเดียว เพราะว่า ผู้มีกัลยาณมิตรพึงหวังสิ่งนี้ได้ คือ จักเจริญ จักทำให้มากซึ่งอารยอัษฎางคิกมรรค”

“อาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร เหล่าสัตว์ผู้มีชาติเป็นธรรมดา ก็พ้นจากชาติผู้มีชราเป็นธรรมดา ก็พ้นจากชรา ผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ก็พ้นจากมรณะ ผู้มีโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาสเป็นธรรมดา ก็พ้นจากโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส”

“เราไม่เล็งเห็นองค์ประกอบภายนอกอื่นแม้สักอย่างเดียว ที่มีประโยชน์มากสำหรับภิกษุผู้เป็นเสขะ เหมือนความมีกัลยาณมิตร, ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมกำจัดอกุศลได้ และย่อมยังกุศลให้เกิดขึ้น”

“ความมีกัลยาณมิตร ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่, เพื่อความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม”
“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิต ฉันใด ความถึงพร้อมด้วยโยนิโสมนสิการ ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น”

“เราไม่เล็งเห็นองค์ประกอบภายในอื่นแม้สักอย่างเดียว ที่มีประโยชน์มากสำหรับภิกษุผู้เป็นเสขะ เหมือนโยนิโสมนสิการ ภิกษุผู้มีโยนิโสมนสิการ ย่อมกำจัดอกุศลได้ และย่อมยังกุศลให้เกิดขึ้น”

“เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่น แม้สักข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เจริญยิ่งขึ้น เหมือนโยนิโสมนสิการเลย”

“เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่น แม้สักข้อหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความสงสัยที่ยังไม่เกิด ก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ถูกขจัดเสียได้ เหมือนโยนิโสมนสิการเลย”

“โยนิโสมนสิการ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่, เพื่อความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม”

“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อนเป็นบุพนิมิต ฉันใด ความถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น”

“ธรรมเอก ที่มีอุปการะมาก เพื่อการเกิดขึ้นแห่งอารยอัษฎางคิกมรรคที่ยังไม่เกิด ก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เจริญบริบูรณ์ เหมือนอย่างความถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทนี้เลย”

“รอยเท้าของสัตว์บกทั้งหลาย ชนิดใด ๆ ก็ตาม ย่อมลงในรอยเท้าช้างได้ทั้งหมด, รอยเท้าช้าง เรียกว่าเป็นยอดของรอยเท้าเหล่านั้น โดยความใหญ่ ฉันใด   กุศลธรรมทั้งหลายอย่างใดๆ ก็ตาม ย่อมมีความไม่ประมาทเป็นมูล ประชุมลงในความไม่ประมาทได้ทั้งหมด  ความไม่ประมาท เรียกได้ว่าเป็นยอดของธรรมเหล่านั้นฉันนั้น”

“ผู้มีกัลยาณมิตร พึงเป็นอยู่โดยอาศัยธรรมเอกข้อนี้ คือ ความไม่ประมาทในกุศลธรรมทั้งหลาย”

“ธรรมเอกอันจะทำให้ยึดเอาประโยชน์ไว้ได้ทั้ง ๒ อย่าง คือ ทั้งทิฏฐธัมมิกัตถะ (ประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์เฉพาะหน้า หรือประโยชน์สามัญของชีวิต เช่น ทรัพย์ ยศ กามสุข เป็นต้น) และสัมปรายิกัตถะ (ประโยชน์เบื้องหน้าหรือประโยชน์ขั้นสูงขึ้นไปทางจิตใจหรือคุณธรรม) ก็คือความไม่ประมาท”

“สังขาร (สิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น) ทั้งหลาย มีความเสื่อมสิ้นไปเป็นธรรมดา  ท่านทั้งหลายจงยังประโยชน์ที่มุ่งหมายให้สำเร็จ ด้วยความไม่ประมาทเถิด”

“ความไม่ประมาท ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่, เพื่อความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม”

จากคุณ    : aunemaek2
17  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / แค่นึกปรามาส ตกนรกแล้วเป็นโรคร้ายซ้ำสอง เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 09:37:23 am


แค่นึกปรามาส ตกนรกแล้วเป็นโรคร้ายซ้ำสอง

สมัย หนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล ในพระนครราชคฤห์ มีบุรุษเป็น โรคเรื้อนชื่อว่าสุปปพุทธะ เป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ ก็สมัย นั้นแล พระผู้มีพระภาคแวดล้อมไปด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ สุปปพุทธกุฏฐิได้เห็นหมู่มหาชนประชุมกันแต่ที่ไกลเทียว ครั้นแล้วได้มีความดำริ ว่าหมู่มหาชนจะแบ่งของควรเคี้ยว หรือของควรบริโภคอะไรๆ ให้ในที่นี้แน่แท้ ไฉนหนอ เราพึงเข้าไปหาหมู่มหาชน เราพึงได้ของควรเคี้ยวหรือควรบริโภคใน หมู่มหาชนนี้เป็นแน่ ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิได้เข้าไปหาหมู่มหาชนนั้นแล้ว ได้เห็นพระผู้มีพระภาคแวดล้อมด้วยบริษัทหมู่ใหญ่ ประทับนั่งแสดงธรรมอยู่ ครั้นแล้วได้มีความดำริว่า หมู่มหาชนคงไม่แบ่งของควรเคี้ยวหรือของควรบริโภค อะไรๆ ให้ในที่นี้ พระสมณะโคดมนี้ทรงแสดงธรรมอยู่ในบริษัท ถ้ากระไร แม้ เราก็พึงฟังธรรม เขานั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งในบริษัทนั้นเอง ด้วยคิดว่า แม้เราก็จักฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงกำหนดใจของบริษัททุก หมู่เหล่าด้วยพระทัยแล้ว ได้ทรงกระทำไว้ในพระทัยว่า ในบริษัทนี้ ใครหนอ แลควรจะรู้แจ้งธรรม พระผู้มีพระภาคได้ทรงเห็นสุปปพุทธกุฏฐินั่งอยู่ในบริษัทนั้น ครั้นแล้วได้ทรงพระดำริว่า ในบริษัทนี้ บุรุษนี้แลควรจะรู้แจ้งธรรม พระองค์ ทรงปรารภสุปปพุทธกุฏฐิตรัสอนุปุพพิกถาคือ ทานกถา ศีลกถา สัคคกถา โทษแห่งกามอันต่ำทรามเศร้าหมอง และทรงประกาศอานิสงส์ในเนกขัมมะ เมื่อใด พระผู้มีพระภาคได้ทรงทราบว่าสุปปพุทธกุฏฐิมีจิตควร อ่อน ปราศจากนิวรณ์ เฟื่องฟู ผ่องใส เมื่อนั้น พระองค์ทรงประกาศพระธรรมเทศนาที่พระพุทธเจ้า ทั้งหลายทรงยกขึ้นแสดงด้วยพระองค์เอง คือทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ธรรมจักษุปราศจากธุลี ปราศจากมลทิน ได้เกิดขึ้นแก่สุปปพุทธกุฏฐิในที่นั่งนั้นแลว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวลล้วนมีความดับเป็นธรรมดา เหมือนผ้าที่สะอาดปราศจากมลทิน ควรรับน้ำย้อมด้วยดีฉะนั้น ฯ

ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิมีธรรมอันเห็นแล้ว มีธรรมอันบรรลุ แล้ว มีธรรมอันรู้แจ้งแล้ว มีธรรมอันหยั่งถึงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากความเคลือบแคลง บรรลุถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่เชื่อต่อผู้อื่นใน ศาสนาของพระศาสดา ลุกจากอาสนะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวาย บังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศโดยอเนกปริยาย เปรียบเหมือนหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทาง หรือตาม ประทีปไว้ในที่มืดด้วยหวังว่า ผู้มีจักษุจักเห็นรูปได้ ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาคกับทั้งพระธรรมและพระภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะตลอดชีวิต ตั้งแต่ วันนี้เป็นต้นไป ฯ

ลำดับนั้นแล สุปปพุทธกุฏฐิอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถา ชื่นชมยินดีพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ลุกจากอาสนะถวายบังคมพระผู้มีพระภาค กระทำประทักษิณแล้วหลีกไป ครั้งนั้นแล แม่โคลูกอ่อนชนสุปปพุทธกุฏฐิผู้หลีกไปไม่นานให้ล้มลง ปลงเสีย จากชีวิต ลำดับนั้นแล ภิกษุมากด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สุปปพุทธกุฏฐิอันพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นแจ้ง ให้ สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาแล้ว กระทำกาละ คติของเขาเป็น อย่างไร ภพหน้าของเขาเป็นอย่างไร พระเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุปปพุทธกุฏฐิเป็นบัณฑิต ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม และ ไม่เบียดเบียนเราให้ลำบากเพราะธรรมเป็นเหตุ ดูกรภิกษุทั้งหลาย สุปปพุทธกุฏฐิ เป็นพระโสดาบัน เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์ทั้งสาม มีความไม่ตกต่ำเป็น ธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้ในเบื้องหน้า ฯ

เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว ภิกษุรูปหนึ่งได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแลเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ สุปปพุทธกุฏฐิเป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ พระผู้มีพระภาคทรงพยากรณ์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรื่องเคยมีแล้ว สุปปพุทธกุฏฐิเป็นเศรษฐี บุตรอยู่ในกรุงราชคฤห์นี้แล เขาออกไปยังภูมิเป็นที่เล่นในสวน ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้า นามว่าตครสิขีกำลังเที่ยวบิณฑบาตไปในพระนคร ครั้นแล้วเขาดำริว่า ใครนี่ เป็นโรคเรื้อนเที่ยวไปอยู่ เขาถ่มน้ำลายแล้วหลีกไปข้างเบื้องซ้าย เขาหมกไหม้อยู่ในนรกสิ้นปีเป็นอันมาก สิ้นร้อยปี สิ้นพันปี สิ้นแสนปีเป็นอันมาก เพราะ ผลแห่งกรรมนั้นยังเหลืออยู่ เขาจึงได้เป็นมนุษย์ขัดสน กำพร้า ยากไร้ อยู่ใน กรุงราชคฤห์นี้แล เขาอาศัยธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้ว สมาทานศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา ครั้นอาศัยธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วสมาทาน ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา เมื่อตายไป เขาเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เป็น ผู้เข้าถึงความเป็นสหายของเหล่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ เขาย่อมไพโรจน์ล่วงเทวดา เหล่าอื่นในชั้นดาวดึงส์นั้นด้วยวรรณะและด้วยยศ ฯ

ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่ง อุทานนี้ในเวลานั้นว่า บุรุษผู้เป็นบัณฑิต พึงละเว้นบาปทั้งหลายในสัตว์โลก เหมือน บุรุษผู้มีจักษุ เมื่อทางอื่นที่จะก้าวไปมีอยู่ ย่อมหลีกที่อันไม่ ราบเรียบเสียฉะนั้น ฯ
18  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พลั้งปากปรามาสแล้วขอขมา ยังไม่พ้นกรรม เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 09:35:19 am
พลั้งปากปรามาสแล้วขอขมา ยังไม่พ้นกรรม

หลัง การดับขันธปรินิพพานของพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาวพุทธต่างพร้อมใจกันเป็นสมานฉันท์ว่า จะสร้างมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ เพื่อให้มนุษย์ และเทวาทั้งหลายได้มาสักการะบูชา ในสมัยนั้นพระอรหันต์เถระรูปหนึ่ง เห็นว่าหน้ามุขทางด้านทิศเหนือของพระเจดีย์ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะยังขาดทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านจึงทำหน้าที่ผู้นำบุญไปโปรดญาติโยมตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อประกาศข่าวบุญนี้ ซึ่งมีสาธุชนร่วมบริจาคทองคำมามากบ้างน้อยบ้าง ไม่มีผู้ใดที่ไม่มีส่วนร่วมในบุญครั้งนี้ เพราะผู้คนในสมัยนั้นรักการให้ทานมาก

พระเถระได้เดินทางมาถึงบ้านของช่างทองผู้หนึ่งเพื่อบอกข่าวบุญนี้ ขณะนั้นเองช่าง ทองกำลังทะเลาะกับภรรยา จึงได้พูดกับภรรยาด้วยอารมณ์โกรธเคืองว่า “ เธอจงโยนพระศาสดาของเธอลงน้ำไปเสีย ” แม้ภรรยากำลังทะเลาะกับสามี เนื่องจากเป็นคนรู้จักบาปบุญคุณโทษ จึงให้สติสามีว่า “ พี่ทำกรรมหนักแล้ว พี่โกรธฉันก็ควรด่าฉันสิ แต่พี่ไปว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างนั้น มันเป็นบาปหนักนะ ”

ช่างทองฟังดังนั้นก็ได้สติ เกิดความสลดใจ เขาขอให้พระเถระยกโทษให้ พระเถระกล่าวว่า “ ท่านไม่ได้ล่วงเกินเราหรอก แต่ท่านล่วงเกินพระบรมศาสดา ท่านจงขอขมาต่อพระองค์เถิด ” ช่างทองถามพระเถระว่า “ พระคุณเจ้าผู้เจริญ จะ ให้กระผมทำอย่างไรดี จึงจะให้พระศาสดาอดโทษให้ ” พระเถระจึงบอกให้ช่างทองทำหม้อดอกไม้ทองคำสามหม้อ นำไปไว้ภายในที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และให้ขอขมาโทษที่ได้กล่าวล่วงเกินพระบรมศาสดาต่อหน้าพระมหาเจดีย์

