ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - meditation
หน้า: [1]
1  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://saengsantisuk.com ธรรมสถานแสงธรรม สันติสุข ( กทม และ บางไทร ) เมื่อ: กุมภาพันธ์ 25, 2013, 05:50:28 pm



http://saengsantisuk.com
ธรรมสถานแสงธรรม สันติสุข ( กทม และ บางไทร )



ขอต้อนรับทุกท่านเ้ข้าสู่ ธรรมะสถานแสงสันติสุข ที่เน้นการปฏิบัติธรรมแบบสั้น ง่าย ได้ผลไว ไม่ต้องหลับตา  ไม่ต้องค้าง ไม่มากพิธี ไม่มีเงื่อนไข ฝึกได้ทุกอิริยาบท  ด้วยการฝึกจิตภาวนา "ยิ้มไว้ ไม่ทุกข์ สนุกดี" หรือ "จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด ยิ้มไว้ ไม่ทุกข์ สนุกดี" กับ พระครูปลัดสมบูรณ์ สันติกะโร หรือที่ญาติธรรมเรียกติดปากว่า พระอาจารย์สันติกะโร ภิกขุ ที่นำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา มาประยุกต์ใช้เป็นคติธรรมะที่สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประวัน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกสถานที่ ทุกเวลา และทุกสถานการณ์
ซึ่งการณ์ฝึกจิตภาวนา ยิ้มไว้ ไม่ทุกข์ สนุกดี สามารถทำให้ผู้ที่นำไปปฏิบัติใช้ได้ผลดี และประสบความสำเร็จ มานับไม่ถ้วน สามารถยิ้มกันได้อย่างมีความสุขทุกคน ทั้งด้านครอบครัว การงาน การเงิน ความรัก และโรคภัยไข้เจ็บ  สามารถยืนยันได้จากปากของผู้ที่ประสบผลสำเร็จจริง และผู้ปฏิบัติธรรม 1,000 กว่าคน/อาทิตย์


จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น คุณมาลินี เทียมทัน พิธีการคนสำคัญของธรรมสถาน ได้กล่าวไว้ "จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ยิ้มไว้ ไม่ทุกข์ สนุกดี  เป็นการภาวนาเพื่อให้จิตเกิดสมาธิ เมื่อจิตมีสมาธิก็จะเกิดปัญญา เมื่อปัญญาเกิดก็สามารถหาทางออก  เมื่อปัญญาเกิดก็สามารถคิดทำในสิ่งที่ดีและผลที่เกิดก็มีแต่สิ่งที่ดี

 

สำหรับข้้อท้ายสุด มีผู้ปฏิบัติธรรมหลายท่านปฏิบัติธรรมด้วยการภาวนา "ยิ้มไว้ ไม่ทุกข์ สนุกดี" ท่องไปยิ้มไปแล้วสามารถทำให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างน่าอัศจรรย์  ผู้เขียนขออธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ด้วยการหยิบยก  มาเพื่อเป็นการอธิบายว่า ธรรมะของพระพุทธเจ้าสามารถอธิบายได้สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์

ศาสตร์ของการยิ้ม นอกจากเพื่อสังคมแล้ว
การยิ้มคือยาขนานหนึ่งที่จะบรรเทาปัญหาสุขภาพ
มายิ้มกันเถอะ...
2  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ไปวัดแล้วได้อะไร กันกลับมา บ้างคะ นอกจากคำว่า ได้บุญ เมื่อ: มกราคม 15, 2013, 01:55:55 am
บุญ เป็นสิ่งที่เราพยายามทำกันมาตลอดคะ ซึ่งมีรูปแบบของ บุญ ถึง 10 ประการ ตามบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ ดังนั้น ก็อดจะสงสัยไม่ได้ว่า บุญ ที่เราทำนั้นสามารถวัดออกมาเป็นปริมาณ ได้หรือไม่คะ ว่า เต็มพร่อง อย่างไร คือสมมุติ ไปวัด 10 ครั้งได้บุญ 1 แต้ม ถ้าไปนิพพานนั้น ต้องทำบุญ กันกี่แต้ม คะ ถึงจะเรียกว่า บุญบารมี เต็ม...

