ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ีีระวัง แก็งค์ คอลเซนเตอร์  (อ่าน 1967 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ีีระวัง แก็งค์ คอลเซนเตอร์
« เมื่อ: มีนาคม 12, 2011, 07:36:03 am »
0
วันนี้(10 มีนาคม) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.ต.ต.ภูมิรา วัฒนปาณี รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง รอง ผบก.ปอศ.และเจ้าหน้าที่ศูนย์ข้อมูลธนาคารกสิกรไทย ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายธนูธร หรือเซียน ชัยดี อายุ 25 ปี น.ส.มณฑิกา แซ่จู อายุ 28 ปี ทั้งสองเป็นคนไทยและนายเยี่ยไฉลู่ อายุ 36 ปี ชาวไต้หวัน พร้อมของกลางเงินสด 97,000 บาท สมุดบัญชีเงินฝากของธนาคารต่าง ๆ  14 เล่ม บัตรเอทีเอ็ม  12 ใบ โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง ซิมการ์ด 9 ชุดและใบบันทึกรายการเบิกเงินสดอีก 10 ใบ โดยจับกุมได้ขณะผู้ต้องหาทั้งหมดกำลังร่วมกันกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มธนาคาร กสิกรไทย สาขาอาคารวงศ์เจริญ แมนชั่น ถนนลาดพร้าว ซอย 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.

พ.ต.อ.กิตติกล่าวว่า การจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย หลายรายว่าถูกแก๊ง Call center ใช้อุบายหลอกลวงให้โอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม สร้างความเสียหายไปเป็นจำนวนมาก จึงทำการสืบสวนร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ของทางธนาคารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด จนได้ภาพผู้ต้องหาแก๊งนี้ไปปรากฏจากกล้องวงจรปิดตามตู้เอทีเอ็ม สถานที่ต่าง ๆ เมื่อชุดจับกุมพิจารณาข้อมูลจนแน่ใจแล้วจึงรีบนำกำลังไปดักซุ่มดูพฤติกรรมจน ทั้ง 3 คน ปรากฏตัวพร้อมกัน จึงได้ทำการจับกุมตัว เมื่อสอบสวนจนยอมรับสารภาพว่าเป็นแก๊ง Call center จากประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังอาละวาดสร้างความเสียหายให้กับคนไทยอยู่ใน ขณะนี้จริงจึงพาไปตัวขยายผลตรวจค้นที่ห้องพักสามารถยึดของกลางมาดำเนินคดี ได้เป็นจำนวนมาก

จากการสอบสวนนายธนูธรให้การยอมรับว่า เมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว เคยถูกคนรู้จักหลอกไปทำงานในประเทศจีน โดยอ้างว่าจะพาตนไปทำงานตำแหน่งพนักงานรับโทรศัพท์ แต่เมื่อเดินทางไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทาง และถูกส่งตัวไปที่ออฟฟิศแห่งหนึ่งในเมืองเซิ่นเจิ้น พบว่ามีพนักงานชาวไทยด้วยกันจำนวน 14 คน ประจำอยู่ที่สำนักงาน คอยทำหน้าที่พูดคุยโทรศัพท์ตามสคลิปเพื่อหลอกให้บุคคลปลายทางซึ่งก็คือคนไทย เหมือนกันหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีให้แก๊ง Call center เท่าที่ทราบตอนนั้นคือสำนักงานที่ตนประจำอยู่เป็นเพียง 1 ใน 500 องค์กรของแก๊ง Call center ที่มีอยู่ทั่วโลกเท่านั้น

นายธนูธร กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการหลอกลวงนั้นทางออฟฟิศจะมีเครื่อง Random ต่อสายโทรศัพท์ไปยังมือถือเหยื่อชาวไทยที่ขึ้นต้นด้วย 081 และ 089 เนื่องจากหมายเลขโทรศัพท์กลุ่มนี้เปิดใช้งานมานานแล้วทำให้เชื่อว่าเจ้าของ เบอร์น่าจะค่อนข้างมีทุนทรัพย์ เมื่อเหยื่อยอมรับสายก็จะมีเสียงโอเปอร์เรเตอร์บอกให้กด 9 เพื่อติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโดยอ้างว่าเหยื่อติดหนี้บัตรเครดิต จากนั้นเจ้าหน้าที่กำมะลอด่านแรกก็จะหลอกถามข้อมูลของเหยื่อทั้งชื่อที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลทางธนาคาร เมื่อได้ข้อมูลจนเป็นที่พอใจแล้ว จะบอกให้เหยื่อวางสายเพื่อรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ.ซึ่งตนจะรับหน้าที่แอบอ้างตัวเป็นตำรวจโดยโทร.กลับไปหาเหยื่อหลัง เวลาผ่านไปประมาณ 10-15 นาที พอเหยื่อรับสายตนก็จะใช้อุบายอ้างตัวเป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ บก.ปอศ.โดยเฉพาะชื่อของ พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง หัวหน้าชุดจับกุมจะแอบอ้างมากเป็นพิเศษ จากนั้นจะข่มขู่เหยื่อด้วยการอิงตามข้อมูลที่ด่านแรกหลอกถามและส่งมาให้ ส่วนใหญ่ตนจะหลอกเหยื่อว่า บัตรเอทีเอ็มโดนขโมยข้อมูลทำให้เงินถูกนำไปใช้หรือไม่ก็ถูกแก๊งมิจฉาชีพแฮ คเกอร์เอาบัตรเครดิตไปใช้ พร้อมขอให้เหยื่อรีบนำบัตรเอทีเอ็มไปทำเรื่องใส่รหัสล็อกข้อมูลที่หน้าตู้ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อก็จะให้ทำการเปลี่ยนภาษาก่อนโอนเงินในบัญชีตัวเองเข้า สู่บัญชีที่ทางแก๊ง Call center เตรียมเอาไว้

"ด้วยความที่ตนพูดไม่เก่งทำให้มีคนหลง เชื่อน้อย หลังทำงานได้ 17-18 วัน สามารถลวงเหยื่อได้เพียง 4-5 ราย เท่านั้นจึงถูกส่งกลับมาที่ประเทศไทย เพื่อทำหน้าที่ใหม่คือเป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็ม ที่ได้จากการว่าจ้างคนไทยในเครือข่ายเป็นผู้เปิดบัญชีให้ไปกดเงินสดตามตู้ มามอบให้ นายเยี่ยไฉลู่ โดยรับค่าตอบแทนคราวละ 3 เปอร์เซ็นต์จากยอดเงินทั้งหมด โดยนายเยี่ยไฉลู่ ก็จะโอนเงินไปให้แก๊ง Call center ที่ประเทศจีนอีกทอดหนึ่ง ส่วน น.ส.มณฑิกา ที่ถูกจับติดร่างแหมาด้วยเพราะกำลังเรียนรู้วิธีการและจะถูกส่งตัวไปประจำใน ออฟฟิศที่ประเทศจีนในอีกไม่นานนี้" นายธนูธร กล่าว 

เบื้องต้นชุดจับได้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้อง หาทั้ง 3 ราย ว่า “ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งเป็นบัตรที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อใช้ประโยชน์ในการชำระ สินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระเงินสดหรือใช้เบิกถอนเงินสด” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ก่อนส่งตัวให้พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20110311/381306/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A22%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%991%E0%B8%A2%E0%B8%B6%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A.html

===============================================================

พวกนี้ต้องการเพียง หมายเลข สมุดบัญชี ธนาคาร และ หมายเลขบัตรประชาชน 2 อย่างก็มีวิธีการเอาเิงินในธนาคารออกมาได้แล้วครับ

บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