ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ  (อ่าน 7446 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
 มีตำรา หรือ วิธีการ สังเกต คนที่มีฌานกันหรือไม่คะ

   :c017:
บันทึกการเข้า

tewada

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 75
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2012, 12:32:31 am »
0
ลักษณะ ของคนที่มี ฌาน สังเกตดู จะมีความสงบเยือกเย็น และ ชอบการนั่งกรรมฐาน หรือ นิ่ง ๆ ไม่ค่อยพูดครับ

  :49: :s_hi: :coffee2:
บันทึกการเข้า

เสกสรรค์

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 419
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2012, 08:14:53 am »
0
ทรงสอนว่าฌานวิสัยเป็นอจินไตย

ถ้าเป็นลักษณะของรูปฌานสี่นะครับ
ดูลักษณะเอาคงไม่ได้หรอกครับ ดูอาการก็ได้แค่คิดไป ต้องทำเอาเอง อย่างน้อยถึงอุปจารสมาธิ จึงจะมีโอกาสเดาทางได้ถูกสัก 10%

เพราะอาการของฌานนั้น ถ้าจะบอกว่าทำงานอะไรก็มักได้ผลดี คนที่ฉลาดมากๆหรือประสบการณ์เยอะจัด เขาก็อาจพลิกแพลงทำอะไรให้เรียบง่ายแต่ได้ผลดีคล้ายๆคนได้ฌานได้เช่นกัน

ถ้าเพิ่งออกจากฌานใหม่ๆอาจมีอาการตาลอยให้เห็น รอสักพักหนึ่งจึงจะปรับจิตลงมาคลุกเคล้ากับสิ่งเร้าภายนอกได้ ก็ตัดสินไม่ได้ เพราะเจอนิมิตแค่ระดับอุปจารสมาธิ ก็พาให้ตาลอยตาเยิ้มได้เช่นกัน
ดูเหมือนคนที่สติสมาธิมากกว่าและสติสมาธิน้อยกว่าชาวบ้าน มักจะถูกโลกตัดสินว่าบ้าทั้งคู่ครับ

เรื่องเมตตา กรุณาและอ่อนโยนนั้น บางครั้งก็เหมือนขัดกัน คือมีเมตตาสูงมากก็จริง แต่ก็อุเบกขาสูงไปด้วย จะแตะต้องอะไรๆก็ให้น้อยที่สุด ไม่ทำอะไรเกินจำเป็น ถ้าไม่เดือดร้อนมากก็แทบจะปล่อยให้ไปตามบุญตามกรรม คือถ้าไปช่วยด้านหนึ่ง มันก็กระทบอีกด้านหนึ่ง..จึ่งอาจไม่ช่วยเลย หรือแค่ช่วยไปตามเรื่องเฉพาะหน้า

เวลาจิตกระเพื่อมก็อาจจะไม่ค่อยพอใจเท่าไร ช่วงไหนจิตทรงสมาธิดีจึงยิ่งต้องระวังตัวมากๆ ด้วยอำนาจจิตสูง ถ้าเผลอโกรธมันจะส่งผลแรงและเร็ว ถ้าไม่ระวังจิต เผลอคิดสื่อสารอะไรก็เป็นโทรจิตออกไปเลย แม้คนที่เราสื่อสารออกไปหาจะไม่ได้ฌาน ขอเพียงในขณะนั้นเขาตั้งจิตแน่วแน่ประมาณว่ากำลังอธิษฐานจิตอะไรสักอย่าง ก็รับการสื่อสารได้ครับ

ซึ่งเรื่องประจวบเหมาะแบบนี้เกิดขึ้นในวัดได้ จึงต้องระวังมาก ต้องพยายามรักษาสติให้สมดุลกับสมาธิใว้เสมอครับ เรื่องนี้ทำให้มีแนวโน้มจะปลีกตัวเสียอีก เว้นแต่คนทำได้เป็นวสี อันนี้ไม่ทราบครับ

