ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - สถาพร
หน้า: 1 ... 3 4 [5]
161  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ประกาศเรื่องการจัดรายการออกอากาศ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 27, 2011, 08:22:37 pm
เห็นด้วยครับ เปิดเป็นเวลา แก้ปัญหาเบื้องต้นได้ก่อนครับ
แล้วค่อยหาวิธีการเพิ่มขึ้นครับ

ฟังเพลง โลกนี้คือละคร แล้วใจเย็นเลยครับ

 :25:
162  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พูดโกหก รวมทั้งปากร้าย ลิ้นสองแฉก คำเยินยอ โกหกหลอกลวง เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 05:26:31 pm
ศีลข้อที่ ๔ ในความคิดผมรักษาให้บริสุทธิ์ยากที่สุด
(มุสาวาทา เวรมณี)

พูดโกหก รวมทั้งปากร้าย ลิ้นสองแฉก คำเยินยอ โกหกหลอกลวง (พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ พูดส่อเสียด)

ผู้ชายมีคำพูดไพเราะน่าฟัง เป็นคำปลอบใจภรรยา เพื่อสื่อภาษาของความรัก ไม่นับเป็นการโกหก พูดกับหญิงอื่นถือเป็นคำเยินยอ เป็นคำเท็จ
นักการเมืองระหว่างหาเสียงพูดเด็ดขาด กล่าวคำสบถสาบาน ปากพูดจาไว ต้องการเอาชนะรักษาตำแหน่งเอาไว้
ครูอาจารย์สอนให้คนเป็นคนดี แต่กลับไปเป็นพ่อค้าวาณิชย์
ดารานักร้องคุยโวโอ้อวดเสริมแต่งตัวเอง ทั้งหมดผิดต่อการพูดเท็จได้
ฉุด ช่วยคนแล้วต้องติดตามส่งเสริม เหมือนตามบริการหลังการขาย ต้องจริงใจไปส่งเสริม อย่าพูดว่า ถ้าเธอรับธรรมะแล้วตั้งตำหนักพระ อาการป่วยเป็นโรคก็จะหายได้
มีความเป็นไปได้มากเท่าไรก็พูดความจริงเท่า ที่เป็น อย่าพูดเกินกว่าความจริง นักปรัชญากล่าวไว้ว่า พูดโกหกหนึ่งคำ ต้องพูดโกหกอีกสิบคำมาปิดบังอำพรางคำที่โกหกไว้ พูดโกหกเป็นประจำจนเกิดความเคยชิน กลายเป็นคนชอบพูดโกหก พาให้กลายเป็นภัยออกทางปากจากคำพูด กลายเป็นการฆ่าคนโดยไม่เห็นโลหิต
คนว่างงานไม่มีอะไรทำ บ้านเหนือพูดที บ้านใต้พูดที พูดแต่เรื่องไร้สาระ เสียเวลาไม่เกิดประโยชน์
อย่านำความลับของคนอื่นไปเปิดเผย พูดแต่สิ่งร้ายสิ่งไม่ดีของคนอื่น ผู้หญิงทำผิดข้อนี้ง่ายกว่า ตายแล้วปากจะเน่าก่อน
ศีล มุสาค่อนข้างถือยาก คำพูดในชีวิตประจำวันอย่าไปทำร้ายเขา อย่าใช้คำพูดทำให้เขาเกิดโทสะ อย่าใช้คำพูดปลิ้นปล้อนเกินไป อย่าใช้คำพูดของเราทำให้สามีภรรยาทะเลาะแตกแยกกัน ใช้คำพูดให้คนฟังได้ประโยชน์
ใช้คำพูดไม่ไปทำลายคนอื่นแต่ให้คุณ จะผูกบุญสัมพันธ์ได้กว้างขวาง
ผู้มีอาชีพใช้ปากหาสตางค์ ผู้บำเพ็ญต้องระวัง
ทนาย ความ อัยการ โบราณกล่าวไว้ว่า หนึ่งชาติทำหน้าที่นี้ เก้าชาติเกิดเป็นวัวควาย ผู้รับหน้าที่ดังกล่าวเพียงคำพูดคำเดียวจะให้เขาเป็นหรือตายก็ได้ ต้องระมัดระวังเสียงสะท้อนด้วย ต้องยุติธรรม อย่าให้มีนิสัยการติดสินบน หากอยู่ในอำนาจหน้าที่ให้คุณให้โทษได้ จะทำให้ชีวิตคนผิดพลาดได้
หมอดู ผู้เป็นหมอดูมักกล่าวว่า หากเธอไม่เช่นนี้ ไม่เช่นนั้น จะมีผลอะไรตามมา ฯลฯ อะไรทำนองนี้ นี่คือปากวาจากล่าวร้าย ผู้ประกอบการดังกล่าวนี้ พูดจาต้องผ่อนหนักผ่อนเบา นุ่มนวลละมุน ละไม เสนอแนะพอประมาณก็พอ
อาจารย์ดูภูมิทัศน์ ง่ายต่อการพูดว่าหากเธอยังไม่บำเพ็ญ หลังจากนี้กี่ปี จะเกิดอย่างนั้น เกิดอย่างนี้ เป็นคำพูดเด็ดขาด ทำร้ายคนอื่น
บรรพ ชนใครเสียชีวิต เชิญนักพรตสวดมนต์ฉุดช่วยส่งวิญญาณ หากนักพรตท่านฉุดช่วยส่งวิญญาณได้จริง พญายมคงจะเกรงกลัวนักพรตแน่ หนี้กรรมที่ผ่านมาสามชาติ บัญชีนี้จะหักลบกันอย่างไร นี่คือวิธีการที่เคยกระทำกันมาเพื่อให้คนมีความสบายใจ หากจะสวดมนต์ ต้องหานักพรตที่ถือศีลกินเจ หากมิได้ถือศีลกินเจกรรมเวรของนักพรตเองกองใหญ่ ตัวเองยังฉุดช่วยไม่หมด แล้วจะฉุดช่วยผู้อื่นได้อย่างไร
ผู้บำเพ็ญไม่ดู หมอ ชะตาชีวิตไม่ดีเปลี่ยนแปลงได้ จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตต้องเริ่มจากจิต หากเปลี่ยนแปลงแต่หน้าตา ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต อวัยวะทั้งห้าไม่น่าดู พูดจาไม่ชัดเจนกำกวม ไม่มีวาทศิลป์ หากรักษาศีลมุสาได้ จึงจะไม่มีอุปสรรค
ถือศีลเจมิใช่เพียงไม่ทานเนื้อสัตว์ ศีลเจปากต้องไม่ปากร้ายลิ้นสองแฉก ไม่เยินยอ ไม่โกหกหลอกลวง
ผู้ชายอย่าออกปากมีแต่คำหยาบ ผู้หญิงด่าสามีด่าลูก อย่าให้มีได้ยินคำด่าทอตลอดเวลา
หาก ใครมีปัญหาครอบครัวอย่ายุให้เขาหย่าร้างกัน หรือกลับพูดจาทิ่มแทงซ้ำเติม ทำให้เกิดการฆ่าตัวตายขึ้น ไม่เพียงผิดศีลมุสายังผิดศีลปาณาด้วย
เพื่อฉุดช่วยเวไนยหรือช่วยแก้ปัญหาให้เขา โกหกหลอกด้วยความหวังดีไม่ถือว่าผิดศีล
ผู้บำเพ็ญต้องห่างไกลจากการกล่าววาจาร้าย ห่างจากใช้วาจารบกวนทำให้วุ่นวาย อย่าใช้วาจาทำลายให้เขาเป็นทุกข์
อย่า ไว้ใจคนมากเกินไป บอกความในใจออกมาหมด เพื่อป้องกันวันข้างหน้า จะถูกนำคำพูดนี้ไปเล่าผิดๆ อยู่ในทุกที่พูดจาให้คุณกับทุกคนดีที่สุด อย่าพูดทางลบของผู้อื่น อย่างนี้จะหลีกเลี่ยงการนำไปเล่าต่อผิดๆ ได้
ลิ้น เป็นอวัยวะที่อ่อนนุ่ม แต่ร้ายกว่ามีดนัก เรื่องไม่ดีมากมายล้วนออกจากปาก อีกทั้งลิ้นเป็นตัวก่อขึ้น เคราะห์ภัยออกจากปาก หยุดเคราะห์ภัยต้องหุบปาก หากจะพูดต้องพูดจาให้มีประโยชน์ หากไม่ระวังกล่าววาจาไม่ดีออกมา ต้องสำนึกขอขมาบาป นำจิตใจที่สำนึกละอายต่อผิดบาปมาแก้ไข
คนผิดหวังต้อง การคนมาปลอบใจ ต้องยืนอยู่ในจุดยืนของเขาเพื่อปลอบโยนเขา ถ้าใช้จุดยืนของเรา ใช้ความเห็นของเราเพื่อให้เขายอมรับเท่ากับเข้าข้างตัวเอง
เรื่องอะไรที่ เกิดขึ้นต้องตรวจสอบให้ชัดเจน อย่าตัดสินโดยลวกๆ อย่างเช่นลูกศิษย์ของท่านขงจื้อกำลังต้มข้าวต้มให้ท่านขงจื้อ บนเพดานมีอะไรหล่นลงในหม้อข้าว ลูกศิษย์กลัวท่านขงจื้อรับประทานเข้าไปทำให้ท้องเสีย ใช้มือหยิบขึ้นมา
ท่านขงจื้อเห็นเข้าจึงตำหนิว่าขาดมารยาท ทำไมรับประทานก่อนอาจารย์ ลูกศิษย์จึงได้อธิบายท่านขงจื้อทราบแล้ว
ท่าน ขงจื้อเรียกประชุมลูกศิษย์ทั้งหมด แล้วบอกให้ทุกคนฟังว่า ข้าพเจ้าได้เห็นกับตาตนเอง ยังปรักปรำคนอื่นได้ สำมะหาอะไรที่มีคนมาเล่าให้ฟัง โดยผ่านจากคนที่สามมาเล่าต่อ ยากที่จะไม่บิดเบือนจากความจริง
ก่อนที่จะตัดสินถูกผิด ต้องตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน อย่าฟังความจากการเล่า อย่าเดาโดยมีจิตใจระแวงสงสัย จึงจะไม่เกิดผิดถูกขึ้นมา ทำให้คนถูกสอบล้มหายไป

