ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56  (อ่าน 10561 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0


จากความตั้งใจที่จะไป ภูท่อก ก็ต้องเปลี่ยน และจะไป เชียงคาน ก็ต้องเปลี่ยนอีก เนื่องด้วยเวลาที่ไปมีไม่พอ กับการเดินทางที่ ต้องใช้เวลามาก สถานที่ เราไปอยู่เป็นอำเภอเล็ก ๆ การคมนาคมไม่สะดวกเลย ถ้าต้องนั่งรถโดยสารกัเป็นทอด ๆ วันนี้ สหธรรม แนะนำ สารถี และ สถานที่ใกล้เคียงที่พักให้ จึงเริ่มออกเดินทาง 10.00 น. กว่า ๆ มุ่งสู้ อุทยานประวัติศาสตร์ รอยพระพุทธบาท บ่อบก


เส้นทางครั้งนี้ไม่มีรถประจำทาง จึงต้องให้ท่านพระมหาวิทยา ติดต่อโยมที่รู้จักกัน ว่าจ้างกันด้วยราคาพิเศษเติมน้ำมัน พอให้ได้ไป กลับ เท่านั้นกับระยะทางไปกลับ 150 กม.



สำหรับสารถี ก็เป็นศิษย์วัดหลวงปู่นาค สังเกตที่หน้ารถ จะมีหลวงปู่นาคตั้งอยู่ นะ แต่ วันนี้รถ ไม่มีแอร์ต้องเปิดกระจกรถเดินทาง อากาศพอสบาย ๆ แต่ไปตอนใกล้เที่ยงดูแดดแล้ว เลยขอร่มไปด้วย


ลานจอดรถ วัดพระพุทธบาทบ่อบก เงียบสงบ บรรยากาศโดยรวมเมื่อมองออกไป ทำให้นึกถึงผาแต้ม ทันทีเพราะที่นี่มีหินเรียงราย เป็นก้อนๆ สูงต่ำ เป็นเวิ้ง เป็นเพิง เป็นถ้ำ มากมาย ๆ จริง ๆ  เป็นการจัดวางของธรรมชาติที่สวยงามมาก ๆ


เดินขึ้นไปประมาณ 150 เมตร ก็จะถึงเจดีย์ ที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก ดั่งที่เห็นในภาพอยู่ภายในเจดีย์ นะ


ภายในเจดีย์ไม่ได้มีพื้นที่มากนัก เพราะดูจากความกว้าง น่าจะประมาณ 2.5 x 2.5 เมตร เท่านั้นดังนั้นจึงเข้าไปจำนวนหลายคนไม่ได้ ในนี้มีภาพเขียนเก่าแก่ให้ชมหนึ่งภาพ


เจดีย์ด้านนอก รักษาสภาพเก่าแก่ไว้ จึงไม่มีการทาสี หรือ ตกแต่งเพียงแต่ทางวัด พยายามรักษาสภาพเดิมไว้ให้มากที่สุด


ด้านหน้า เจดีย์พระพุทธบาท ก็จะมีวิหารใหม่ สีสดใส คือวิหารพระนาคปรก


บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 09:58:25 am »
0


หลังจากกราบ รอยพระพุทธบาทแล้ว ก็ถ่ายรูป เก็บภาพและเดินออกมาทางซ้าย มาชมจุดสำคัญของวัดนั่นก็คือ ถ้าพญานาค ตอนที่เดินอยู่ก็สงสัยว่า ไม่มีสถานที่ ๆ ดูแล้วจะมีถ้ำได้เลยนะ


เดินไปสักพักก็จะพบกับเพิงหิน 3 ก้อนที่ปินทับกันอยู่ โยมที่พาไปบอกว่า ถ้ำอยู่ที่ใต้ก้อนหินตอนนั้นก็ยืนมอง และคิดว่า มันน่าจะมีถ้ำได้ โยมจึงบอกว่าต้องเข้าไปดูใกล้ ๆ จะเป็นหลุมลงไปยังถ้ำ


พอเข้าไปถึงก็เห็นสภาพถ้ำจริง ๆ แต่ปากถ้ำถูกปิดด้วยตระแกรงเหล็กในภาพ เพื่อกันคนลงไป ถ้ำนี้โยมบอกว่า สามารถเดินไปออกเชิงเขาด้านล่างได้ แต่ต้องคลานบ้างหมอบบ้าง เขาเลยปิดปากทาง เพราะเป็นอันตราย กล่าวว่าเป็นที่ระบายน้ำลงไปด้วย

เรื่องแทรก





ก็ถ่ายรูปบริเวณปากถ้ำ ไว้เป็นที่ระลึก และมองออกไปหน้าถ้ำชมวิว ด้านหน้า ตรงนี้ได้นั่งกรรมฐานก็ดี เพราะอากาศเย็น และไม่มียุง มีลมพัดอ่อน ๆ


