ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่อ่อน...สงฆ์ผู้สมถะ ละสังขาร...อัฐิเป็นพระธาตุ  (อ่าน 1428 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28361
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


หลวงปู่อ่อน...สงฆ์ผู้สมถะ ละสังขาร...อัฐิเป็นพระธาตุ

ในอดีต เชื่อว่า....

“.....ผู้จะบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ มีเฉพาะอริยสงฆ์ พุทธสาวกในสมัยพุทธกาล...”

ความเชื่อนี้ได้เปลี่ยน เมื่อ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชา....ฯลฯ วางแนวว่า ผู้ใดปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามแนวของพระพุทธองค์แล้ว ย่อมบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้....เร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนไป...

“เมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน....ไปที่ วัดสันต้นหวีด ได้สัมผัสกับ อัฐิหลวงปู่อ่อน (อดีตเจ้าอาวาส) กระดูกของท่าน แปรสภาพเป็นอัญมณีใสคล้ายแก้ว พลอย ทับทิม โอปอล...หลายทรงหลากสี

....Amazing อิทธิสำแดงนี้จะบ่งว่า...หลวงปู่อ่อน ถึงขั้นพระอรหันต์หรือไม่.....”

เป็นบันทึกของ...นายศักดิ์ เตชาชาญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อาจารย์มหาวิทยาลัยและผู้ว่าราชการหลายจังหวัด...ด้วยศรัทธา!!


พระอุโบสถและพระเจดีย์ วัดสันต้นหวีด.

จากบันทึกนี้.... “เหนือฟ้า ใต้บาดาล” จึงได้ตามล่าหาความจริง สู่พิกัดอันเป็นปฐมมูล

วัดสันต้นหวีด....เป็นวัดประจำหมู่บ้านสันต้นหวีด หมู่ 7 ตำบลแม่ปืม อำเภอเมืองพะเยา ตั้งอยู่กลางท้องทุ่งที่ราบลุ่มอ่างเก็บน้ำแม่ปืม แม้วัดนี้จะไม่ใหญ่โตนักแต่ก็มีอาคารปฏิบัติศาสนกิจครบถ้วน....ปัจจุบันพระอธิการสมนึก สิริวัฑฒเมธี เป็นเจ้าอาวาส

ศาสนสถานแห่งนี้ เดิมชื่อ “วัดเชตวัน” เป็นวัดเก่าแก่เกิดขึ้นพร้อมๆกับการก่อตั้งหมู่บ้านในรุ่นแรกๆ ระยะต่อมา ชาวบ้านได้ร่วมกันตัดต้นหวีดเจาะเป็น “กลองปู่จา” ประดิษฐานประจำวัด จึงเรียกชื่อกันว่า “วัดสันต้นหวีด” มาตั้งแต่ปี 2420 นามนี้มีอายุเรียกขานกันมาประมาณ 136 ปี....


O O O

วัดสันต้นหวีดเริ่มเจริญรุ่งเรืองเมื่อหลวงปู่อ่อนมารับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาส (ตั้งแต่ปี 2509 เป็นต้นมา) ได้ขยายพื้นที่จากเดิมและได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเป็นวัดอย่างถูกต้องในปี 2511

หลวงปู่อ่อน รตนวัณโณ หรือ “พระครูสันติธรรมมาภิรม”...เป็นชาวบ้านสันต้นหวีดโดยกำเนิด เมื่อปี 2465 อายุ 12 ปีบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดใหม่หลวง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านเท่าใดนักเพื่อเรียนนักธรรม

.....เมื่ออายุครบบวชจึงอุปสมบท ณ วัดศรีบุญเรือง อยู่ได้ไม่กี่พรรษา โยมมารดาป่วยจึงลาสิกขามาดูแล ตอนนั้นอายุ 25 ปี เป็นการตอบแทนพระคุณ แสดงถึงความกตัญญูบุพการี


แม้จะสูงอายุก็ยังนำปฏิบัติศาสนกิจ.

ช่วงที่กลับมาเป็นฆราวาสได้บรรลุถึงสัจธรรม.....สังขารนั้นไม่เที่ยง สังขารเป็นทุกข์เป็นอนัตตาไม่ใช่ความสำเร็จ จึงตัดสินใจลาครอบครัว กลับเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง ในปี 2505 ณ วัดศรีอุโมงค์คำ ครั้งนี้ได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง โดยเฉพาะ ได้เป็นศิษย์ของครูบาแก้ว คันธวังโส (อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีโคมคำ) อันเป็นศิษย์สายตรงของ ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย

ครูบาอ่อน...ได้ธุดงค์และปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานเข้ารุกขมูลมาเป็นระยะๆ และเผยแผ่ศาสนา  อบรมจริยธรรมแก่พุทธศาสนิกชนด้วยหลักธรรมพื้นๆ เดินแบบสายกลาง คือไม่เคร่งดึงเกินจนทำอะไรไม่ได้ และไม่หย่อนกระทั่งขาดวินัย...เพื่อให้ศิษยานุศิษย์สามารถเข้าถึงได้ในการถือปฏิบัติ