จากคุณ    : โชติช่วงชัชวาล
163  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ประกาศเรื่องการจัดรายการออกอากาศ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 05:22:32 pm
เห็นด้วยครับ ถ้าต้องการหยุดถ้ารับค่าใช้จ่ายไม่ไหว ผมจำคำพูดประโยคหนึ่งของพระอาจารย์ว่า

ทำเท่าที่ทำได้ ทำเท่าที่เราไม่เดือดร้อน ถ้าเดือนร้อนแล้ว ก็อย่าไปทำครับ

ส่วนถ้าจะจัดต่อไป น่าจะต้องหากลุ่มที่สนับสนุนสื่อธรรม ผมเชื่อว่าศิษย์ที่ใกล้ชิดพระอาจารย์น่าจะช่วย

เรื่องพวกนี้ได้นะครับ ยังไม่ต้องถึงกับประกาศจากผู้อยู่ไกล ๆ ตามเว็บหรอกครับ

สรุป เห็นด้วยทั้งสองอย่างครับ

 :25:
164  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / มีใครเคยประสพปัญหาชีวิต ถึงขั้นตกอับยากจน ล้มละลาย เพื่อนทิ้ง ประมาณนี้ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 05:20:03 pm
มีใครเคยประสพปัญหาชีวิต ถึงขั้นตกอับยากจน ล้มละลาย เพื่อนทิ้ง ประมาณนี้

อยากให้ท่านที่มีประสพการณ์แบบนี้ ได้มาแชร์ประสพการณ์หน่อยได้หรือไม่ ครับ

ให้วิทยาทาน กับคนที่สับสน สิ้นท่าที่จะไปแล้วหน่อยครับ

ล้มลุก คลุกคลาน ล้มแล้วลุกได้ก็ดี ล้มแล้วลุกไ่ม่ได้ ควรทำอย่างไรครับ

ฤา ว่าต้องทำใจอย่างเดียวหรือ ครับ เป็นการแก้ปัญหา ว่าจะต้องแก้ปัญหา ด้วยการทำใจ เพียงประการเดียว

หรือว่าจะมี วิธีเผชิญกับปัญหาอย่างนี้ ที่ดีกว่า....

 :13: :c017:
165  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ไม่สบายใจ รู้สึก วิตกกังวล ควรทำอย่างไรดีครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 05:16:41 pm
การได้ สติ ในธรรมคืนมาเป็นเรื่องสำคัญ แต่การจะได้สติ คืนมานั้นด้วยตนเอง เป็นไปได้ยากในยามที่หลุด
ต้องอาศัยกัลยาณมิตร เป็นผู้แนะนำกันนะครับ

 :25:
166  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผมพึ่งรู้ไม่กี่วันตอนไปเยี่ยมพระหลานชายว่า "วัดเก็บเงินค่าไฟฟ้าพระด้วยครับ" เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2011, 05:14:55 pm
ผมพึ่งรู้ไม่กี่วันตอนไปเยี่ยมพระหลานชายว่า "วัดเก็บเงินค่าไฟฟ้าพระด้วยครับ"

ผมเคยคิดว่าพระไม่ต้องรับเงิน ปัจจัยก็ได้ เพราะว่าอยู่วัดฟรี ไม่ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า
แต่พอผมได้ไปเยี่ยมพระหลานชายที่วัด เป็นจังหวะมีพระรูปหนึ่งทำหน้าที่ ผช.เจ้าอาวาส เดินมาหาแล้ว
บอกพระหลานชายผมว่า มาเก็บค่าไฟ และ ค่าน้ำครับ ท่านจดหมายเลขมิเตอร์ทั้งไฟและน้ำ ที่กุฏิ ที่ท่านอยู่มาด้วย

 โห...ไม่น่าเชื่อ ว่า พระ ต้องจ่ายค่าไฟฟ้า ค่าน้ำด้วย

  ไม่ต้องถามผมนะครับว่าวัดไหน...( มันติดมุมปากครับ .... ) ไม่อยากพูด ครับ

แล้วอย่างนี้ไม่ให้พระรับปัจจัย กันได้หรือครับ ผมไม่ทราบว่ามีวัดเดียวหรือไม่ครับ แบบนี้...
 :smiley_confused1:
167  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: สรุปธรรมสัญจร วันที่ 20 ก.พ.2554 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2011, 10:23:07 pm
มีภาพให้ชมชื่นใจน้อยจังคะ ใครถ่ายภาพ คะ ทำไมมีภาพน้อยจัง

อนุโมทนากับ คณะที่เดินทางธรรมสัญจร ด้วยคะ

 :25:

อนุโมทนา กับคณะธรรมสัญจร ด้วยครับ ได้พบพระอาจารย์ ผมเองยังไม่มีโอกาสได้พบเลยครับ
168  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ข้อแนะนำ วันมาฆบูชา โอวาทปาฏิโมกข์ สำคัญอย่างไร เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2011, 06:56:19 am


อยากให้ทุกคนได้อ่าน ครับเพราะวันนี้เป็นวัน มาฆบูชา ครับ

ด้วยความปรารถนาดีครับ

อย่าลืมไปทำบุญ เวียนเทียน ภาวนากรรมฐานกันด้วยนะครับ


169  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: เมื่อเพื่อนมาขอคำปรึกษาด่วน เรื่องถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงาน เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2011, 09:01:59 pm
ตามเมลจากเพื่อนครับ ว่าช่วงนี้จะช่วยกันตอบในกระทู้ประเด็นเดียวครับแต่ให้ตอบกันอย่างต่อเนื่องครับ แทนการเพิ่มกระทู้ครับ
ก็เห็นด้วยครับ เพราะถ้าเราให้ข้อมูลในเรื่องเดียวกันในมุมมอง ทัศนะคติ ของแต่ละคนย่อมจะมีเส้นทางการแก้ปัญหาได้ครับ



สำหรับเรื่องนี้ ผมเองก็คิด 2 แบบครับ คืือ

  1.คิดเข้าข้างฝ่ายหญิง คือ ต่อต้าน ไม่ร่วมด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่ทำตาม ไม่ .... อีกหลายไม่ ซึ่งความคิดนี้ฝ่ายหญิง น่าจะเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว น่าจะหาคำตอบไว้มากมายพอสมควรแล้ว เพียงแต่คำอธิบายของพวกเราจะไปโดนใจอะไรบ้างนั้นเราก็ยังไม่รู้ นะครับ เพราะเป็นเรื่องจองใจเธอแล้ว

  2.คิดเข้าข้างฝ่ายชาย คือ ทำไม ไม่ให้โอกาสแก่เขาบ้าง เพราะอาจจะเป็นเนื้อคู่กันมา เมื่อถึงเวลาก็ได้เจอกัน และอีกหลายๆ
ประเด็นในฐานะผู้ชาย ที่ิคิดเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน ประเด็นนี้ คุณ doremon ได้นำเสนอไปแล้ว


แต่ต่อไปนี้ ผมขอเสนอประเด็นใหม่ครับ คือเป็น ประเด็นธรรม ครับ

 ผมเชื่อว่าตอนนี้ ทุก ๆ ฝ่าย ต้องกระวนกระวาย ในคำตอบของฝ่ายหญิง อยู่พอสมควร เพราะเเรืื่องทั้งหมดถูกผูกลง
ไปที่ฝ่ายหญิง จะยินยอม ลงเอยด้วยหรือไม่ ดังนั้นในสังคมโลกที่เกิดขึ้นมาแล้ว พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสในธรรมจักร
ว่า มีความปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้น ก็เป็นทุกข์ ความประสพกับสิ่งที่ไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ ก็เป็นทุกข์ สรุปแล้ว ขันธ์ทั้ง 5
เป็นตัวทุกข์

  ตอนนี้ ความทุกข์ ได้เข้าเล่นงาน ทุกคนแล้ว โดยเฉพาะคุณครู ความทุกข์ทีเล่นงานตอนนี้ ต้องถือ วิกฤติ เป็นโอกาส แทน
ที่เราจะทุกข์เพราะเรื่องต่าง ๆ เรากับมาพิจารณาความทุกข์ นี้มีเหตุปัจจัยอันเนื่องด้วยอะไร แล้วทำไมเราต้องทุกข์กับเรื่องนี้ทั้ง ๆ ที่ ความทุกข์เราก็ไม่ต้องการทุกข์ ให้เราสาวหาสาเหตุแห่งความทุกข์ และ ปล่อยวาง
ความทุกข์ลงเสีย ดีกว่าหรือไม่ครับ เพราะเรื่องเหล่านี้เราเห็นเป็นธรรมดา เหมือน ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และ ความตาย ซึ่งเราเห็นกันธรรมดา แต่พอเราเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ใจเรากับเห็นว่าเป็นทุกข์ พอมีความเกิด เราก็ดีใจ เสียใจ
พอมีความแก่เราก็ดีใจ เสียใจ เป็นต้นทำให้ใจเราหวั่นไหว ไปเพื่ออะไรครับ เป็นเพราะว่าใจเราไม่เห็นตามความเป็นจริงใช่หรือ
ไม่ครับ เพราะยังยึด เหตุกับผล นั้นมาใส่ใจเสมอว่า นั่นเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา

ประเด็นนี้ ผมว่าน่าจะสำคัญกับภาวะจิตใจของผู้ประสพทุกข์ นะครับ

แนะนำนะครับ

  หายใจ เข้า เป็น พุท  หายใจออก เป็น โธ เดี๊ยวก็มีทางออกครับ

 :58:
170  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่ดู่กับวิชากำหราบโจร ของพระอาจารย์ธรรมโชติ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 14, 2011, 07:10:38 am
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