มองจากหน้าถ้ำตรงจุดที่นั่ง ก็ได้ภาพอย่างนี้ นะนับว่าเป็นจุดที่พักอารมณ์ชมวิว ที่ดีมาก ๆ จุดหนึ่ง


จากหน้าถ้าเดินออกมาก็จะเป็นลานพืนหินอย่างนี้ลาดลงไปถึงที่จอดรถ นะ ไม่ต้องไปมองว่าดินอยู่ตรงไหน เพราะภูลูกนี้ เป็นหินอย่างนี้ ต้นไม้ที่โตได้ต้องชอนรากลงไปในหินในดิน จึงจะอยู่รอด


ออกจากรอยพระพุทธบาท มุ่งสุู่อุทยานประวัติศาสตร์ หอนางอุสา ที่จริง ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่า หอนางอุสา คืออะไรนึกว่า เป็นเรือนไม้โบราณ ที่อยู่ของนาอุสา ลูกกษัตริย์ ประมาณนั้น ทางขึ้นไปหอนางอุสา ต้องเสียค่าผ่านทางเข้าอุทยานนะ แต่พระไม่ต้องเสียผ่านได้เลย ทางขึ้นไม่ชันมากแต่รถต้องใช้เกียร์ 1 และ 2 เพราะขับรถขึ้นภูนะ



สภาพทางขึ้น ถนนส่วนกันได้ จึงดูไม่มีอันตราย แต่คนขับของเราชำนาญยังต้องเปลี่่ยนเกียร์ไปมา รถอืดเป็นช่วง ๆ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 11:32:50 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 10:07:44 am »
0


ใช้เวลาจาก รอยพระพุทธบาทประมาณ 20 นาที ก็มาถึง ลานจอดรถอุทยานประวัติศาสตร์หอนางอุสา จุดแรกก็มีพิธภัณฑ์ MOdel มีเจ้าหน้าที่คอยบรรยายอยู่ที่นี่ หลายคน ทำให้นึกถึง ภูหินร่องกล้า ที่ พิษณุโลกเลย บรรยากาศการเดินทางไปจุดต่าง ๆ คล้ายกันมาก เป็นหินดิน ป่า ทางเดินแบบเดียวกัน มีจุดที่น่าสนใจ ป้ายบอกเช่นเดียวกัน


ถ้าใครอยากเดินเที่ยว ทั้งหมด ต้องมาแต่เช้า เดินหมดก็จะใช้เวลามากอยุ่ นะที่นี่ จุดสำคัญที่เป็นหัวใจของสถานที่ก็คือ หอนางอุสา และ จุดชมวิว ( จุดเสด็จ ) แต่เราไปได้เพียงหอนางอุสา ก็ร่วม ชั่วโมงกว่าแล้ว


เจ้าหน้าที่ขอร้องให้เราเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์ ก่อน จึงเข้าไปชมแต่ก็ไม่ได้ดูรายละเอียดมากนัก


model หอนางอุสา ขนาด ศอกกว่า ๆ ที่ทำให้เรารู้ว่า หอนางอุสา มีรูปร่างอย่างนี้ผิดจากที่คิดไว้ในตอนต้นเลย


เดินขึ้นมาสักประมาณ 80 เมตร ก็มีจุดขายของที่ระลึกอยู่ตรงนี้ แต่ไม่ได้แวะเข้าไปดู เนื่องด้วยคนขับรถบอกว่าอาจารย์ต้องรีบเดินนะ มิฉะนั้นจะไปไม่ถึงภูก้อน นะจะมืดมาก


เส้นทางเดินสะดวก เพราะมีการดูและประจำวันทุกวัน จะมีเจ้าหน้าที่ รับเหมาเก็บกวาดทำความสะอาดตามเส้นทางทุกวัน


เดินไป ก็จะมีป้ายบอก ไม่ต้องกลัวหลงทาง ถ้าไปตามทางนะ ถ้าลัดป่าไม่แน่ นะ


ตอนเดินขึ้นไป เป็นเวลา 11.20 น. แล้ว ทำให้อากาศร้อนมาก ต้องกางร่มเดินแล้ว

บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 10:31:56 am »
0


ระหว่างที่เดินขึ้นไป คุณโยมท่านนี้ก็มาอาสาเป็นไกด์ ให้กับเรา (อาจารย์ ให้ค่าน้ำ ยี่สิบบาทเอง) น้ำใจโยมที่ช่วยพาไป และบรรยายตามจุดต่าง ๆ นับว่ามีความรู้เพิ่มมากเกี่ยวกับสถานที่