วิธีที่ดีที่สุดคือ ฝึกสติฝึกรู้สึกตัวให้เยอะๆ ขยันเรื่องฝึกสติให้มากๆ ฝึกมันทุกวินาทีที่นึกได้ นั่งสมาธิเสริมบ้าง รักษาถือศีล 5 ให้แน่นๆ ไม่ใช่นั่งตามอยากหรือนั่งเป็นหลักนะครับ ให้นั่งสมาธิแค่เสริม แต่ฝึกสติเป็นหลัก ถ้านั่งสมาธิแล้วก้าวหน้าค่อยเอียงไปทางสมาธิเยอะๆ ถ้าไม่ก้าวหน้าก็เอียงกลับมาทางฝึกสติ ช่วงไหนสมควรทำให้จิตสงบก็นั่งสมาธิไป ช่วงไหนทำการงานต้องฝึกสติก็ฝึกไป รู้อาการตัวเอง ได้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น ถ้าได้ถึงอุปจารสมาธิก็พอจะเทียบเคียงอาการเอาได้บางส่วน แต่ถึงตอนนั้น ฌานห่างไปนิดเดียวเองครับ

จะเห็นว่าอะไรที่คนทำฌานทำได้มันก็ไม่พ้นไปจากโลก ยังอิงแอบอยู่กับโลก จึงแยกให้ออกได้ยาก
ต่อให้ใช้กายเนื้อเหาะขึ้นไปเห็นได้คาตา คนก็ไม่เชื่ออยุ่ดี เพราะเครื่องบินก็ทำได้ไม่แปลกอะไร จับอะไรมาเทียบกันก็แยกแยะให้แตกต่างได้ยาก เพราะโดยการแสดงออกมันก็เหมือนๆกัน

สรุปว่าควรลองปฏิบัติครับ :)

แก้ไขเมื่อ 12 ต.ค. 55 14:18:53

จากคุณ    : BlueDelphi
บันทึกการเข้า

Admax

  • ผู้อุปถัมภ์
  • โยคาวจรผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 1063
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2012, 03:39:41 pm »
0
ผมเป็นผู้ไม่ได้มีศีลมากมาย ไม่มีธรรมใดๆ ไม่ได้มีฌาณใดๆ แต่จะขอกล่าวสั้นดังนี้นะครับ

- เราถึงส่วนใด จะรู้ได้แค่ส่วนนั้น
- สภาพจิตเรามีสภาพความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่งปรมัตถธรรมกุศลจิตใดๆเกิด เราก็รู้ได้แค่สิ่งที่เกิดกับเรานั้น
- สภาพจิตที่เรามีอยู่เราจะรับรู้ได้ถึงสภาพจิตของบุคคลที่มีระดับเท่าเทียมกันหรือต่ำกว่าเท่านั้น หากผู้สูงกว่าเว้นแต่เขาจะส่งกระแสจิตตามธรรมใดๆที่แสดงไว้ให้เรารับรู้เท่านั้นจึงจะรู้ได้
- ความแตกต่างใดๆไม่สามารถอนุมานเอาได้ รู้ได้ด้วยจิต และ ปัญญาญาณ
- รู้ตน รู้จิตตน เห็นจิตในจิตตน มีค่ากว่าไปเพ่งเล็งผู้อื่น เพราะเมื่อดูรู้ที่เรา เราจะเห็นธรรมในธรรม ดูผู้อื่นอนุมานผู้อื่นไม่ใช่การเป็นไปเพื่อความพ้นทุกข์ในอริยะสัจ๔นี้
- ดังนั้นอย่าใส่ใจในคนอื่นและอย่าหลงในตนพิจารณาในตนจนรู้แจ้งในอริยะสัจ๔นี้

----------------------------------------------------------------------------------------------

- หากคุณจะสังเกตุดูตนเองว่ามีฌาณไหม ฌาณ คือ สมาธิ คือความมีใจจดจ่อในสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นาน ควรแก่งาน จิตสงบ จิตนิ่งเงียบ จิตผ่องใส จิตเบาบาง จิตอิ่มเอม เต็มสุขจากความไม่ปรุงแต่งจิตใดๆตัดจากอกุศลจิต(แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีความปรุงแต่งจิตนะครับ เพราะสภาพปรมัตถธรรมทั้งหมดก็เป็นความปรุงแต่งจากสังขารขันธ์)
- ฌาณจิตใดๆมีไว้เพื่อให้สามารถมองเห็นในสภาพธรรมใดๆได้ทัน รู้เห็นตามจริง จนแยกเห็นเป็นกองทั้งหลาย แยกเห็นเป็นธาตุ(หากมาจับเอาว่ากายนีคือ เนื้อหนังมังสา คือ ธาตุดิน เลือด คือ ธาตุน้ำอยู่ โดยความจดจำไว้ หรือ การอนุมานเอา ไม่ได้รับรู้ในสภาพจริงเห็นจริงในปรมัตถธรรม-ไม่มีตัวตนบุคคลใด-สักเป็นแต่เพียงรูปนามก็ยังเป็นสมถะอยู่)