หลวงปู่ดู่กับวิชากำหราบโจร
ของพระอาจารย์ธรรมโชติ

อีก เรื่องหนึ่งที่หลวงปู่ดู่มักจะกล่าวเตือนศิษยานุศิษย์ ทั้งที่ใกล้ชิดและห่างไกล ตลอดจนสาธุชนญาติโยมทั้งหลาย ให้พึงสังวรอยู่เสมอก็คือ เรื่องควรงดเว้นกระทำกรรมชั่วโดยเด็ดขาด โดยท่านจะนำเอาพุทธพจน์ที่ว่า “ขึ้นชื่อว่าความชั่วแล้ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า” มาเป็นข้อเตือนสติแก่ทุกคน เพราะการกระทำกรรมใด ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมเลวก็ตาม จิตของผู้นั้นจะบันทึกเก็บงำข้อมูลเอาไว้โดยละเอียด เมื่อใดที่ถึงกาลมรณะ จิตตัวนี้จะเป็นตัวชี้นำไปสู่สุคติหรือทุคติอย่างชัดเจน จิตตัวนี้สำคัญนัก แม้เพียงไปยึดติดหรือข้องอยู่กับกรรมเพียงน้อยนิดขณะใกล้จะสิ้นใจตาย ก็ยังสามารถเบี่ยงเบนจุดหมายปลายทางที่จะไปเกิดได้

ซึ่งในอัตประวัติท่านมีเกร็ดเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นชัดเจนพอสมควร ดังจะนำมาเล่าดังต่อไปนี้ กล่าวคือ เมื่อ ครั้งที่หลวงปู่ดู่มีพรรษาไม่มากนัก ที่วัดสะแกมีเรื่องเดือดร้อนรำคาญใจอยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ พวกโจรใจบาปหยาบช้ามักจะเข้ามาลักขโมยสิ่งของในวัดเนืองๆ บางครั้งขณะที่หลวงปู่ดู่นอนอยู่ พวกมันก็ยังบังอาจเข้ามาลักขโมยเอาไปต่อหน้าต่อตา หลวงปู่ดู่เคยทราบจากตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า พระ อาจารย์ธรรมโชติมีคาถาอาคมขลังอยู่บทหนึ่งสำหรับกำหราบขโมย หากมีใครลักขโมยสิ่งของไป จะต้องกลับเอามาคืนหมด แต่พระอาจารย์ธรรมโชติได้ล่วงลับไปนานแล้ว และไม่มีผู้ใดสืบทอดวิชานี้เอาไว้ ท่านจึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระอาจารย์ธรรมโชติมาสอนวิชาอาคมนี้แก่ท่านใน นิมิต แต่ก็ไม่เคยมีนิมิตปรากฏเอาเสียเลย กระทั่งเวลาผ่านไปหลายปี ทำให้ท่านลืมเรื่องที่อธิษฐานจิตเรื่องนี้โดยสนิท

ท่าน ผู้อ่านอาจจะเลือนๆ เรื่องของพระอาจารย์ธรรมโชติไปแล้วก็ได้ ดังนั้นจะขอทบทวนความทรงจำสักนิด กล่าวคือ ก่อนมหาธานีกรุงศรีอยุธยาจะถึงกาลล่มสลายในครั้งที่ ๒ เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๑๐ ด้วยน้ำมือของพม่าข้าศึก คนไทยทุกคนย่อมจะจำกันได้ถึงวีรกรรมค่ายบางระจัน นักรบไทยใจหาญกล้ามิว่าชายหญิง รวมตัวกันปักหลักสร้างค่ายสู้กับทหารพม่าอย่างยิบตา พม่ายกกองทหารมาตีคราวใดก็ต้องพ่ายแพ้กลับไปคราวนั้น ณ ที่ค่ายบางระจันนี้ นามของ “พระอาจารย์ธรรมโชติ” ก็เป็นที่ปรากฏ และได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์

พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นพระภิกษุผู้ทรงวิชาอาคมเป็นเลิศ ได้มาเป็นมิ่งขวัญกำลังใจให้แก่ชาวค่ายบางระจันตลอดเวลาที่สู้ศึกกับพม่า ตราบกระทั่งค่ายบางระจันถูกถล่มจนค่ายแตก ประสบความพ่ายแพ้ย่อยยับ วีรบุรุษวีรสตรีลูกค่ายบางระจันสู้ศึกจนตัวตายเกลื่อนค่ายเกลื่อนแผ่นดิน เป็นที่เลื่องลือ และพระอาจารย์ธรรมโชติก็สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในประวัติศาสตร์มิได้บันทึกเอาไว้ว่าพระอาจารย์ธรรมโชติหายสาบสูญไปเช่นไร แต่เป็นที่เชื่อได้ข้อหนึ่งว่า คมดาบของพม่าข้าศึกคงไม่มีทางระคายแม้แต่เงาของท่าน นับแต่ค่ายบางระจันแตก กรุงศรีอยุธยาล่มสลาย ตราบกระทั่ง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงกอบกู้เอกราช สถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี แล้วมาถึงรัชสมัยของ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ขึ้นครองราชย์ ย้ายเมืองหลวงมาเป็นกรุงรัตนโกสินทร์ คือ กรุงเทพมหานคร กาลเวลาล่วงเลยไปนานแสนนานเช่นนี้ พระอาจารย์ธรรมโชติย่อมมรณภาพไปแล้วตามวงวัฏแห่งอนิจจัง วิญญาณของท่านจะไปสถิตอยู่ ณ ที่แห่งใด ย่อมยากที่จะรู้ได้

หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ในกาลต่อมา ท่านผ่านพรรษามานานหลายพรรษาแล้วและรับศิษย์ไว้ผู้หนึ่ง ซึ่งกล่าวได้ว่าศิษย์ผู้นี้กับท่านมีวาสนาเกื้อกูลกันโดยตรงก็ว่าได้ เพราะศิษย์คนนี้มิใช่พุทธศาสนิกชน หากนับถือศาสนาคริสต์ ระยะแรกๆ ที่มาฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงปู่ เขาไม่มีศรัทธาปฏิบัติธรรมกรรมฐาน

ต่อมาจึงได้ยอมปฏิบัติและก้าวหน้าในทางธรรมกรรมฐานอย่างเหลือเชื่อ กระทั่งวันหนึ่งเข้าไปเจริญสมาธิในกุฏิกับหลวงปู่ดู่ ได้ ปรากฏหลวงปู่ทวดในนิมิต แต่ด้วยเหตุผลทางศาสนาจึงไม่ยอมกราบไหว้นมัสการหลวงปู่ทวด ในที่สุดเขาก็ต้องก้มกราบหลวงปู่ทวดด้วยความเคารพศรัทธาอย่างหาที่เปรียบมิ ได้ วันหนึ่งศิษย์คนนี้มารายงานผลการปฏิบัติของตนต่อหลวงปู่ดู่ตามปกติ จากนั้นจึงได้กราบเรียนถามท่านว่า

“หลวงลุงครับ หลวงลุงรู้จักหลวงปู่พระอาจารย์ธรรมโชติไหมครับ”

ได้ ยินลูกศิษย์ถาม หลวงปู่ดู่เพิ่งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ท่านเคยอธิษฐานถึงพระอาจารย์ธรรมโชติ ขอคาถากำราบโจรไว้นานแล้วจนลืม จึงตอบลูกศิษย์ว่า

“รู้จักซิ”

แล้วเล่าให้ฟังที่ท่านเคยอธิษฐานขอให้พระอาจารย์ธรรมโชติมาปรากฏในนิมิต ศิษย์จึงกราบเรียนถวายว่า

“พระ อาจารย์ธรรมโชติท่านสั่งให้มาเรียนหลวงลุงว่า คาถาที่ของนั้นยังเป็นโลก ติดอยู่ในโลก ไปไม่ได้ แต่วิธีการของหลวงลุงเป็นการทำตัวให้พ้นโลก ที่ท่านทำนั้นสูงแล้ว”

ขณะที่ศิษย์ซึ่งเคยนับถือศาสนาคริสต์ มารายงานผลการปฏิบัติ และเล่าเรื่องพระอาจารย์ธรรมโชติ (มาปรากฏในนิมิต) สั่งความมาถึงหลวงปู่ดู่ มีศิษย์คนอื่นๆ นั่งฟังอยู่ด้วยหลายคน ท่านจึงพูดให้ได้ยินกันทุกคนว่า

“ที่จริงข้าลืมไปแล้วด้วยซ้ำเพราะขอมานมนานกาเล แต่ท่านยังอุตส่าห์บอกถึงข้าจนได้”

ขอบคุณแหล่งที่มาเนื้อหา
http://board.palungjit.com/f13/
171  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ฝึกอานาปานสติ แล้วไม่หายใจ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 06:18:58 am
แท้ที่จริง คือการเข้าถึง กาย คือ ลมหายใจเข้า ออก

                     เวทนา คือ ลมหายใจเข้า ออก
 
                      จิต  คือ ลมหายใจเข้า ออก

                      ธรรม คือ ลมหายใจเเย้า ออก

                     นิพพาน คือ พ้นจากลมหาย ใจ เข้า ออก

 :25:
172  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: อยากทราบ วิธี ชนะความขี้เกียจ ในการภาวนาต้องทำอย่างไรคะ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2011, 06:16:25 am
ผมว่าอีกวิธี นะครับ คือตั้งสัจจะอธิษฐาน ว่าจะทำ ว่าจะลุก ขึ้นมาปฏิบัติธรรม และก็ต้องทำ และ ลุกให้ได้

ลองปฏิบัติธรรม ส่วนรักษาสัจจะก่อนดีกว่าหรือไม่ ครับ

 พิจารณา ดูหน่อยก็ได้นะครับ

 :08:
173  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ความอดทนเป็นตะปะอันยิ่งใหญ่ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2011, 06:06:44 am
ความอดทนเป็นตะปะอันยิ่งใหญ่

เพราะเหตุที่ นิสัยจิตใจของคนมันมีต่างกัน ท่านจึงสอนให้มีความอดทน แต่อยู่ด้วยกันแล้วจงหาความดีต่อกัน ไม่อิจฉาพยาบาทไม่จองล้างจองผลาญ ไม่โกรธเกลียดกัน ไม่มีทิฏฐิมานะ มีอะไรก็ควรที่จะปรึกษาหารือเข้าหากันได้ การมุ่งหน้าเข้าหากันได้เป็นการดีมาก