  ช่างทองทำตามคำแนะนำของพระเถระ ได้ชักชวนลูกชายคนโตให้มาช่วยกันทำ แต่ได้รับการปฏิเสธว่า “ พ่อเป็นคนว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมไม่เกี่ยว เพราะฉะนั้น พ่อทำคนเดียวเถอะ ” เขาจึงชวนลูกชายคนกลาง ก็ได้รับการปฏิเสธอีกเช่นกัน แต่เมื่อชวนลูกชายคนเล็ก ลูกคนเล็กกลับคิดว่า “ ธรรมดา กิจธุระของพ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ย่อมเป็นภาระของลูกด้วย เพราะภารกิจของพ่อคือหน้าที่ของลูก ” ดังนั้น ลูกคนเล็กจึงช่วยพ่อทำหม้อดอกไม้ทองคำจนสำเร็จ และนำไปบูชาพระเจดีย์

  ด้วย ผลกรรมที่ช่างทองได้กล่าวร้ายต่อพระบรมศาสดาผู้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แม้จะขอขมาและตาม เศษกรรมก็ยังตามส่งผลให้ช่างทองเมื่อเกิดมา ต้องถูกลอยนํ้าถึง ๗ ชาติ


19  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / กรรมฐาน กองนี้เป็นกรรมฐาน พิเศษเฉพาะบุคคลใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 09:31:57 am
พระจูฬปันถกเถระ

--------------------------------------------------------

บุพกรรมในอดีต
ท่านพระจุลปันถกะ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า ปทุมุตตระ เกิดเป็นกุฎุมพีสองพี่น้อง ในเมืองหังสวดี เสื่อมใสในพระศาสดา ไปฟังธรรมในสำนักพระศาสดาเนืองนิตย์

ในกุฎุมพี ๒ พี่น้องนั้น วันหนึ่ง น้องชายเห็นพระศาสดา สถาปนาภิกษุรูปหนึ่ง ผู้ประกอบด้วยองค์ ๒ ไว้ ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า ภิกษุรูปนี้ เป็นยอดของบเหล่าภิกษุ ผู้นิรมิตกายมโนมัย และเป็นผู้ฉลาดในเจโตวิวัฏ ในพระศาสนาของเรา จึงคิดว่า น่าอัศจรรย์จริงหนอ ภิกษุนี้ เป็นคนเดียวทำ ๒ องค์ ให้บริบูรณ์ แม้เรา ก็ควรเป็นผู้บำเพ็ญมีองค์ ๒ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ในอนาคตบ้าง

ท่านจึงนิมนต์พระศาสนา ถวายมหาทาน แล้วทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุที่พระองค์สถาปนาไว้ ในตำแหน่งเอตทัคคะว่า เป็นยอดในศาสนาของพระองค์ ด้วยองค์มโนมัย และด้วยความเป็นผู้ฉลาด ในเจโตวิวัฏ แม้ข้าพระองค์ ก็พึงเป็นผู้บำเพ็ญองค์ ๒ บริบูรณ์ เหมือนภิกษุนั้น ด้วยผลแห่งกรรม อันเป็นอธิการนั้น

พระศาสดาทรงตรวจดูอนาคต ก็ทรงเห็นว่า ความปรารถนาท่าน จะสำเร็จ โดยหาอันตรายมิได้ ทรงพยากรณ์ว่า โคตรมะ จักอุบัติขึ้น พระองค์จักสถาปนาเธอไว้ ในฐานะ ๒ นี้ ทรงอนุโมทนาแล้ว เสด็จกลับไป

ท่านกับพี่ชาย คือ ท่านมหาปันถกะ เมื่อพระศาสดา ยังทรงพระชนอยู่นั้นอยู่ กระทำกุศลกรรมแล้ว เมื่อเวลาพระศษสดาปรินิพพานแล้ว ได้บูชาด้วยทอง ที่พระเจดีย์บรรจพระสรีระ จุติจากภพนั้นแล้ว ไปบังเกิดในเทวโลก ท่านกับพี่ชาย เวียนว่ายอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ถึงแสนกัป

ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า พระนามว่ากัสสปะ ท่านจูฬปันถกะออกบวช เจริญโอทาตกสิณ ล่วงไป ๒๐,๐๐๐ ปี ไปบังเกิดในสวรรค์

สมัยพุทธกาล
ในพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านพระจูฬปันถก บังเกิดเป็นบุตรของธิดาแห่งเศรษฐี ในเมืองราชคฤห์ เดิมชื่อว่า ปันถก เพราะเกิดในระหว่างทาง มีพี่ชายชื่อ ปันถก เพราะเกิดในระหว่างทางเหมือนกัน ท่านเป็นน้อง มีคำว่า จูฬข้างหน้า จึงเป็น จูฬปันถก ผู้เป็นพี่ชาย เติมคำว่า มหาข้างหน้า จึงเป็น มหาปันถก

ธิดาเศรษฐีได้เสียกับคนใช้
มีเรื่องเล่าว่า ในเมืองราชคฤห์ มีธิดาของเศรษฐีคนหนึ่ง เมื่อเจริญวัยเป็นสาวแล้ว บิดามารดาป้องกันรักษาอย่างเข้มงวด ให้อยู่บนปราสาทชั้นที่เจ็ด แต่ธิดานั้น เป็นคนโลเล มีนิสัยไม่แน่นอนในผู้ชาย จึงได้เสียกับคนรับใช้ของตน

ต่อมา กลัวคนอื่นจะรู้ จึงชวนกันหนีออกจากปราสาท ไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอื่น ที่คนไม่รู้จักตน ภายหลังภรรยาตั้งครรภ์ เมื่อครรภ์แก่ใกล้จะคลอด จึงตกลงกับสามีว่า จะไปคลอดที่บ้านเดิม ส่วนสามี กลัวบิดามารดาลงโทษ แต่ขัดภรรยาไม่ได้ จึงอาสาว่าจะพาไป แต่แกล้งทำเป็นผัดวันประกันพรุ่งว่า พรุ่งนี้ก่อนค่อยไป จนล่วงไปหลายวัน ภรรยาเห็นเช่นนั้น จึงรู้ถึงความประสงค์ของสามี

คลอดบุตรกลางทาง
อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อสามีออกไปทำงานนอกบ้าน จึงสั่งคนผู้คุ้นเคยกัน อยู่ในบ้านใกล้เคียงกัน ให้บอกเรื่องที่ตนไม่อยู่ แก่สามี หนีออกจากเรือน เดินไปตามหนทาง พอถึงระหว่างทาง ก็คลอดบุตรเป็นชาย ส่วนสามี เมื่อกลับบ้านไม่เห็น ภรรยาสืบถามทราบว่าหนีกลับไปบ้านเดิม จึงออกติดตามไปทันในระหว่างทาง แล้วพากันกลับมาอยู่ที่บ้านนั้นอีก และได้ตั้งชื่อทารกนั้นว่า ปันถก กาลต่อมาก็คลอดบุตรโดยทำนองนั้นอีก จึงตั้งชื่อว่า จูฬปันถก เพราะเกิดทีหลัง ตั้งชื่อบุตรคนแรกว่า มหาปันถก เพราะเกิดก่อน

เมื่อมหาปันถกเติบโตแล้ว ไปเล่นกับเด็กเพื่อนบ้านด้วยกัน ได้ยินเด็กพวกนั้นเรียก ปู่ ย่า ตา ยาย ส่วนตนไม่มีคนเช่นนั้นจะเรียก จึงไปถามมารดาว่า แม่ครับ เด็ก ๆ พวกอื่นเรียกคนสูงอายุว่า ตาบ้าง ยายบ้าง ก็ญาติของเรา ในที่นี้ไม่มีบ้างหรือ ?