ระหว่างที่เดินไปเรื่อย ๆ โยมก็พูดถึงประวัติศาสตร์ ของพระพุทธศาสนาที่เกี่ยวข้องกับหอนางอุสา แห่งนี้เริ่มกันตั้งแต่ยุคสุวรรณภูมิ คราเมื่อพระเถระชุดแรกเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนา เลย เริ่มตั้งแต่ ศรีทราวดี จาก นครศรีธรรมราช มาจนถึง ยุคนาอุสา ซึ่งมีความเคารพในพระพุทธศาสนา


กล่าวว่า บริเวณแห่งนี้นั้นเป็นวัดที่ผสมกับ เทวาลัยคือ พราหมณ์ ด้วยที่ตั้งบนภูนี้ มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์มีอายุ พันกว่าปี


โยมเดินไปก็เล่าประวัติศาสตร์ ต่างๆ ให้ฟัง จำได้เยอะแต่นำมาเขียนให้อ่านไม่ไหว เยอะมาก ดังนั้นเดี๋ยวจะพาพวกท่านที่เป็นศิษย์ไปที่นี่สักวัน ไปฟังกันเองนะจ๊ะ



ทางเดินเข้าไป จะมีระยะทางบอกไว้ด้วย แต่อย่าหวังว่าจะมีร่มไม้ ให้เดินนะ ถ้าเดินตามทางก็ต้องใส่หมวก หรือ กางร่ม เอาดังนั้นพวกนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินป่า จึงชอบเดินในป่า และ ก็จะหลงทางเป็นประจำ



ต้นไม้สูง ๆ ก็มีแต่พึ่งเงาอะไรไม่ได้ เพราะแห้งแกนอย่างนี้ หินทราย ฝนไม่ตกก็ไม่มีน้ำดังนั้น ถ้าคิดจะมาหาน้ำดื่มด้านบนไม่ต้องหวังนะจ๊ะ ต้องนำน้ำขึ้นมาด้วย


มาถึงตรงนี้ ก็ครึ่งทางแล้ว ก็ยังต้องเดินต่อไป และฟังประวัติศาสตร์จากโยมไปด้วย


มาถึงตรงจุดนี้ ไกด์เราก็บอกว่า อาจารย์ถ่ายภาพจากตรงจุดนี้ จะเห็นหอนางอุสาเต็มทาง กล่าวว่าเป็นจุดที่ยืนถ่ายรูปที่ดีที่สุด ที่บรรดาช่างภาพแต่ละท่านมาก็บอกว่าตรงจุดนี้ถ่ายภาพหอนางอุสา ได้มุมดีที่สุด

บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 10:40:14 am »
0


หลุมน้ำฝน ที่ใกล้ ๆ หอนางอุสา เราเห็นแล้วไม่กล้าวักน้ำขึ้นมาใช้เลยเพราะน้ำเขียวดำมาก



และก็เดินถึงหอนางอุสา แล้ว แต่ก็ผิดจากที่คิดว่า เดิมทีคิดว่าเป็นเรือนไทยแบบภาพอิสาณ แต่อันนี้เหมือนป้อมหินซะมากกว่า หอนี้กล่าวว่าทำเป็นที่พักให้กับนางอุสา เป็นห้องอยู่ด้านบน มีบันได้ขึ้นลง พอนอนพักอยู่ได้คนเดียว


อากาศร้อนมาก ถ้าไม่ได้ร่มช่วยคงตัวดำจริง ๆ แน่ อาจารย์ไปมาเที่ยวนี้มือแขนดำโดนแดดเผาเช่นกัน อากาศอิสาณช่วงนี้ร้อนนะจ๊ะไม่ใช่ฤดูหนาว และร้อนมากด้วย


หอนางอุสา ถ้าด้านข้างระยะ 50 เมตร



รอบ ๆ หอนี้ก็จะมีเสาหลักอย่างนี้ สันนิษฐานว่าเป็นเสาหลักบอกทิศ และ ใช้ดูเวลาด้วย


ไกด์อธิบายเป็นเรื่องของเวลา โดยการดูเงาแดดที่ทอดลงกับเสาเพื่อบอกเวลา เรียกว่าใช้ดุเวลาเมื่อยุคพันปี


บริเวณใกล้ ๆ ก็ยังมีป้ายหินบอกเขตอีกหลายแห่ง ตามสภาพ


เข้าไปดูระยะใกล้ที่สุดตรงทางขึ้น ซึ่งปัจจุบันนำบันไดออกแล้วกันนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปข้าบน
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 10:49:04 am »
0