O O O

....หลวงปู่อ่อน เป็นอริยสงฆ์ที่สมถะรูปหนึ่ง นอกจากจะได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสและยังได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลด้วย ต่อมาปี 2543 จึงลาออก เปิดโอกาสให้สงฆ์รูปอื่นที่เหมาะสมได้เข้าบริหาร

และ.....การสงเคราะห์สังคมมิใช่เพียงการปฏิบัติธรรมเท่านั้น ด้วยเมตตาพลังภายใต้จิตสำนึก ยังบริการสังคมด้วยกิจอื่นๆ ไม่เหน็ดเหนื่อยกับการรับกิจนิมนต์ไกลใกล้ มิได้ขัดศรัทธา อีกทั้งได้นำความรู้สมุนไพรมาบำบัดการเจ็บป่วยไข้ ให้หายหรือบรรเทา...จึง เปี่ยมด้วยศรัทธาบารมี

ด้าน...คาถาอาคม หรือไสยศาสตร์ ก็มี พลังเข้มขลังจนได้รับความเลื่อมใสไม่แพ้เกจิอาจารย์อื่นๆ ในรุ่น หลวงปู่อ่อนได้สร้างเครื่องรางและวัตถุมงคลจ่ายแจกศิษยานุศิษย์เช่นกัน แต่ไม่มากนักด้วยมิประสงค์ในเชิงพุทธพาณิชย์


พระอธิการสมนึก เจ้าอาวาส.

พระอธิการสมนึก สิริวัฑฒเมธี เล่าถึงพลังศรัทธา....ว่า..อาตมาเป็นศิษย์แม้ไม่ได้อยู่วัดเดียวกัน แต่ก็อยู่วัดที่หลวงปู่เป็นสามเณร (วัดใหม่หลวง)

ตลอดระยะเวลาได้มาหาและเยือนเป็นประจำเพราะอยู่ไม่ห่างกันนัก หลังอาตมาเรียนจบปริญญา ครั้งหนึ่งได้มาขอฤกษ์ลาสิกขาจากหลวงปู่ด้วยไปสมัครงานไว้ (ซึ่งก็ตกลงรับเข้าทำงานแล้ว)

.....แต่หลวงปู่กลับบอกว่า เธอไม่ได้สึกหรอกแล้วอยู่ต่อไปจะได้เป็นสมภารด้วย...!!

ก็ไม่รู้เป็นอย่างไร มีเรื่องติดๆขัดๆมิได้ลาสิกขาจริงๆ แล้วอยู่ต่อมาอีกหลายปี พอหลวงปู่ละสังขาร ชาวบ้านก็นิมนต์มารับตำแหน่งต่อจากหลวงปู่...สถานการณ์มันตรงตามหลวงปู่กำหนดจริงๆ


พ.ต.ท.จรูญ เมืองมูล

ศิษย์อีกผู้หนึ่งที่เลื่อมใส และอยู่กับหลวงปู่อ่อนถึงวันละสังขารคือ พ.ต.ท.จรูญ เมืองมูล รอง ผกก.สภ.แม่ใจ บอกว่า...มีความรักและศรัทธาต่อหลวงปู่เป็นยิ่ง ตลอดระยะเวลาที่ได้ปรนนิบัติ หลวงปู่จะสอนในธรรมปฏิบัติต่างๆให้โดยไม่รู้ตัว และเมื่อปฏิบัติตามแนะก็บรรลุผล

....มิได้เน้นในปาฏิหาริย์ แต่ให้เกิดความสำเร็จ อันเป็น รูปธรรมที่ใครๆสามารถจับต้องได้..!!

23 มิถุนายน 2555....อันเป็นช่วงวาระสุดท้าย “หลวงปู่อ่อน” ได้ถามศิษย์ๆที่เฝ้าไข้ว่า“...พวกสู้ ฮู้กำว่านิพพานก้อ มันเป็นตี้สุดหนา” ซึ่งผู้ที่ได้ยินต่างยกมือพนมจดหัวและกล่าว...สาธุ

แล้ว...หลวงปู่อ่อนก็บริกรรมฐานไม่พูดอะไรอีกเลย แน่นิ่งกระทั่งละสังขาร


อัฐิกลายเป็นพระธาตุ.

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2556 ได้จัดพระราชทานเพลิงศพ หลังเก็บอัฐิเป็นปาฏิหาริย์ เมื่อกระดูกและขี้เถ้าแปรสภาพเป็นพระธาตุอันสดใส...จึงมีการ จัดสมโภชเพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้น....ได้ แพร่พลังศรัทธาหลวงปู่อ่อน ให้กว้างไกล จ่ายแจก พระธาตุ แก่ผู้เลื่อมใส...ได้นำไปสักการะบูชา..!!

ก้อง กังฟู



ขอบคุณภาพและบทความ
http://www.thairath.co.th/column/life/badal/362643
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