มารดาของท่านตอบว่า ลูกเอ๋ย ญาติของเจ้าในที่นี้ ไม่มีหรอก แต่ตาของลูกชื่อว่า ธนเศรษฐี อยู่ในเมืองราชคฤห์ ในที่นั้น ญาติของเรามีมากมาย ท่านจึงถามต่อไปว่า ก็แล้วทำไม แม่ไม่ไปอยู่ในเมืองราชคฤห์นั้น

ฝ่ายมารดา ไม่บอกความจริงแก่ลูก ลูกจึงรบเร้า ถามอยู่บ่อย ๆ จนเกิดความรำคาญ ปรึกษากับสามีว่า พวกลูกของเรารบเร้าเหลือเกิน ขึ้นชื่อว่าบิดามารดา เห็นลูกแล้ว จะฆ่าจะแกงเชียวหรือ อย่ากระนั้นเลย เราจะพาลูกทั้งสองไปเมืองราชคฤห์ เมื่อถึงแล้ว พักอาศัยที่ศาลาหนังหนึ่ง ใกล้ประตูเมือง ให้คนไปบอกธนเศรษฐีผู้เป็นบิดา

พอบิดารู้ว่าลูกสาว พาหลายชายสองคนมาเยี่ยม ธนเศรษฐีมี ความแค้นยังไม่หาย จึงบอกกับคนที่มาส่งข่าวว่า สองผัวเมีย อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าเลย ถ้าต้องการอะไร ก็จงถือเอาไปเลี้ยงชีวิตเถิด แต่จงส่งหลายทั้งสองมาให้ฉัน ฉันจะเลี้ยงดูเอง

สองสามีภรรยา ก็ถือเอาทรัพย์พอแก่ความต้องการแล้ว ก็กลับไปอยู่ที่เดิม ส่วนเด็กทั้งสอง ก็อยู่ที่บ้านของธนเศรษฐีผู้เป็นตา จนเจริญวัยขึ้น

มหาปันถกออกบวช
มหาปันถก เมื่อเจริญวัย ได้ไปฟังเทศน์กับตาในสำนักของพระศาสดา ที่พระเวฬุวันมหาวิหารเป็นประจำ ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว เกิดศรัทธา เลื่อมใคร่จะบวชจึงบอกตา ตาก็อนุญาตให้บวช พระศาสดา จึงตรัสรับสั่งภิกษุรูปหนึ่ง ให้จัดการบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออาจุครบ ๒๐ ปีแล้ว ก็อุปสมบทเป็นภิกษุ เล่าเรียนพระพุทธวจนะได้มาก เป็นผู้ไม่ประมาท บำเพ็ญเพียรในวิปัสสนากรรมฐาน ไม่นานก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์

มหาปันถกผู้เป็นพี่ ชักชวนให้บวช
เมื่อพระท่านมหาปันถก ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว เสวยวิมุตติสุขอยู่ ใคร่จะให้ความสุขเช่นนั้น เกิดแก่จูฬปันถกบ้าง จึงไปขออนุญาตจากตา เพื่อขอให้จูฬปันถกบวช ตาก็อนุญาตให้ตามความประสงค์ พระมหาปันถกจึงให้จูฬปันถกบวช

เป็นคนโง่ และหัวทึบ
ครั้นจูฬปันถกบวชแล้ว เป็นคนหัวทึบมาก พระมหาปันถก สอนให้เรียนคาถา พรรณนาพระพุทธคุณ เพียงคาถาเดียว เรียนอยู่ถึงสี่เดือน ก็ยังจำไม่ได้ คาถานั้นว่า
ปทุมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ
ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ
องฺคีรสํ ปสฺส วิโรจมานํ
ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข ฯ

แปลว่า เธอจงดูพระสักยมุนีอังคีรส ผุ้มีพระรัศมีแผ่ซ่าน ออกจากพระบวรกาย มีพระบวรพักตร์อันเบิกบาน ปานหนึ่งว่า ดอกบัวชื่อ โกกนุทมีกลิ่นหอม ย่อมขยายกลีบแล้วบานในตอนเช้า มีกลิ่นเรณูไม่จางหาย ท่านย่อมรุ่งเรืองไพโรจน์ ดุจดวงอาทิตย์อันส่องสว่าง แผดแสงอยู่กลางท้องฟ้า ฉะนั้น

ถูกมหาปันถกผู้เป็นพี่ชายขับไล่
ท่านพระมหาปันถก ทราบว่าท่านจูฬปันถกโง่เขลามาก จึงประณาม ขับไล่ออกจากสำนักของท่าน ในขณะที่ท่านเป็นภัตตุเทศก์ หมอชีวกโกมารภัจจ์ มานิมนต์ภิกษุไปฉันในวันรุ่งขึ้น ท่านก็ไม่นับพระจูฬปันถกเข้าด้วย

พระจูฬปันถก เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ คิดจะไปสึกเสีย จึงออกไปแต่เช้าตรู่ ได้พบพระศาสดา เสด็จจงกรมอยู่ที่ซุ้มประตู พระองค์จึงตรัสถามว่า จูฬปันถก เธอจะไปไหนในเวลานี้ พระจูฬปันถกกราบทูลว่า ข้าพระองค์จะไปสึก เพราะพี่ชายขับไล่ข้าพระองค์

พระบรมศาสดาประทานผ้าขาว ให้ทำบริกรรม
พระศาสดาจึงตรัสเตือนสติท่านว่า จูฬปันถก เธอบวช เพื่อพี่ชายเมื่อไรเล่า เพื่อเราต่างหาก เมื่อพี่ชายขับไล่ ทำไมไม่มาหาเรา มาเถิด ประโยชน์อะไร ด้วยฆราวาสมาอยู่กับเราดีกว่า พระจูฬปันถก เข้าไปเฝ้าแล้ว พระองค์ทรงลูบศีรษะ ด้วยฝ่าพระหัตถ์ แล้วพาไป ให้นั่งที่หน้ามุขพระคันธกุฎี ประทานผ้าขาวอันบริสุทธิ์ ให้นั่งลูบคลำทำบริกรรมว่า รโชหรณํ รโชหรณํ (ผ้าเช็ดธุลี ๆ) เมื่อท่านลูบคลำ ทำบริกรรมไม่นาน ผ้านั้น ก็เศร้าหมอง เหมือนผ้าเช็ดมือ จึงคิดว่า ผ้านี้เป็นของขาวบริสุทธิ์ อย่างเหลือเกิน พอมาถูกร่างกายนี้ จึงละภาวะเดิมเสีย กลายเป็นผ้าที่เศร้าหมองไป สังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยงหนอ แล้วได้เจริญวิปัสสนา