   :smiley_confused1: st12 ขอให้คนที่ตอบคนแรก ถึง คนที่ 5 ได้บารมี มาก ๆ คะ

   thk56
3  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / คนแท้ไม่ท้อ - พระมหาสมปอง เมื่อ: สิงหาคม 05, 2012, 08:49:23 pm


ฟังแล้วจะได้มีกำลังคะ

  :25: :25: :25:
4  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อยากทราบขั้นตอนการออกกรรมฐาน ที่ถูกต้องทำอย่างไร คะ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2012, 08:17:56 pm
อยากทราบขั้นตอนการออกกรรมฐาน ที่ถูกต้องทำอย่างไร คะ

 คือปกติฝึกปฏิบัติมาก็ไม่เคยกำหนดอะไรในการออกกรรมฐาน เลยคะ คือจะออกก็หยุดไปธรรมดา ปกติทุกครั้ง แต่เคยได้ยินผู้รู้กล่าวว่า ถ้าเราไม่กำหนดออกจากกรรรมฐาน จะทำให้อารมณ์กรรมฐานค้างคะ

  เลยอยากให้ช่วยแนะนำขั้นตอนการออกกรรมฐาน ที่ทำได้ง่าย ๆ ด้วยคะ

 สาธุ ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำนะคะ

 ( หมายเหตุ ประสบกับปัญหาคือถามไปทางเมล แล้วพระอาจารย์ยังไม่ได้ตอบคำถามคะ นานมากแล้วคะ )

 :25: :c017:
5  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะนี้ การกล่าวก่อนและการกล่าว ตามกัน ๑๐ ประการ เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2011, 08:41:54 am
[๒๘๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงสำคัญ
ที่จะติเตียน คัดค้านธรรมบรรยายมหาจัตตารีสกะนี้ การกล่าวก่อนและการกล่าว
ตามกัน ๑๐ ประการ อันชอบด้วยเหตุของสมณะหรือพราหมณ์ผู้นั้น ย่อมถึง
ฐานะน่าตำหนิในปัจจุบันเทียว ถ้าใครติเตียนสัมมาทิฐิ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญ
ท่านสมณพราหมณ์ผู้มีทิฐิผิด ถ้าใครติเตียนสัมมาสังกัปปะ เขาก็ต้องบูชา
สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีสังกัปปะผิด ถ้าใครติเตียนสัมมาวาจา เขาก็ต้อง
บูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีวาจาผิด ถ้าใครติเตียนสัมมากัมมันตะ
เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีการงานผิด ถ้าใครติเตียนสัมมา-
*อาชีวะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีอาชีวะผิด ถ้าใครติเตียน
สัมมาวายามะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีความพยายามผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาสติ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีสติผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาสมาธิ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีสมาธิผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาญาณะ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มีญาณผิด
ถ้าใครติเตียนสัมมาวิมุตติ เขาก็ต้องบูชา สรรเสริญท่านสมณพราหมณ์ผู้มี
วิมุตติผิด ฯ



มหาจัตตารีสกสูตร (๑๑๗)

6  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ผู้ที่ทำให้ พระสัทธรรม เลือนหาย คือ ใคร ? เมื่อ: พฤศจิกายน 15, 2011, 08:31:51 am
[๕๓๓] ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ
น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษใน
โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะ
อัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้ ฯ "
7  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / มีใครเคยลองทำ สมาธิ โต้รุ่งบ้าง คะ เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2011, 08:14:06 pm
คือ เคยคิดว่า จะลองทำสมาธิ โต้รุ่ง ถึงเช้า เลยคะ ออกจากสมาธิ แล้วไปทำงานเลยคะ

แต่ความง่วง :ก็มักจะบอกว่า อย่าเลย เดี๋ยวทำงานไม่ได้ จะเอาชีวิตการงานไปเสี่ยงกับการภาวนาไม่คุ้ม นะจ๊ะ:

 เพราะจิต เจตนา ได้คิดอย่างนี้ จึงไม่ได้ลองทำเสียที

 จึงอยากสอบถาม ผู้มีประสบการณ์ตรง เลยคะ ( น่าจะมีหลายท่าน ในห้องนี้ )

