ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อย่างไร ผิดวินัย อย่างไรไม่ ผิดวินัย เรื่อง ของ อุตริมนุสสธรรม  (อ่าน 3514 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1

 อย่างไรไม่ปรับอาบัติ ปาราชิก สำหรับพระที่ อวดอุตริมนุสสธรรม ครับ ช่วยอธิบายหน่อย

( คำถามจาก nirvanar55 , modtanoy )

ธรรมที่บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ๑๐ อย่าง
((80.37/128-129 หรือ 45.24/91 อภิณหปัจจเวกขณธรรมสูตร)

๑. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใดๆ ของสมณะ เราต้องทำอาการกิริยานั้นๆ
๒. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ความเลี้ยงชีพของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย
๓. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า อาการ กาย วาจาอย่างอื่นที่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้ยังมีอยู่อีก ไม่ใช่เพียงเท่านี้
๔. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ตัวของเราเองติเตียนตัวของเราเองโดยศีลได้หรือไม่
๕. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า ผู้รู้ใคร่ครวญแล้ว ติเตียนเราโดยศีลได้หรือไม่
๖. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งนั้น
๗. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำดีจักได้ดี ทำชั่วจักได้ชั่ว
๘. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่
๙. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า เรายินดีที่สงัดหรือไม่
๑๐. บรรพชิตควรพิจารณาเนืองๆ ว่า คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ที่จะให้เราเป็นผู้ไม่เก้อเขินในเวลาเพื่อนบรรพชิตถามในกาลภายหลัง

นี่คือ ข้อ ที่สิบ ที่หากเพื่อนพรมหจรรย์ สอบถามเราอย่างนั้น เราก็สามารถตอบไปตามความเป็นจริงในคุณวิเศษที่มี ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ปรับอาบัติ สำหรับ เพื่อนพรมหจรรย์ หมายถึง อันเตวาสิก และ สัทธิวิหาริก ด้วย

  สำหรับ เยี่ยงนี้ คือมีการสอบถาม จะบอกก็ได้ไม่บอกก็ได้ แต่บอกแล้ว มีจริงก็ไม่ปรับอาบัติ ไม่มีจริง ก็สามารถปรับอาบัติได้ นะ

  :coffee2: ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

nirvanar55

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 305
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
คืออย่างไร ครับ หมายความว่า ใน บทบรรพชิตปัจจะเวกขณ์ นั้นอนุญาตให้พูดได้แก่เพื่อนพรมหจรรย์ด้วยกัน

 อย่างนั้นใช่หรือไม่ครับ

   ที่นี้ปัญหา เพื่อนพรมหจรรย์ ด้วยกัน นี้ มีใครบ้าง อย่างผมจัดเป็นเพื่อนพรมหจรรย์ ด้วยหรือไม่ ครับ ?

  งง ไม่เข้าใจ
   :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

modtanoy

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-5
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 213
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่านแล้วไม่เห็นเกี่ยว กันเลย แค่ ถามว่า เคยอุตริมนุสสธรรม หรือ ไม่ ทำไม ถึงตอบอ้อมไปอย่างนั้น
ถ้าเคย ก็ขาด จากความเป็นพระ เพราะไม่มีจริง ใช่ไหม ?

  เช่น พระพูดว่า ฉันนั่งกรรมฐานเป็นวัน ๆ หนึ่ง ก็หลาย ชม. ถ้าอย่างนี้ ก็หมายความ อุตริ มนุสสธรรมใช่ไหม ? เพราะว่าการนั่งเป็นวัน ๆ นั้น ต้องอาศัย ฌาน หรือ สมาธิ ขั้นสูง ใช่ไหม ถ้าพูดอย่างนี้ ก้ผิดใช่หรือไม่ ?

  อย่างเช่น การที่พระ บอกว่า นั่งแผ่พลังจิต ลงพระเครื่อง นั่งปรก ปลุกเสก อย่างนี้ก็เช่นกัน ใช่หรือไม่ จัดเป็นอุตริมนุสสธรรม ใช่หรือไม่ ?

    :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

Hero

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 557
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
ทำไมต้องมีอินทรีแดง เพราะสังคมเราบางครั้งก็ตาบอด
ปล่อยให้คนดี เดือดร้อน ดังนั้นจึงต้องมีผู้ปกป้องคนดี
hero ไม่ได้มีแต่ในหนังเท่านั้น นะครับ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
สรุปว่าถ้ามีจริงๆก็เป็นอันไม่ผิดจ้า
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

ธุลีธวัช (chai173)

  • ปัญญา นัตถิ อฌายโต “ปัญญาไม่มีแก่ผู้ไม่พินิจ”
  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +35/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 2905
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0

