ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ขอคืน ‘พญาครุฑ" หายจากที่ว่าการอำเภอ 19 ปี คาดเจออาถรรพณ์  (อ่าน 566 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ขอคืน ‘พญาครุฑ" หายจากที่ว่าการอำเภอ 19 ปี คาดเจออาถรรพณ์

พญาครุฑกางปีก หรือครุฑพ่าห์ หายไปจากที่ว่าการอำเภอแม่สอดหลังเก่า ที่ถูกรื้อ 19 ปีเต็ม อยู่ๆ ก็มีชายสูงอายุ นำใส่ถุง ฝากมาให้นายอำเภอ คาดหยิบฉวยเอาไปครอบครองแล้วเจออาถรรพณ์   

เมื่อวันที่ 18 ม.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการแจ้งว่ามีบุคคลนิรนามท่าน หนึ่งนำร่างพญาครุฑมาฝากคืนให้กับนายอำเภอแม่สอด เป็นพญาครุฑที่หายไร้ร่องรอยตั้งแต่ปี 2543 ตั้งแต่สมัยที่ทำการอำเภอแม่สอดหลังเก่าที่ถูกรื้อไปตั้งแต่ปี 2543 องค์พญาครุฑเป็นลักษณะกางปีก กว้างขนาด 36 นิ้ว สูง 30 นิ้ว เป็น"พญาครุฑพ่าห์"



ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับนายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด ขณะที่ท่านกำลังทำความสะอาดและนำน้ำมันมะกอกมาขัดถูองค์พญาครุฑจนมีความสง่างามน่าเกรงขาม ครุฑ หรือ พญาครุฑ(Garuda) เป็นสัตว์กึ่งเทพ ในตำนานปรัมปราของอินเดีย ปรากฏในวรรณคดีสำคัญหลายเรื่อง

นายชัยพฤกติ์ กล่าวว่า พญาครุฑองค์นี้ เคยอยู่ที่หน้าบัน ของที่ว่าการอำเภอหลังเก่าที่เป็นอาคารไม้และไม่ทราบว่าหายไปที่ไหนนานแล้ว ไม่มีคนคิดถึง จนวันหนึ่งก็มีคนนำมาฝากที่นักการภารโรงให้นำไปมอบกับนายอำเภอ จึงได้นำมาเก็บรักษาไว้ เพื่อให้ประชาชนมาศึกษาว่าพญาครุฑสมัยโบราณมีความศักดิ์สิทธิ์น่าเกรงขามยังไง เบื้องต้นจะทำตู้ครอบกระจกมาตั้งไว้ในจุดที่เหมาะสมหน้าห้องนายอำเภอ



ด้านนายสมาน สุทาคำ อายุ 55 ปี นักการภารโรงเปิดเผยว่า จู่ๆ มีคนสูงอายุนำถุงมาฝากผ่านไปให้นายอำเภอ เมื่อตนเปิดดูก็พบว่าเป็นพญาครุฑ จึงนำไปให้นายอำเภอ คิดว่าพญาครุฑองค์นี้มีคนหยิบฉวยไปช่วงรื้ออาคารหลังเก่า นำไปครอบครองโดยไม่ถูกต้อง คงเกิดอาเพศหรือเจ็บป่วย หรือมีเหตุที่คาดไม่ถึง จึงต้องนำมาคืนยังจุดเดิมดังกล่าว

ทั้งนี้ ตามคติไทยโบราณ เชื่อว่าครุฑเป็นพญาแห่งนกที่เป็นพาหนะของพระนารายณ์เชื่อว่าปกติอยู่ที่วิมานฉิมพลี มีรูปเป็นครึ่งคนครึ่งนกอินทรี ที่ได้รับพรให้เป็นอมตะ ไม่มีอาวุธใดทำลายลงได้ แม้กระทั่งสายฟ้าของพระอินทร์ ก็ได้แต่เพียงทำให้ขนของครุฑหลุดร่วงลงมาเพียงเส้นหนึ่งเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ครุฑจึงมีชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า "สุบรรณ" ซึ่งหมายถึง "ขนวิเศษ" ครุฑเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ มีอานุภาพและพละกำลังมหาศาล แข็งแรง สามารถบินได้รวดเร็ว ทั้งยังมีสติปัญญาเฉียบแหลม เฉลียวฉลาด อ่อนน้อม ถ่อมตน และมีสัมมาคารวะ น่าสรรเสริญ

@@@@@@

ด้วยฤทธานุภาพของพญาครุฑนี้เอง จึงได้มีการสร้างรูป ครุฑพ่าห์ (หรือ พระครุฑพ่าห์) หมายถึงครุฑซึ่งเป็นพาหนะ เป็นรูปครุฑกางปีก และใช้เป็นสัญลักษณ์หมายถึงพระราชบัลลังก์ และตราประจำแผ่นดินของไทย สืบต่อกันมาแต่สมัยอยุธยา ซึ่งพบโดยทั่วไป โดยเฉพาะตราประทับบนหัวจดหมายราชการ เรียกว่า ตราครุฑ ด้วยความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือ สมมุติเทพ เป็นพระนารายณ์อวตารผู้ทรงมีครุฑเป็นพระราชพาหนะนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ พระราชพาหนะของพระมหากษัตริย์จึงประดับธงมหาราช ซึ่งเป็นธงรูปครุฑ ขณะเดียวกัน ยังมีเรือพระราชพิธีหลายลำ ที่สลักโขนเรือเป็นรูปครุฑ เช่น เรือครุฑเหินเห็จ ครุฑเตร็จไตรจักร และเรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9



ขอบคุณที่มา : https://www.thairath.co.th/content/1472781
โดย ไทยรัฐออนไลน์ ,18 ม.ค. 2562 13:41 น.
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