ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนตกน้ำ ๗ จำพวก (ระดับต่างๆ แห่งบุคคลผู้ถอนตัวขึ้นจากทุกข์)  (อ่าน 1231 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


คนตกน้ำ ๗ จำพวก (ระดับต่างๆ แห่งบุคคลผู้ถอนตัวขึ้นจากทุกข์)

ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลเปรียบด้วยบุคคลตกน้ำเจ็ดจำพวกเหล่านี้ มีอยู่หาได้อยู่ในโลก.
เจ็ดจำพวกเหล่าไหนเล่า.?

    ภิกษุทั้งหลาย.! ในกรณีนี้ :-
    (๑) บุคคลบางคน จมน้ำคราวเดียวแล้วก็จมเลย
    (๒) บุคคลบางคน ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจึงจมเลย
    (๓) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ลอยตัวอยู่
    (๔) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว เหลียวดูรอบๆอยู่
    (๕) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ว่ายเข้าหาฝั่ง
    (๖) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว เดินเข้ามาถึงที่ตื้นแล้ว
    (๗) บุคคลบางคน ผุดขึ้นแล้ว ถึงฝั่งข้ามขึ้นบกแล้วเป็นพราหมณ์ยืนอยู่.

 :25: :25: :25: :25:

ภิกษุทั้งหลาย.! (๑) บุคคลจมน้ำคราวเดียวแล้วก็จมเลย เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายเดียว โดยส่วนเดียว.
อย่างนี้แล เรียกว่า จมคราวเดียว แล้วจมเลย.

ภิกษุทั้งหลาย.! (๒) บุคคลผุดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจึงจมเลย เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี  มีโอตตัปปะดี มีวิริยะดีมีปัญญาดี ในกุศลธรรมทั้งหลาย. แต่ว่าสัทธาเป็นต้นของเขา ไม่ตั้งอยู่นาน ไม่เจริญ เสื่อมสิ้นไป.
อย่างนี้แล เรียกว่า ผุดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วจึงจมเลย.

ภิกษุทั้งหลาย.! (๓) บุคคลผุดขึ้นแล้วลอยตัวอยู่ เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี มีโอตตัปปะดี มีวิริยะดี มีปัญญาดี ในกุศลธรรมทั้งหลาย และสัทธาเป็นต้นของเขาไม่เสื่อม ไม่เจริญ แต่ทรงตัวอยู่.
อย่างนี้แลเรียกว่า ผุดขึ้นแล้วลอยตัวอยู่.

ภิกษุทั้งหลาย.! (๔) บุคคลผุดขึ้นแล้วเหลียวดูรอบๆอยู่ เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือมีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี  มีโอตตัปปะดี มีวิริยะดี มีปัญญาดี ในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้นเพราะสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม เป็น โสดาบัน มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงแท้ต่อพระนิพพาน มีการตรัสรู้พร้อมในเบื้องหน้า.
อย่างนี้แล เรียกว่า ผุดขึ้นแล้วเหลียวดูรอบ ๆ อยู่.

ภิกษุทั้งหลาย.! (๕) บุคคลผุดขึ้นแล้ว ว่ายเข้าหาฝั่ง เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี มีโอตตัปปะดี มีวิริยะดี มีปัญญาดี ในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้น เพราะสิ้นไปแห่งสังโยชน์สาม และเพราะความเบาบาง แห่งราคะ โทสะ โมหะ เป็นสกิทาคามี มาสู่โลกนี้อีก เพียงครั้งเดียว แล้วทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
อย่างนี้แล เรียกว่า ผุดขึ้นแล้ว ว่ายเข้าหาฝั่ง.

ภิกษุทั้งหลาย.! (๖) บุคคลผุดขึ้นแล้ว เดินเข้ามาถึงที่ตื้นแล้ว เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหีริดี มีโอตตัปปะดี
มีวิริยะดี มีปัญญาดี ในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้นเพราะสิ้นไปแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ทั้งห้า เป็น โอปปาติกะ(อนาคามี) มีการปรินิพพานในภพนั้น ไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา.
อย่างนี้แล เรียกว่า ผุดขึ้นแล้วเดินเข้ามาถึงที่ตื้นแล้ว.

ภิกษุทั้งหลาย.! (๗) บุคคลผุดขึ้นแล้ว ถึงฝั่งข้ามขึ้นบกแล้ว เป็นพราหมณ์ยืนอยู่ เป็นอย่างไรเล่า.?
ภิกษุทั้งหลาย.! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ผุดขึ้น คือ มีสัทธาดีในกุศลธรรมทั้งหลาย มีหิริดี มีโอตตัปปะดี มีวิริยะดี  มีปัญญาดี ในกุศลธรรมทั้งหลาย. บุคคลนั้น ได้กระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้(พระอรหันต์) เพราะความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ด้วยปัญญาอันยิ่งเองในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วอยู่.
อย่างนี้แลเรียกว่า ผุดขึ้นแล้ว ถึงฝั่งข้ามขึ้นบกแล้ว เป็นพราหมณ์ยืนอยู่.


@@@@@@

ภิกษุทั้งหลาย.! เหล่านี้แล บุคคลเปรียบด้วยบุคคลตกน้ำเจ็ดจำพวก ซึ่งมีอยู่ หาได้อยู่ในโลก.



อ้างอิง : สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๐/๑๕.
เขียนโดย kunanan pakdee ที่ วันพฤหัสบดี, พฤศจิกายน 03, 2554
ที่มา http://buddhaoat.blogspot.com/2011/11/blog-post.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 16, 2017, 10:49:39 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