บรรลุพระอรหัตตผล
พระศาสดา ทรงทราบจึงตรัสสั่งสอนด้วยพระคาถา ในเวลาจบพระคาถา พระจูฬปันถก ได้บรรลุพระอรหัตตผล ขณะลูบคลำผ้าบริกรรมอยู่นั้น

พระศาสดา พร้อมด้วยภิกษุประมาณ ๕๐๐ รูป เสด็จไปยังบ้านของหมอชีวก ครั้นพอเขาเข้าไปถวายภัตตาหาร พระองค์ทรงปิดบาตรเสีย พร้อมกับตรัสว่า ภิกษุยังมาไม่หมด ยังเหลืออยู่ที่วิหารอีก ๑ รูป หมอชีวก จึงใช้ให้คนไปตาม

พระจูฬปันถกเนรมิตพระภิกษุจนเต็มวิหาร
ในเวลานั้น พระจูฬปันถกเนรมิต พระภิกษุหนึ่งพันรูป จนเต็มวิหาร เมื่อคนใช้ไปถึง เห็นมีพระมากมายถึงพันรูปจึงรีบกลับไปบอกหมอชีวกโกมารภัจจ์

ลำดับนั้นพระศาสดา ได้ตรัสกะคนไปตามนั้นว่า เจ้าจงไปแล้ว บอกว่า พระศาสดา ตรัสเรียกพระจูฬปันถก คนไปตามนั้น ก็กลับไปวิหารอีกแล้วบอกตามคำสั่ง ภิกษุทั้งหมดพูดขึ้นว่า ฉันชื่อจูฬปันถก คนไปตามนั้น ก็กลับมาอีก กราบทูลว่า ภิกษุเหล่านั้น ชื่อจูฬปันถกทั้งนั้น พระเจ้าข้า

พระศาสดาตรัสว่า ภิกษุรูปใด พูดขึ้นก่อน จงจับมือภิกษุรูปนั้นไว้ ภิกษุรูปที่เหลือจักอันตรธานหายไป คนไปตามนั้น ไปถึงวิหารแล้วทำอย่างนั้น จึงได้พาพระจูฬปันถก ไปสู่ที่นิมนต์ ในที่สุดแห่งภัตกิจ ท่านพระจูฬปันถกได้ทำภัตตานุโมทนา

เอตทัคคะในทางผู้ชำนาญในมโนมยิทธิ
ต่อมา พระศาสดา ทรงสถาปนาพระจูฬปันถกเถระ ไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นยอดของเหล่าภิกษุ ผู้ชำนาญในมโนมยิทธิและในเจโตวิวัฏฏะ เพราะได้รูปาวจรฌาน ๔.




20  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ด่วน "ประกาศถึงสมาชิก ทุกท่าน เกี่ยวกับการใช้งานบอร์ด" โปรดอ่านกันด้วย เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2012, 12:16:28 pm
อนุโมทนา สาธุ กับผู้ดูแล ที่ช่วยพระอาจารย์ ทำงานเป็นอย่างดี ครับ

  :coffee2: :coffee2: :coffee2: :c017: :c017: :c017:
21  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผู้ที่บรรลุธรรม ในช่วงที่พระพุทธเจ้า ทรงเผลแผ่พระธรรม นั้น เป็นพระอริยบุคคล เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2011, 11:05:51 am
คือ ผมสงสัย ว่า ปัญจวัคคีย์ นั้นเคยเป็น พระอริยะบุคคลในกาลพระพุทธเจ้า องค์ ก่อนใช่หรือไม่ครับ
เช่นอาจจะได้เป็น พระโสดาบัน มาแล้ว 7 ชาติ เป็นต้น

  การเป็น พระโสดาบัน นั้น เป็น ที่ พระโสดาปัตติมรรค ใช่หรือไม่ครับ รอเป็นพระโสดาบันเต็ม จึงต้องตาย เกิด ตาย เกิด 3 ชาติ 7 ชาติ ครับ
 
   :s_good: :c017: :smiley_confused1:
22  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ขอแจ้งเรื่องการบวชนะครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2011, 10:01:25 am
อนุโมทนา ครับ

 :08: :25:
23  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ด่านเก็บเงิน มอร์เตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่ ลำลูกกา เมื่อ: ตุลาคม 30, 2011, 04:03:21 pm


ด่านเก็บเงิน มอร์เตอร์เวย์ มุ่งหน้าสู่ ลำลูกกา อย่าสงสัยเลยว่าทำไมทางด่วนใช้ไม่ได้ ครับ
24  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: รวมข่าวสาร น้ำท่วมกรุง เทพ วอนชาวแก็งค์ โพสต์ ลิงก์เดียวครับ จะได้อ่านง่ายขึ้น เมื่อ: ตุลาคม 30, 2011, 03:41:18 pm


จากเพื่อนส่งมาให้โพสต์ครับ
เครดิต Ananya An-An Thongthip

25  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ความทุกข์ วิตก กังวล จัดการได้อย่างไร ในกรรมฐาน คะ เมื่อ: ตุลาคม 01, 2011, 08:40:49 am
กรรมฐาน คู่ปรับครับ เมื่อฟุ้งซ่านด้วยอารมณ์ วิตก กังวล

 อานาปานสติ และ มรณานุสสติ ครับ

  :25: :25: :25:
26  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พิษณุโลก-ชาวบางระกำเครียดน้ำท่วม เสี่ยงฆ่าตัวตายกว่า100 คน เมื่อ: กันยายน 22, 2011, 02:40:03 pm

หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมในเขตอำเภอบางระกำ ยังทรงตัวไม่มีทีท่าจะลดลง ส่งผลให้ชาวบ้านจำนวนมากป่วยเป็นโรคน้ำกัดเท้า ไข้หวัด ภาวะเครียด ตาแดง อุจจาระร่วง โดยเฉพาะโรคเครียดมีผู้ประสบภัยเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสูงถึง 119 คน


วันนี้ (21 ก.ย.) นายแพทย์บุญเติม ตันสุรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพิษณุโลก กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดพิษณุโลก จึงสั่งการให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็ม ที่ ไม่ว่าจะเป็นทางโรงพยาบาล สาธารณสุข สถานีอนามัย อสม. ระดมกำลังออกหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่พบประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย จำนวน 172 ครั้ง ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นโรคน้ำกัดเท้า 1,824 คน ไข้หวัด 1,035 คน ภาวะเครียด 495 คน ตาแดง 74 คน อุจจาระร่วง 10 คน ซึ่งจากการประเมินภาวะซึมเศร้าของประชาชนที่ประสบอุทกภัยพบว่า มีอาการซึมเศร้า 819 คน เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย 119 คน และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