จากหอนางแสดงให้เห็นว่า การก่อสร้างในยุคนั้น นิยมใช้ธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ คือใช้เพิงหินต่าง ๆ เหมือนถ้ำเป็นที่พัก ไม่นิยมสร้างบ้านเรือนด้วยอิฐหินปูนทราย อย่างในปัจจุบัน แน่ละสมัยนั้น ไม่มีปูนซีเมนต์อย่างปัจจุบัน นี่นะ คนโบราณจึงใช้การขุดหินทราบ หินศิลาแลง มาขึ้นรูป แต่บรรดาช่างก่อสร้างสมัยนั้นก็หาได้ยากด้วย


มองทางด้านตรงกันข้ามนี้ ก็เป็นเพียงหินสองก้อนตั้งซ้อนกันอยู่ เท่านั้นนะ


ที่เก็บศพ ก็จะใช้เพิงนี้ให้เป็นประโยชน์


ตรงนี้เป็นศาลาบำเพ็ญกุศลนะ มองแต่ไกลก็คือหินซ้อนกันอยู่เป็นรูป ตัว T เข้าไปแล้วกว้างขวางเย็นดี แถมอยู่มุมหน้าผา วิวดีด้วย



เข้ามายืนตรงนี้แล้วเย็น ยิ่งกว่าหลังคาตราช้างอีกนะ เพราะหลังคาเห็นหินหนา เป็นเมตร นี่ ต้องเย็นสิ แต่กันฝนดีหรือไม่ยังไม่ทราบ


ในนี้มีร่องรอยภาพวาด แบบผาแต้ม สลักและเขียนภาพสีแดง ลงไปตามผนัง มีร่อยรอยการจัดตั้งบูชาพระพุทธรูป สันนิษฐานว่า ตรงนี้เป็นวัดที่นางอุสา อุปถัมภ์ เพราะมีลานอุโบสถ วิหารอยู่ตรงนี้จำนวนมาก


ตรงนี้มีพระพุทธรูป สลักหินตั้งอยู่แต่ปัจจุบันหายไปแล้ว ด้วยนักล่าสมบัติ


ร่องรอยประวัติศาสตร์ที่ ต้องให้ไกด์พาชม และต้องสังเกต ถ้าไม่มีไกด์มาด้วยเราจะมอง ผ่าน ๆ แบบไม่รู้อะไรเลย

บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 11:01:35 am »
0


ทัศนียภาพ ที่ต้องเดินหา มุมต่าง ๆ เก็บภาพมาให้ท่านได้ชมกัน


ร่อยรอยประวัติศาสตร์ กับสิ่งที่หลืออยู่ เป็นเครื่องยืนยันว่า มีพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ตรงนี้อย่างน้อยก็ พันกว่าปี ถ้าเที่ยบกับไปที่ วัดหลวงปู่นาค หลวงปู่นาคสร้างจากทองสัมฤทธิ์ มีอายุ 1250 ปี ตามที่สันนิษฐานจาก กรมศิลป์ ประมาณนั้น น่าจะไล่เลี่ยกับยุคนางอุสา ด้วย แสดงให้เห็นว่าพระพุทธศาสนามาถึงตรงจุดนี้เป็นพันกว่าปีแล้ว


เดินชมศาลาหินต่าง ๆ ที่มีหลายหลัง อยู่ใกล้เคียงกัน ธรรมชาติบรรจง หรือ มีคนไปยกไปสร้างไว้ บางอย่างเราคิดว่ากำลังเรายกไม่ได้ จึงคิดว่าธรรมชาติสร้าง แต่พระอาจารย์เท่าที่มองดูนั้นหินเหล่านี้ เป็นการจัดยกขั้นมาวางตั้งเองเสียมากกว่า เพราะดูแล้วมันขัดหลักธรรมชาติ ที่นี้การจัดวางตั้งสมัยนั้นทำอย่างไร คนที่คิดว่าต้องใช้แรงคนม้า วัว ควาย อะไร ต่าง ๆ ก็ลืมไปกันว่า พระสงฆ์สมัยนั้น มีอิทธิฤทธิ์กันพอตัว เช่นพระอุปคุต สามเณรลึกลับ ที่มีประวัติในยุคนั้น ล้วนแล้วก็มีฤทธิ์แตกต่างกันไป อาจารย์เข้าว่า พระท่านใช้ฤทธิ์ยกวางตั้งไว้อย่างนี้ จึงมีสภาพศาลาธรรม ติดกันเป็นหลัง คล้าย ๆ กับมากอย่างนี้จำนวนหลายหลัง


พิจารณาให้ดี ว่าศาลาต่าง จะเป็นรูป หินตั้งแบบตัว T หลายหลัง ก็จะเป็นลักณณะนี้


แต่จะจริง จะเท็จอย่างไร เราก็ได้รู้ว่า ตรงจุดนี้เคยเป็นวัด และ เป็นชุมชนด้วยและคนที่นี่นับถือพระพุทธศาสนา ทั้งหมด ดูจากรูปปั้นแกะสลัก เป็นพระพุทธรูปปางต่าง ๆ