คนในโลกอันนี้ มันมีร้อยแปดพันประการดูแต่คอมมูนิสต์กับรัฐบาล ก็เคยฆ่าฟันกันตาย ฆ่าพระเจ้าพระสงฆ์ ถึงขนาดนั้นเขาก็ยังหันหน้าเข้าหากันได้ สิ่งใดที่ควรจะปรึกษาหารือกันก็ทำ มันเป็นประโยชน์ คอมมูนิสต์ก็เหมือนกันนั่นแหละ สิ่งที่ดีเป็นคุณเป็นประโยชน์ คอมมูนิสต์เขาก็เห็นดีด้วย เขาก็ยังอ่อนน้อมยอมเข้าเป็นพลเมืองดี อันนี้เราเป็นพระเป็นสงฆ์แท้ๆก็ควรจะปรึกษาหารือกัน หวังดีด้วยเจตนาอันดี

แต่ ว่าการปรึกษาหารือกันอย่าเอาทิฏฐิมานะไปพูดกัน หวังความสงบเยือกเย็น หวังความดีความงาม ตั้งจิตเมตตาปรารถนาหวังดีแล้วจึงเข้าหากัน จึงค่อยพูดกันได้ ผู้น้อยผู้ใหญ่ก็พูดกันได้ อย่าเป็นการเอาฐานะข่มขี่และเหยียดหยามกัน ผู้ใหญ่พูดกับผู้น้อยก็อย่าเป็นการเหยียดหยามดูถูก

คนต้องมีทิฏฐิ ด้วยกันทั้งหมดนั่นแหละ เรามาปฏิบัติมาละทิฏฐิ แต่ว่ามันไม่ละหรอก ทิฏฐิมันก็มีอยู่ทุกคนๆนั่นแหละ ล้วนแต่มากมาย การเอาทิฏฐิใส่กันแล้วมันไม่มีที่สิ้นสุด มันต้องละด้วยกัน ครั้นหากเรามีทิฏฐิแข็งกระด้าง คนอื่นเขาก็แข็งกระด้างเท่ากัน แข็งต่อแข็งใส่กันก็แตกหักน่ะซี ครั้นยอมลดยอมละทิฏฐิมานะคนหนึ่งเสีย ยอมด้านหนึ่งเสีย อีกด้านหนึ่งมันก็อาจจะลดละลงไปได้

จึงว่าศาสนานี้ สอนเพื่อความปรองดองสามัคคีเป็นพื้น เรามาอยู่ในศาสนาของพระพุทธเจ้า แล้วไม่ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้ามันก็ใช้ไม่ได้

ท่านสอนให้มีความอดความทน
อยู่ด้วยกันแล้ว จงหาความดีต่อกัน
ไม่โกรธเกลียดกัน ไม่มีทิฏฐิมานะ
การมุ่งหน้าเข้าหากันได้ เป็นการดีมาก

ที่มา : การละทิฏฐิมานะ 
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=22701
www.thewayofdhamma.org/page3_1_2/74.html
174  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: แฟนผมโดนผีเข้าบ่อย แก้ไขยังไงดีครับ เครียดมาก เมื่อ: กุมภาพันธ์ 08, 2011, 06:01:45 am


บทนี้ก็น่าจะช่วยได้นะครับ
175  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ลูกไม้ หล่น ไม่ไกลต้น .... ( สงสัย ) เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 07:10:03 pm
ลูกไม้ หล่น ไม่ไกลต้น .... ( สงสัย )

 คือผมสงสัย มากครับ ผมเกิดในตระกูลคนจีนเชื้อสายไทย คือ ก๋ง มาจากจีน แต่งงานกับคนไทย ครับ

แต่ในตระกูลผมช่วง 80 ปีมานี้ไม่มีใครสนใจเรื่องธรรมะ ไม่ว่าจะเป็นคนแก่ คนหนุ่ม คนสาว เด็ก ทุกคนสนใจแค่ทำบุญ

ไม่มีใครนั่งกรรมฐาน ปฏิบัติภาวนา มีผมคนเดียวที่หลุดรอดออกมานั่งกรรมฐาน ไปวัดทำบุญ

  พ่อ แม่ ปัจจุบันก็ยังไม่เห็นด้วยในการทำบุญ ปฏิบัติกรรมฐาน ของผม กับชื่นชมกับน้องชายที่เป็นคน สำมะเรเทเมา

ผมมานั่งนึกดูว่า ทำไมจึงมีลูกไม้ ที่ไม่เหมือนผลอื่น หรือ เพราะตกไกลต้น จึงเป็นเช่นนี้

  ผมใช้เวลาถึง 10 ปีนี้แล้วที่จะพยายามชักนำคนในบ้านให้สนใจธรรมะนั่งกรรมฐานกันบ้าง แต่ก็ไม่มีความสำเร็จ

แม้จะเป็นน้อง พ่อ แม่ ทุกวันนี้ผมก็ยังทำไม่สำเร็จ

  ดังนั้นผม ก็เลยคิดถึงภาษิต บทนี้ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น อันนี้มีความหมายอย่างไรครับ หรือผมจะเข้าใจความหมายผิด

 :c017: Aeva Debug: 0.0004 seconds.
176  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ความหมายในพระสังฆคุณ น่าจะไม่เกี่ยวกับสตรี ใช่หรือไม่ครับ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 10:11:56 pm
มีคำสวดใน บทสังฆคุณ ว่า

ยทิทํ จตฺตาริ ปุริสยุคานิ อฏฺฐ ปุริสปุคฺคลา

 คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่นับเรียงตัวบุุรุษบุคคล ได้ ๘  จำพวก

เอส ภควโต สาวกสงฺโฆ

เป็นเหล่าพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคนี้

คำแปลในบทสวด พระสังฆคุณนี้ นับแต่ พระอริยะบุคคล ที่เป็น บุรุษ เท่านั้นใช่หรือไม่ครับ

ไม่ใช่หมายถึงพระสงฆ์ ทั่วไป คือจำกัดความที่พระสงฆ์ ที่เป็นเอตทัคคะ เป็นต้นใช่หรือครับ


 :25:
177  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สมาธิ จะช่วยอะไรในวิปัสสนา เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2011, 09:51:44 pm
สมาธิ ช่วยต่อชีวิตของผมมาแล้ว 5 ปีแล้วครับ พร้อมกับอาการของ มะเร็ง ก็เบาลงครับ

ผมสนใจมากครับ ขอคุยด้วยได้หรือไม่ครับ มี email ติดต่อหรือไม่ครับ
เพราะอยากคุยสนทนากับผู้ปฏิบัติภาวนาได้อย่างนี้ครับ น่าจะทำให้หมดความสงสัย นิวรณ์ ได้ไวครับ

 :25:
178  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / มีความเห็นอย่างไร ถ้าผมภาวนาธรรมในศาสนา แต่ปรารถนาพุทธภูมิ เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2011, 03:01:04 pm
มีความเห็นอย่างไร ถ้าผมภาวนาธรรมในศาสนา แต่ปรารถนาพุทธภูมิ

 เนื่องด้วยผู้ภาวนาส่วนใหญ่ เมื่อเวลาภาวนา ก็มักจะพูดแต่่เรื่องนิพพาน คือการบรรลุธรรมในชาตินี้

แต่ผมกับภาวนา แต่มุ่งมั่นในการช่วยเหลือ แบบพุทธภูมิ คือปรารถนาเป็นพระสาวกที่เลิศด้วยรัตตัญญู

ซึ่งความปรารถนาอย่างนี้ บางคนก็ว่าผมบ้า .... บางท่านก็อนุโมทนา แต่บางท่าน ก็ว่าหาสาระไม่ได้

ดังนั้นเรื่องนี้ขอยกไว้ จักสอบถาม ท่านผู้รู้ในเว็บนี้ครับว่า

  เส้นทางของพุทธภูมิ พระสาวก เอตทัคคะ ด้านใด ด้านหนึ่ง นั้น มีหนทางการบำเพ็ยภาวนาอย่างไรครับ

บางท่านกล่าวว่า บารมี 10 แต่ผมฟังก็ยังไม่เข้าใจ ในหลักการภาวนาแบบพุทธภูมิอยู่ดี ครับ

 :c017:
179  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: อภัยทาน กับ ธรรมทาน อันไหนมีอานิสงค์มากกว่าคร้า... เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 06:25:39 am


ความสำเร็จ ๓ หมวดคืออามิสทาน อภัยทานและธรรมทาน
ด้วย ๓ หมวดคือ ทาน ศีลและปัญญา ด้วยประการฉะนี้แล.
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.3&i=36&p=6

อันนี้อามิสทานอีก
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=33.3&i=36&p=5

การทำความอนุเคราะห์สัตว์ทั้งหลายโดยส่วนมากด้วยการสละเครื่อง
อุปกรณ์ความสุข ร่างกายและชีวิตด้วยการกำจัดภัย และ การชี้แจงธรรมเป็นข้อ
ปฏิบัติของทานบารมี.

              ในทานบารมีนั้นมีทาน ๓ อย่าง โดยเป็นวัตถุที่ควรให้ คือ อามิสทาน
 ๑  อภัยทาน ๑ ธรรมทาน ๑.



1.      อามิสทาน
              ในทานเหล่านั้น วัตถุที่พระโพธิสัตว์ควรให้มี ๒ อย่าง คือ วัตถุภายใน
 ๑  วัตถุภายนอก ๑.


1.1.
              ใน ๒ อย่างนั้น วัตถุภายนอกมี ๑๐ อย่าง คือ ข้าว ๑ น้ำ ๑ ผ้า ๑ ยาน
๑ ดอกไม้ ๑ ของหอม ๑ เครื่องลูบไล้ ๑ ที่นอน ๑ ที่อาศัย ๑ ประทีป ๑.

              บรรดาวัตถุมีข้าวเป็นต้น มีวัตถุหลายอย่าง โดยจำแนกของควรเคี้ยว
และของควรบริโภคเป็นต้น.

              อนึ่ง วัตถุ ๖ อย่าง คือรูปารมณ์จนถึงธรรมารมณ์.

              อนึ่ง บรรดาวัตถุมีรูปารมณ์เป็นต้น วัตถุหลายอย่าง โดยการจำแนกเป็น
สีเขียวเป็นต้น.