เบื้อง ต้นทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ติดตามและให้คำปรึกษาทุกราย เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ล่าสุดวันนี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอบางระกำ ได้ออกหน่วยเคลื่อนที่บริการแก่ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ตำบลท่านางงาม จำนวน 4 หมู่ บ้าน คือ หมู่ 1,2,10 และ 11 ของอำเภอบางระกำ เนื่องจากชาวบ้านตำบลท่านางงามประสบปัญหาน้ำท่วมมานานกว่า 2 เดือนแล้ว และน้ำยังไม่มีทีท่าจะลดลง และพบมีผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ มากกว่าอำเภออื่น ๆ โดยเฉพาะผู้ตกอยู่ในภาวะเครียด และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายจำนวนกว่า 80 คน










http://www.krobkruakao.com/ข่าว/44804/
27  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ในสมัยครั้ง พุทธกาล มีตัวอย่างพระอรหันต์ ทำผิดวินัยมีบ้างหรือไม่ครับ เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 01:06:31 pm
ในสมัยครั้ง พุทธกาล มีตัวอย่างพระอรหันต์ ทำผิดวินัยมีบ้างหรือไม่ครับ

คือได้คุยกับเพื่อน ๆ กันแล้วไม่ได้ข้อยุติ เพราะเพื่อนผมได้พูดขึ้นว่า พระอรหันต์ ไม่กระทำอะไรผิดวินัยแน่นอน

แต่ผมแย้งไป ยังไม่มีหลักฐาน อ้างอิง ครับ

  วอนท่านผู้รุ้ ช่วยชี้แนะด้วยครับ

   :s_hi: :c017:
28  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ควันหลงจากการไปดูหนัง เรื่องนี้ เห็น...... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2011, 09:35:48 am
 
 1.พระจีนฝึกกังฟูได้  พระไทยเราฝึกมวยไทยได้ไหมครับ

  ตอบ ไม่เข้าท่าครับ ถ้าพระไทยจะต้องฝึกแบบพระจีน เพราะว่าพระไทยทรงความเป็นอยู่แบบพระพุทธเจ้าไว้ครับ
        ด้วยนิกาย เถรวาท

 2.วินัยสงฆ์ มีความเห็นอย่างไรกับการให้พระออกกำลังกาย ด้วยการฝึกศิลปะป้องกันตัว

  ตอบ ถ้าพระฝึกยุทธได้ ก็ต้องแตะบอลได้ เล่นปิงปองได้ เล่นเทนนิสได้ อาจจะแทงสนุ๊กเกอร์ได้อีก ผมลองคิด

        เล่น ๆ ดู นาน ๆ ไปก็ต้องมีการแข่งแบบกีฬาสีโรงเรียน ยิ่งคิด ก็ยิ่งบ้าไปใหญ่เลยครับ

 3.ถ้าฝึกยุทธ ก็ต้องมีประลองยุทธ ใจจะสงบได้จริง หรือ ครับเพราะการฝึกยุทธมุ่งมั่นเพื่ออะไรของวัดเส้าหลิน

  ตอบ นี่แหละที่ผมว่านาน ๆ ไปต้องมีกีฬาสี กีฬาสถาบัน จุดประสงค์การฝึก คงจะหาสาระทางธรรมได้ยากมาก

        ครับ นึกแล้วถ้าหลวงพี่ ต้องวาดหางจรเข้ ด้วยแล้ว ต้องใส่ กกน. หรือ กุงเกง จะเหมาะครับ

 4.คนจีนนับถือ พระ เพียงผู้ถือศีล เท่านั้นใช่ไหมครับ ( เพราะหนังสื่อให้เหมือนอย่างนั้น )

   ตอบ ได้ยินมาว่า คนจีนนับถือพระก็เหมือนผู้ใหญ่คนหนึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญเหมือนคนไทย ที่ต้องกราบ

        ต้องไหว้ และ นับถือ เกรงใจ เหมือนคนไทยครับ การนับถือพระสงฆ์ของคนไทยนับว่าสุดยอดกว่า

        นานาประเทศ ครับ เพราะฉะนั้น เมืองไทยจึงเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลกในขณะนี้

 5.การนับถือ พุทธฝ่าย มหายานไม่สนับสนุนการบรรลุธรรม หรือ ไม่ครับ

   ตอบ การบรรลุธรรม จะเป็นนิกายไหน ผมว่าก็บรรลุธรรมได้ครับ ถ้าเรียนธรรมที่ถูกต้อง

        หรือ ปฏิบัติภาวนาตามหลัก อริยะมรรค ครับ

 6.ทุกท่านมีความเห็นอย่างไร กับ พระจีน

   ตอบ กับพระจีนไม่มีความเห็น ความนับถือของผม น้อยกว่า พระไทย ครับ


  วิจารณ์ครบคนแรก แล้วครับ
 :13: :13: :13:

29  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ใครรู้สึกว่าเบื่อแล้วกับการเกิด เกิดชาตินี้ขอเป็นชาติสุดท้ายเถอะ เมื่อ: มกราคม 27, 2011, 09:19:10 pm
ต้องมาทำความเข้าใจคำว่า กิเลส ก่อนครับ
เช่น การหิวอาหาร เป็นกิเลส หรือไม่
การป่วยไข้ เป็นกิเลสหรือไม่
การอยากนั่งสมาธิ การอยากนิพพาน เป็นกิเลสหรือไม่

กิเลส คือ เครื่องร้อยรัด หรือเครื่องเศร้าหมองที่บดบังพุทธะในจิตใจของเราอยู่เป็นชั้นๆจากชั้นนอกคือ กิเลสหยาบ ชั้นกลางกิเลสค่อนข้างละเอียด ชั้นในสุดคือกิเลสละเอียดประณีต การปราบกิเลสประเภทต่างๆมีดังนี้
1.กิเลสหยาบ(ชั้นนอก)-ใช้ศีลปราบ...... ได้แก่กายทุจริต 3 คือฆ่าสัตว์- ลักทรัพย์- ผิดกาม และวจีทุจริต 4 คือ พูดเท็จ-คำหยาบ-เพ้อเจ้อ-ส่อเสียด(บางกรณีอนุโลมเสพของมึนเมาเข้าไปในกาย ทุจริตได้อีก1ข้อก็ได้เหมาะสมในยุคสมัยนี้)
2.กิเลสชั้นกลาง(ค่อนข้าง ละเอียด)-ใช้สมาธิปราบ....ได้แก่ นิวรณ์5(เครื่องปิดกั้นความดี)-เป็นธรรมที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุความดี หรือสิ่งที่ขัดขวางจิตไม่ให้ก้าวหน้าในคุณธรรม หมายถึง1)พยาบาท-ปองร้ายผู้อื่น คิดร้ายผู้อื่น2)อุทธัจจะกุกกุจจะ-ฟุ้งซ่าน และรำคาญ 3)วิจิกิจฉา-ลังเลสงสัย ไม่ตกลงได้ 4)ถีนมิทธะ-จิตใจหดหู่ เคลิบเคลิ้ม ความหดหู่ซึมเซา 5)กามฉันทะ-พอใจ รักใคร่ พอใจในกามคุณ
3.กิเลส ชั้นใน(ละเอียดประณีต)-ใช้ปัญญาปราบ ได้แก่ อนุสัย 7(ราคะ-ปฏิฆะ-อวิชชา) หมายถึง กิเลสที่แฝงตัวนอนเนื่องอยู่ในสันดานชั้นในสุด คือ 1)กามราคะ-ความกำหนัดในกาม 2)ปฏิฆะ-ความหงุดหงิด 3)ทิฏฐิ-ความเห็นผิด 4)วิจิกิจฉา-ความลังเลสงสัย 5)มานะ-ความถือตัว 6)ภวราคะ-ความกำหนัดในภพ 7)อวิชชา ความไม่รู้จริง หรือรู้แต่ไม่แจ้ง(แทงตลอด)