อาสน์สงฆ์ สำหรับทำบุญ


นั้งพักสบายตรงจุดนี้ กับด้านบนโปร่ง รับแดด



ขอบคุณท่านนิพนธ์ ที่ถ่ายภาพให้ตรงจุดนี้

บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 11:12:45 am »
0


จากตรงจุดที่นั่งมองออกไป ก็จะเห็นโบสถ์กลางแจ้ง ซึ่งมีหลักเสมาปักไว้บอกเขต แปดหลัก ตามทิศทั้ง 8


บริเวณนี้มีต้นจำปา อยู่จำนวนมาก สันนิษฐานว่าปลูกกันไว้ในเขตวัด ต้นจำปา นิยมในประเทศลาว บ้านเราเรียวกว่า ลั่นทม แต่ต่อมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า ลีลาวดี กลิ่นของดอกจำปานั้นเป็นกลิ่นที่พิเศษ มีความหอมแบบ ยะเยือก นะ ดังนั้นจะเห็นว่าบ้านเรานิยมปลูกในวัดกันมาก่อน ส่วนมากเขตป่าช้า จะมีอยู่เนื่องด้วยต้นจำปา สามารถปลูกได้บนดินหินทราย เพราะไม่ต้องใช้ดินมากดังนั้น ตามไหล่หิน ที่มีดินน้อยก็จะเห็นประปราย


ตรงนี้เรียกว่า วิหารใหญ่ มีบรรณิวหาร แต่ปัจจุบันหินหักกลางพักลงมา ใครจะดูตรงนี้ต้องมุดถ่ายภาพกันหลายจุด ก็ได้ไกด์ชี้นำให้ถ่ายภาพตามจุดต่าง ๆ


มุดเข้าไปในช่องแรก ถ่ายพระพุทธรูปแกะสลัก จุดที่หนึ่ง


จุดนี้ก็ต้องมุดส่วนปลายหน้าบรรณ หินเบียดกันสองก้อนพอมุดเข้าไปถ่ายรูปได้ ใช้กล้องยื่นเข้าไปนะ คนเข้าไม่ได้


ดังนั้นส่วนนี้จึงไม่ได้สูญหาย เพราะผ่านเข้าไปไม่ได้ต้องสกัดหันกันหนามาก จึงยังไม่ถูกโจรกรรม


ดูให้ดีนะ มีรูปแกะสลักอยู่ ไม่ใช่สมาธิ ดุเผิน ๆ ไม่เห็นหรอก ใครเห็นแล้วแสดงว่ามีบุญ ได้เห็น สมาธิดี ภาพนี้ขอสงวนไว้ไม่เฉลย



ดังนั้นที่วิหารที่พังมานี้ จึงมีรูปแกะสลัก ให้เราไว้ได้ศึกษาเป็นจำนวนมาก อย่างรูปนี้ก็เป็นรูป สลักสมเด็จนางพญา ที่มีอิทธิพลทางภาคกลางนะ สมเด็จนางพญา ที่โด่งดังสระบุรี ก็คือ สมเด็จนางพญาวัดดาวเสด็จ



บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 11:23:17 am »
0


ส่วนนี้ต้นแบบไม่มีเศียรทางกรมศิลป์ และอุทยาน ได้มาทำเศียรเสริมให้เห็นรูปเดิม ตั้งแต่คอขึ้นมา เพราะถูกโจรกรรมไป ตั้งแต่ส่วนคอ



อันนี้เป็นหน้าบรรณส่วนสุด ซึ่งสันนิษฐานบันทึกเรื่องราวการเข้ามาเผยแผ่พระพุทธศาสนา คราตติยสังคายนาครั้งที่ 3 มีกลุ่มพระโสณะ พระอุตระ 5 รูป และ อนุเถระ 30 รูป ครานั้นที่พระพุทธศาสนาได้เผยแผ่ออกไปที่ต่าง ๆ ทั่วโลก
แนะนำอ่านลิงก์นี้ เกี่ยวกับสายการเผยแผ่
สมณทูต 9 สาย สมัยพระเจ้าอโศก ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่าอย่างไร
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=5977.0




ศิลปะยังมีความสมบูรณ์ แต่ก็อยู่ในสภาพที่เสื่อมไปมากเหมือนกันตามอายุ


ยังพอปินป่าย ขึ้นไปชมได้ ดังนั้นหากใครต้องการศึกษา ศิลปะส่วนนี้ คงต้องอยู่กันหลายวัน เพราะมีภาพ หุ่นรอยแกะสลักให้เห็นอีกจำนวนมากที่เรายังถ่ายภาพมาไม่ได้ เพราะยังต้องลงไปดูอีกตามห้องต่าง ๆ


