ขณะที่ฝรั่งฆ่ากันใหญ่ หนีภัยเพราะศาสนา ฝรั่งมาเมืองไทย คนไทยต้อนรับเอาใจยิ่งกว่าคนไทยด้วยกัน ทีนี้มาถึงนายทหารบ้าง ที่ชื่อ
นายพลฟอร์บัง นายพลฟอร์บังอยู่ในกรุงศรีอยุธยามานาน ต่อมากลับไปประเทศฝรั่งเศส ก็ไปเล่าให้พระเจ้าแผ่นดิน และบาทหลวงผู้ใหญ่ทางฝรั่งเศสฟัง นายพลฟอร์บังเล่าว่า
ที่ทำให้ศาสนาคริสต์แผ่ไพศาลไปได้เร็วนั้น ต้องโทษจรรยาวัตรของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งมีความอดทนและเคร่งครัดมาก พระภิกษุสงฆ์เหล่านี้ไม่เสพสุราเมรัย ฉันแต่ของที่คนใจบุญถวายเป็นวัน ๆ ไปเท่านั้น ของที่ได้มากเกินความจำเป็นก็บริจาคแก่คนจน ไม่เก็บไว้สำหรับวันรุ่งขึ้น ตามปกติใจความของพระธรรมเทศนานั้นแนะนำให้คนทำบุญ ทั่วพระราชอาณาจักรนั้นมีคนใจบุญมากมาย เราจะไม่เห็นคนที่จนถึงต้องขออาหารกิน ธรรมจรรยาของเขาเลิศกว่าของเรามาก เขาหานับถือผู้สั่งสอนศาสนาของเราไม่ เพราะผู้สั่งสอนศาสนาของเราไม่เคร่งครัดเท่าภิกษุสงฆ์ เมื่อผู้สั่งสอนศาสนาของเราแสดงคริสตธรรม คนไทยซึ่งเป็นคนว่านอนสอนง่าย นั่งฟังธรรมปริยายนั้น เหมือนฟังคนเล่านิทานให้เด็กฟัง ความพอใจของเขานั้นไม่ว่าจะสอนศาสนาใด ก็ชอบฟังทั้งนั้น
พระภิกษุสงฆ์ไม่เถียงเรื่องศาสนากับผู้หนึ่งผู้ใดเลย เมื่อมีคนยกคริสต์ศาสนา หรือศาสนาใด ๆ มาพูดกับท่าน ท่านก็เห็นว่าดีทั้งนั้น ถ้ามีคนมาปรักปรำพระพุทธศาสนา ท่านก็ตอบอย่างใจเย็นว่า เมื่ออาตมาภาพเห็นว่าศาสนาของท่านเป็นศาสนาที่ดี เหตุไรท่านจึงไม่เห็นว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ดีเล่า พระของเราตอบพระฝรั่งไปอย่างนี้ เพราะคนไทยมีจิตใจกว้างขวาง ซึ่งฝรั่งต้องพยายามต่อสู้กันมานักหนา ฝรั่งมีแต่รบกันฆ่ากันเรื่องศาสนา จนกระทั่งต้องอยู่กันด้วยกฎหมาย เอากฎหมายเป็นเครื่องป้องกันไม่ให้คนรุกราน หรือรุกล้ำละเมิดกัน ฝรั่งเป็นอย่างนั้นมาตลอด
แม้แต่ใกล้ ๆ ปัจจุบันนี้เอง คนไทยก็ยังมีน้ำใจดีเหมือนเดิม ทางใต้ของเรามีคนนับถือศาสนาอิสลามมีชาวอิสลามมาก เราก็อยู่กันมาด้วยดีไม่มีปัญหา เหมือนพี่เหมือนน้อง พระทางใต้ท่านเล่าให้ฟังว่า ในภาคใต้เราที่เป็นมาแต่ก่อนคนไทยพุทธ และคนไทยอิสลามอยู่ด้วยกัน เวลาคนอิสลามสร้างมัสยิดคนไทยพุทธไปช่วยสร้าง เวลาชาวพุทธสร้างโบสถ์ ชาวอิสลามก็มาช่วยสร้างด้วย นี่เป็นสภาพที่หาได้ยาก ไม่มีที่ไหนในโลก อย่างที่ประเทศอเมริกาที่ว่าเป็นประเทศเสรีภาพ มีความเป็นประชาธิปไตย ก็เป็นด้วยกฎหมายหากมีประสบการณ์ในการบีบคั้นข่มเหงกันมาก หนีความบีบคั้นทางศาสนาในยุโรปก็ยังไปพิฆาตกันใน อเมริกาอีก เวลานี้แม้แต่มีกฎหมายบังคับควบคุมก็ยังมีพวกสมาคมลับ มีพวก
Ku KIux Klan เอาไว้สำหรับฆ่าคนผิวดำ