              อนึ่ง วัตถุหลายอย่าง ด้วยเครื่องอุปกรณ์อันทำความปลาบปลื้มหลาย
ชนิด มีแก้วมณี กนก เงิน มุกดา ประพาฬ นา ไร่ สวน ทาสหญิง ทาสชาย โค
กระบือเป็นต้น.

              ในวัตถุเหล่านั้น พระมหาบุรุษ เมื่อจะให้วัตถุภายนอกรู้ด้วยตนเองว่า จะ
ให้วัตถุแก่ผู้มีความต้องการ. แม้เขาไม่ขอก็ให้ ไม่ต้องพูดถึงขอละ. มีของให้จึง
ให้. ไม่มีของให้ย่อมไม่ให้. ให้สิ่งที่ปรารถนา. เมื่อมีไทยธรรมย่อมไม่ให้สิ่งที่
ไม่ปรารถนา. อาศัยอุปการะตอบย่อมให้. เมื่อไม่มีไทยธรรมย่อมแบ่งสิ่งที่
ปรารถนาให้สมควรแก่การแจกจ่าย.

              อนึ่ง ไม่ให้ศัตรายาพิษและของเมาเป็นต้น อันจะนำมาซึ่งความเบียด
เบียนผู้อื่น. แม้ของเล่นอันประกอบด้วยความพินาศ และนำมาซึ่งความประมาท
ก็ไม่ให้.

              อนึ่ง ไม่ให้ของไม่เป็นที่สบาย มีน้ำดื่มและของบริโภคเป็นต้น หรือของ
ที่เว้นจากการกำหนดแก่ผู้ขอที่เป็นไข้. แต่ให้ของเป็นที่สบายเท่านั้นอันสมควร
แก่ประมาณ.

              อนึ่ง คฤหัสถ์ขอก็ให้ของสมควรแก่คฤหัสถ์. บรรพชิตขอก็ให้ของ
สมควรแก่บรรพชิต. ให้ไม่ให้เกิดความเบียดเบียนแก่ใครๆ ในบรรดาบุคคลเหล่า
นี้ คือ มารดาบิดา ญาติสาโลหิต มิตรอำมาตย์ บุตรภรรยา ทาสและกรรมกร.

              อนึ่ง รู้ไทยธรรมดีมาก ไม่ให้ของเศร้าหมอง.

              อนึ่ง ไม่ให้อาศัยลาภสักการะความสรรเสริญ. ไม่ให้อาศัยการตอบ
แทน. ไม่ให้หวังผลเว้นแต่สัมมาสัมโพธิญาณ. ไม่ให้รังเกียจผู้ขอหรือไทยธรรม.

              อนึ่ง ไม่ให้ทานทอดทิ้ง ยาจกผู้ไม่สำรวม แม้ผู้ด่าและผู้โกรธ. ที่แท้มี
จิตเลื่อมใสให้อนุเคราะห์ด้วยความเคารพอย่างเดียว. ไม่ให้เพราะเชื่อมงคลตื่น
ข่าว. ให้เพราะเชื่อกรรมและผลแห่งกรรมเท่านั้น. ไม่ให้โดยที่ทำยาจกให้เศร้า
หมองด้วยการให้เข้าไปนั่งใกล้เป็นต้น. ให้ไม่ทำให้ยาจกเศร้าหมอง.

              อนึ่ง ไม่ให้ประสงค์จะลวงหรือประสงค์จะทำลายผู้อื่น. ให้มีจิตไม่เศร้า
หมองอย่างเดียว. ไม่ให้ทานใช้วาจาหยาบ หน้านิ่วคิ้วขมวด. ให้พูดน่ารัก พูด
ก่อน พูดพอประมาณ. โลภะมีมากในไทยธรรมใด เพราะความพอใจยิ่งก็ดี
เพราะสะสมมานานก็ดี เพราะความอยากตามสภาพก็ดี. พระโพธิสัตว์รู้อยู่
บรรเทาไทยธรรมนั้นโดยเร็ว แล้วแสวงหายาจกให้.

              อนึ่ง ไทยวัตถุใดนิดหน่อย แม้ยาจกก็ปรากฏแล้ว แม้ไม่คิดถึงไทยวัตถุ
นั้น ก็ทำตนให้ลำบาก แล้วให้ยาจกนับถือเหมือนอกิตติบัณฑิต ฉะนั้น.

              อนึ่ง มหาบุรุษ เมื่อบุตรภรรยา ทาสกรรมกร บุรุษของตน ไม่ร้องเรียกถึง
ความโทมนัสขอ ย่อมไม่ให้แก่ยาจกทั้งหลาย. แต่เมื่อชนเหล่านั้นร้องเรียกถึง
ความโสมนัสโดยชอบ จึงให้.

              อนึ่ง เมื่อให้รู้อยู่ย่อมไม่ให้แก่ยักษ์ รากษส ปีศาจเป็นต้น หรือแก่
มนุษย์ผู้ทำการงานหยาบช้า.

              อนึ่ง แม้ราชสมบัติก็ไม่ให้แก่คนเช่นนั้น. ให้แก่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติเพื่อความ
ไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ เพื่อความพินาศแก่โลกผู้ที่ตั้งอยู่ในธรรม คุ้มครอง
โลกโดยธรรม.

              พึงทราบการปฏิบัติในทานภายนอกด้วยประการฉะนี้.



1.2.

              ส่วนทานภายในพึงทราบโดยอาการ ๒ อย่าง.
              อย่างไร?

              เหมือนบุรุษคนใดคนหนึ่งสละตน เพราะเหตุอาหารและเครื่องปกปิดแก่
ผู้อื่น. ย่อมถึงความเป็นผู้เชื่อฟัง ความเป็นทาสฉันใด. พระมหาบุรุษก็ฉันนั้น
เหมือนกัน มีจิตปราศจากอามิสเพราะเหตุสัมโพธิญาณ ปรารถนาประโยชน์สุข
อันยอดเยี่ยมแก่สัตว์ทั้งหลาย ประสงค์จะบำเพ็ญทานบารมีของตน จึงสละตน
เพื่อคนอื่น ย่อมถึงความเป็นผู้เชื่อฟัง ความเป็นผู้ต้องทำตามความประสงค์.
ไม่หวั่นไหว ไม่ท้อแท้ มอบอวัยวะน้อยใหญ่มีมือเท้าและนัยน์ตาเป็นต้นให้แก่
ผู้ต้องการด้วยอวัยวะ นั้นๆ. ไม่ข้องใจ ไม่ถึงความสยิ้วหน้า ในการมอบให้นั้น
เหมือนในวัตถุภายนอก.

              เป็นความจริงอย่างนั้น พระมหาบุรุษยังความปรารถนาของยาจกเหล่า
นั้นให้บริบูรณ์ ด้วยการบริโภคตามสบาย หรือด้วยความชำนาญของตน จึงสละ
วัตถุภายนอกด้วยอาการ ๒ อย่าง ด้วยหวังว่า เราให้ทานหมดสิ้นแล้วจักบรรลุ
สัมโพธิญาณด้วยการเสียสละอย่างนี้ดังนี้.

              พึงทราบการปฏิบัติในวัตถุภายใน ด้วยประการฉะนี้.


              ให้วัตถุภายในที่ให้ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ยาจก โดยส่วนเดียว
เท่านั้น. ใช่จะให้พวกนั้น.

              อนึ่ง พระมหาบุรุษ เมื่อรู้ย่อมไม่ให้อัตภาพหรืออวัยวะน้อยใหญ่ของตน
แก่มารหรือแก่เทวดาผู้ เนื่องด้วยหมู่มาร ผู้ประสงค์จะเบียดเบียน ด้วยคิดว่า
 ความ ship หายอย่าได้มีแก่มารเหล่านั้น. ย่อมไม่ให้แม้แต่ตุ๊กตาแป้ง เหมือนไม่
ให้แก่เทวดาผู้เนื่องด้วยหมู่มาร ฉะนั้น. ไม่ให้แม้แก่คนบ้า. แต่คนพวกนั้นขอให้
ตลอดไป เพราะการขอเช่นนั้นหาได้ยาก และเพราะการให้เช่นนั้นทำได้ยาก.



2.      อภัยทาน

              ส่วนอภัยทาน พึงทราบโดยความป้องกันจากภัยที่ปรากฏแก่สัตว์ทั้ง
หลาย จากพระราชา โจร ไฟ น้ำ ศัตรู สัตว์ร้ายมีราชสีห์ เสือโคร่งเป็นต้น.




3.      ธรรมทาน
              ส่วนธรรมทาน ได้แก่การแสดงธรรมไม่วิปริตแก่ผู้มีจิตไม่เศร้าหมอง.

              การชี้แจงประโยชน์อันสมควร นำผู้ยังไม่เข้าถึงศาสนาให้เข้าถึง ผู้เข้า
ถึงแล้วให้เจริญงอกงาม ด้วยทิฏฐธรรมิกประโยชน์ สัมปรายิกและปรมัต-
ถประโยชน์.

              ในการแสดงธรรมนั้น พึงทราบนัยโดยสังเขปดังนี้ก่อน คือ ทานกถา ศีล
กถา สัคคกถา โทษและความเศร้าหมองของกามและอานิสงส์ในการออกจากกาม.


              ส่วนโดยพิสดาร พึงทราบประดิษฐานและการทำให้ผ่องแผ้วในธรรม
นั้นๆ ตามสมควร ด้วยสามารถการประกาศคุณของธรรมเหล่านั้นแก่ผู้มีจิตน้อมไป
แล้วในสาวกโพธิญาณ คือ การเข้าถึงสรณะ การสำรวมศีล ความคุ้มครองทวาร
ในอินทรีย์ทั้งหลาย ความรู้จักประมาณในการบริโภค การประกอบความเพียร
เนืองๆ สัทธรรม ๗  การประกอบสมถะ ด้วยการทำกรรมในอารมณ์ ๓๘
การประกอบวิปัสสนา ด้วยหัวข้อคือการยึดมั่นตามสมควรในการยึดมั่นวิปัสสนา
ในรูปกายเป็นต้น.

              ปฏิปทาเพื่อความหมดจดอย่างนั้น การยึดถือความถูกต้อง วิชชา ๓
อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทา ๔ สาวกโพธิญาณ.