ส่วนทียังเหลืออยู่เป็นส่วนที่เข้าถึงได้ยาก เพราะต้องมุด ต้องปีน วัตถุโบราณเหล่านี้ จึงยังคงอยู่ให้เราได้เห็นจนปัจจุบัน


ตรงนี้เป็นโบสถ์ นะครับ พระอาจารย์ มีหลักเสมา 8 ต้น ( หลักนิมิต ) สำหรับกำหนดเขตสงฆ์ ทำสังฆกรรม สมัยก่อนตรงนี้จัดว่าเป็นที่เรียบ ถ้ามุงบังด้วยผ้า หรือใบไม้ หรือว่า ใช้ในตอนกลางคืน น่าจะเย็นและอบอุ่น


ศาลายุติธรรม ที่ตัดสินคดีความ


สังเกตว่ามีใบหินรอบศาลา นี้ 8 ต้นเช่นเดียวกัน ของเดิมทีขึ้นมานั้น ล้มทั้ง 7 ต้น ได้ตั้งใหม่ มีเพียงต้นเดียวที่ไม่ล้มและไม่ชำรุด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 11:29:02 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 01:21:56 pm »
0
อนูโมทนา กับพระอาจารย์ ที่นำเรื่องราวการเดินทาง มาถ่ายทอดครับ มีหลาย ๆ ภาพที่น่าสนใจมากครับ ถ้าถามว่าผมจะมีโอกาสไปเยือนอย่างนี้หรือไม่ ก็ตอบตามตรงว่า ด้วยงาน หน้าที่ ภาระ ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้ไปครับ วันนี้จึงขอตาม เส้นทางจาริก จากครูอาจารย์ ด้วยความเคารพ

  เท่าที่อ่านดูมาตั้งแต่วันแรก นี่ผมว่า พระอาจารย์ต้องมีค่าใช้จ่าย หลายพันบาท นะครับ ดังนั้นพวกเราที่มีโอกาสได้ชมภาพนี้ ต้องขอบคุณพระอาจารย์ที่นำภาพมาฝาก โดยเฉพาะผู้ที่มอบกล้องให้พระอาจารย์ เพราะเท่าที่ผมติดตามมาสองปี จึงทราบว่าพระอาจารย์ไปหลาย ๆ ที่แต่ไม่ได้ถ่ายภาพ เนื่องด้วยไม่มีกล้อง


   st11 thk56
บันทึกการเข้า

MICRONE

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 310
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2013, 04:25:15 pm »
0
 st11
น่าจะยังไม่จบ ใช่หรือไม่คะ เห็นภาพใน Facebook มีอีกมากเลย แต่ชอบอ่านประกอบภาพด้วยคะ

 thk56
บันทึกการเข้า
อบอุ่นใจด้วยคุณธรรม จุดเล็ก ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม

Roj khonkaen

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 414
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 09:03:34 am »
0
อนุโมทนากับพระอาจารย์ นะคะ ขอตอบภาพแกะสลักค่ะอยากดูว่าลูกศิษย์คนนี้จะมีสมาธิมีบุญหรือไม่  ภาพนี้เป็นรูปใบหน้า เห็นรูปดวงตาแวววาวชัดเจนค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 09:09:25 am โดย Roj khonkaen »
บันทึกการเข้า

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 10:14:37 am »
0
อนูโมทนา กับพระอาจารย์ ที่นำเรื่องราวการเดินทาง มาถ่ายทอดครับ มีหลาย ๆ ภาพที่น่าสนใจมากครับ ถ้าถามว่าผมจะมีโอกาสไปเยือนอย่างนี้หรือไม่ ก็ตอบตามตรงว่า ด้วยงาน หน้าที่ ภาระ ก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้ไปครับ วันนี้จึงขอตาม เส้นทางจาริก จากครูอาจารย์ ด้วยความเคารพ

  เท่าที่อ่านดูมาตั้งแต่วันแรก นี่ผมว่า พระอาจารย์ต้องมีค่าใช้จ่าย หลายพันบาท นะครับ ดังนั้นพวกเราที่มีโอกาสได้ชมภาพนี้ ต้องขอบคุณพระอาจารย์ที่นำภาพมาฝาก โดยเฉพาะผู้ที่มอบกล้องให้พระอาจารย์ เพราะเท่าที่ผมติดตามมาสองปี จึงทราบว่าพระอาจารย์ไปหลาย ๆ ที่แต่ไม่ได้ถ่ายภาพ เนื่องด้วยไม่มีกล้อง


   st11 thk56

  st12  ที่ท่านหลายยังได้เห็นสาระ ในภาพที่นำมาฝากกัน

  ส่วนค่ารถ ค่าเดินทาง สองรูป 8000 กว่าบาท นะงานนี้ ดังนั้นภาพที่ถ่ายมา จึงมีราคามาก อย่าคิดว่าเป็นภาพฟรี ทุกอย่างมีค่าใช้จ่าย ส่วนค่าใช้จ่าย 80 เปอร์เซ็นต์ เป็นค่าพาหนนะ