วิธีการปฏิบัติ สมาธิภาวนาเป็นขั้นเป็นตอนไป แต่สุดท้ายต้องใช้วิปัสสนาญาณ(ปัญญา)ในขั้นฌาน3(ตติยฌาน-อุปจาระ สมาธิ)พิจารณาตัดกิเลสละเอียดชั้นในสุดให้หมดไปสิ้นเชิงด้วยมหาปัญญา(ปัญญา ญาณ)อย่างเดียวที่เรียกว่า มหาสติปัฏฐาน4 เป็นทางสายเอกสายเดียว สายอื่นไม่มีครับ......

30  เรื่องทั่วไป / IT สาระประโยชน์ชาวธรรม / Re: 49 ข้อสังเกตแปลกๆ บนสังคมเว็บ เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:05:47 pm
ขอแจมด้วยอีกคน ครับ
 :49:
31  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ซีรี่ย์ พระปริตร ตอน"โพชฌงคปริตร"(ภาคพิสดาร) เมื่อ: มกราคม 17, 2011, 03:11:58 pm
"คิริมานนทสูตร"เป็นธรรมโอสถเหมือนกับ"โพชฌงคสูตร"

http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=936.0

ตรงนี้ก็มีให้อ่านยาวเหมือนกันนะครับ

 :25:
32  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: เก๋งซีวิคซิ่งชนท้ายรถตู้เสียหลักบนโทลล์เวย์ ดับสยอง 8 ศพ บาดเัจ็บอีก 7 ราย เมื่อ: มกราคม 15, 2011, 03:32:01 pm
เรื่องนี้ยังตามอ่านอยู่ครับ เพราะอยากรู้ว่าเรื่องจบลงอย่างไรครับ ใครมีความคืบหน้า ช่วยมาโพสต์ต่อด้วยนะครับ
 :c017: :c017: :c017:
33  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าเราฝึกเข้า เข้าวัด ออกวัด แล้ว ไม่ฝึก สะกดได้หรือป่าวครับ เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 08:20:21 pm
ถ้าเราฝึกเข้า เข้าวัด ออกวัด แล้ว ไม่ฝึก สะกดได้หรือป่าวครับ

 คือแบบต้องการฝึกใน พระยุคล เลยได้หรือป่าวครับ ไม่ต้องฝึก เข้าคืบ สับคืบ

   :25:
34  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อวยพรส่งท้ายปีเก่า 2553 และ ต้อนรับปีใหม่ 2554 กันเถอะคร้า.... เมื่อ: ธันวาคม 30, 2010, 04:14:04 pm
35  กรรมฐาน มัชฌิมา / กิจกรรมของ สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน / Re: อวยพรส่งท้ายปีเก่า 2553 และ ต้อนรับปีใหม่ 2554 กันเถอะคร้า.... เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 05:56:36 pm


ทุกสิ่งเป็นอนิจจัง ครับ แต่ก็อยากให้ทุกคนมีความสุข ครับ

36  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ฟื้นฟูชีวิตหลังเซ็นใบหย่า .. เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:51:54 pm
ฟื้นฟูชีวิตหลังเซ็นใบหย่า ..
                     
 

 

การร้างลามิใช่เรื่องที่ใครอยากให้เกิดขึ้น

แต่ถ้าชีวิตคู่ต้องเดินทางมาหยุดตรงคำว่า “หย่า” โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรต้องหันมาหาวิธีเยียวยารักษาอาการ “เจ็บ”…จริงไหมคะ

ชีวิต สมรสที่ล้มเหลว ร้อยทั้งร้อยคงไม่ได้จบแฮปปี้เอ็นดิ้งแบบการ์ตูนดิสนีย์ แต่น่าจะจบแบบโศกนาฏกรรมสุดรันทดเสียมากกว่า ไหนจะเรื่องเอกสารเซ็นใบหย่า แบ่งสมบัติ เรียกค่าเลี้ยงดู ใครจะรับผิดชอบเรื่องลูก แถมยังต้องจัดระบบการเงินใหม่ ทั้งที่ใจอยากจะนอนทอดอาลัยตายอยากสูบบุหรี่ปุ๋ยมองเพดานอยู่อย่างนั้น ไม่อยากกินข้าวกินปลาหรือลุกขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไรอย่างที่มนุษย์มนาเขาทำ กัน



แทนที่จะมัวจ่อมจมอยู่กับวังวนแห่งความเศร้าหรือโกรธแค้น ลุกขึ้นมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้สดใสกว่าเก่า ดีกว่าไหมคะ

ลุกขึ้นมาจากเตียง

ก่อนอื่นพยายามแข็งขืนฝืนใจลุกขึ้นมาจากเตียงให้ได้เสียก่อน อย่ามัวแต่ปล่อยตัวหัวหูกระเซอะกระเซิงเป็นผีบ้า หาความเจริญหูเจริญตามิได้ ลุกขึ้นมาเตรียมตัวรับสถานการณ์อีกหลายอย่างที่จะประดังประเดมาจากการหย่า อย่ามัวอุดอู้อยู่ในห้องขณะที่อีกฝ่ายอาจกำลังเดินเรื่องในชั้นศาล หรืออาจกำลังจัดการกับบัญชีร่วมในธนาคารอยู่ก็ได้

บาล๊านซ์ตัวเองให้ดี

อย่าเอาใจไปมุ่งจดจ่ออยู่เฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น เช่น ความเสียอกเสียใจ อาชีพการงาน ลูกๆ หรือการออกเดทกับหนุ่มรายใหม่ แทนที่จะวิ่งออกไปไขว่คว้าเรื่องนอกตัว สู้หันมาเสริมสร้างอารมณ์ความรู้สึก “ภายใน” ให้ดีขึ้นมิดีกว่าหรือ ต้องยอมรับว่านี่คือเวลาที่เราจำเป็นต้องเห็นแก่ตัว และเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง เรื่องอื่นๆค่อยว่ากันทีหลัง