              อนึ่ง พึงทราบการประดิษฐาน การทำให้ผ่องแผ้วในญาณทั้งสอง ด้วย
การประกาศความเป็นผู้มีอานุภาพมาก ของพระพุทธเจ้าเหล่านั้น ในฐานะแม้ ๓
อย่าง โดยหัวข้อประกาศมิสภาวะ ลักษณะและรสเป็นต้นของบารมีมีทานบารมี
เป็นต้น ตามสมควรแก่สัตว์ทั้งหลายผู้น้อมไปในปัจเจกโพธิญาณ และในสัมมา
สัมโพธิญาณ.


              พระมหาบุรุษย่อมให้ธรรมทานแก่สัตว์ทั้งหลาย ด้วยประการฉะนี้.



ที่มา.. อรรถกถา ขุททกนิกาย จริยาปิฎก สโมธานกถา
180  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / หลวงปู่ศุข เจอผีสมภารวัดร้างลองดี เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 06:20:23 am
หลวงปู่ศุข เกสโร (พระครูวิมลคุณากร)
วัดปากคลองมะขามเฒ่า ตำบลมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท

เป็นพระอาจารย์ที่เคารพนับถือของ พล.ร.อ.พระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตต์อุดมศักดิ์ พระบิดาแห่งกองทัพเรือ ท่านเป็นพระอภิญญาที่ทรบงบารมีธรรม และทรงคุณวิเศษในเวทวิทยายากจะหาผู้ใดเทียบเท่า


ตลอดช่วงชีวิตแห่งการครองเพศสมณะ เชื่อได้ว่าหลวงปู่ศุขย่อมมีประสบการณ์เผชิญกับวิญญาณมาไม่น้อย เพียงแต่ท่านไม่เปิดเผยให้ผู้ใดมีโอกาสได้รับรู้ นอกจาเรื่อง "ผีสมภารวัดร้าง" ซึ่งนายยอด สุขทอง ลูกศิษย์คนหนึ่งของท่านรับฟังมาและนำมาเล่าต่อ ดังมีรายละเอียดดังนี้

ครั้งนั้นหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าจาริกธุดงค์ ไปนมัสการพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรี เมื่อท่านได้ถวายอภิวาทต่อรอยพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความปิติอิ่ม ใจแล้วจึงได้เดินธุดงค์กลับวัดปากคลองมะขามเฒ่าของท่าน ระหว่างเดินทางกลับ

ท่านได้จากริมาพบวัดร้างแห่งหนึ่งในเวลาเย็นย่ำสนธยา ซึ่งถึงกาลอันสมควรหาสถานที่เหมาะสมเพื่อปักกลด หลวงปู่ศุข พิจารณาวัดร้างแห่งนี้เห็นว่าพอจะอาศัยเป็นสถานที่พักผ่อนในราตรีกาลที่จะมา ถึงได้ ท่านจึงแบกกลดเข้าไปในเขตธรณีสงฆ์แห่งนั้น


บริเวณทั่วไปของวัดร้างสงัดเงียบ มีโบสถ์ ศาลาการเปรียญและกุฎิ พระครบสมบูรณ์ เพียงแต่ปราศจากพระเณรจำพรรษาคอยดูและรักษาทำนุบำรุง เสนาสนะต่างๆ ดังนั้นศาสนสถานโดยทั่วไปจึงชำรุดทรุดโทรมผุพังเป็นที่น่าสังเวช หลวงปู่ศุขรู้สึกแปลกใจระคนสงสัยทีวัดนี้ ไม่ควรจะปล่อยร้างวังเวงดังที่เห็น เพราะสังเกตดูที่ตั้งขอวัดก็อยู่ในพื้นภูมิทำเลที่เหมาะสม ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหมู่บ้านชุมชนเท่าไหรนัก เหตุใดจึงขาดผู้มีจิตกุศลศรัทธาอุปัฎฐากพระเณรถึงเพียงนี้

หลวงปู่เพียงแค่สงสัย แต่ไม่คิดใฝ่ใจใคร่รู้สาเหตุที่มาของวัดร้าง ท่านจึงมองหาที่พักสำหรับคืนนี้ เห็นบริเวณระเบียงด้านหน้ากุฎิหลังใหญ่ดูกว้างขวาง และเปิดโล่งโปร่งสบายก็ตรงไปยังที่น้น วางอัฐบริขารลง แล้วไปเก็บแขนงไม้มารวมกันปัดกวาดพื้นให้สะอาดพอปูอาสนะได้


ขณะที่หลวงปู่ศุขกำลังปัดกวาดอยู่นั้น มีชาวบ้านเป็นชาย2-3 คน เดินมาหาท่านแล้วนังยกมือไหว้นมัสการ คนที่มีอาวุโสที่สุดถามขึ้นว่า "หลวงพ่อมาจากไหนขอรับ" พวกกระผมเห็นหลวงพ่อเดินลัดตัดทุ่งตรงมาที่นี่ จึงรีบมาพบ"
"อาตมาไปนมัสการพระพุทธ่าทสระบุรีมา กำลังจะกลับวัดปากคลองมะขามเฒ่า คืนนี้คงต้องพักที่วัดนี้ชั่วคราว พวกโยมเป็นคนบ้านี้กระมัง"

"ใช่ขอรับ กระผมเองอยูเลยหลังวัดนี้ไปไม่เท่าไหร่ เอ้อ หลวงพ่อขอรับ ท่านพักอยู่ตรงระเบียงหน้ากุฎินี้เห็นทีจะไม่เหมาะสมกระมังครับ"
"ทำไมหล่ะโยม อมตมาเห็นว่าเป็นวัดร้างไม่มีใครดูแลเป็นเจ้าของจึงไม่ได้ขออนุญาตใคร"

" ไม่ใช่เรื่องขออนุญาต หรือไม่ขออนุญาตหรอกขอรับ แต่พวกกระผมเป็นป่วงหลวงพ่อ กลัวว่าหลวงพ่อจะเจอเรื่องไม่ดีไม่งามเข้าตอนกลางค่ำกลางคืน "
"เรื่องไม่ดีไม่งามที่โยมว่านั่นน่ะ มันเรื่องอะไร" ชายสูงวัยทำท่าอึกอักก่อนจะตัดสินใจไปกราบเรียน "ผีที่นี่เฮี้ยนเหลือกำลังขอรับหลวงพ่อ สาเหตุที่วัดนี้กลายเป็นวัดร้าง ก็เพราะผีดูนี่แหละครับ กระผมเองเคยเป็นมัคทายกวัดนี้รู้เรื่องดีเชียวละ"


แล้วอดีตมัคทายกก็เล่าเรื่องผีวัดร้างให้ปลวงปู่ฟังว่า เมื่อก่อนวัดนี้มีพระเณรจำพรรษาไม่เคยขาด ชาวบ้านร้านตลาดมาทำบุญทำทานกันตลอดเวลา
ต่อมาสมภารเจ้าวัดมรณภาพ ยังไม่ทันจะหาสมภารรูปใหม่มาปกครองดูแลวัด ผีสมภารเปิดฉากออกอาละวาดปลอกปลอนแทบทุกคืนจนพระเณรอกสั่นขวัญหา
ย แม้ชาวบ้านจะร่วมกันทำบุญแผ่กุศลสักเท่าไหร่ ผีสมภารก็ไม่ยอมไปผุดไปเกิด ยังคงหลอกหลอนเหมือนเดิม กระทั่งพระเณรทนไม่ไหวพากันหนีหายย้ายไปอยู่วัดอื่นหมด

เคยมีพระใหม่ใจกล้ารับอาสาจะมาช่วยบูรณะวัดฟื้นฟูวัด แต่อยู่ได้ไม่กี่วันก็หอบอัฐบริขารจากไป เพราะผีสมภารเล่นงาน
หลวงปู่ศุขรับฟังอดีตมัคทายกวัดเล่าเรื่อผีสมภารโดยสงบมิได้แสดงความคิดเป็น แต่ประการใด เมื่อมัคทายกกราบเรียนแนะนำให้ท่านย้ายที่ปักกลดไปอยู่นอกเขตวัดจะดีกว่า ท่านก็เฉยเสีย บอกแต่เพียงว่าคงไม่เป็นไร เพราะท่านมาอาศัยคืนเดียวแล้วก็ไป ผีสมภารคงไม่ทำอะไร เมื่อหลวงปู่ยืนยันเช่นนี้ ชาวบ้านก็จำต้องนมัสการกราบลากลับไป ทั้งที่ห่วงใยท่านจะทานวิญญาณร้ายของสมภารเจ้าวัดที่ตายไปไม่ไหว

หลวงปู่กางกลด จัดวางบริขารและปูอาสนะเรียบร้อย เมื่อความมืดของราตรีมาเยือน วัดก็ยิ่งวังเวงหนักขึ้น หลวงปู่ไหว้พระสวดมนต์ทำวัตรเย็นตามกิจของท่านแล้วเข้ากลด เจริญสมาธิภาวนาเช่นที่เคยปฎิบัติมา โดยไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น

ตราบกระทั่งดึกสงัด ก็ปรากฎเสียงบานหน้าต่างของกุฎิหลังใหญ่กระแทกเปิดปิดดังสนั่น ทั้งๆ ที่ประตูหน้าต่างใส่ดาลลั่นกลอนปิดสนิท จะเป็นเพราะลมก็ไม่ใช่เพราะเวลานั้นลมสงบเงียบเชียบ

หลวงปู่ศุข กำลังพักผ่อนต้องลุกขึ้นมานั่ง คอยดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไปอีก ท่านก็ไม่ต้องคอยนาน เมื่อตรงหน้ากลดนั้นร่างดำมึนดูทะมึนของสมภารวัดได้ผุดวูบขึ้นมาให้เห็นถนัด ชัดเจน พร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงแหบห้าวดุจไม่พอใจ
" มาทำไม?"