แล้วต่อมาก็มีนาซีใหม่อีก นี่เพราะจิตใจยังแก้ไม่ตก แต่ของเรานี่แก้เข้าไปในจิตใจเลย จึงพูดได้ว่าเสรีภาพทางศาสนานี่ อเมริกาอย่ามาคุยเลย เทียบกับเมืองไทยไม่ได้ เรียกว่าอเมริกามีเสรีภาพในทางลบ คือเสรีภาพแบบคอยกั้นคอยกัน คอยระวังไม่ให้รุกรานข่มเหงกัน แต่ของไทยเราเป็นเสรีภาพแบบบวก คือกลายเป็นสามัคคีช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ที่ว่ามานี้เป็นสภาพที่เป็นมาในพื้นเพภูมิหลังของเราที่เราจะต้องรู้จักตัวเอง แต่สภาพอย่างนี้เราจะรักษาเอาไว้ได้หรือไม่ นี่แหละคือปัญหาเรื่องภัยแห่งพระพุทธศาสนา
ไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไร ชาวพุทธควรได้ปัญญามองดูความคิดจิตใจคน ที่จะส่งผลอนาคตต่อไป สภาพอย่างที่ว่ามานี้ ที่อยู่ร่วมกันด้วยความร่มเย็นเป็นสุขเหมือนเป็นพี่เป็นน้อง ไม่ว่าต่างผิว ต่างเผ่า ต่างศาสนานี้ เราพูดได้เลยว่า มีได้เฉพาะเมื่อชาวพุทธจำนวนมากครอบคลุมเกือบหมดทั้วประเทศ แต่ถ้าเมื่อไรมีชาวพุทธน้อยลงก็จะเริ่มเกิดปัญหา อย่างเมืองไทยนี้ ถ้าเมื่อไรคนพุทธเหลือ ๙๐ % ก็จะเริ่มเดือดร้อน ปัญหาต้องเกิดขึ้น ตอนนี้เหลือ ๙๔ % กว่า ๆ ก็มีเค้าว่าจะเริ่มร้อนแล้ว ย้อนไปแค่ช่วง ๔ - ๕ ปีก่อนนี้ ปัญหาก็เริ่มตั้งเค้าแล้ว เช่นมีพระองค์หนึ่งจากนราธิวาสได้เล่าเรื่องความเป็นไปในจังหวัดของท่านด้วยความเป็นห่วงว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร สมัยท่านเป็นเด็ก จะเป็นเด็กพุทธหรือเด็กอิสลามก็เรียนหนังสือด้วยกันโตมาด้วยกัน เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ตอนเป็นเด็กจะถือศาสนาไหน ๆ ก็ไม่รู้จักแบ่งแยก จึงเป็นเพื่อนสนิทกันเรื่อยมา พอโตแล้วอยู่ด้วยกันมีบรรยากาศที่สบาย
ต่อมาตอนหลัง เขาแยกไปเรียนคนละโรงก็เริ่มมีปัญหา กลายเป็นคนละพวกแล้วโน่นพุทธ นั่นอิสลาม ปัญหาก็ได้เริ่มมีขึ้นเรื่อย ๆ ในบางท้องที่ของเมืองใต้นั้น พระไปบิณฑบาตในบางถิ่นที่มีคนอิสลามมาก เดี๋ยวนี้ถูกวัยรุ่นโห่เอาแล้ว บางแห่งไปมีการถ่มน้ำลาย อันเป็นเรื่องที่แสดงว่า สถานการณ์สังคมได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี และนับว่าเป็นภัยชนิดหนึ่ง ที่เป็นอย่างนี้เราพูดได้ว่า
ชาวศาสนาอื่นไม่ได้มองอย่างชาวพุทธ ยกตัวอย่างเรื่องที่เป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเร็ว ๆ นี้ คือเรื่องกรณีทาลีบัน พวก
ทาลีบันเข้าปกครองประเทศอัฟกานิสถาน ได้ใช้ปืนใหญ่ และลูกระเบิดทำลายพระพุทธรูปที่มีมาเป็นพันปี และถือว่าเป็นสมบัติของโลก
ในประวัติศาสตร์อัฟกานิสถานเคยเป็นดินแดนพระพุทธศาสนา เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาแห่งหนึ่ง อยู่แถว ๆ อาณาจักรกุษาณของพระเจ้ากนิษกะที่บามิยาน มีพระพุทธรูปใหญ่สูง ๕๓ เมตร และ ๓๕ เมตร ซึ่งแกะสลักอยู่ที่ภูเขาเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๘๐๐ มาถึงตอนนี้พระพุทธรูปทั้ง ๒ องค์ ก็ถูกผู้ปกครองอิสลามพวก ทาลิบัน ทำลายลงไป ความจริงในประวัติศาสตร์เขาเคยทำลายมาแล้วหลายครั้ง แต่สมัยก่อนยังไม่มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยอย่างนี้ เขาทำลายโดยได้แต่เอาฆ้อนเหล็กไปต่อยไปทุบ