เพื่อนก็สำคัญ

ตอน ช่วงแต่งงานหวานแหววแต๋วจ๋ากับสามี ก็หายหัว ไม่ค่อยออกจากกรงทอง มาพบหน้าค่าตาเพื่อนฝูงบ้างเลย ครั้นถึงคราวอับจนสูญเสียผัวรัก จะหวนกลับมาเพื่อนก็เซย์กู้ดบายไปหมดแล้ว ไม่เป็นไร ยอมรับว่าตัวเองผิดซะ แล้วเดินหน้ารื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเพื่อนเสียใหม่ อย่ากลัวว่าเพื่อนจะไม่ต้อนรับ เพื่อนแท้ไม่ทิ้งกันหรอกน่า อาจ จะงอนบ้างนิดๆหน่อยๆ ไปง้อเดี๋ยวก็หาย ไม้เด็ดคือชวนเพื่อนฝูงออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น เล่นกีฬาหรือเดินช้อปปิ้ง เดี๋ยวก็ซี้กันเหมือนเดิมแล้ว


ให้รางวัลตัวเองบ้าง

ใน ช่วงเวลาสุดแสนรันทดเช่นนี้ เราต้องตื่นขึ้นมาทุกเช้า แล้วสร้างพลังใจเพื่อฝ่าฟันโลกภายนอกทุกวัน เหนื่อยขนาดนี้ต้องไม่ลืมให้รางวัลตัวเองบ้าง ลองหาเวลาว่างให้ตัวเองได้ผ่อนคลาย เช่น ไปนวดหน้านวดตัว ลาพักร้อน อ่านหนังสือดีๆสักเล่ม หรือออกไปขี่จักรยานไกลๆก็สดชื่นดีเหมือนกันนะ


เขียน…เขียน…เขียน

ผู้หญิง บางคนอารมณ์หดหู่ตกต่ำถึงขีดสุด ทำใจยอมรับความเจ็บปวดไม่ไหว นอนไม่หลับตาค้างอยู่ค่อนคืน ถึงขนาดต้องอาศัยยานอนหลับเข้าช่วย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อร่างกายเลย ถ้านอนไม่หลับจริงๆ ลองลุกขึ้นมาเขียนระบายความรู้สึกลงกระดาษดีไหม เขียนๆๆๆเข้าไป ดีไม่ดีพิมพ์ออกมาขายเป็นเล่มได้ด้วย มีผู้หญิงหลายรายเอาความเจ็บปวดของตัวเองออกมาเขียนเป็นหนังสือรวยไม่รู้ เรื่องมาเยอะแล้ว
 
ทำใจให้อภัยเพื่อตัวเราเอง
 
ผล การวิจัยรายงานว่า การให้อภัยเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความดันโลหิตและบรรเทาอาการเครียดวิตกกังวล ได้ชะงัดนัก การหย่าอาจทำให้เราโมโหโกรธาจนแทบอยากแล่นไปฉีกอกให้หายแค้น แต่โปรดจำไว้ว่าการใช้พลังงานทั้งหมดทุ่มเทไปกับอารมณ์รุนแรงในแง่ลบเช่นนี้ ไม่เป็นผลดีกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่เลย พยายามทำใจให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ให้ได้ เพื่อชีวิตที่ดีกว่าในวันข้างหน้า


แบ่งแยกอารมณ์ให้ถูก

ตาม ปกติในช่วงสองสามเดือนหลังจากหย่า แม่ม่ายอย่างเรามักจะเหี่ยวเฉา แม้แต่เห็นการ์ดเชิญไปร่วมงานแต่งงานก็ยังรู้สึกชีช้ำ จนแทบอยากฉีกทิ้ง เพราะไม่อยากเห็นคนอื่นมีความสุขในขณะที่เราทุกข์แสนสาหัส ควรรแบ่งแยกให้ถูกระหว่าง ความเจ็บช้ำจากรักครั้งเก่ากับมุมมองที่มีต่อความรักโดยรวม อย่าพาลมองความรักหรือการรแต่งงานเป็นเรื่องเลวร้ายจนปิดใจไม่ยอมเปิดรับ สิ่งใหม่ๆเข้ามาในชีวิต ควรแบ่งแยกให้ถูก เมื่อสบายใจแล้วเราจะสามารถมองการแต่งงานที่ผ่านมาได้ทะลุปรุโปร่ง รู้ว่าอะไรคือปัญหาอะไรคือสาเหตุ จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีกกับชายหนุ่มรายต่อไป


เดทด้วยความระมัดระวัง

สาว บางรายโดดเข้าร่วมวงเดทชนิดสายฟ้าแลบ เพียงเพื่อต้องการใครสักคนมาเยียวยารักษาแผลใจ ซึ่งผู้หญิงที่แต่งงานครั้งที่สองเร็วเกินไปมักหย่าร้างเร็วด้วยเช่นกัน เรียกว่าก้นหม้อข้าวไม่ทันดำว่างั้นเถอะ การรีบร้อนหาคนมาดามอกไม่เป็นผลดีอย่างยิ่ง นอกจากไม่ทันได้เรียนรู้กันและกันอย่างถ่องแท้แล้ว ยังอาจสูญเสียความมั่นใจยิ่งกว่าครั้งแรก ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลยนี่นา ค่อยดูค่อยๆเดทก็ได้ ใช้เวลาสนุกสนานเอนจอยกับชีวิตไปเรื่อยๆดีกว่า ไม่ต้องกลัวว่าตัวเองจะตกพุ่มม่ายไปตลอดชีวิต ถึงเวลาพร้อมเมื่อไรความรู้สึกในใจจะบอกเราเองนั่นแหละ
37  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / งานปริวาสกรรม อบรมวิปัสนากรรมฐาม ณ วัดป่าชลประทานศรัทธ ๕-๑๕ มกราคม ของทุกปี เมื่อ: ธันวาคม 22, 2010, 10:16:49 am
งานปริวาสกรรม  อบรมวิปัสนากรรมฐาม
ณ  วัดป่าชลประทานศรัทธา  ม.๔  ต.น้ำพอง  อ.น้ำพอง  จ.ขอนแก่น  ๔๐๓๑๐
วันที่  ๕-๑๕ มกราคม  ของทุกปี
38  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สั่งปลด ป้ายสำนักสงฆ์ บังคับน.ร. นอนในโลงศพ เมื่อ: ธันวาคม 13, 2010, 06:30:15 pm


คลิปที่น้องให้สัมภาษณ์ ไม่ตรงกับที่เจ้าสำนักกล่าว

39  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / การ์ตูนสุดยอด ตำรวจไทย อ่านแล้วขำกลิ้ง เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 09:13:52 pm






อ่านแล้ว ขำกันหรือป่าวครับ พักหมองนิดนะครับ พี่น้องมัชฌิมา
40  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: มาฝึกสายตา หน่อยนะครับ พี่น้องสมาชิกธรรม ( พักจิตนิด ) เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 08:57:40 pm
นายแน่ มาก
 :86:
หน้า: [1] 2