 ว่า ถ้าเราต้องการนั่งกรรมฐาน โตุ้รุ่ง กันอย่างนี้เราต้องเตรียมตัวอย่างไร คะ

  แล้ว ควรใช้ กรรมฐานอะไร คะ ที่ภาวนาได้ถึง รุ่งเช้า โดยไม่ง่วงนอนและไม่ต้องไปนอนต่อ นะคะ

 คือสนใจวิชากรรมฐาน ส่วนนี้มากคะ

 :25: :25: :25: :c017:
8  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://watbanpan.net/main/ วัดบ้านแพน เมื่อ: กันยายน 25, 2011, 09:17:19 am


http://watbanpan.net/main/ 
วัดบ้านแพน




ประวัติ หลวงพ่อพูน ฐิตสีโล (พระครูสุวรรณศีลาธิคุณ) ชาติภูมิ

พระครูสุวรรณศีลาธิคุณ หรือหลวงพ่อพูน ฐิตสีโล มีนามเดิมว่า ทองพูน นามสกุล สัญญะโสภี ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕ (แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก) โยมบิดาชื่อแบน โยมมารดาชื่อสมบุญ สัญญะโสภี ณ บ้านสามกอ หมู่ ๑ ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

อ่านต่อ
http://watbanpan.net/main/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%B9%E0%B8%99-%E0%B8%90%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%A5/

9  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / อจ.ทองทิพย์ ร่วมในงานพิธีบวงสรวง หล่อพระอุปคุต-พระสังกัจจายน์ ชมภาพบรรยากาศ เมื่อ: กันยายน 05, 2011, 10:09:24 am


จากภาพในพิธี หลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร เป็นประธานสงฆ์ เจริญพระพุทธมนต์
และ อาจารย์ ทองทิพย์ โอภาโส จุด ธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยด้านใน คะ



พระอาจารย์ สนธยา ธัมมะวังโส ( เป็นพระผู้ทำหน้าที่แทน หลวงพ่อพระครู ตอนเททองหล่อ )
มีอาจารย์ทองทิพย์  และ อาจารย์หัตถา และ เจ้าภาพ ร่วมในพิธี คะ

คนมากจริงๆ คะ ยังไม่ได้เข้าไปกราบนมัสการพระอาจารย์เลยคะ

ขอบคุณภาพและเนื้อหา จากเว็บ อาจารย์ทองทิพย์ด้วยคะ

http://www.a-thongtip.com/wboard_comment.php?catid=10&wbh=419

เครดิต เขียนโดย yakza ,
10  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / หากมีผู้กล่าว บทกวี สมาธิ อย่างนี้ ทุกท่านมีความเห็นอย่างไร ? เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 07:45:20 am

ที่มาของภาพ http://www.gotoknow.org/blog/aoyyala/151162


อยากทราบ ความคิดเห็นของสมาชิก ชาวกรรมฐาน ด้วยคะ
11  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มหาสุบิน เมื่อ: สิงหาคม 01, 2011, 07:47:14 am
อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต จตุตถปัณณาสก์ พราหมณวรรคที่ ๕
๖. สุบินสูตร