"ผมไปรุกขมูลมา จะขออาศัยนอนที่นี่สักคืน" หลวงปู่ศุข ตอบ
ผีสมภารนิ่งแล้วหายวับ คราวนี้เกิดเสียงดังโครมครามสนั่นหวั่นไหว ภายในกุฎิไม่ยอมหยุด ประหนึ่งต้องการขับไล่หลวงปู่ศุขน ทว่าหลวงปู่มิได้หวั่นไหวต่อการแสดงฤทธิ์ของผีสมภาร

ยิ่งไปกว่านั้น ท่านยังรู้สึกสงสารเวทนาต่อดวงวิญญาณมิจฉาทิฐิที่หลงวนเวียนยึดเหนี่ยวใน สถานที่นี้ไม่ยอมไปผุดไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่า ทั้งๆที่บวชเรียนในพระพุทธศาสนามานานถึงขึ้นเป็นสมภารเจ้าวัด

หลวงปู่ศุขสำรวมจิตแผ่เมตตาไปให้ แต่เสียงสนั่นหวั่นไหวภายในกุฎิ ก็ไม่ยอมหยุด สวดมนต์อีกหลายบท ผีสมภารก็ยังไม่รับรู้ มิหนำซ้ำ ผีสมภารยังมาปรากฎร่างยืนตระหว่างตรงหน้ากลด แผดเสียงหัวเราะเย้ยหยันแล้วคำรามลั่นบอกว่า "ไม่กลัวหรอก มีคาถาอะไรก็ว่ามาอีกซิ"

หลวงปู่ศุขเห็นผีสมภารดื้อด้านถึงเพียงนี้ ท่านจึงกล่าวออกมาดังๆว่า
"อนิจจาเอ๋ยไม่เคยเห็น ผีตายหรือจะสู้กับผีเป็น นะโมพุทธายะ"

ด้วยถ้อยคำประโยคนี้ ผีสมภารก็หายวับไปไม่มีเสียงโครมครามใดๆ ตามมาอีก และหลวงปู่ศุขก็ไม่ใส่ใจสนใจอีกต่อไป เอนกายลงพักผ่อนตามปกติของท่าน
เช้าวันรุ่งขึ้นอดีตมัคทายกและชาวบ้านกลุ่มใหญ่รีบมาที่วัดแต่เช้า เห็นหลวงปู่ศุขเป็นปกติดีไม่มีอะไร ต่างปีตีดีใจเข้ามากราบไหวันมัสการสอบถาม ว่าเมื่อคืนมีเหตุการณ์ร้ายๆอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หลวงปู่ไม่ตอบ ได้แต่ยิ้มๆ ทำนองมิให้ซักไซร้ให้มากความ ชาวบ้านจึงไม่กล้าละลาบละล้วงถามอีก


จากนั้นก็กลับไปจัดหาภัตราหารเช้ามาถวาย
เมื่อท่านกระทำภัตกิจเรียบร้อย ชาวบ้านนิมนต์ให้ท่านพักอยู่ที่นี่ก่อน เพื่อพวกเขาจะได้มีโอกาสทำบุญสร้างกุศลกันบ้าง หลวงปู่ศุขก็เมตตารับนิมนต์
หลวงปู่พำนักอยู่ที่กุฎิร้างของสมภารเก่า ๕ คืน ไม่กรากฎมีผีสมภารออกอาละวาดอีกเลย

ท่านเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้วจึงเก็บอัฐบริขารเพื่อเดินทางต่อไปชาวบ้านอ้อน วอนให้ท่านเป็นสมภารวัดร้างแห่งนี้ แต่หลวงปู่ไม่อาจรับศรัทธาญาติโยมข้อนี้ได้
181  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระเดินธุดงค์ ใช้เต๊นซ์ ได้หรือป่าวครับ เมื่อ: มกราคม 26, 2011, 04:08:58 pm
อยู่ที่ความพอดีครับ ถ้าใช้เกินความจำเป็น ก็จะลืมความหมายของการฝึกฝน อย่างนั้นก็คงจะไม่ต่างอะไร พวก
ชาวต่างชาติที่เดิน เที่ยวในเมืองไทยแนวผจญภัยครับ

เพราะการธุดงค์ คือการขจัดกิเลส ครับ

 :25:
182  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: สุดยอด นักปลอม ตัวฉกาจ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 06:16:33 pm
ของโปรดผมเลยนะครับ เวลาไปเดินที่เยาวราช สำเพ็ง ก็จะไปหาซื้อ สาหร่ายประเทศจีนมาบริโภค ตอนนี้พอเห็นขั้นตอนวิธีการ
ผลิตแล้ว ผมจึงรู้สึกได้เหมือนกันว่า ผมก็บริโภคสาหร่ายเป็นประจำแต่ทำไมร่างกายไม่แข็งแรง แถมเจ็บออด แอด ๆ น่ากลัวจะ
ได้บริโภคของปลอมเสียแล้ว ที่ไม่มีคุณค่าทางอาหาร

เห็นไม่ครับ แค่อาหารปลอมก็ทำให้ชีวิตเราแย่แล้ว นะครับ
ที่นี้ถ้ามาเรื่องธรรมะ ที่ปลอมปนเข้ามาอีก ไม่ทำให้ใจเราแย่เพิ่มขึ้นหรือครับ

 :96:
183  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: จับสึกแล้ว 2 รูป เณรแต่งหญิง เต้นโชว์หน้ากล้อง เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 06:13:40 pm
แต่เรื่องของพระที่ เสพยาเสพติดนี้ ต้องถูกดำเนินคดีก่อนใช่ไหมครับ พวกนี้สมควรจัดการเป็นอย่างยิ่ง เพราะภัยยาเสพติด
มีมากผมไม่อยากเห็นภาพพระสงฆ์ จับมีดมารัดคอเด็กลงข่าวหน้าหนังสือพิมพ์ และคนที่ขายก็ให้รู้ไว้ด้วยว่าบาปมาก ๆ นะ

 :character0029:
184  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: จับสึกแล้ว 2 รูป เณรแต่งหญิง เต้นโชว์หน้ากล้อง เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 06:11:30 pm
พ่อเณร หนอ ทำไปได้ เพราะเป็นเด็ก เลยทำไปโดยไม่ได้คิด ว่าอะไรถูก อะไรผิด สำหรับเด็กเล่นทะลึ่งตึงตังบ้าง ก็ไม่น่าจะผิดมาก
เป็นเพราะอาจารย์ผู้ดูแลไม่ได้อบรม สิ่งถูก สิ่งผิด หรือป่าว ผมเองโทษพระอาจารย์ที่ดูแลครับ เพราะเด็กก็ยังเป็นเด็ก แก้ปัญหาสึกเณร แล้วเณรนี้ก็ไม่ได้บวชยากนะครับ ไปวัดไหนก็บวชได้ครับ บวชแล้วไม่มีใครอบรมนี่สำคัญมากครับ

 :signspamani:
185  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พระพุทธบาทที่ปรากฏในพระไตรปิฏก มีกี่รอยจ๊ะ และมีอยู่ที่ไหนบ้าง เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 06:07:51 pm
อ้างถึง
ความเพียร ในพระพุทธศาสนา นั้นวัดอย่างไร ครับ

รออ่านด้วยอีกคนนะครับ ผมสงสัยเหมือนกันว่า ระหว่างการได้กราบรอยพระพุทธบาท กับไปกราบสังเวชนิียสถานอันไหน
ได้บุญต่างกันอย่างไร มีความสำคัญอย่างไร เพราะเห็นคนนิยมไปกราบรอยพระพุทธบาทกันมากนะครับ เช่นที่เขาคิชกูฏ
ผมเคยไปมมาแล้ว ต้องเคลื่อนตัวขึ้นไปที่ ก้าวเลยครับ บริเวณรอยพระพุทธบาท

ควจะได้อ่านโดยไวนะครับ อนุโมทนาขอบคุณล่วงหน้าครับ

:c017:
186  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: สวัสดีครับ เมื่อ: มกราคม 21, 2011, 05:21:11 pm
 :25: ขอนอบน้อมทุกคน ครับ
 :08:
187  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การกำหนดรู้ระงับดับความโกรธ อย่างนี้จัดเป็น วิปัสสนาหรือไม่ครับ เมื่อ: มกราคม 20, 2011, 10:57:08 pm
อ้างถึง
ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะต่อมาได้ละธรรม ๓ อย่างนี้ ไม่ใส่ใจถึงธรรม ๓ อย่างนี้ น้อมจิตไปในอมตธาตุ

เฮีย โดเรม่อน ครับผมไม่เข้าใจว่าละธรรม 3 อย่าง คืออะไรบ้างครับช่วยขยายความให้ผมด้วยครับว่า คืออะไรบ้าง
และมันเกี่ยวกับอะไรกับการกำหนดรู้ระงับความโกรธ ครับ ขอความกระจ่างด้วยครับ

 :character0029:
188  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / การกำหนดรู้ระงับดับความโกรธ อย่างนี้จัดเป็น วิปัสสนาหรือไม่ครับ เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 07:35:04 pm
คือผมเคยอ่านงานของคุณดังตฤณ และเคยได้มีโอกาสติดตามคุณดังตฤณ
อธิบายธรรม ตามyoutube  แล้วผมสนใจมาก ด้วยตัวผมเอง เป็นพวก
โทสะจริต โกรธง่ายโมโหง่ายมากครับ  ทีนี้คุณดังตฤณ บอกว่า ให้แค่ รู้
และยอมรับว่าเราโกรธ ไม่ต้องไปหยุด ไปห้ามอารมณ์นั้น ไม่ต้องไป
พยายามให้อารมณ์นั้นหายไป แค่มองดู

พอ ผมลองนำมาปรับใช้กับชีวิต  เวลาโกรธ แล้วผมมีสติรู้ตัวว่าโกรธ คือ จิตผมมันก็มากำหนดตรงลิ้นปี่ พอดีและมองดูอารมณ์นั้น แล้วคือ อารมณ์โกรธมันหายไปแบบ ชัวขณะสั้นๆ ทันทีอะครับ  จะอธิบายไงดี  ประมาณว่า พอโกรธปุ๊ปประมาณสองวินาทีก็จะรู้ตัว แล้วจังหวะที่รู้ตัวนั้นหล่ะ ความรู้สึกมันไปอยู่ที่ลิ้นปี่อัตโนมัติเอง และรู้ตัวว่าโกรธแล้วความโกรธก็หายไป   ผมก็มองอารมณ์ตอนนั้น มันก็ไม่ได้โกรธต่อ พอสักพักเผลอ จิตไม่ได้มองดูอารมณ์นั้น มันก็โกรธขึ้นอีก แล้วก็รู้ตัวอีก  เป็นเช่นนี้สักพักความโกรธจึงหายไป   