เรื่องของ "อุตตริมนุสสธรรม" นั้น ในสงฆ์ข้างฝ่ายวิปัสสนาธุระนั้นต้องกล่าวว่ามีอยู่เป็นปกติ ด้วยระดับจิตนั้นถูกยกขึ้นสูงกว่าปกติชนทั่วไป เราท่านทั้งหลายผู้ไม่ภาวนาจะไม่สามารถล่วงรู้ได้เลย อีกทั้งโดยวินัยบัญญัติแห่งสงฆ์มีห้ามไว้ไม่พึงแสดงปรับอาบัติเป็น ปาจิตตีย์ ซึ่งสามารถปลงประจานต่อกันได้ในภิกษุผู้อันเตวาสิก,สัทธิวิหาริก นั้น และ สามารถกล่าวบอกคุณวิเศษแก่กันนั้นได้เมื่อถูกถาม กรณีดังกล่าวเป็นด้วยอุตตริมนุสสธรรมนั้นมีแก่ภิกษุรูปนั้นๆ หากไม่มีแล้วกล่าวอวดเป็นข้อห้ามปรับปาราชิกแก่ภิกษุ สรุปทั้งหมดทั้งมวลแล้วภิกษุพึงนิ่งด้วยประการทั้งปวงในเรื่องนี้ มีคำถามมาว่าอุบาสกเป็นอันเตวาสิก หรือ สัทธิวิหาริก อันภิกษุพึงกล่าวด้วยได้หรือไม่ ถ้าตอบต้องกล่าวอย่างนี้ อุบาสกไม่มีนิสสัยเครื่องอยู่ในอันที่จะถือครองเสมอด้วยศีลและจริยา ดังนั้นอย่าหมายที่จะให้ภิกษุกล่าวอ้างถึงให้ได้รับรู้ ถ้าเขลาอยากปรามาสก็เชิญตามสบายฉิบหายมีแก่ตนผมก็จนใจด้วย
บันทึกการเข้า
ศรัทธา, ศีล, พาหุสัจจะ, วิริยารัมภะ, ปัญญา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ส่วนตัว เชื่อว่า ครูที่สอนกรรมฐาน ย่อมต้องมี การบอกถึงลักษณะของกรรมฐาน เช่น สอนเรื่อง ฌาน1 ถ้าครูไม่มี ฌาน 1 จะสอนได้อย่างไร  แต่ถ้าสอนแล้ว ไปปรับอาบัติ ครูที่เป็น พระ อย่างนี้ ถูก หรือ ไม่ถูก เพราะแสดงอุตริมนุสสธรรม ถ้าอย่างนั้น ถ้าครูท่านกลัว เรื่องอาบัติ แล้ว เราจะเรียนกับใคร ?

    บอกหน่อยสิ ถามอย่างคนโง่ ๆๆ นี่แหละ

   :96: :smiley_confused1: :character0029:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7249
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
บางที กิตติศัพท์ ที่ได้ยินไว้ ก็อาจจะไม่ใช่ เป็นอย่างนั้น นะจ๊ะ
 ส่วนตัวฉันเอง ไ่ม่เคยพูดเรื่อง ฤทธิ์ ตรง ๆ กับลูกศิษย์ แต่พูดเรื่อง ลี้ลับ นั้นก็มีบ้าง

 ส่วนการนั่งปรก ปลุกเสก เป็นการอุตริ หรือ ไม่ ?
  ก็ให้ไปถาม หลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา ครูบา อาจารย์ พระท่นั่งปรก ปลุกเสก ตรงไหน เลยก็ได้นะจ๊ะ ถามฉันก็คงไม่มีคำตอบให้หรอกนะจ๊ะ เพราะว่า มันคนละคน นะจ๊ะ

  ส่วนการนั่งปรกของฉัน ก็เพียงแค่ พุ่งพลังจิตไปยังวัตถุนั้น ด้วย พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ ในขณะนั้น ส่วนประสิทธิภาพ หรือ ประสิทธิผล นั้น ไม่่เคยโฆษณา ว่าเป็นอย่างไร เพียงแต่ถ้ามอบวัตถุมงคลให้ใคร ก็จะบอกเขาว่า ภาวนาพุทโธ หรือ สวดคาถาพญาไก่เถื่อน ให้มาก ๆ ขึ้น ก็เท่านีี้ นะจ๊ะ

  ดังนั้น อุตริ เรื่องอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

   ส่วนการที่ฉันนั่งกรรมฐาน ได้นานหรือไม่นาน ก็อยากรู้ ว่เป็น ฌาน ก็มานั่งด้วยกัน ถ้ามีเวลาให้  แต่ข้อแม้เงื่อนไขเดียว ว่า ผู้ที่ท้าฉัน ห้ามลุกจากที่นั่ง หรือ หลับ ในขณะที่ฉันยังไม่ลุก หนีไป นะ เอาเท่านี้ เพื่อดัดนิสัยคนขี้สงสัย ซะหน่อย เพราะว่าให้มาพิสูจน์ด้วยการนั่งให้ดูแบบเดิมนั้น ฉันเจอมาหลายครั้งแล้ว ไม่ได้ประโยชน์ รอบนี้ ต้องให้คนที่สงสัย นั่งอยู่ด้วยกัน ห้ามหนีไปไหน ? นะ
   
    พูดง่าย ๆ นะ เงื่อนไขเดียว คือ ห้ามดื่ม ห้ามกิน ห้ามลุก ห้ามพูด ให้นั่งขัดสมาธิ อยู่ด้วยกัน ห้ามขยับ ฉันจะนั่งด้วย เอาให้นานที่สุด สัก พอดัดนิสัย คนขี้สงสัย นะ

    เท่านี้นะ
      ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