               อรรถกถาสุปินสูตรที่ ๖               
               พึงทราบวินิจฉัยในสุปินสูตรที่ ๖ ดังต่อไปนี้ :-
               บทว่า มหาสุปินา ความว่า ชื่อว่า มหาสุบิน เพราะบุรุษผู้ใหญ่พึงฝัน และเพราะความเป็นนิมิตแห่งประโยชน์อันใหญ่. บทว่า ปาตุรเหสุ ํ แปลว่า ได้ปรากฏแล้ว.
               ในบทนั้น ผู้ฝันย่อมฝันด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ เพราะธาตุกำเริบ ๑ เพราะเคยเป็นมาก่อน ๑ เพราะเทวดาดลใจ ๑ เพราะบุรพนิมิต ๑.
               ในฝันเหล่านั้น คนธาตุกำเริบ เพราะดีเป็นต้น เป็นเหตุทำให้กำเริบย่อมฝัน เพราะธาตุกำเริบ และเมื่อฝัน ย่อมฝันหลายอย่าง เช่น ฝันว่าตกจากภูเขา ว่าไปทางอากาศ ว่าถูกเนื้อร้าย ช้างและโจรเป็นต้นไล่ตาม.
               เมื่อฝันโดยเคยเป็นมาก่อน ย่อมฝันถึงอารมณ์ที่เป็นมาแล้วในกาลก่อน.
               สำหรับผู้ฝันโดยเทวดาดลใจ ทวยเทพบันดาลอารมณ์หลายอย่าง เพราะประสงค์ดีก็มี เพราะประสงค์ร้ายก็มี
               เมื่อฝันโดยบุรพนิมิต (ลางบอกล่วงหน้า) ย่อมฝัน อันเป็นบุรพนิมิตของประโยชน์หรือของความพินาศที่ประสงค์จะเกิดด้วยอำนาจบุญ และบาป ดุจพระชนนีของพระโพธิสัตว์ ได้นิมิตในการได้พระโอรส ดุจพระเจ้าโกศลทรงฝันเห็นสุบิน ๑๖ และดุจพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้แล ครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ทรงฝันเห็นมหาสุบิน ๕ ประการนี้.
               ในฝันเหล่านั้น ฝันเพราะธาตุกำเริบ และเพราะเคยเป็นมาก่อนไม่จริง. ฝันเพราะเทวดาดลใจ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพราะว่า เทวดาทั้งหลายโกรธขึ้นมา ประสงค์จะให้ถึงความพินาศด้วยอุบาย จึงแสร้งทำให้ผิดปกติ. แต่ฝันเพราะบุรพนิมิต เป็นจริงโดยส่วนเดียวแท้.
               แม้เพราะความเกี่ยวข้องของมูลเหตุ ๔ อย่างเหล่านี้ต่างกัน ฝันจึงต่างกันไป ฝันแม้ทั้ง ๔ นั้น พระเสกขะและปุถุชนย่อมฝัน เพราะยังละวิปัลลาสไม่ได้. พระอเสกขะไม่ฝัน เพราะละวิปัลลาสได้แล้ว.
               ก็เมื่อฝันนั้น หลับฝัน ตื่นฝัน หรือว่าไม่หลับไม่ตื่นฝัน.
               ในข้อนี้มีอธิบายได้อย่างไร
               ผิว่าหลับฝันก็ผิดอภิธรรม ด้วยว่าสัตว์ย่อมหลับด้วยภวังคจิต ภวังคจิตนั้นหามีรูปนิมิตเป็นต้นเป็นอารมณ์ หรือสัมปยุตด้วยราคะเป็นต้นไม่ จิตเช่นนี้ย่อมเกิดแก่ผู้ฝัน หากตื่นฝันก็ผิดวินัย เพราะว่าฝันที่ตื่นฝันด้วยจิต เป็นอัพโพหาริก (เห็นเหมือนไม่เห็น) จะไม่เป็นอาบัติไม่ได้ เพราะล่วงละเมิดด้วยจิตเป็นอัพโพหาริก เพราะแม้ผู้ฝันทำล่วงละเมิดก็ไม่เป็นอาบัติโดยส่วนเดียวเท่านั้น. เมื่อไม่หลับไม่ตื่นฝัน ชื่อว่าไม่ฝัน ก็เมื่อเป็นอย่างนี้ จึงไม่มีฝันและจะไม่มีก็ไม่ใช่. เพราะเหตุไร เพราะผู้ฝันเข้าสู่ความหลับดุจลิง.
               สมดังที่พระนาคเสนกล่าวไว้ว่า มหาบพิตร ผู้ที่หลับดุจลิงแลย่อมฝัน.