   


   ในรูป ก็เป็นค่าตั๋ว พื้นฐาน ที่ตั่วหายก็ยังมีอีก หลายใบ ค่าสามล้อ รอบนี้หลายบาท ค่าน้ำมัน เหมาจ่ายอีก และยังทำบุญใน สถานที่ต่าง ๆ รวมทั้งชำระหนี้สงฆ์ บริจาค ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า สถานที่ไปพัก ถ้าว่าไปแล้ว บริจาคเท่ากับนอนโรงแรมห้องดี ๆ ได้สบาย เลย แต่เป็นพระต้องนอนวัด นอนศาลา ไปนอนแบบชาวบ้านไม่ได้ เรื่องก็เรื่องยุ่ง ไหนจะเรื่องการฉันอาหารอีก ก็นับว่ายุ่งพอสมควร ทุกวันก็ฉันมื้อเดียว หลายวัดที่ไปนอนไม่มีอาหารให้ฉัน ต้องซื้อฉันเอง นะอย่าเข้าใจว่าไปนอนวัดแล้วมีอาหารฉัน ที่ไปได้ฉันเป็นทางการมีเพียงวัดเดียวคือ วัดโพธิ์ชัยศรี นอกนั้นต้องซื้อฉันหมด ทุกวัดเลย รวมถึงน้ำดื่ม น้ำปานะ ด้วย แต่ได้เปรียบตรงที่ว่า สายปฏิบัติฉันมื้อเดียวฉันง่าย ๆ ไม่เรื่องมาก ข้าวราดแกงจาน ก็ได้แล้ว


    พระไม่ได้ขึ้นรถฟรี นะจ๊ะ เก็บตังค์ทุกคน ไม่่ว่าจะเป็นทัวร์ สามล้อ รถเมล เสียค่าเดินทางทั้งหมดนะจ๊ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 10:23:16 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
พูดถึงเรื่องการฉันเสียหน่อย ตอนที่เิดินทางจากสระบุรี ไปรอรถ ที่ โคราช ศูนย์นอกนั้น ร้านอาหารเป็นร้าน ไม่มีการเสิรฟ์ ผู้ซื้อต้องแลกคูปอง หรือ จ่ายเงินสด ตรงจุดขาย และก็เดินถืออาหารไปนั่งตามโต๊ะ สำหรับฆราวาสมองเห็นเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่อง ธรรมดา แต่สำหรับพระแล้ว กลายเป็นเรื่องยุ่ง ขึ้นมาทันที เพราะวินัยสงฆ์ ห้ามทำอย่างนั้น คือไปเดินจับจ่าย ถือถาดอาหาร ผิดสมณสารูป เสขิยวัตร ปรับอาบัติเล็กน้อย แต่จัดว่าเป็นเรื่องของมารยาท

   ในวันนั้น เราสองรูป ก็ซื้ออาหารข้าวราดแกงองค์ละจาน ๆ ละ 35 บาท แต่เราไม่ได้เดินไปรับอาหาร เข้าใจว่าโยมจะมาส่งแบบร้านทั่วไป แต่นั่งรออยู่นาน ก็ไม่ได้มาส่งจึงวานให้โยมที่อยู่ข้าง ๆไปช่วยถามและนำมาให้ สรุปต้องใช้โยมไปนำมา

    แต่ก็มีพระอีกรูปหนึ่ง นัยว่าเหมือนพระบวชใหม่ ท่านไปเดินรับนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ และเราก็ได้ยินเสียงคนขายพูดมาลอย ๆ ว่า พระตรงนู้น (ที่อ่านหนังสือพิมพ์ อยู่ )ไม่เรื่องมาก เดินมารับอาหารเองยกเอง ทำเอง แต่พระ 2 องค์นู้นเรื่องมาก ต้องให้คนมายกให้

     ตรงนี้อยากจะสรุปให้ท่านทั้งหลายที่วิจารณ์พระ แต่อยากถามว่า ท่านช่วยอะไรพระสงฆ์บ้าง ในขณะที่ท่านวิจารณ์พระสงฆ์ ท่านที่จริงเพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ ทำตนไม่ทุกข์ร้อนเพียงแค่ มองและตำหนิ ไม่เคยคิดจะช่วยอำนวย วินัยให้สงฆ์ให้ถูกต้อง คนอย่างนี้มีเยอะมากและก็มากจนคนดีทั้งหลายไม่กล้าขยับตัวมาช่วยเหลือ