ในอินเดีย จะเห็นพระพุทธรูปในที่ต่าง ๆ ถูกทำลาย ถ้าเป็นศิลาใหญ่หน่อยก็ต่อยที่พระนาสิกให้เสียโฉม เพราะมีพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก เพราะเขาทำลายไม่ไหวจึงทำได้แต่เพียงนั้นเป็นอย่างนี้ทั่วไปหมด แต่เวลานี้มีเครื่องมือทำลายที่ร้ายแรง มีระเบิดมีปืนใหญ่จึงทำลายได้หมดสิ้น เมื่อเกิดกรณีทาลีบันขึ้นมา ก็ต้องดูว่าชาวพุทธก็ตาม ชาวโลกและโดยเฉพาะชาวอิสลามก็ตาม จะมีความรู้สึกแสดงออกอย่างไร ซึ่งจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ในการที่จะมองสถานการณ์ ซึ่งหมายถึงแนวโน้มต่อไปในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไร
เราควรพิจารณาในแง่ว่า คนที่มีความคิดอย่างนี้ ที่เขาทำอย่างนี้ได้นั้นจิตใจเขาเป็นอย่างไร เขานึกคิดต่อผู้อื่นอย่างไร ต้องมองไปในอนาคตว่า เมื่อเขายังมีความคิดมีความเชื่อ และมีสภาพจิตใจอย่างนี้ อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปนี่เป็นเรื่องสำคัญเท่าที่ดูแล้ว ชาวพุทธก็มีบ้างที่ตื่นตัวแต่ว่ามีน้อย
ในฝ่ายชาวอิสลามมีชาวอิสลาม ที่แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างอาจารย์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก็เขียนลงในหนังสือพิมพ์ แสดงความไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่ใช่คำแถลง หรือแสดงมติที่ออกจากองค์กรใหญ่ของชาวอิสลาม ซึ่งควรแสดงให้เห็นท่าทีที่ชัดเจน แต่ชาวอิสลามบางคนก็พูดในทางตรงข้าม เป็นข้อเขียนในหนังสือรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง ในหัวข้อเรื่องว่า
เวรกรรมของทาลีบัน มีเนื้อความบางส่วนว่า
เรื่องการทำลายพระพุทธรูปของพวกทาลีบัน อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องของศาสนิกชนอื่น ที่ไปทำลายศาสนสถานของชาวพุทธ ซึ่งพระพุทธรูปเป็นที่เคารพสัการะสำหรับศาสนาของเขา สิ่งที่เขาทำอาจเป็นสิทธิของเขา เพราะเขาทำในบ้านของเขา ถ้าไทยอิสลามมีรูปเจว็ดในบ้าน เราก็ต้องกำจัด นายวันนอร์ก็เปลี่ยนแปลงห้องรัฐมนตรีโดยการยก พระพุทธรูปออกไป และอดีต รมว.ต่างประเทศ ก็ยกพระพุทธรูปออกจากห้องทำงานเหมือนกัน การที่จะให้อิสลามเป็นสากล ไม่ใช่ว่าจะยืดหยุ่นได้ทุกเรื่อง
อิสลามเป็นศาสนาที่สร้างสรรไม่ใช่ทำลาย บางครั้งการทำลายอาจเป็นสาเหตุจากการสร้างสรรค์ ศาสดามูฮำหมัดก็เคยทำสิ่งเดียวกัน บรรดาเทวรูปที่อยู่ในเมกกะถูกทำลาย แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ทำให้สังคมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว นี่คือท่าทีที่เป็นตัวอย่าง เขามองประเทศอัฟกานิสสถานเป็นบ้านเฉพาะของชาวอิสลามเท่านั้น คนถือศาสนาอื่น ๆ ทั้งที่เกิดที่นั่นก็ไม่มีบ้าน ไม่มีสิทธิ นอกจากนั้นคำว่าสากลที่ชาวอิสลามคนนี้เขียนก็มิใช่หมายถึง การทำให้คนทั้งหลายทั่วไปทั้งหมด เข้าใจศาสนาอิสลามถูกต้อง แล้วเห็นชอบยอมรับทั่วกันอย่างที่เราเข้าใจ แต่หมายถึงการที่จะต้องให้ทุกคน และทุกอย่างเป็นไปตามที่ศาสนาอิสลามกำหนด