               บทว่า กปิมิทฺธป เรโต ได้แก่ ประกอบแล้วด้วยการหลับของลิง. เหมือนอย่างว่า การหลับของลิงเป็นไปเร็วฉันใด การหลับที่ชื่อว่าเป็นไปเร็ว เพราะแทรกแซงด้วยจิตมีกุศลจิตเป็นต้นบ่อยๆ ก็ฉันนั้น ในความเป็นไปของการหลับใด จิตย่อมขึ้นจากภวังค์บ่อยๆ ผู้ประกอบแล้วด้วยการหลับนั้นย่อมฝัน.
               ด้วยเหตุนั้น ฝันนี้จึงเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง อัพยากฤตบ้าง. ในฝันนั้นพึงทราบว่า เป็นกุศลแก่ผู้กระทำการไหว้เจดีย์ ฟังธรรมและแสดงธรรมเป็นต้น เป็นอกุศลแก่ผู้ทำปาณาติบาตเป็นต้น พ้นจากสองอย่างนั้นเป็นอัพยากฤตในขณะอาวัชชนจิตนึก และขณะตทาลัมพนจิตยึดฝันนั้นเป็นอารมณ์. ฝันนี้นั้นเพราะมีวัตถุเป็นทุรพล จึงไม่สามารถจะชักปฏิสนธิของเจตนามาได้ ก็เมื่อเป็นไปแล้ว ฝันอันกุศลและอกุศลอื่นอุปถัมภ์ไว้ย่อมให้วิบาก ให้วิบากก็จริง ถึงอย่างนั้น เจตนาในฝันก็เป็นอัพโพหาริก คือกล่าวอ้างไม่ได้เลย เพราะเกิดในที่อันมิใช่วิสัย.
               ก็สุบินนี้นั้น แม้ว่า โดยเวลาฝันในเวลากลางวัน ย่อมไม่จริง. ในปฐมยาม มัชฌิมยามและปัจฉิมยามก็เหมือนกัน. แต่ตอนใกล้รุ่ง เมื่ออาหารที่กินดื่มและเคี้ยวย่อยดีแล้ว โอชะอยู่ตามที่ในร่างกาย พออรุณขึ้น ความฝันย่อมจริง. เมื่อฝันอันมีอิฏฐารมณ์เป็นนิมิต ย่อมได้อิฏฐารมณ์ เมื่อฝันมีอนิฏฐารมณ์เป็นนิมิต ย่อมได้อนิฏฐารมณ์.
               ก็มหาสุบิน ๕ เหล่านี้ โลกิยมหาชนไม่ฝัน มหาราชาทั้งหลายไม่ฝัน พระเจ้าจักรพรรดิทั้งหลายไม่ฝัน อัครสาวกทั้งหลายไม่ฝัน พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ฝัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายก็ไม่ฝัน พระสัพพัญญูโพธิสัตว์พระองค์เดียวเท่านั้นย่อมฝัน.
               ถามว่า ก็พระโพธิสัตว์ของเราทรงฝันเห็นสุบินเหล่านี้เมื่อไร.
               ตอบว่า ทรงฝันในเวลาราตรีกระจ่างของวันขึ้น ๑๔ ค่ำ โดยรู้พระองค์ว่า พรุ่งนี้เราจักเป็นพระพุทธเจ้า. อาจารย์บางพวกกล่าวว่า วันขึ้น ๑๓ ค่ำก็มี.
               พระองค์ทรงฝันเห็นสุบินเหล่านี้แล้ว ทรงลุกขึ้นประทับนั่งขัดสมาธิ ทรงดำริว่าถ้าเราฝันเห็นสุบินเหล่านี้ในกรุงกบิลพัสดุ์ จะกราบทูลพระชนก หากพระชนนีของเรายังทรงพระชนม์อยู่ เราก็จะทูลพระชนนี แต่ในที่นี้ไม่มีผู้จะทำนายสุบินเหล่านี้ได้ จำเราผู้เดียวจักทำนาย.
               แต่นั้นพระโพธิสัตว์ทรงทำนายสุบินด้วยพระองค์เองว่า สุบินนี้จักเป็นบุรพนิมิตของสิ่งนี้ สุบินนี้จักเป็นบุรพนิมิตของสิ่งนี้แล้ว เสวยข้าวมธุปายาสที่นางสุชาดาในอุรุเวลคามถวาย เสด็จขึ้นสู่โพธิมัณฑสถาน ทรงบรรลุสัมโพธิญาณ ประทับอยู่ ณ พระเชตวันตามลำดับ เพื่อยังมหาสุบิน ๕ ที่พระองค์เห็นแล้วในมกุฬพุทธกาล (เวลาก่อนเป็นพระพุทธเจ้ามกุฏพุทธะ) ให้พิสดาร จึงตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้วทรงเริ่มเทศนานี้.
               ในบทเหล่านั้น บทว่า มหาปฐวี ได้แก่ แผ่นดินใหญ่ตั้งอยู่เต็มท้องจักรวาล.