สิ่งที่ผมทำนั้น  เป็น แค่เพียงรู้  ว่าตัวโกรธอยู่   หรือ เป็นการไป ห้ามความโกรธนั้นไว้ครับ

คำถามการปฏิบัติอย่างนี้ เป็นการปฏิบัติวิปัสสนา หรือยังครับ

 :25:
189  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: การโพสรูปในบอรด์นะครับ เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 04:27:55 pm
การบังคับ ความกว้าง ความสูง ของภาพ เวลาโพสต์ภาพ แล้วเกินกรอบเว็บ
ในระบบเว็บมาตรฐานปัจจุบัน จะเซ้ทไว้ที่ 1024 x 768

ดังนั้นรูปในบอร์ด อย่างเว็บ www.madchima.org จะมีพื้นที่ใส่รูปได้ความกว้างเต็มที คือ 750 px

ดังนั้นวิธี บังคับรูปที่เราถ่ายให้ได้ในกรอบ หรือ ให้เป็นไปดังใจ ต้องเพิ่ม tag ต่อไปนี้ ใน [img width=ตัวเลข height=ตัวเลข]http://ตัวอย่าง
โค๊ด: [Select]
[img]http://ตัวอย่างลิงก์ภาพ[/img]
 
ภาพขนาดเดิม


โค๊ด: [Select]
[img width=500 height=400]http://ลิิงก์รูปภาพ[/img]500 X 400
ภาพขนาดเดิม




100 X 60 [img width=100 height=60]
190  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: สนใจเรื่อง อานาปานสติ ครับ เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 03:25:41 pm
สนใจด้วย อีกคน คะ สามารถดาวน์โหลดเสียงฟัง ได้ที่ไหนครับ

 :25:
191  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: โจรใจบาปขโมยพระพุทธรูปอายุกว่า 30 ปี เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 07:13:35 pm
พวกที่ชอบเข้าไปลักขโมย ของพระ นี่ผมว่า สิ้นคิดมาก เพราะบาปมากกว่าเหตุทั่วไป

 :96:
192  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ชีวิตต้องสู้ ( เว้ยเฮ๊ย ) เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 07:12:28 pm
เห็นภาพแล้ว อ่านประวัติ ของแต่ละคน แล้ว
ชีวิตที่ลำเคํญของผม กลายเป็นเรื่อง เล็ก ๆ เลยครับ

 :13: :13: :13:
193  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / บวชชีพราหมณ์ วัดบ้านหนองจาน อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ..มหาสารคาม 27 มค.-1 กพ.2554 เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 06:43:17 pm
ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมบวชชีพราหมณ
์ ณ วัดบ้านหนองจาน ต.เวียงสะอาด อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ..มหาสารคาม
 27 มกราคม ถึง 1 กุมภาพันธ์ 2554
ขอเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพอาหาร น้ำปาณะ ได้ที่วัดบ้านหนองจาน
ติดต่อสอบถาม โทร 085-0351785, 081- 0652457
194  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / งานปริวาสกรรม-บวชชีพราหมณ์ วัดใหม่ศรีสมบูรณ์ (วัดสบู) 20-29 เมษายน 2554 เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 06:21:00 pm
กำหนดงานปริวาสกรรม-บวชชีพราหมณ์-ปฏิบัติธรรม
ณ วัดใหม่ศรีสมบูรณ์ (วัดสบู)
208/10 บ้านใหม่ หมู่ 1 ตำบลหนองกลับ อำเภอสวรรคโลก จังหวัดสุโขทัย 64110
ระหว่างวันที่ 20-29 เมษายน 2554 นี้
ขอนิมนต์พระภิกษุ- และเจริญพรอุบาสก-อุบาสิกา มาร่วมปฏิบัติธรรม อบรมจิตภาวนา เสริมสร้าง
บารมีธรรม ถือเนกขัมมะปฏิบัติ บำเพ็ญเพียรกุศลธรรมต่าง ๆ และเพื่อความสามัคคีธรรมในหมู่พุทธบริษัท และเพื่อจรรโลงสืบทอดอายุพระพุทธศาสนา ให้เจริญสถาพรตลอดไป
กำหนดการ วันที่ 20 เมษายน 2554 ลงทะเบียน /ขอปริวาส (อุบาสก-อุบาสิกา สมาทานศีลปฏิบัติ)
วันที่ 29 เมษายน 2554 ออกอัพภาน /ลาศีล ๘ เสร็จพิธี
หมายเหตุ -การเดินทาง โดยรถยนต์กรุงเทพฯ-ปลายทางสวรรคโลก -สายเหนือเชียงใหม่-อุตรดิตถ์-สวรรคโลก -ถ้ามาทางสายอีสานขอนแก่น/โคราช-ให้ลงที่พิษณุโลก หรือลงสุโขทัย ต่อรถประจำทางไปสวรรคโลก รถทุก ๆ สายเมื่อถึงสวรรคโลกแล้วให้ต่อรถสองแถวประจำหมู่บ้าน (มีสายบ้านหนองป่าถ่อน-ขอนซุง-ปากคลองช้าง) ลงหน้าวัดสบูพอดี ระยะทาง 14 กม.) ซึ่งรถจอดข้างตลาดในเมืองสวรรคโลก รถจะออก เวลา 10 โมงเช้าของทุก ๆ วัน/(ถ้านอกเวลานี้ให้เหมารถสามล้อเครื่องเข้าไป ตกลงราคาเอง ซึ่งไม่เกิน หรือประมาณ 100- บาท/มี 3-4 ที่นั่ง)-(ถ้าจะลงที่ อ.ศรีสำโรง ก็ได้ เพราะมีรถสามล้อเครื่องเหมือนกัน)
ติดต่อสอบถามที่ วัดใหม่ศรีสมบูรณ์ (วัดสบู) โทร.๐๕๕-๖๘๕ ๓๐๙, มือถือ.๐๘๗-๑๙๘ ๔๙ ๖๙.
195  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญบวชชี พราหมณ์ ณ วัดสันทราบ วันที่ 3 - 7 เมษายน ของทุกปี เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 06:10:41 pm
ด้วยวัดสันทราย  หมู่ ๑๒  ตำบลศรีดงเย็น  อำเภอไชยปราการ  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นศูนย์เผยแผ่ศีลธรรมและได้จัดงานปฏิบัติธรรมบวชชีพราหมณ์ขึ้นเป็นประจำทุกปี  ในระหว่างวันที่  ๓ – ๗  เดือน เมษายน  ของทุก ๆ ปี  โดยปีนี้จัดเป็นปีที่  ๑๒  ในแต่ละปีก็มีผู้สนใจใฝ่ธรรมร่วมปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก

            ดังนั้นจึงใคร่ขอความเมตตาอนุเคราะห์จากผู้มีจิตศรัทธาร่วมทำบุญสมทบการปฏิบัติธรรมตามรายการดังต่อไปนี้

๑.     เป็นเจ้าภาพอาหาร (เจ)  มื้อละ     ๓,๐๐๐  บาท (รับพระผงครูบาเจ้าศรีวิชัย สร้าง ปี ๔๑ ปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงปู่ครูบาดวงดี  วัดท่าจำปี )

๒.     เป็นเจ้าภาพข้าวต้ม (เจ) มื้อละ    ๒,๐๐๐  บาท (รับพระผงหลวงปู่ทวด)

๓.     เป็นเจ้าภาพน้ำปานะ  มื้อละ        ๑,๐๐๐  บาท (รับพระผงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต)

๔.     บริจาคตามเจตนา  (รับตะกรุดเมตตามหานิยม)

      ร่วมบุญได้ที่.. พระครูวรสุตเขต   วัดสันทราย  หมู่ ๑๒  ตำบลศรีดงเย็น  อำเภอไชยปราการ  จังหวัดเชียงใหม่  ปณ. ไชยปราการ  ๕๐๓๒๐  หรือโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย  สาขาไชยปราการ  ชื่อบัญชี”กองทุนเพื่อการเผยแผ่ศีลธรรมวัดสันทราย”  หมายเลขบัญชี ๕๔๕-๐-๑๔๓๔๓-๕  ติดต่อสอบถามรายละเอียดโทร. ๐๘๙-๘๕๒๓๔๙๘  หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความอนุเคราะห์เป็นอย่างดี

ที่มาข่าวสาร
http://watsansai.igetweb.com/index.php?mo=5&qid=434749
196  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / แก้กรรม กรรมลูกไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 06:05:33 pm
กรรมลูกไม่ดี เกเร ไม่เชื่อฟัง
เกิดจากกรรม
1.ทำแท้ง
2.เคยทำร้ายคนใกล้ชิดมาก่อน และทำร้ายจิตใจครอบครัวในชาติก่อน
วิธีแก้กรรม
1.บวชเณร โดยให้ลูกบวชหรือไปร่วมบวช จะทำให้กรรมน้อยลง
2.พาลูกไปหาหลวงปู่ ให้เทศน์สอน
3.ปฏิบัติธรรม อุทิศให้ลูกตนเอง

ที่มาเนื้อหาครับ
http://www.fortunename.com/kaekam.php
197  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / แก้กรรม กรรมเป็นอัมพฤกษ์ เมื่อ: มกราคม 16, 2011, 06:03:51 pm
กรรมเป็นอัมพฤกษ์
เกิดจากกรรม
1.ฆ่าสัตว์
2.ทรมานสัตว์
3.ทำร้ายคนไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ
วิธีแก้กรรม
     1.ตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรในอดีตชาติปัจจุบันชาติรวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายให้ได้กุศลและอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน
2.ปล่อยสัตว์ลงน้ำ ในวันเกิดตนเอง กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรได้รับและอโหสิกรรม
3.ถวายยาเข้าวัด หรือช่วยเหลือคนป่วย


ที่มาเนื้อหาครับ
http://www.fortunename.com/kaekam.php
หน้า: 1 ... 3 4 [5]