    เรื่องนี้เล่าไว้ ไม่มีบทสรุป ได้ยินสักว่าได้ยิน แต่อย่างน้อยก็รู้มุมมองของคนขายในปัจจุบันว่า ไม่ได้สนใจในเรื่องวินัยสงฆ์ แบบเมื่อก่อน เพียงแต่คิดจะค้าขายเท่านั้น ไม่ได้มองว่าการขายอาหารให้พระเป็นบุญ มองแต่เป็นกำไร เพียงอย่างเดียว และตัดสินความเหมาะสม หรือ ไม่เหมาะสมตรงที่ความสะดวกของตนเอง

   เรื่องนี้เล่าให้ ไว้ ให้กับศิษย์ทุกท่านที่เดินทาง เพราะอาจารย์มีชีิวิตเดินทางบ่อยครั้ง และ เห็นเรื่องกระทบกับตนเองนี้หลายครั้ง ทุกอย่างเป็นที่ศรัทธา และ ความรู้

    มีโยมคนหนึ่งพูดใกล้ ๆ ให้เราได้ยินว่า เป็นพระเดินทางก็น่าจะเดินเอา ไม่ต้องมาึขึ้นรถ อาหารก็น่าจะบิณฑบาตฉัน เอง ไม่ต้องมาซื้อ ถ้าไม่มีใครใส่ก็ต้องยอมอด ถ้าอดไม่ได้ก็สึกไปซะ และที่จริงพระไม่ควรจะเดินทางไปไหนมาไหน ควรอยู่กับที่ เพราะหน้าที่ของพระคือการปฏิบัติ เพื่อสละกิเลส มิใช่บวชมาเพื่อสนองกิเลสตนเอง

    เล่าเรื่องนี้ แต่ไม่ต้องต่อสังขารให้วุ่นวาย เพียงแต่ให้รับทราบว่า คนที่พูดอย่างนี้ ก็มี ...  อย่าคิดว่า ใคร ๆ จะอนุโมทนา กับเราทุกเรื่อง

    แม้แต่เรื่องเว็บ อาตมา ( อาจารย์ ) เองก็โดนโจมตี เรื่องพระใช้ อินเตอร์เน็ต ไม่ใช่หน้าที่สงฆ์ ทุกวันมีจดหมาย ส่งมาให้อ่านอย่างนี้ทุกวัน บางท่านใส่คำหยาบคาย ด่าเรายิ่งกว่าเป็นพ่อเป็นแม่เราอีก นะจ๊ะ แต่ที่บอกไว้ เพียงให้ทราบแต่อย่าไปใส่ใจ

    ที่สำคัญ ก็จะมุ่งมั่นทำตามปณิธาน เดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ใครมีวาสนา ก็ มาสนทนากัน ใครไม่มีวาสนา ร่วมกันกับเรา ก็ย่อมไม่ได้สนทนากัน เรียนกรรมฐานด้วยกัน เพราะว่า อาตมา ( อาจารย์ )เป็นเหมือนเทียนที่จุดขึ้นแล้วก็ย่อมมลายหมดไป ในภายภาคหน้า ก็คงรอท่านทั้งหลาย มาสืบสานปณิธาน กันไว้ เป็นการสั่งสมบารมีต่อไป

   เจริญธรรม / เจริญพร


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 10:49:53 am โดย arlogo »
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 10:53:59 am »
0
st11
น่าจะยังไม่จบ ใช่หรือไม่คะ เห็นภาพใน Facebook มีอีกมากเลย แต่ชอบอ่านประกอบภาพด้วยคะ

 thk56

   มีต่ออีกตอน คลิ๊กที่ลิงก์นี้

   ไปวนอุทยานรอยพระพุทธบาทบ่อบก ต่อ ตอนที่ 2
   http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=10152
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

arlogo

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +101/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 1176
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 10:55:46 am »
0
อนุโมทนากับพระอาจารย์ นะคะ ขอตอบภาพแกะสลักค่ะอยากดูว่าลูกศิษย์คนนี้จะมีสมาธิมีบุญหรือไม่  ภาพนี้เป็นรูปใบหน้า เห็นรูปดวงตาแวววาวชัดเจนค่ะ

   ให้่ใช้สมาธิ ให้มากขึ้นอีกนิด ยังตอบไม่ถูก
บันทึกการเข้า
แสงสว่างเกิดขึ้นแล้วแต่เรา ปัญญาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา วิชชาเกิดขึ้นแล้วแต่เรา

timeman

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 91
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: ไปอุทยาน รอยพระพุทธบาทบ่อบก และ หอนางอุสา 11 ก.พ. 56
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 19, 2013, 11:18:30 am »
0
 st11 st12 thk56
บันทึกการเข้า
ทะลุมิติ มาหา ความจริง ของตัวเอง