               บทว่า มหาสยนํ อโหสิ ได้แก่ เป็นที่สิริไสยาสน์.
               บทว่า โอหิโต คือ วางไว้แล้ว. ก็พระหัตถ์นั้นพึงทราบว่ามิได้วางไว้เหนือน้ำ ที่แท้พาดไปเบื้องบนๆ ของมหาสมุทรด้านทิศปราจีนแล้ววางลงที่สุดแห่งจักรวาลด้านทิศปราจีน.
               แม้ในบทเหล่านี้ว่า ปจฺฉิเม สมุทฺเท ทกฺขิเณ สมุทฺเท ดังนี้ก็นัยนี้เหมือนกัน.
               ท่านเรียกว่า ทัพพติณะ (คือหญ้าคา) ในบทว่า ติริยา นาม ติณชาติ.
               บทว่า นาภิยา อุคฺคนฺตฺวา นภํ อาหจฺจ ฐิตา อโหสิ (หญ้าผุดจากพระนาภีตั้ง จดฟ้า) ความว่า หญ้าผุดขึ้นจากพระนาภีเป็นท่อนไม้สีแดงขนาดเท่าคันไถแล้วพุ่งขึ้นๆ อย่างนี้ คือคืบหนึ่ง ๓ ศอก วาหนึ่ง ยัฏฐิ (ไม้เท้า) หนึ่ง คาวุตหนึ่ง กึ่งโยชน์ โยชน์หนึ่งแล้วตั้งจดฟ้าหลายพันโยชน์ ทั้งที่เห็นอยู่นั่นแล.
               บทว่า ปาเทหิ อุสฺสกฺกิตฺวา ได้แก่ หนอนไต่พระบาทตั้งแต่ปลายพระนขา.
               บทว่า นานาวณฺณา ความว่า นกมีสีต่างๆ กันอย่างนี้คือตัวหนึ่งสีเขียว ตัวหนึ่งสีเหลือง ตัวหนึ่งสีแดง ตัวหนึ่งสีเหมือนใบไม้แห้ง.
               บทว่า เสตา ได้แก่ สีขาว คือ ขาวปลอด.
               บทว่า มหโต มิฬฺหปพฺพตสฺส ได้แก่ ภูเขาเต็มไปด้วยคูถ สูงประมาณ ๓ โยชน์.
               บทว่า อุปริ อุปริ จงฺกมติ ได้แก่ เสด็จจงกรมแต่บนยอดๆ ก็พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีพระชนม์ยืน ปรากฏดุจเสด็จเข้าไปประทับนั่งบนภูเขา เต็มไปด้วยคูถประมาณ ๓ โยชน์.
               พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นทรงแสดงบุรพนิมิตโดยฐานเท่านี้อย่างนี้แล้ว บัดนี้ เพื่อทรงแสดงถึงการได้พร้อมด้วยบุรพนิมิตนั้นจึงตรัสคำมีอาทิว่า ยมฺปิ ภิกฺขเว ดังนี้.
               ในคำนั้น พระอรหัตมรรคของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ชื่อว่าเป็นสัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยม เพราะให้คุณทุกอย่าง. เพราะฉะนั้น พระโพธิสัตว์นั้นได้ทรงเห็นแผ่นดินใหญ่แห่งจักรวาลใดเป็นฟูกนอนอันเป็นสิริ แผ่นดินใหญ่แห่งจักรวาลนั้นเป็นบุรพนิมิตแห่งความเป็นพระพุทธเจ้า. ได้ทรงเห็นภูเขาหิมพานต์ใดเป็นหมอน ภูเขาหิมพานต์นั้นเป็นบุรพนิมิตแห่งพระสัพพัญญุตญาณ ได้ทรงเห็นพระหัตถ์และพระบาททั้ง ๔ ประดิษฐานบนยอดจักรวาลอันใด อันนั้นเป็นบุรพนิมิตในการประกาศพระธรรมจักรซึ่งใครๆ ให้เป็นไปไม่ได้ ได้ทรงเห็นพระองค์บรรทมหงายอันใด อันนั้นเป็นบุรพนิมิตแห่งความที่สัตว์ทั้งหลายผู้คว่ำหน้าอยู่ในภพ ๓ หงายหน้าขึ้น ทรงเป็นดุจลืมพระเนตรเห็นอันใด อันนั้นเป็นบุรพนิมิตแห่งการได้ทิพยจักษุ. แสงสว่างได้ปรากฏเป็นอันเดียวกันตราบเท่าถึงภวัคคพรหมอันใด อันนั้นเป็นบุรพนิมิตแห่งอนาวรณญาณ (ญาณอันใดไม่มีเครื่องขัดข้อง).
               คำที่เหลือพึงทราบโดยนัยแห่งพระบาลีนั้นแล.