- ตามข้อกล่าวในข้างต้นคุณจะเห็นว่า ฌาณ มีไว้ทำไมสำคัญยังไง การพิจารณารู้ตน กับคนอื่นสิ่งไหนมีค่ากว่ากัน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 18, 2012, 04:11:02 pm โดย Admax »
บันทึกการเข้า
ความติดข้องใจเสพย์อารมณ์ความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น สมุทัย
ผลของการดำเนินไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี เป็น ทุกข์
รู้สัจธรรมและปรมัตถ์ ดำรงอยู่ในกุศล สติ ศีล สมาธิ พรหมวิหาร๔ คิดดี พูดดี ทำดี เป็น มรรค
การดับไปแห่งความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดี ถึง อัพยกตธรรม เป็น นิโรธ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2012, 09:34:48 pm »
0
ท่านแอทแมก สรุปไว้ท่อนบนได้ดี ขอสาธุด้วยคน...
    ภาษาครูอาจารย์ที่สอนมา ท่านบอกว่า อย่าเอากิเลสของเราไปวัดกับของสิ่งอื่น
         วิตก วิจาร ดินไฟ...ยังไม่ดับ สุขทุกข์ก็ยังไม่ดับ  อยาก ไม่อยาก-ชอบไม่ชอบ ก็ยังไม่ไป
             พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในพระสูตร ว่าวิตก วิจารคือบาปอกุศล
               ถ้าจะทิ้งตรงนี้ได้ ก็ต้องถึง
       อสักวิตักวิจาร ก็คือถึงสมาธิที่ปราศจาก หรือไม่มีวิตกวิจารแล้ว
           มีอุบายเอาไว้ลองวัดเล่นๆ...
               ถ้าเรายังเห็นว่าคนนั้นไม่ดี ก็คือเรายังไม่ดี หมายถึง โทสะของเรายังฆ่าไม่หมด หรือทุกข์ยังไม่หมด
                   ถ้าเรายังเห็นว่าคนนั้นดี ก็คือเรายังไม่ดี หมายถึง ราคะ ของเรายังฆ่าไม่หมด หรือยังไม่ทิ้งสุข
                  ถ้าเป็นเชิงถอดจิตรเดินจิต ก็เป็นสูงไปตําไป  ต้องหาตรงกลาง เพราะสูงกับตําอาจจะไม่ใช่ความจริง
                    ต้องเข้าไปหาเอาเองตอนถอดจิตเดินจิตในวิปัสสนาโพชฌงค์  หาอะไร....ธรรมสภาวะหรือ
                    ยถาภูตญาณทัศนะ ความจริง สามนัยยะ อนุวิปัสสนาสาม ..อนิจจานุปัสสนา
                                                                                             ..ทุกขานุปัสสนา
                                                                                             อนัตตานุปัสสนา
                      จริงสมมุติ ปรมัตถ์ ความเป็นจริง
                          ก็ว่ากันไปไม่มีผิดไม่มีถูก
                           อนัตตาไม่มีผิดถูกของคู่ไม่มี เพราะเป็นได้หลายนัยอย่างที่ว่า จึงไม่มียืนยันว่าอย่างไหนถูกที่สุด
เพราะเป็นได้ทุกอย่าง ตามความเบาบางของวิตกวิจาร
                                       
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

pakorn

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: ลักษณะ ของ คนที่ มี ฌาน สังเกตอย่างไร คะ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2012, 12:59:31 am »
0
ผมว่าดูยาก นะครับ ถ้าไปดูคนอื่น ว่าเป็นฌาน หรือ มีฌาน ดูลำบาก นะครับ เอาเป็นว่า ถ้านั่งกรรมฐานได้เกิน 1 วัน ก็ ปฐมฌาน ก็แล้วกันนะครับ

  :hee20hee20hee: :hee20hee20hee: :hee20hee20hee:
บันทึกการเข้า