               จบอรรถกถาสุปินสูตรที่ ๖               
               -----------------------------------------------------               

.. อรรถกถา อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต จตุตถปัณณาสก์ พราหมณวรรคที่ ๕ ๖. สุบินสูตร จบ.
12  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นั่งสมาธิ แล้ว ติดนิมิต คือ อะไร เมื่อ: กรกฎาคม 26, 2011, 07:47:10 am
ได้ยินเพื่อน ๆ คุยกันมากกว่า นะคะ ว่า

 นั่งสมาธิแล้ว ติดนิมิต ระวังไว้

พอสอบถามลงไปว่า ติดนิมิต คือ อะไร ก็อธิบายกันแบบไม่ค่อยจะเข้าใจ บางคนก็ตอบมากวน ๆ ว่า ก็ฉันยังไม่มีนิมิต นี่ จะให้ตอบได้อย่างไร

  ดังนั้น การติดนิมิต จะเกิดกับทุกคน ที่ฝึกสมาธิ จริง ๆ หรือคะ หรือ เป็นแต่คำพูด เตือน ขู่ หลอก เอาไว้

 จึงขอสอบถามในห้องนี้เลยนะคะว่า

   การติดนิิมิต คือ อะไร คะ

  :c017: :c017: :c017:
13  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การฝึก สมาธิ เนื่อง ด้วย ลม ( ภาษาอังกฤษ ) เมื่อ: มิถุนายน 23, 2011, 06:55:34 pm








สำหรับผู้สนใจ จนกระทั่งเปิด ตาที่สาม เข้าไปสู่กายทิพย์ คะ

14  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / บวชเพื่อรอบรู้ซึ่งทุกข์ เมื่อ: มิถุนายน 16, 2011, 04:28:09 am


บวชเพื่อรอบรู้ซึ่งทุกข์
[๒๓๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าว่าพวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์พึงถามพวกเธออย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย พวกท่านอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน สำนักพระสมณโคดม เพื่อประสงค์อะไร
พวกเธอเมื่อถูกถามอย่างนี้ พึงพยากรณ์แก่พวกเขาอย่างนี้ว่า
พวกเราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาค เพื่อกำหนดรู้ทุกข์
ก็ถ้าพวกเขาถามอย่างนี้ว่า
อาวุโสทั้งหลาย ก็ทุกข์ที่ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ใน สำนักพระสมณโคดม เพื่อกำหนดรู้นั้น เป็นไฉน
พวกเธอพึงพยากรณ์แก่พวกเขาอย่างนี้ว่า
พวกเราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาค เพื่อกำหนดรู้
ทุกข์ คือ จักษุ
ทุกข์ คือ รูป
ทุกข์ คือ จักษุวิญญาณ
ทุกข์ คือ จักษุสัมผัส
ทุกข์ คือสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้น เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
...
ฯลฯ
...
พวกเราอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักพระผู้มีพระภาค เพื่อกำหนดรู้
ทุกข์ คือ ใจ
ทุกข์ คือ ธรรมารมณ์
ทุกข์ คือ มโนวิญญาณ
ทุกข์ คือ มโนสัมผัส
ทุกข์ คือสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา
ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย
ดูกรอาวุโสทั้งหลาย พวกเธอเมื่อถูกถามอย่างนี้ พึงพยากรณ์แก่พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์เหล่านั้น อย่างนี้แล ฯ
สฬา. สํ. ๑๘/๑๔๑/๒๓๘
15  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.a-thongtip.com เว็บอาจารย์ทองทิพย์ เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 07:11:07 pm


http://www.a-thongtip.com

เว็บอาจารย์ทองทิพย์
16  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / นอนกรรมฐาน เกิดสภาวะแบบนี้ ถือว่าได้สมาธิ หรือ ยังคะ เมื่อ: พฤษภาคม 11, 2011, 06:52:16 pm
เกิดสภาวะธรรม ขณะนอน เนื่องจากเป็นหัวค่ำจึงนอนฟังเทศน์ขณะฟังอยู่ก็ทำกรรมฐานไปด้วยเป็นการใช้เวลาให้เป็นประโยขน์โดยตกดึกค่อยนั่งกรรมฐาน ขณะนอนท่าราบนอนหงายก็กำหนดลมหายใจแล้วจึงน้อมจืตไปที่ระหว่างคิ้วจะเกิดอาการหน่วงๆ ตึงๆ สักพักก็รู้สื่กหัวเบาโล่งๆก็ประคองจิตไปเรื่อยๆ แล้วจังน้อมจิตไปที่บริเวณต่างๆตามร่างกาย( ฝ่าเท้า ฝ่ามือ กลางอก หน้าท้อง ) ก็รู้สืกแบบเดียวกับตรงระหว่างคิ้ว คือมีอาการร้อนๆ หน่วงๆ วูบวาบๆ อาการเปรียบคล้ายกับหลอดไฟสว่างแล้วหรี่ลง สว่าง หรีลง  ตลอดเวลาตามจุดต่างๆ ทั่วร่างกาย  ระหว่างจุดต่างๆตามร่างกายตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จะมีอาการเหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งไปมาขณะๆ แปลบๆ จะเป้นทั่วร่างกาย จากนั้นจิตดูสักพักแล้วจืงนำจิตที่อยู่ในศรีษะ( ไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของศรีษะแต่มีสภาวะรู้ว่าอยู่ในศรีษะ )จากนั้นจิตน้อมไปตามจุดที่มีอาการ หน่วง วูบวาบ  ตามร่างกาย จะรู้สืก ร่างกายส่วนบริเวณนั้นยุบตัวลงตามที่จิตไปกระทบ( ยุบ เปรียบเหมือนผ้ายืดขึงตึงพอประมาณ แล้วมีลูกตุ้มหนักวางลงผิวของผ้า แค่อาการยุบตัวแต่ไม่มีน้ำหนักกดลง ) สักพักก็ออกจากกรรมฐาน ใช้เวลาประมาณ 1ชม  เวลา 21.00 น ยังไม่ดึก จืงนอนปิดวิทยุ แล้ว นอน ทำกรรมฐาน ก็มีสภาวะธรรมเกิดขึ้นเหมือนเดิม  ออกจาก นอน  กรรมฐาน ประมาณ 22.00 น จากนั้นจืง นั่ง กรรมฐานปกติ สภาวะธรรม จะน้อยกว่า นอนกรรมฐาน คื่อแค่ศรีษะเบาๆ อาการเหมือนไฟฟ้าวิ่งตามร่างกายจะน้อยๆ  อาการ วูบวาบ ตามจุดต่างๆตามร่างกายไม่มี  สภาวะธรรม ที่เกิดขึ้นนี้อยากสอบถามเพื่อนๆ ว่าคื่ออะไร และควรปฏิบัติ ต่อไปอย่างไร ขอบคุณคำเนะนำ ทุกท่านครับ

จากคุณ    : อ.โอ่ง

 :smiley_confused1:
17  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / แจ้งข่าว เรือ่ง RDN ตั้งแต่ 19.30 น. ปิดก่อนกำหนด เนื่องจากไฟฟ้าด้บ เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2011, 08:07:34 pm
เมื่อสักครู่สอบถามไปทาง โทรศัพท์ กระแสไฟฟ้าขัดข้อง คะ
รายการ RDN ตั้งแต่ 19.30 น. - 21.00 น. งดนะคะ

 :s_hi: :13:
18  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / กรรมฐาน สันโดด หมายถึงอะไรครับ เมื่อ: กันยายน 18, 2010, 09:03:52 am
ผมอ่าน พบคำว่า กรรมฐาน สันโดด อันนี้หมายถึงอะไรครับ

 :25: :25:
หน้า: [1]